Masukเช้าวันนี้ที่คฤหาสน์หรูของมาร์คัส บรรยากาศดูอึมครึมไปหมด อันนาก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าเหมือนคนอมทุกข์
ตลอดทั้งคืนเธอรู้สึกนอนไม่หลับ เพราะตอนนี้ในชีวิตของเธอเอาหัวใจไปผูกไว้ที่ข้อเท้าของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้และสามีตีตราของเธอ “อันนามีอะไรหรือเปล่า” มาร์คัสพยายามพูดให้บรรยากาศทุกอย่างมันดีขึ้น ซึ่งเขาก็รู้ว่า เขาไม่จำเป็นต้องแคร์อันนาก็ได้ แต่ความรู้สึกของเขากลับไม่เป็นอย่างนั้น “ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” อันนาเงยหน้าขึ้นแล้วฝืนยิ้ม ใบหน้าที่ซีดเผือดเพราะนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนจนร้องไห้ตาแดงบวม แม้จะถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอาง แต่ก็ยังมองออก “ทำไมตาบวมขนาดนั้นล่ะอันนา” มาร์คัสสังเกตไปที่ดวงตาสวยที่บวมเปล่งแทบจะปิด “สงสัยเมื่อคืนอันนานอนดึกมั้งคะ นอนไม่หลับน่ะ” อันนาพูดออกไปด้วยท่าทีไม่ได้คิดอะไร เพราะในใจตอนนั้นกำลังจมดิ่งกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น “ทำไมนอนไม่หลับล่ะ คิดถึงฉันหรือไง” มาร์คัสพยายามพูดหยอกเย้าให้อันนาอารมณ์ดี “ค่ะ อันนาคิดถึงคุณมาร์คัส” อันนารับสารภาพออกมาตรง ๆ เพราะเธอก็คิดว่าไม่มีอะไรจะเสียหาย ในเมื่อเธอรู้สึกว่าเธอรักมาร์คัสเข้าให้แล้ว มาร์คัสที่ได้ยินคำตอบก็ถึงกับไปไม่เป็น ปกติอันนาไม่ใช่คนที่กล้าพูดอะไรขนาดนี้ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอสารภาพว่าคิดถึงเขา “กินข้าวเถอะจะได้ไปมหา'ลัย” มาร์คัสรีบเปลี่ยนสีหน้าและปรับท่าทีให้เคร่งขรึม เพื่อไม่อยากแสดงออกถึงความรู้สึกอ่อนไหวภายใต้จิตใจนี้ ขณะที่มาร์คัสกำลังกินอาหารอยู่ ก็มีข้อความปริศนาข้อความหนึ่งดังขึ้นมาในมือถือของมาร์คัส เป็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งส่งข้อความมา มาร์คัสเปิดอ่านแล้วสีหน้าดูตื่นตระหนกตกใจ “อันนา ฉันมีธุระนะ จะต้องไปจัดการงานสักหน่อย วันนี้เดี๋ยวฉันให้ราเชนไปส่ง” มาร์คัสหลังจากได้อ่านข้อความปริศนาก็บอกอันนาว่ามีธุระขึ้นมาทันที “ไม่เป็นไรค่ะคุณมาร์คัส เดี๋ยวอันนาไปเองก็ได้ ให้พี่ราเชนขับรถให้คุณมาร์คัสเถอะ” อันนาปฏิเสธเสียงแข็ง “เอาอย่างนั้นใช่ไหม” มาร์คัสที่ตอนนี้จิตใจว้าวุ่นอยู่กับข้อความปริศนา จึงปล่อยให้อันนาไปมหาวิทยาลัยด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบสี่เดือน หลังจากทานข้าวเสร็จ ทั้งสองแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง วันนี้อันนาได้ก้าวขึ้นรถประจำทาง หลายเดือนที่ผ่านมาเธอแทบไม่ได้ขึ้นรถประจำทางแบบนี้เลย จนแทบจะลืมไปแล้วว่าชีวิตก่อนหน้านี้ลำบากมากขนาดไหน ใบหน้าที่ซีดเซียวของอันนาขณะที่เธอนั่งอยู่บนรถเมล์ น้ำตาเธอก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย “ใช่สิ เขากำลังจะทิ้งฉันไปนี่ อันนา เธอมันโง่เอง เธอแค่ลูกหนี้ที่เอาไว้พลีกายปรนเปรอความต้องการของเขาเท่านั้น” อันนาพึมพำกับตัวเองเหมือนกับคนเสียสติ เหม่อลอยจนใกล้จะสุดสายรถประจำทาง เธอเกือบจะเลยมหาวิทยาลัย อันนาเดินเข้ามหาวิทยาลัยด้วยท่าทีที่เหม่อลอย จิตใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อาการแปลก