Share

15

Author: RainyStarSea
last update Last Updated: 2025-08-31 21:46:28

เสียงฆ้องเบา ๆ ดังขึ้นสามครั้ง ก่อนที่ม่านกำมะหยี่สีแดงขลิบทองในห้องโถงของตำหนักคุนหนิงจะถูกเลิกขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแดดยามสายส่องลอดเข้ามาตกต้องกับอาภรณ์สีม่วงทองระยับตา

ไทเฮาฉงฮวา ปรากฏกายอย่างสง่างาม เรือนพระเกศาที่ขาวแซมเพียงเล็กน้อยถูกเกล้าอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกชั้นสูง สายตาคมกริบของนางกวาดมองเหล่าสนมและพระสนมชั้นสูง ที่คุกเข่าลงและนั่งเรียงรายอยู่เบื้องหน้า ทันใดนั้น บรรยากาศทั้งตำหนักก็เหมือนถูกตรึงด้วยไอเย็นแห่งอำนาจ

เหล่าสตรีในวังหลังที่มียศต่ำต่างหมอบลงจนหน้าผากแตะพื้น อวิ๋นซินเยว่เองก็ยืนขึ้นเช่นกัน เพียงประสานมือค้อมตัวลงต่ำอย่างนอบน้อม แต่ในใจกลับรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่กำลังกดทับมาบนบ่า ไทเฮาก้าวลงจากบัลลังก์ย่อม ๆ แท่นสูง เสียงรองเท้าปักมุกกระทบพื้นไม้ดังก้องอย่างสง่างามนางทอดพระเนตรมายังอวิ๋นซินเยว่ ริมฝีปากโค้งเพียงน้อย แต่เต็มไปด้วยนัยลึกล้ำ

“ฮองเฮา… อีกเจ็ดวันจะมีงานเลี้ยงชมบุปผา เจ้าคงรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่เพียงงานรื่นเริง แต่เป็นงานที่แสดงเกียรติยศและเป็นหน้าตาของวังหลัง” ไทเฮาเหลือบมองไปทางแถวพระสนม โดยเฉพาะ ซูกุ้ยเฟย ที่ยืนอยู่ไม่ไกล สายตาของพระนางวูบวาบราวกับมีไฟที่พร้อมจะโหมกระหน่ำได้ทุกเมื่อ ก่อนจะวกกลับมาที่อวิ๋นซินเยว่อีกครั้ง

“เจ้าจะต้องเป็นผู้จัดการงานนี้ให้สำเร็จ อย่าให้ข้า… หรือใครทั้งวังหลัง ผิดหวังเป็นอันขาด หากเกิดความผิดพลาดใด ๆ ขึ้น ตระกูลอวิ๋นนของเจ้า และอำนาจของเจ้าก็จะสั่นคลอนด้วยเช่นกัน” คำกำชับนั้นเหมือนดาบคมกริบ อวิ๋นซินเยว่กดศีรษะต่ำลงกว่าเดิม รับพระบัญชาโดยไม่อาจปฏิเสธ แต่ในใจกลับรู้ดีว่า นี่มิใช่เพียงงานชมดอกไม้ หากแต่เป็นเวทีประลองเชือดเฉือนของสตรีในวังหลังทั้งปวง

[ติ๊ง! มิชชั่นใหม่มาแล้วขอรับ!

ภารกิจ: พิชิตใจไทเฮาและองค์จักรพรรดิด้วยงานเลี้ยงชมบุปผารางวัลพื้นฐาน (สำเร็จ): ค่าความไว้วางใจจากไทเฮา +10, ค่าความสนิทสนม +2, ค่าความใกล้ชิดจากฝ่าบาท +5บทลงโทษ

หาก(ล้มเหลว): ค่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านและฝ่าบาทติดลบเพิ่มอีก 500 แต้ม, ความไว้วางใจจากไทเฮา -10, และจะพลาดชมฉากลับของพระเอกฉากต่อไป!]

