Share

10

Author: RainyStarSea
last update Last Updated: 2025-08-31 21:46:28

เสียงฆ้องเบา ๆ ดังขึ้นสามครั้ง ก่อนที่ม่านกำมะหยี่สีแดงขลิบทองในห้องโถงของตำหนักคุนหนิงจะถูกเลิกขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแดดยามสายส่องลอดเข้ามาตกต้องกับอาภรณ์สีม่วงทองระยับตา ไทเฮาปรากฏกายอย่างสง่างาม

เรือนพระเกศาที่ขาวแซมเพียงเล็กน้อยถูกเกล้าอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกชั้นสูง สายตาคมกริบของนางกวาดมองเหล่าสนมและพระสนมชั้นสูงที่คุกเข่าลงและนั่งเรียงรายอยู่เบื้องหน้า ทันใดนั้น บรรยากาศทั้งตำหนักอี้คุนก็เหมือนถูกตรึงด้วยไอเย็นแห่งอำนาจของสตรีที่เคยได้ชื่อว่ามีอำนาจที่สุดในวังหลังของจักรพรรดิองค์ก่อน

เสียงขันทีขานพระนามกังวานก้อง “ไทเฮาเสด็จ”

เหล่าสตรีในวังหลังที่มียศต่ำต่างหมอบลงจนหน้าผากแตะพื้น อวิ๋นซินเยว่เองก็ยืนขึ้นเช่นกัน เพียงประสานมือค้อมตัวลงต่ำอย่างนอบน้อม แต่ในใจกลับรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่กำลังกดทับมาบนบ่า

ไทเฮา ก้าวลงจากบัลลังก์ย่อม ๆ แท่นสูง เสียงรองเท้าปักมุกกระทบพื้นไม้ดังก้องอย่างสง่างาม

นางทอดพระเนตรมายังอวิ๋นซินเยว่ ริมฝีปากโค้งเพียงน้อย แต่เต็มไปด้วยนัยลึกล้ำ “ฮองเฮา… อีกเจ็ดวันจะมีงานเลี้ยงชมบุปผา เจ้าคงรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่เพียงงานรื่นเริง แต่เป็นงานที่แสดงเกียรติยศและเป็นหน้าตาของวังหลัง”

เสียงของพระนางหนักแน่นแต่ไม่ดังเกินไป ทว่าชัดเจนจนได้ยินทุกคำหากทว่า ทุกถ้อยคำกลับกดทับบรรยากาศให้เคร่งครัดขึ้นจนเหล่านางสนมตัวสั่นไม่กล้าแม้จะเงยหน้า

ไทเฮาเหลือบมองไปทางแถวพระสนม โดยเฉพาะซูเฟย ที่ยืนอยู่ไม่ไกล สายตาของพระนางวูบวาบราวกับมีไฟที่พร้อมจะโหมกระหน่ำได้ทุกเมื่อ ก่อนจะวกกลับมาที่อวิ๋นซินเยว่อีกครั้ง

“เจ้าจะต้องเป็นผู้จัดการงานนี้ให้สำเร็จ อย่าให้ข้า… หรือใครทั้งวังหลัง ผิดหวังเป็นอันขาด”

คำกำชับนั้นเหมือนดาบคมกริบ อวิ๋นซินเยว่กดศีรษะต่ำลงกว่าเดิม รับพระบัญชาโดยไม่อาจปฏิเสธ แต่ในใจกลับรู้ดีว่า นี่มิใช่เพียงงานชมดอกไม้ หากแต่เป็นเวทีประลองเชือดเฉือนของสตรีในวังหลังทั้งปวง

[ติ๊ง! มิชชั่นใหม่มาแล้วขอรับ!