ๆ ของมาร์คัสเมื่อเช้านี้ยิ่งทำให้อันนาใจหวิว “ไฮ ยัยอันนา!” เสียงสมหญิงตะโกนดังมาแต่ไกล แต่อันนาเหมือนคนหูดับ ไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง “ยัยอันนา! อันนา!” สมหญิงตะโกนเรียกอันนาดังลั่นจนเธอได้ยิน ก็รีบหันมา “ว่าไง” อันนาหันมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเศร้าหมอง สมหญิงที่เป็นเพื่อนเธอก็พอจะมองออก จึงรีบเข้าไปถามอันนาทันที “แกมายังไงเนี่ย ทำไมเดินเข้ามาได้ ปกติไม่เห็นจะเดินเข้ามา” สมหญิงถามขึ้นทันที เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เพื่อนสาวเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัยคนเดียว “ฉันมารถประจำทาง” อันนาหันไปตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อันนาไม่ได้กลัวว่าเธอจะลำบากเหมือนเมื่อก่อนหรือจะมาใช้ชีวิตคนเดียว แต่กลัวความทรมานที่กำลังเกิดขึ้นในใจตอนนี้ มันแทบจะทำให้อันนาอยากจากโลกนี้ไปเลย “เกิดอะไรขึ้น แล้วสามีสุดที่รักของแกไปไหน” อันนาส่ายหน้าแล้วฝืนยิ้ม เดินเข้ามหาวิทยาลัยไปพร้อมกับสมหญิง แต่พยายามยิ้มขนาดไหน น้ำตาก็ยังร่วงไหลลงมา “ฮือ... ฮึก” เสียงสะอึกสะอื้นในลำคอของอันนา เธออยากที่จะควบคุมน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว อันนาโผเข้ากอดสมหญิงแล้วร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร “เกิดอะไรขึ้น อันนาเล่าให้ฉันฟังได้นะ” สมหญิงพาอันนาไปนั่งใต้ต้นไม้หน้าคณะของทั้งสองคน อันนาเลือกที่จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น เธอเอาแต่กอดสมหญิงแล้วร้องไห้จนน้ำตาแทบจะไม่มีเสียงเปล่งออกมา พลอยที่เพิ่งมาถึงมหาวิทยาลัย เห็นเพื่อนสาวสองคนอยู่ไกล ๆ ก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม แต่พอเดินมาถึงก็ต้องชะงักกับภาพที่เห็น เมื่ออันนาตาบวมแดง หน้าซีดไร้เลือดฝาด และยังนั่งร้องไห้ตัวโยนราวกับมีเรื่องเสียใจหนักมาก “สมหญิง แกทำอะไรอันนาเนี่ย” พลอยหันมาดุใส่สมหญิง คิดว่าสมหญิงทำให้อันนาร้องไห้ “จะบ้าหรือไงยะ ฉันมาก็เห็นสภาพนางเป็นอย่างนี้แล้ว วันนี้สามีสุดที่รักของนางไม่ได้มาส่งด้วยนะ เดินมาเองจ้ะ นั่งรถประจำทาง” สมหญิงพูดไปด้วยอารมณ์ที่ไม่รู้จะโกรธมาร์คัสดีหรือเปล่าที่ทำให้เพื่อนของเธอต้องร้องไห้ “เกิดอะไรขึ้นอันนา เล่าให้พวกฉันฟังเดี๋ยวนี้” พลอยที่ทำเสียงเข้มและบังคับให้อันนาพูดทุกอย่าง อันนาก็โผเข้ากอดพลอยอีกคน ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนอย่างน่าสงสาร อันนาจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่ไปบาร์เมื่อคืนให้กับเพื่อนทั้งสองฟัง “หะ! รักแรก?” สองสาวประสานเสียงกันและมองหน้ากันตาโตด้วยความประหลาดใจ “แกคิดว่าเขาจะมาทวงของ ๆ เขาคืนใช่ไหม” พลอยหันมาบอกอันนา อันนาพยักหน้าเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวมาร์คัสอยู่ดี ต่อให้จะเป็นภรรยาที่ตีตราหรือใด ๆ ก็ตาม แต่มันเป็นเพียงข้อตกลงที่จะต้องอยู่ชดใช้หนี้ เหลือเวลาอีกแค่หกเดือนเธอก็จะหมดวาระสัญญานี้แล้ว... “ไม่เป็นไรนะอันนา แกไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ” สมหญิงกอดปลอบประโลมอันนา เธอเห็นเพื่อนเสียใจก็ยิ่งเสียใจเข้าไปใหญ่ ตลอดเวลาที่อันนาเข้าคลาสเรียน เธอแทบจะเรียนไม่รู้เรื่อง จิตใจของเธอเหม่อลอย เธอไม่รู้ว่าเธอจะไปทางไหนดี “ยัยอันนา เรียนจบแล้ววันนี้ งั้นเราไปเที่ยวผับกันนะแก จะได้ไม่ต้องเศร้าดีไหม” สมหญิงหันมาชวนอันนา “แล้วแกล่ะยัยพลอย ว่างเปล่าวันนี้ พาเพื่อนเราไปปลอบใจนะ” สมหญิงก็หันมาชวนพลอยด้วยเช่นกัน “แน่นอนอยู่แล้วพวกแก ฉันจัดให้ งั้นเอาอย่างนี้ ไปบ้านฉันวันนี้พี่เต้ไม่อยู่ ห้องจ้ะ พี่เต้ไปนอนบ้านเพื่อนสามวัน วันนี้เต็มที่ได้เลย” พลอยเสนอ “เอาไงแก อันนา ไปด้วยกันไหม สรุปไปเปิดหูเปิดตาซะบ้าง คลายเครียด เอาเรื่องเสียใจพวกนี้ออกไปจากสมอง” สมหญิงหันมาบอกอันนา “เอาสิ วันนี้ก็คงไม่มีใครมารับหรือสนใจฉันแล้วล่ะ” อันนาพูดประชดขึ้นมา แต่สิ่งที่เธอพูดก็เหมือนมีดที่เสียบแทงเข้าไปในจิตใจของเธอ ความเจ็บปวดภายในใจที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ความทุกข์ใจที่เธอต้องนอนร้องไห้ทั้งคืน อันนาคิดว่าเธอไม่น่าตกหลุมพรางให้กับความรักที่ฉาบฉวยนี้เลย ช่างทรมานใจเธอเหลือเกิน.....เรื่องในคืนนั้นที่ผ่านมาผ่านมาแล้วเกือบสองเดือนกว่า อันนาที่สอบเทอมสุดท้ายจนเสร็จเรียบร้อยก็รอฟังผลว่าเธอจะสอบสำเร็จหรือติดตัวไหนบ้าง ความสัมพันธ์ของอันนากับมาร์คัสมันกลับมาเย็นชาดูเหมือนไร้หัวใจในทุกคืนอันนาแยกห้องนอนกับมาร์คัสนับจากวันที่ลาริสากลับมาและแสดงตัวว่าเป็นรักแรกของมาเทส ลลิสาพยายามปรากฏตัวทุกที่ที่มาคัดไปแม้อันนาจะไม่ได้ตามไปด้วยเธอก็พอรู้ว่าตอนนี้มาร์คัสกำลังพยายามเว้นช่องว่างระหว่างเธอและเขา"คืนนี้เธอนอนก่อนเลยนะไม่ต้องรอฉันแล้วก็กลับไปนอนที่ห้องของเธอได้ฉันอยากนอนคนเดียว" น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชาถูกพ่นออกมาจากปากหนา มาร์คัสที่พยายามตีตัวออกห่างอันนาเขาอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มากขึ้นเพื่อเคลียร์หัวใจของตัวเอง "ค่ะ" อันนาตอบกลับเสียงเรียบ หลังจากเสร็จภารกิจบนเตียงมาร์คัสก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่เธอ และไล่ให้เธอกลับมานอนที่ห้องและมันเป็นอย่างนี้เสมอมาตลอดสองเดือนกว่า ๆ หัวใจของอันนาเจ็บปวดเกินทนเธอหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาในทุกคืนและเธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ของของเธอเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงหรือรั้งเขาเอาไว้"อดทนสิอันนา อีกแค่ห้าเดือนสุดท้ายแค่ ห้าเดือนสุดท้ายเท่าน
มาร์คัสที่เห็นอันนาในสภาพที่โอนเอนไปมาอย่างน่าเวทนา หัวใจของเขาก็บีบรัดด้วยความเจ็บปวดและความโกรธที่ผสมปนเปกัน เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนเขากัดฟันแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธกับคนตรงหน้าที่ไร้สติ ก่อนจะเดินตรงไปหาเธออย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสายตาของใครก็ตาม"เฮ้ย! นี่คุณเป็นใคร" คริสที่กำลังพูดคุยกับอันนาอยู่เห็นมาร์คัสเดินเข้ามาด้วยสีหน้าคุกคามก็รีบเข้ามาขวางหน้าไว้ "คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาทำแบบนี้ในบาร์ผม"มาร์คัสหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคริส แล้วมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา "หลีกไปซะ ก่อนที่กูจะไม่มีความอดทน" น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยอำนาจ จนคริสรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมา"นี่มันไม่ใช่เรื่องของคุณ" คริสยืนกรานเสียงแข็งที่จะไม่ให้มาร์คัสเข้าใกล้อันนา"นี่คือเมียกู ของกู!" มาร์คัสตะโกนเสียงดังลั่น แล้วผลักคริสออกไปอย่างแรง จนเขาล้มลงไปกองกับพื้น อันนาที่ได้ยินคำว่า "เมีย" ก็ถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอส่ายหน้าไปมาอย่างเมามายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และบวกกับความเสียใจสติของอันนาเธอไม่อยู่กับร่องกับรอย"ฮึก...เมีย...ฮึก...คุณไม่เคยเห็นอันนาเป็น..เมีย..." อันนาพูดพึมพำด้วยความเจ็บปวดคำพูดของอั
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่มาร์คัส จะรู้ว่าอันนาหายออกไปจากคฤหาสน์ ..ในขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์หรูของมาร์คัส มาร์คัสที่เพิ่งจะกลับจากขับรถเล่นก็รู้สึกถึงความเงียบสงัดที่ผิดปกติป้าสมศรีที่มักจะคอยมารอรับมาร์คัสเป็นปกติทุกวันแต่วันนี้กลับดูมีบางอย่างพิรุธเปลี่ยนไปคือความเงียบสงบที่เงียบจนผิดปกติ"มีอะไรหรือเปล่าป้า อันนาล่ะนอนหรือยัง" มาร์คัสที่มาถึงก็ถามถึงอันนาเป็นคนแรกเพราะเขามีเรื่องให้คิดมากมายจนลืมโทรหาอันนาแต่พอกลับมาได้สติเขาก็รีบกลับมาที่คฤหาสน์เพราะเป็นห่วงร่างบาง"เออคือว่า.." ป้าสมศรีไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยว่าอันนาไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ตั้งแต่ออกไปเรียนจนถึงเที่ยงคืนตอนนี้ก็ยังไม่ถึงที่คฤหาสน์"ป้ามีอะไรก็รีบพูดมาเถอะอ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละฉันอยากไปพักผ่อน" มาร์คัสที่เห็นท่าทีของป้าสมศรีก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย"ฉันถามว่าอันนาอยู่ที่ไหน.!" มาร์คัสเริ่มพูดเสียงเข้มขณะที่นางปูก็อยู่ด้านหลังยืนตัวสั่นพอได้ยินเสียงที่ดุเข้มของมาร์คัส"คุณหนูอันนา ตั้งแต่ออกไปเรียนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลยค่ะนายท่าน" ป้าสมศรีก็บอกความจริงออกไปตามตรง"ป้าว่าอะไรนะ.!" มาร์คัสที่ได้ยินว่าอันนาไม่ได้อยู่ท
อันนาในชุดราตรีสีดำที่เผยให้เห็นเรือนร่างเย้ายวนดูโดดเด่นสะดุดตา เธอไม่ได้ตั้งใจจะแต่งตัวให้เซ็กซี่ขนาดนี้ แต่พลอยกับสมหญิงเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเดินเข้ามาในผับ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอ อันนารู้สึกอึดอัด แต่ก็พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ภายใต้ท่าทีที่เย็นชาและไร้อารมณ์"เห็นไหมล่ะยัยอันนา บอกแล้วว่าแกสวย" สมหญิงที่เป็นสาวสอง แต่งตัวจัดเต็มไม่แพ้กันในชุดรัดรูปสีเงินเมทัลลิกวาววับ พูดขึ้นพร้อมกับส่งสายตาให้บรรดาหนุ่มๆ ที่จ้องมองมาอย่างสนุกสนานส่วนพลอยในชุดเดรสสีแดงเพลิงที่ทั้งสวยและร้อนแรง ก็ยิ้มกริ่มอย่างพอใจ "คืนนี้พวกเราต้องเป็นดาวเด่นของงาน!"แต่สำหรับอันนาแล้ว เธอไม่รู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด เธอเดินไปที่บาร์แล้วสั่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แรงที่สุด บาร์เทนเดอร์ส่งแก้วให้พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่เธอไม่สนใจ เธอดื่มมันหมดแก้วอย่างรวดเร็วราวกับจะดับไฟในใจที่กำลังลุกโชน"อันนา... พอแล้ว" สมหญิงพยายามจะห้าม แต่ไม่ทัน เธอสั่งแก้วที่สองทันที"อยากให้ฉันลืมความเจ็บปวด ก็ต้องดื่มให้เมาไม่ใช่เหรอ" อันนาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาพลอยกับสมหญิงมองหน้ากันด้วยค