“โห เยอะจัด ถ้าทำสำเร็จ แต้มเพิ่มมาเท่าหัวแม่เท้ามด แต่ถ้าพลาดแต้มลดโคตรเยอะ ไม่แฟร์เลย” อวิ๋นซินเยว่บ่นอุบอิบ

[ถ้าอย่างนั้น เสี่ยวหลิงจะเพิ่มรางวัลให้ แต่บทลงโทษในกรณีที่หม่าม๊าทำไม่สำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นนะครับ

ซับมิชชั่น: เพิ่มสถานการณ์สร้างความสัมพันธ์ระหว่างท่านและพระเอก (ฉากที่ท่านและฝ่าบาทจะอยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัวในงานเลี้ยง) หากทำมิชชั่นหลักสำเร็จ จะสามารถทำซับมิชชั่นได้ครับ!]

“ต้องแบบนี้สิ ค่อยน่าสนุกหน่อย” อวิ๋นซินเยว่คลายกังวลลงไปมาก ก่อนที่เสี่ยวหลิงจะหายไป และทุกอย่างกลับมาดำเนินต่ออย่างที่ควรจะเป็น

หลังไทเฮาเสด็จกลับ บรรยากาศในห้องโถงยังคลาคล่ำด้วยเสียงพูดคุยเบา ๆ เหล่าสนมแต่ละคนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนทันใดนั้น เสียงหัวเราะนุ่มนวลดังขึ้น

“ช่างสมกับเป็นพระชายาเอกจริง ๆ เพคะ… ไม่สิ บัดนี้ต้องเรียกว่า ‘ฮองเฮา’ แล้วสิ”หญิงสาวผู้ก้าวออกมาอย่างสง่างามคือ ซูกุ้ยเฟย ผู้เลื่องชื่อเรื่องความงามที่เปรียบดั่งบุปผาแรกแย้ม แต่แฝงหนามพิษร้ายแรง

[ติ๊ง! ซูกุ้ยเฟย สนมชั้นสูงขั้นกุ้ยเฟย ได้ชื่อว่างดงามมาก เป็นบุตรีคนรองที่เกิดจากภรรยาเอกของเหอหย่งโหว

ภูมิหลัง: ครั้งหนึ่ง ทั้งสองเคยอยู่ในฐานะพระชายาเอกและพระชายารองแห่งองค์ชายสิบสี่ ขัดแย้งและแข่งกันแทบทุกลมหายใจตั้งแต่วันแรกที่ซูเหมยเยว่ก้าวเข้ามาในจวน ซูกุ้ยเฟยถูกนำเข้ามาเพื่อ ‘คานอำนาจ’ ของตระกูลอวิ๋นและฮองเฮาคนเก่า

ปัจจุบัน: เมื่ออวี้เหยียนขึ้นครองบัลลังก์… ความขัดแย้งเดิมก็เพียงเปลี่ยนเวทีจากเรือนหลังเป็นวังหลัง นางคือตัวแทนของฝ่ายที่ต้องการโค่นล้มฮองเฮา!]

อวิ๋นซินเยว่พยักหน้ารับรู้ เช่นนั้นซูกุ้ยเฟยก็คงไม่ชอบนางเท่าไหร่ (ความจริง: นางเกลียดชังฮองเฮาคนเก่าที่แย่งชิงตำแหน่งพระชายาเอกไปจากนางตั้งแต่แรก)

ซูกุ้ยเฟยเดินเข้ามาใกล้ ยกพัดงาช้างปิดปาก ริมฝีปากแดงสดโค้งยิ้มที่แฝงพิษ สายตาของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เพราะนางรู้ข่าวเรื่องความร้าวฉานในตำหนักของฮองเฮา

