Masuk“จำเอาไว้ ฉันไม่เคยเอาใครซ้ำ และไม่คิดจะสานต่อกับใคร” เธอถูกวางยาและร้องขอให้เขาช่วย ส่วนเขาก็แค่อยากหาที่ระบาย แต่หลังจากได้ลิ้มลองก็ดันติดใจ จึงยื่นข้อเสนอให้เธอมาเป็นเด็กเลี้ยง “หนูต้องเป็นเด็กเลี้ยงของคุณนานเท่าไหร่ แล้วถ้าวันไหนคุณเบื่อ คุณก็จะเขี่ยหนูทิ้งใช่ไหมคะ” “ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนั้น แต่มีสิ่งเดียวที่เธอควรรู้เอาไว้ ว่ามาแต่ตัวได้ แต่อย่าเอาใจลงมาผูกติดกับความสัมพันธ์นี้” แต่ทว่าความใกล้ชิดกลับทำให้หัวใจสั่นไหว เธอโสด และคิดว่าเขาไม่มีคนรัก เลยลองเสี่ยงทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร สุดท้ายก็พบกับความผิดหวัง และเขาก็ไม่ยินยอมที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
Lihat lebih banyak“แม่จันทร์ มาที่นี่ได้ยังไงคะ”
น้ำเสียงแผ่วของหญิงสาวดังพร้อมกับสีหน้าตกใจ เหลียวมองไปยังคนที่จู่ ๆ ก็โผล่มายืนอยู่ตรงหัวโต๊ะ พลันทำให้อกข้างซ้ายสั่นระรัวอย่างสังหรณ์ใจ
“ก็มาพาตัวแกไปให้เสี่ยน่ะสิ นังตัวดี”
และคนที่เอ่ยก็คือภรรยาใหม่ของผู้เป็นพ่อ ชื่อว่าจันทร์วาด
หญิงสาวลุกออกจากเก้าอี้ซึ่งนั่งอยู่กับแขกอีกสองคน มองใบหน้าของแม่เลี้ยงยังไม่ละเอียดดี ก็เริ่มมีอาการแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับร่างกาย
“หึ ยาคงออกฤทธิ์แล้วสินะ”
พระพาย กานต์พิชชา นิติชัยยา สาวสวยในวัย 22 ปี นักศึกษาปี 4 คณะมนุษยศาสตร์ คืนนี้ได้ออกมารับงานเสริมเป็นพีอาร์สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง
หันมองไปยังแก้วเหล้าที่ได้รับจากลูกค้า ซึ่งดื่มไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเพื่อแลกกับเงินหนึ่งพันบาท เธอเริ่มมีอาการมึนเบลอ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นผิดปกติ มือของแม่เลี้ยงก็เลื่อนขึ้นมาเชยปลายคาง
“ทำงานแบบนี้ไปทั้งชาติก็ไม่มีวันใช้หนี้ให้ฉันหมดหรอก คืนนี้แกก็ใช้ร่างกายบริการเสี่ยดี ๆ เสี่ยรับปากแล้วว่าถ้าทำให้พอใจจะยกหนี้ทั้งหมดให้ แถมจะรับเลี้ยงแกในฐานะเมียอีกคน”
พระพายกำพร้าแม่ตั้งแต่ยังเด็ก จากนั้นไม่นานผู้เป็นพ่อก็แต่งงานใหม่กับน้าจันทร์วาด และเมื่อหกปีก่อนพ่อของเธอได้จากไปด้วยโรคมะเร็ง ทิ้งเงินประกันและเงินเก็บอีกหลายล้านบาทเอาไว้ แต่ทว่าแม่เลี้ยงรายนี้กลับเปลี่ยนไปจากเดิมราวกับคนละคน
ก่อนหน้านั้นได้แสดงออกถึงความรักใคร่เอ็นดู และเลี้ยงดูเธอเหมือนลูกในไส้ ทว่าหลังจากบิดาจากไปก็แปรเปลี่ยนเป็นไม่สนใจใยดี บอกเพียงแค่จะส่งให้เรียนจบแค่ชั้นมัธยมศึกษา แต่ถ้าอยากเรียนต่อก็ไปหาเงินมาส่งตัวเองเอาเอง
โชคดีที่เธอมีผลการเรียนดี จึงได้รับทุนเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ทว่าก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าเทอม อย่างเช่นค่าที่พัก ค่ากิน ค่าน้ำค่าไฟ และค่าเดินทาง ซึ่งพระพายต้องปากกัดตีนถีบ หางานเสริมทำหลังเลิกเรียนและวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เพื่อนำเงินมาประทังชีวิต