วันนี้อันนาจึงอยากจะดื่มให้ลืมความทุกข์ที่เธอได้รับชีวิตของเธอมันบัดซบมากพออยู่แล้วเงินที่ มาคัสให้ตลอดสี่เดือนเดือนละแสนมันมากพอสำหรับที่เธอจะตั้งตัวใหม่ได้เลยวันนี้เธอจึงตัดสินใจหยิบบางส่วนออกมาใช้ก็คงไม่ผิด"งั้นวันนี้ฉันเลี้ยงเองนะ" อันนาเผยรอยยิ้มแต่มันก็ยังคงดูเศร้าในสายตาของเพื่อนอยู่ดีสามสาวพากันนั่งรถแท็กซี่กลับไปที่บ้านของพลอยโดยที่อันนาไม่เดินทางกลับคฤหาสน์และมาร์คัสที่มัวแต่ยุ่งกับเรื่องของลลิสา ผู้หญิงที่เป็นคนส่งข้อความปริศนามาให้เขาจนลืมสั่งให้ราเชนทร์ตามติดมาดูอันนาส่วนราเชนก็ยุ่งกับงานใต้ดินของเจ้านายทุกคนต่างพากันลืมอันนาไปหมดมาร์คัสขับรถไปยังสถานที่นัดหมายที่ลลิสาเป็นคนบอกมา มันเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่เงียบสงบในซอยลึก ที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกเขาชอบมานั่งกันบ่อยๆ สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย ภาพความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นมาในหัวของมาร์คัสอย่างไม่ขาดสายเมื่อเดินเข้าไปในร้าน เขาก็เห็นลลิสานั่งรออยู่ที่โต๊ะมุมสุด เธอสวยเหมือนเดิม...หรืออาจจะสวยกว่าเดิมด้วยซ้ำ ลลิสายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน"สวัสดีมาร์คัส"ลลิสาในชุดสีแดงเพลิงเหมือนแม่หม้ายกระดังงาลนไฟมาร์คัสเดินไปนั่งลงตรงข้ามเธอ "
เช้าวันนี้ที่คฤหาสน์หรูของมาร์คัส บรรยากาศดูอึมครึมไปหมด อันนาก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าเหมือนคนอมทุกข์ ตลอดทั้งคืนเธอรู้สึกนอนไม่หลับ เพราะตอนนี้ในชีวิตของเธอเอาหัวใจไปผูกไว้ที่ข้อเท้าของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้และสามีตีตราของเธอ“อันนามีอะไรหรือเปล่า” มาร์คัสพยายามพูดให้บรรยากาศทุกอย่างมันดีขึ้น ซึ่งเขาก็รู้ว่า เขาไม่จำเป็นต้องแคร์อันนาก็ได้ แต่ความรู้สึกของเขากลับไม่เป็นอย่างนั้น“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” อันนาเงยหน้าขึ้นแล้วฝืนยิ้ม ใบหน้าที่ซีดเผือดเพราะนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนจนร้องไห้ตาแดงบวม แม้จะถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอาง แต่ก็ยังมองออก“ทำไมตาบวมขนาดนั้นล่ะอันนา” มาร์คัสสังเกตไปที่ดวงตาสวยที่บวมเปล่งแทบจะปิด“สงสัยเมื่อคืนอันนานอนดึกมั้งคะ นอนไม่หลับน่ะ” อันนาพูดออกไปด้วยท่าทีไม่ได้คิดอะไร เพราะในใจตอนนั้นกำลังจมดิ่งกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น“ทำไมนอนไม่หลับล่ะ คิดถึงฉันหรือไง” มาร์คัสพยายามพูดหยอกเย้าให้อันนาอารมณ์ดี“ค่ะ อันนาคิดถึงคุณมาร์คัส” อันนารับสารภาพออกมาตรง ๆ เพราะเธอก็คิดว่าไม่มีอะไรจะเสียหาย ในเมื่อเธอรู้สึกว่าเธอรักมาร์คัสเข้าให้แล้วมาร์คัสที่ได้ยินคำตอบก็ถึงกับไป