“งานชมดอกไม้ที่ไทเฮามอบหมายให้พระองค์… หวังว่าจะไม่ทำให้คนทั้งวังหลังผิดหวังนะเพคะ ฮองเฮา! มิเช่นนั้น… จะถูกคนอื่นมองว่าไร้ความสามารถ และไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้เอาได้ง่าย ๆ นะเพคะ!”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเย้ยหยัน ทำเอาบรรดาสนมอื่น ๆ ชะงักกึก บ้างแอบก้มหน้าอมยิ้ม บ้างลอบส่งสายตาลุ้นว่า ฮองเฮาจะตอบโต้อย่างไร พวกเขาต้องการเห็นการล่มสลายของฮองเฮาผู้ถือตัวคนนี้!

อวิ๋นซินเยว่มองคู่ปรับเก่าด้วยสายตาเรียบนิ่ง นางไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เพียงยกยิ้มบางคล้ายไม่ใส่ใจ แต่ในห้วงลึกของหัวใจกลับรู้ดี ศึกครั้งนี้ไม่ใช่แค่พิธีชมดอกไม้ หากคือสนามรบที่จะตัดสินว่าใครจะยืนหนึ่งในวังหลังได้อย่างแท้จริง

“ขอบใจกุ้ยเฟยที่อุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยถึงเพียงนี้” อวิ๋นซินเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยอำนาจแฝง

“เรารับปากไทเฮาแล้ว ย่อมไม่มีทางทำให้ผิดหวังเป็นอันขาด กุ้ยเฟย… เราขอแนะนำว่าท่านควรเตรียมตัวให้พร้อม เพราะงานชมดอกไม้คราวนี้… อาจจะทำให้ทุกคนได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในวังหลังนี้นะ โดยเฉพาะ ‘พระพักตร์’ ของฝ่าบาท ที่อาจปรากฏในงานเลี้ยงนี้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”

......

ภายในตำหนักหรูหราที่ประดับด้วยม่านไหมสีแดงเข้มและกำยานหอมแรงเกินจำเป็น ซูกุ้ยเฟย นั่งเอนกายอยู่บนตั่งหยก มือเรียวไล้พัดงาช้างเบา ๆ ข้างกายรายล้อมด้วยนางกำนัลคนสนิทหลายชีวิต

“งานชมดอกไม้ที่ใกล้เข้ามา… ฮองเฮาจะจัดการได้งดงามเพียงใดกันเชียว? ข้าแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะเห็นความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง”เหล่านางกำนัลต่างหัวเราะคล้อยตาม

“กุ้ยเฟยเพคะ… มีข่าวลือว่า ฮองเฮาทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยอย่างหนัก จนต้องอยู่แต่ในตำหนักคุนหนิงเพียงลำพังมาสองวันแล้วเพคะ” นางกำนัลคนสนิทกระซิบซูกุ้ยเฟยเพียงเลิกคิ้วพลางยกพัดขึ้นปิดรอยยิ้ม

“เจ็บที่กายไม่เท่าเจ็บที่ใจหรอก… หากฝ่าบาทไม่เหลียวแล ฮองเฮาที่เหลือแต่ชื่อ จะยืนหยัดอยู่ได้นานสักเท่าไร และงานชมดอกไม้ครั้งนี้… ข้าจะทำให้ฮองเฮาไร้ที่ยืนโดยสมบูรณ์!” ในใจนางรู้อยู่แก่ใจศึกวังหลังครั้งนี้มิใช่แค่เรื่องศักดิ์ศรี หากแต่คือโอกาส ‘ตอกฝาโลง’ ของอวิ๋นซินเยว่ เพราะหากงานชมดอกไม้ล้มเหลวเพียงนิดเดียว นั่นย่อมหมายถึงบัลลังก์แห่งอำนาจในวังหลังจะโน้มเอียงมาทางกุ้ยเฟยอย่างนางโดยสมบูรณ์ และนางจะใช้โอกาสนี้… ทำให้ฝ่าบาทที่กำลังสับสนและคลั่งรัก กลับมาสนใจนางอีกครั้ง!