แต่ที่โชคร้ายคือแม่เลี้ยงได้ใช้เงินที่ผู้เป็นพ่อทิ้งไว้ให้ไปกับการพนัน นับจากนั้นชีวิตของพระพายก็ถูกเสี่ยสมบูรณ์จ้องตาเป็นมัน ซึ่งอีกฝ่ายอยากได้ตัวเธอไปเป็นเมียขัดดอก
หากแต่พระพายไม่อาจยอมแพ้ต่อโชคชะตา เธอเหน็ดเหนื่อยกับการหาเงินส่งตัวเองเรียน แล้วยังต้องเจียดเงินไปให้แม่เลี้ยงที่อ้างบุญคุณเลี้ยงดู และยังสร้างหนี้ก้อนใหม่ไม่จบไม่สิ้น บ้านที่เคยอยู่ตั้งแต่เด็กก็ยังถูกนำไปจำนองกับเสี่ยสมบูรณ์
สิ่งเดียวที่ยังยึดเหนี่ยวให้เธอสู้มาจนถึงทุกวันนี้ได้ ก็คือถ้อยคำก่อนสิ้นลมของพ่อและแม่ ซึ่งท่านได้เอ่ยด้วยประโยคเดียวกันว่าอยากเห็นเธอมีความสุข ถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปแสดงความยินดีในวันรับปริญญา
เป้าหมายในการใช้ชีวิตของเธอคือการเรียนให้จบ และหลุดพ้นจากแม่เลี้ยงใจไม้ไส้ระกำ
“ไม่นะแม่จันทร์ อย่าทำแบบนี้กับหนูเลยนะคะ”
หญิงสาวยกมือไหว้เอ่ยเสียงสั่นเครือด้วยความรู้สึกที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ดวงตามีน้ำสีใสเอ่อคลออย่างเจ็บปวดใจ พยายามหลีกหนีเสี่ยสมบูรณ์มาตลอดสามปี ทุ่มเททำงานหนักเพื่อที่จะได้หลุดพ้น
อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะเป็นหนุ่มหล่อไม่มีครอบครัว หากแต่เป็นชายวัยห้าสิบกลาง ๆ รูปร่างอ้วนท้วม ผิวกายซีดเหลืองมีโรคประจำตัว มีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และยังมีบ้านเล็กบ้านน้อยอีกนับไม่ถ้วน
“เอาตัวนังพระพายไปเลยจ้ะ อย่าลืมบอกให้เสี่ยให้รางวัลฉันด้วยนะจ๊ะ”
ทว่าแม่เลี้ยงของเธอกลับเอ่ยน้ำเสียงอ่อนราวกับเกรงกลัวชายทั้งสองคนที่ลุกออกจากโต๊ะมายืนรายล้อมลูกติดของสามี ร่างของหญิงสาวถูกโอบด้วยลำแขนแกร่งของลูกน้องของเสี่ยคนหนึ่ง พระพายจึงเข้าใจในทันทีว่าเธอได้ตกหลุมพรางที่แม่เลี้ยงผู้นี้วางเอาไว้แล้ว
เธอถูกนำตัวขึ้นไปบนชั้นสามของบาร์ ซึ่งชั้นนี้เปิดให้บริการห้องนอน สามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มขึ้นมาได้ รวมไปถึงทำเรื่องอย่างว่ากันที่นี่
พระพายพยายามตั้งสติและรวบรวมเรี่ยวแรงที่มี กระทุ้งข้อศอกเข้าที่ท้องของชายที่คุมตัวเธอ จากนั้นก็หันไปเตะเข้ากลางหว่างขาลูกน้องของเสี่ยอีกคนที่เดินตามกันมาติด ๆ ออกแรงวิ่งหนีไปให้ไวที่สุด
ลูกน้องทั้งสองคนกัดกรามแน่นอย่างหัวเสีย วิ่งตามอย่างสุดกำลัง เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นอย่างต่อเนื่องขณะที่เธอวิ่งหนีไม่คิดชีวิต นอกจากต้องรอดจากคืนนี้ไปให้ได้
แม้ร่างกายจะเคลื่อนไหวลำบาก อีกทั้งฤทธิ์ยาก็เริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อย ๆ มือเล็กหมุนลูกบิดประตูห้องแล้วห้องเล่า จนกระทั่งไปถึงห้องที่คาดว่าไม่มีใครใช้บริการ เธอจึงเข้าไปหลบอยู่ด้านในพร้อมกับกดล็อกกลอน พิงแผ่นหลังแนบกับบานประตู ปิดเปลือกตาแน่นสนิทพร้อมกับเสียงอัตราการเต้นของหัวใจดังแรง บ่งบอกถึงความเหน็ดเหนื่อยและหวาดกลัว