ภารกิจ พิชิตใจไทเฮาและองค์จักรพรรดิด้วยงานเลี้ยงชมบุปผา

รางวัล : ค่าความไว้วางใจจากไทเฮา +10

ค่าความสนิทสนม +2

ค่าความใกล้ชิดจากฝ่าบาท +5

และบทลงโทษ ในกรณีที่หม่าม๊าทำไม่สำเร็จ ค่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านและฝ่าบาทจะติดลบเพิ่มอีก 500 แต้ม

ความไว้วางใจจากไทเฮา -10

และจะพลาดชมฉากลับของพระเอกฉากต่อไปครับ]

“โห เยอะจัด ถ้าทำสำเร็จ แต้มเพิ่มมาเท่าหัวแม่เท้ามด แต่ถ้าพลาดแต้มลดโคตรเยอะ ไม่แฟร์เลย” อวิ๋นซินเยว่บ่นอุบอิบ

[ถ้าอย่างนั้น เสี่ยวหลิงจะเพิ่มรางวัลให้ แต่บทลงโทษในกรณีที่หม่าม๊าทำไม่สำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นนะครับ

ซับมิชชั่น! เพิ่มสถานการณ์สร้างความสัมพันธ์ระหว่างท่านและพระเอก หากทำมิชชั่นหลักสำเร็จ จะสามารถทำซับมิชชั่นได้ครับ]

“ต้องแบบนี้สิ ค่อยน่าสนุกหน่อย” อวิ๋นซินเยว่คลายกังวลลงไปมาก ก่อนที่เสี่ยวหลิงจะหายไป และทุกอย่างกลับมาดำเนินต่ออย่างที่ควรจะเป็น

หลังไทเฮาเสด็จกลับ บรรยากาศในห้องโถงยังคลาคล่ำด้วยเสียงพูดคุยเบา ๆ เสื้อผ้าเสียดสีกับเครื่องประดับยามร่างอรชรแตาละนางเคลื่อนไหว และกลิ่นธูปอวลแผ่ว ๆ เหล่าสนมแต่ละคนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน หลังจากไทเฮาเสด็จกลับไปแล้ว

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะนุ่มนวลดังขึ้น

“ช่างสมกับเป็นพระชายาเอกจริง ๆ เพคะ… ไม่สิ บัดนี้ต้องเรียกว่า ‘ฮองเฮา’ แล้วสิ”

หญิงสาวผู้ก้าวออกมาอย่างสง่างามคือซูกุ้ยเฟย ผู้เลื่องชื่อเรื่องความงามที่เปรียบดั่งบุปผาแรกแย้ม แต่แฝงหนามพิษร้ายแรง

[ติ๊ง! ซูกุ้ยเฟย สนมชั้นสูงขั้นกุ้ยเฟย ได้ชื่อว่างดงามมาก เป็นบุตรีคนรองที่เกิดจากภรรยาเอกของเหอหย่งโหว

ครั้งหนึ่ง ทั้งสองเคยอยู่ในฐานะพระชายาเอกและพระชายารองแห่งองค์ชายสิบสี่ ขัดแย้งและแข่งกันแทบทุกลมหายใจตั้งแต่วันแรกที่ซูเหมยเยว่ก้าวเข้ามาในจวน เมื่ออวี้เหยียนขึ้นครองบัลลังก์… ความขัดแย้งเดิมก็เพียงเปลี่ยนเวทีจากเรือนหลังเป็นวังหลัง]

อวิ๋นซินเยว่พยักหน้ารับรู้ เช่นนั้นซูกุ้ยเฟยก็คงไม่ชอบนางเท่าไหร่

ซูกุ้ยเฟยเดินเข้ามาใกล้ ยกพัดงาช้างปิดปาก ริมฝีปากแดงสดโค้งยิ้มที่แฝงพิษ

“งานชมดอกไม้ที่ไทเฮามอบหมายให้พระองค์… หวังว่าจะไม่ทำให้คนทั้งวังหลังผิดหวังนะเพคะ ฮองเฮา!”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเย้ยหยัน ทำเอาบรรดาสนมอื่น ๆ ชะงักกึก บ้างแอบก้มหน้าอมยิ้ม บ้างลอบส่งสายตาลุ้นว่า ฮองเฮาจะตอบโต้อย่างไร

อวิ๋นซินเยว่มองคู่ปรับเก่าด้วยสายตาเรียบนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เพียงยกยิ้มบางคล้ายไม่ใส่ใจ แต่ในห้วงลึกของหัวใจกลับรู้ดี

ศึกครั้งนี้ไม่ใช่แค่พิธีชมดอกไม้ หากคือสนามรบที่จะตัดสินว่าใครจะยืนหนึ่งในวังหลังได้อย่างแท้จริง