อวิ๋นซินเยว่กลับมาถึงตำหนักคุนหนิงด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด เธอรู้ดีว่ามิชชันครั้งนี้สำคัญกว่าครั้งไหน ๆ เพราะมันเกี่ยวข้องกับไทเฮา ซูกุ้ยเฟย และ ‘ความคลั่งรัก’ ของพระเอกที่ยังไม่มั่นคง

“เสี่ยวหลิง! ฉันต้องทำยังไงดี! ฉันไม่รู้วิธีจัดงานเลี้ยงในวังหลวงเลยนะ! ถ้าพลาด...คะแนนติดลบ 500 และโลกก็จะพังใน 50 วันแน่!”

[ใจเย็น ๆ หม่าม๊า! ภารกิจนี้ไม่ใช่การจัดงานเลี้ยงที่สมบูรณ์แบบที่สุด!

แต่เป็นการจัดงานเลี้ยงที่‘ตรงใจ’ฝ่าบาทที่สุดต่างหาก!]

“ตรงใจ?”

[ใช่ครับ! ฝ่าบาทเกลียดงานเลี้ยง! เกลียดความวุ่นวาย! เกลียดการเป็นจุดสนใจ!

ดังนั้น…กลยุทธ์ของเราคือ: จัดงานเลี้ยงที่ ‘สมบูรณ์แบบในความเรียบง่าย และเป็นงานที่ผู้จัดงานไม่สนใจผู้เข้าร่วมงาน’เลย!]

“หมายความว่า…ฉันต้องไม่สนใจใครเลยในงานเลี้ยง!?”

[ถูกต้องครับ! ฮองเฮาต้องทำตัวเป็น‘ผู้จัดงานที่ไม่สนใจแขก’ เพราะฮองเฮาต้องยุ่งอยู่กับการเตรียมซับมิชชั่นให้ฝ่าบาทเพียงผู้เดียว!

นี่คือวิธีเดียวที่จะทำลายแผนการของซูกุ้ยเฟยและไทเฮา!]

“และซับมิชชั่นนั้นคืออะไร!?” อวิ๋นซินเยว่ถามอย่างตื่นเต้น

[ซับมิชชั่น: โต๊ะอาหารสำหรับสองที่นั่ง!

ในส่วนที่ซ่อนเร้นที่สุดของสวนบุปผา!

หม่าม๊าต้องทำให้ฝ่าบาทเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับท่านอย่างเต็มใจให้ได้!

นี่คือการทำลายพันธนาการรักแบบคลั่งไคล้ด้วยการสร้างความใกล้ชิดที่อ่อนโยนแทน!

และเพื่อความตื่นเต้นสูงสุด…หม่าม๊าต้องทำอาหารพิเศษที่ฝ่าบาทไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อน!]