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะนังพระพาย”
“เอาไงดีวะ ปล่อยให้หนีไปแบบนี้ เสี่ยก็ได้เล่นงานพวกเราน่ะสิ”
“ถ้าคิดว่าจะรอดออกไปจากที่นี่ได้ก็ลองดู แต่ถ้าโผล่หน้าออกมาเมื่อไหร่ เธอไม่รอดแน่”
เสียงของคนด้านนอกทั้งเคาะเรียกอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งยังข่มขู่สารพัดเพื่อให้เธอกลัว
จันทร์วาดได้ยินเสียงรถจอดอยู่หน้าบ้าน จึงสวมรองเท้าเดินออกไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว คราแรกก็คิดว่าจะเป็นรถหรูของคนมีระดับเสียอีก แต่ที่ไหนได้ลูกติดสามีที่จากโลกนี้ไปแล้วนั่งรถแท็กซีมา พลันถอนหายใจออกมาราวกับเสียเวลามายืนรอเมื่อเห็นหญิงสาวในชุดนักศึกษาสองคนก้าวลงจากรถ น้ำเสียงของแม่เลี้ยงก็ดังขึ้น “ผัวแกไม่มาส่งเหรอ แล้วนี่พาใครมาอีกล่ะ”“นี่มะนาวค่ะ เพื่อนของหนูเอง”คนถูกแนะนำตัวยกมือไหว้อย่างมีมารยาท ทว่าแม่เลี้ยงของเพื่อนกลับคว่ำปากพลางกรอกตามองบนอย่างไม่ต้อนรับ มะนาวพอจะรู้จักนิสัยใจคอของหญิงวัยกลางคนคนนี้มาบ้าง จึงไม่ได้ใส่ใจกับพฤติกรรมที่แสดงออกมา“เข้าบ้านก่อน ฉันเพิ่งกลับมาจากตลาด ว่าจะทำลาบหมูที่แกชอบให้กิน”ลาบหมูฝีมือแม่เลี้ยงเป็นเมนูที่พระพายชอบมาก แต่เธอไม่เคยได้กินเมนูนี้เป็นสิบปีแล้ว คิดจะมาทำให้ตอนนี้คงเป็นเพราะหวังผลจากตัวเธอแน่นอน“ไม่เป็นไรค่ะ หนูมาแค่แป๊บเดียวก็จะกลับแล้ว พอดีงานที่อาจารย์สั่งยังทำไม่เสร็จ”หญิงสาวพาเพื่อนเข้าไปนั่งตรงโซฟาภายในบ้าน ภาพบรรยากาศตอนเด็กฉายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มันทำให้พระพายมีความสุขมากจริง ๆ แม้ว่าชีวิตหลังจากนั้นจะผิดกันราวฟ้ากับเหว แต่เ
“ฉันอยากฟังเรื่องราวของเธอ ก่อนหน้านี้เป็นมายังไง ทำไมถึงได้ไปทำงานที่บาร์”พระพายอ้ำอึ้งเล็กน้อย เขารู้ถึงขั้นว่าบ้านเธอติดหนี้เสี่ยสมบูรณ์ จึงคิดว่าเล่าออกไปคงไม่เป็นไร ก็เหมือนเป็นการระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจมาตลอดหลายปี“แม่ของหนู ท่านเสียตอนหนูเก้าขวบ ไม่ถึงปีพ่อก็แต่งงานใหม่กับแม่จันทร์ เมื่อก่อนแม่จันทร์นิสัยดีมากเลยนะคะ ช่วยเหลือพ่อทุกด้านเลย แล้วก็ยังรักหนูมากด้วย แต่พอพ่อเสียไปอีกคน แม่จันทร์ก็เปลี่ยนเป็นคนละคน เริ่มไม่ทำงาน ใช้เงินที่พ่อเหลือไว้ให้ไปกับการพนัน แถมยังเกลียดขี้หน้าหนูอย่างกับอะไร มีแค่เหตุผลเดียวที่แม่จันทร์จะคุยด้วยนั่นก็คือเรื่องเงิน หนูเริ่มทำงานตั้งแต่เข้าเรียนมหา’ลัย แต่ยิ่งหาเงินได้ แม่จันทร์ก็โทรมาขอเรื่อย ๆ ถ้าไม่ให้ก็ขู่ว่าเสี่ยสมบูรณ์จะยึดบ้าน แล้วล่าสุดก็ถึงขั้นวางยาเพื่อจับตัวหนูไปให้เสี่ย ถึงได้หนีจนไปเจอคุณนั่นแหละค่ะ”“เธอนี่เก่งนะที่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้”ดูก็รู้ว่าไอ้เสี่ยสมบูรณ์เป็นพวกหัวงู อีกทั้งประวัติที่ลูกน้องสืบมาได้ก็ใช่ย่อย เมื่อเทียบกับเขาแล้วมันคนละชั้นจนเทียบไม่ติด อย่างน้อยเขาก็มีข้อแลกเปลี่ยนที่ชัดเจน ไม่เคยเอาเปรียบ หรือ