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   22

    ค่ำคืนนั้นวังทั้งวังเหมือนกลายเป็นทะเลสาบแข็ง ไม่มีลม ไม่มีเสียงก้าวเท้าเพียงเสียงพู่กันของเธอที่ลากผ่านแผ่นผ้าไหมทีละเส้นอวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ในห้องหนังสือส่วนตัว เปลวเทียนส่องแสงอุ่นที่ปลายโต๊ะ กลีบเหมยขาวหล่นหนึ่งกลีบ วางอยู่ข้างถ้วยชาเย็นชืด[บันทึกภารกิจ: ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของเป้าหมาย “จักรพรรดิอวี้เหยียน”][อัตราความสับสนทางอารมณ์: 47%][สถานะ: ไม่คงที่]เสียงเสี่ยวหลิงดังขึ้นเหมือนเคย แต่ในความปกตินั้น มีบางอย่างแปลกไป...เล็กน้อยเกินจะบอกได้“เสี่ยวหลิง” ซินเยว่วางพู่กันลง “เจ้าแน่ใจหรือว่าตัวเลขนี้ถูกต้อง?”[ข้อมูลจากระบบวัดโดยตรง ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสงสัยความแม่นยำ]น้ำเสียงมันเหมือนเดิมแต่มี โทนสูงขึ้นครึ่งจังหวะ ตอนพูดคำว่า “สงสัย” เธอขมวดคิ้วบาง ๆ“แต่ก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่าระดับของเขาไม่เกินสามสิบห้า”[ฐานข้อมูลอัปเดตอัตโนมัติ...ตามพฤติกรรมล่าสุดของเป้าหมาย]“ล่าสุด?” เธอพึมพำ “หมายถึง...วันนี้?”[ยามเที่ยง วันนี้...ฝ่าบาททอดพระเนตรภาพเหมยขาวในแจกันระดับอารมณ์แปรปรวนขึ้นสิบสองเปอร์เซ็นต์]"ภาพเหมยขาว?” เธอก้มมองแจกันตรงหน้า กลีบดอกที่ร่วงจากกิ่งนั้นมีอยู่แค่หนึ่งกลีบ[ระ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   21

    ยามเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นสูง ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเหล่าขุนนางในชุดทางการสีดำแดง อวี้เหยียนประทับอยู่เบื้องบน แสงเช้าสะท้อนบนฉลองพระองค์ทองเข้มจนแสบตา ใต้แสงนั้น พระเนตรคมเหมือนคมมีด ไม่มีใครกล้ามองตรง ๆ เลยสักคนเดียว “เริ่มประชุม” พระสุรเสียงเย็นเรียบ เสนาบดีฝ่ายซ้ายคำนับ “กราบทูลฝ่าบาทรายงานข่าวจากชายแดนเหนือ พบว่ากองทัพของเสนาบดีอวิ๋นเคลื่อนกำลังเกินแนวลาดตระเวนตามสัญญา...จึงขอพระราชทานอนุญาตตรวจสอบให้ละเอียดพ่ะย่ะค่ะ” เสียงซุบซิบเบา ๆ ดังในหมู่ขุนนาง “ข่าวแน่นะ?” “ใช่ ข้าก็ได้ยินว่าตระกูลอวิ๋นมีการเก็บเสบียงเพิ่ม" แต่ก่อนเสียงจะขยายออกไป ประตูบานใหญ่ของท้องพระโรงก็ถูกผลักเปิดออก ปัง! เสียงนั้นดังพอให้ทุกคนหันมองและสิ่งที่เห็น...ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ ร่างสะโอดสะองในชุดผ้าแพรสีงาช้าง ก้าวเข้ามาช้า ๆ ใบหน้างามนั้นสงบ แววตาแน่วแน่ ทุกฝีเท้าเต็มไปด้วยความตั้งใจ ปนความท้าทาย “ฮองเฮา!?” “พระองค์ทรง..” "นางมาทำอะไรที่นี่" "นี่มันผิดธรรมเนียมนะ ใครปล่อยให้พระนางเข้ามา" เสียงขุนนางหลายคนดังขึ้นพร้อมกัน เหวินหรงแทบจะถลาออกมา “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ! ที่นี่..” “ท้อ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   20

    สายลมต้นฤดูหนาวพัดกรูเข้ามาตามเฉลียง ธงราชสำนักปลิวแรงจนผ้าสีทองสะบัดเหมือนเปลวเพลิง ขันทีหลวงคุกเข่ากลางโถงตำหนักคุนหนิง เสียงประกาศก้องดังสะท้อน “พระราชโองการจากฝ่าบาท ให้ซูกุ้ยเฟยเป็นผู้ดูแลกิจการวังหลังทั้งหมด จนกว่าฮองเฮาจะฟื้นพระพลานามัยอย่างสมบูรณ์ พระราชโองการนี้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!” เสียงแผ่นทองคำสลักพระนามกระทบกันเบา ๆ เงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของทุกคนในห้อง อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่บนตั่งไม้หอม ดวงหน้าสงบจนผิดธรรมชาติ ไม่แม้แต่จะกะพริบตา นางกำนัลสองคนที่คอยอยู่ข้างหลังเริ่มตัวสั่น “ฝ่าบาท...หมายความว่า...” เสียงพวกนางขาดหายเมื่อฮองเฮามองมาททงพวกนาง “วังนี้ช่างเมตตานัก” เธอพูดเสียงเรียบ “ข้าเพียงล้มป่วยไม่กี่วัน ก็มีคนมาช่วยแบ่งภาระ” ขันทีที่ถือพระราชโองการอยู่แทบกลั้นหายใจ ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีถ้วยชาแตก ไม่มีคำปฏิเสธ มีเพียงรอยยิ้มบางบนริมฝีปากที่สงบจนน่ากลัว “ถวายพระพรฝ่าบาท” เธอกล่าวช้า ๆ “หม่อมฉันจะปฏิบัติตามพระบัญชาอย่างเคร่งครัด” เสียงของเธออ่อนโยน แต่แววตาในยามที่มองพระราชโองการนั้นเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง ราวกับเธอมองกระดาษทองคำแผ่นนั้นเป็นเพียง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   19

    เสียงฝนหยุดลงในยามเกือบรุ่งเหลือเพียงกลิ่นดินชื้นและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเหมยขาวที่ยังติดอยู่ในอากาศ เงาในตำหนักหลวงยาวเหยียด และพระองค์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหวินหรงก้าวเข้ามาช้า ๆ “ฝ่าบาท...ทรงควรเปลี่ยนฉลองพระองค์พ่ะย่ะค่ะ ฝนหยุดแล้ว” ไม่มีคำตอบ เพียงพระหัตถ์ที่ยกขึ้นช้า ๆ มองรอยเลือดบนฝ่ามือของตนเอง รอยที่เกิดจากเล็บจิกแน่นเมื่อครู่ หยดเลือดเล็ก ๆ ตกลงบนพื้นหิน เย็นและหนักเหมือนความเงียบที่กดทับอยู่ในอก “เหวินหรง” “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” “เจ้ารู้ไหม...ตอนที่นางพูดว่า ‘หม่อมฉันเพียงไม่อยากอยู่ในโลกที่ฝ่าบาทไม่ไว้ใจ’” พระสุรเสียงนั้นเบา ราวกระซิบให้ตัวเองฟัง “ข้ารู้สึก...เหมือนถูกใครสักคนบีบคอ” เหวินหรงนิ่งงัน “ฝ่าบาท...นางพูดด้วยใจจริงพ่ะย่ะค่ะ” “ใจจริงงั้นหรือ” อวี้เหยียนหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นขมจนเจ็บ “ใจจริงของนาง...หรือใจของข้าที่อยากเชื่อจนโง่” พระองค์ทรุดลงนั่งบนขั้นบัลลังก์ พระหัตถ์ข้างหนึ่งจับขมับ “เหวินหรง เจ้าเคยรู้ไหม เวลาคนพยายามไม่รู้สึกอะไร...มันเหนื่อยยิ่งกว่าการแสดงออกไปตรง ๆ มันหนักหนาเสียยิ่งกว่าการสู้รบเสียอีก” “พ่ะย่ะค่ะ...” ขันทีเฒ่าก้มต่ำ “ข้าคือจักรพรรดิ.