มือหนาประคองใบหน้าแดงก่ำที่มีคราบน้ำตาหยดลงบนพวงแก้ม ก่อนจะพรมจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ พร้อมกับช้อนเอาตัวเธอขึ้นมานั่งบนตัก จับเรียวแขนเล็กทั้งสองข้างขึ้นกอดต้นคอมาคัสรู้วิธีรับมือกับคนอ่อนประสบการณ์ เขาบดคลึงริมฝีปากอวบอิ่มอย่างทะนุถนอม พอเธอเริ่มเผลอตัวก็แทรกลิ้นอุ่นเข้าไปในโพลงปากหวาน ตวัดปลายลิ้นหยอกล้อกับเจ้าของเรือนร่างเย้ายวนใจจนอดใจไม่ไหวหญิงสาวไม่มีท่าทีขัดขืนเพราะรู้ดีว่ามาคัสต้องการอะไร และครั้งนี้เธอก็ยินดีมอบร่างกายให้เขาอย่างเต็มใจ“พร้อมเป็นเด็กเลี้ยงของฉันรึยัง” เสียงพร่าเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา“ค่ะ หนูจะเป็นเด็กเลี้ยงของคุณ แต่คุณต้องสัญญาว่าระหว่างที่เรายังอยู่ในความสัมพันธ์นี้ คุณจะไม่ไปมีอะไรกับคนอื่นเด็ดขาด”“อืม ฉันสัญญา”หนุ่มหล่อหยัดกายขึ้นเต็มความสูง อุ้มหญิงสาวขึ้นในท่าเจ้าหญิงพาตรงไปยังเตียงขนาดคิงส์ไซซ์เขาเริ่มเล้าโลมและจัดการถอดชุดนักศึกษาของเธอทีละชิ้นจนเห็นเรือนร่างผิวพรรณดี สวยไร้ที่ติ จากนั้นก็จัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองต่อคนที่นอนอยู่บนเตียงใจเต้นตึกตัก มองร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม หน้าท้องมีซิกซ์แพ็กเป็นลอนงาม ผิวกายของมาคัสสะอาดสะอ้าน ใ
หญิงสาวเลิกเรียนก็ได้แวะตลาด คัดเลือกวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเย็นด้วยตัวเอง เธอคาดเดาว่ายังไงวันนี้มาคัสต้องมาหาอย่างแน่นอนกลับไปถึงเพนต์เฮาส์ก็เริ่มลงมือทำอาหาร ดีที่เธอเคยทำงานเสริมหลายอย่าง ร้านอาหารก็เคยทำ จึงมีทักษะเรื่องพวกนี้อยู่บ้างอาหารสามสี่อย่างพร้อมตั้งโต๊ะ และยังมีข้าวสวยร้อน ๆ ตักไว้อีกสองจานไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาเหมือนที่คิดเอาไว้ หนุ่มหล่อในชุดสูตเดินตรงเข้ามาหา ในมือของเขาถือซองเอกสารมาด้วย ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มอ่อนหวานเอ่ยทักทาย“ไม่เจอกันหลายวันเลยนะคะ หนูเพิ่งทำอาหารเสร็จพอดี มานั่งกินด้วยกันสิคะ”“รู้ได้ยังไงว่าฉันจะมา”“เซนส์หนูมันบอกค่ะ”“ไม่คิดว่าจะแม่นขนาดนี้”มาคัสถอดเสื้อสูตพร้อมกับดึงเนคไทออกวางลงบนเบาะโซฟา วางซองสีน้ำตาลไว้ด้านบนสุด เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงอีกสองเม็ดเพื่อให้โล่งสบาย จากนั้นก็เข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับหญิงสาว“ทำเองหมดเลยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม“ค่ะ ลองชิมดูสิคะ”ทั้งสองเริ่มกินมื้อเย็นด้วยกัน พระพายไม่คิดจะถามถึงเรื่องโฉนดเพราะอยากให้อีกฝ่ายเป็นคนบอกเอง ระหว่างมื้ออาหารก็เป็นบทสนทนาเรื่องทั่วไป กินข้าวอิ่มเธอก็นำจานไปล้างเหมือนว่างา