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   18

    อวิ๋นซินเยว่ไม่คิดเลยว่าตัวเธอจะเสียใจขนาดนี้ จนกระทั่งเสี่ยวหลิงทักนั่นเอง เธอถึงได้รู้สึกตัว [หม่าม๊า ร้องไห้ทำไมครับ] เด็กชายในรูปลักษณ์โฮโลแกรมลอยเข้ามาประชิดร่างของหญิงสาวที่ขณะนี้ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกไปจากดวงตาและใบหน้าของตัวเองอย่างลวก ๆ "สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" [ถ้าหากหม่าม๊าหมายถึงฝ่าบาทแล้วล่ะก็ ผมจะตรวจสอบให้ครับ ... .. . สถานะความชอบ 5 แต้ม ความไว้วางใจ -1 มีแนวโน้มที่อาจจะเกิดอันตรายกับครอบครัวของร่างโฮสต์ที่หม่าม้าอยู่ตอนนี้ครับ] "อันตรายมากจริง ๆ เฮ้ออ ถึงแม้ว่าฉันจะมาอยู่ได้ไม่นาน และยังไม่เคยเห็นหน้าพวกเขาที่เป็นครอบครัวของฮองเฮาเลยสักนิด แต่จากที่อยู่ในร่างนี้และโลกนี้มา นางก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ ถ้าจะผิด ก็ผิดที่เลือกสามีผิดล่ะนะ" [หม่าม๊าจะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ หญิงสาวในยุคนี้ไม่ได้เหมือนหญิงสาวในยุคของหม่าม๊า พวกนางไม่สามารถเลือกชีวิตตนเองได้ ครอบครัวอย่างพ่อแม่เป็นคนเลือกให้ และผู้ชายเป็นฝ่ายเลือกผู้หญิง] "เฮ้ออ เอาเถอะ มาคิดหาทางรอดให้พวกเขากันดีกว่า ในเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ไม้แข็งเลยละกัน" อวิ๋นซินเยว่พูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเต็ม

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   17

    ความเงียบในทางเดินหินของตำหนักหลวงนั้นหนาวกว่าฝนด้านนอก เสียงพระสุรเสียงของจักรพรรดิอวี้เหยียนยังสะท้อนอยู่ในหัว ของอวิ๋นซินเยว่ชัดจนแทบจับน้ำเสียงขุ่นเคืองภายใต้ความเย็นชานั้นได้ “ข้าไม่เคยไว้ใจนาง...ต่อให้ต้องสูญเสียทุกสิ่ง ก็จะไม่ยอมอ่อนแอเพราะนาง” เพียงคำเดียว...อวิ๋นซินเยว่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกดทับบนอกเธออย่างเฉียบพลัน ปลายนิ้วที่เคยสัมผัสดอกเหมยขาวเมื่อวันก่อนสั่นน้อย ๆ ดอกไม้นั้น...ตอนนี้เหมือนสิ่งโง่เขลาที่เธอเผลอเก็บไว้หวังแทนหัวใจคนอื่น ดอกเหมยที่ครั้งก่อนชายคนนั้นเพิ่งมอบมันให้เธอ เสี่ยวหลิงส่งเสียงในหัวทันที [ระดับอารมณ์ของจักรพรรดิอวี้เหยียนแปรปรวนเกินค่ามาตรฐาน 78%] [คำเตือน: หากความสัมพันธ์ทรุดต่ำกว่าค่าความเชื่อมั่น 10 หน่วย ภารกิจ “ฟื้นฟูพระเอก” จะเข้าสู่สถานะล้มเหลว] อวิ๋นซินเยว่หัวเราะในลำคอเบา ๆ น้ำเสียงนั้นแตกพร่าเหมือนแก้วร้าว “ภารกิจล้มเหลวเหรอ...” เธอพึมพำ “หนูคิดว่าโลกนี้จะพังเพราะโค้ดของหนูเหรอ? ไม่...มันพังเพราะหัวใจของคนโง่อย่างฉันนี่แหละ” เธอก้าวออกจากทางเดินแคบ ๆ สู่อากาศเย็นจัดข้างนอก พระจันทร์ซ่อนอยู่หลังม่านหมอก หยดฝนเริ่มร่วงช้า ๆ แตะหน้าผ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status