……

ภายในตำหนักหรูหราที่ประดับด้วยม่านไหมสีแดงเข้มและกำยานหอมแรงเกินจำเป็น

ซูกุ้ยเฟย นั่งเอนกายอยู่บนตั่งหยก มือเรียวไล้พัดงาช้างเบา ๆ ข้างกายรายล้อมด้วยนางกำนัลคนสนิทหลายชีวิต

ไม่เพียงงามวิจิตรยิ่งกว่าใครในวัง นางยังเป็นที่โปรดปรานที่สุดของฝ่าบาทนับตั้งแต่อวี้เหยียนขึ้นครองราชย์ แม้ไม่อาจแย่งตำแหน่งฮองเฮามาได้ แต่ เกียรติยศของกุ้ยเฟย ก็มากพอจะทำให้สตรีทั้งวังหลังต้องก้มหัวให้นาง

เสียงหัวเราะใสกังวานดังขึ้น

“งานชมดอกไม้ที่ใกล้เข้ามา… ฮองเฮาจะจัดการได้งดงามเพียงใดกันเชียว? ข้าแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะเห็นความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง”

เหล่านางกำนัลต่างหัวเราะคล้อยตาม บางคนก้มหน้ากระซิบข่าวลือที่เพิ่งได้ยินว่า ฮองเฮาพลาดทำให้ฝ่าบาทไม่พอใจจนเศษถ้วยบาดแก้ม ซูกุ้ยเฟยเพียงเลิกคิ้วพลางยกพัดขึ้นปิดรอยยิ้ม

“เจ็บที่กายไม่เท่าเจ็บที่ใจหรอก… หากฝ่าบาทไม่เหลียวแล ฮองเฮาที่เหลือแต่ชื่อ จะยืนหยัดอยู่ได้นานสักเท่าไร?”

ในใจนางรู้อยู่แก่ใจศึกวังหลังครั้งนี้มิใช่แค่เรื่องศักดิ์ศรี หากแต่คือโอกาส ตอกฝาโลงของอวิ๋นซินเยว่

หากงานชมดอกไม้ล้มเหลวเพียงนิดเดียว นั่นย่อมหมายถึงบัลลังก์แห่งอำนาจในวังหลังจะโน้มเอียงมาทางกุ้ยเฟยอย่างนางโดยสมบูรณ์

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   13

    เสียงหัวเราะชื่นชมจากบรรดาสนมดังระงมไปทั่วลาน เมื่อ ซูกุ้ยเฟย ยกกลอนที่เพิ่งแต่งเสร็จขึ้นถวายไทเฮา ท่วงทำนองอ่อนหวาน เปรียบดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ สละสลวยจนแม้แต่ขุนนางฝ่ายในที่นั่งอยู่ด้วยยังพยักหน้ารับ ซูกุ้ยเฟยยกยิ้มบาง ก่อนหันไปทางซินเยว่พลางเอื้อนเอ่ยเสียงใส “กลอนของหม่อมฉันหาได้พิเศษอันใดไม่… ผู้ที่มีความสามารถแท้จริงด้านบทกวีคือฮองเฮาต่างหากเพคะ” ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ก็หันมาจับจ้องยัง อวิ๋นซินเยว่ หัวใจเธอกระตุก เพราะตัวเองแต่งกลอนไม่เป็นแม้แต่นิดเดียว! [ติ๊ง! สถานการณ์อันตรายระดับ 95%! หากตอบไม่ได้ = ค่าศักดิ์ศรีฮองเฮาลดฮวบ! ถูกผู้คนหัวเราะเยาะทั้งงาน และไทเฮาจะผิดหวังในตัวท่านมากขอรับ] “เอ่อ…หม่อมฉันกลัวว่า หากแต่งกลอนออกมา…จะไปไม่ถึงครึ่งของกุ้ยเฟยเพคะ” เสียงกระซิบดังระงม หลายคนชะงักนึกว่าฮองเฮาจะถอยหนี แต่เธอกลับหันไปยิ้มกว้างต่อหน้าทุกคน ไทเฮาเลิกพระขนงเล็กน้อย คล้ายสนใจอยากฟัง อวิ๋นซินเยว่สูดหายใจลึก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใส “ดอกไม้อาจงดงามเพราะฤดูกาล แต่ก็เหี่ยวเฉาไปเพราะฤดูกาลผันผ่านเช่นกัน

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   12

    และแล้ววันจัดงานชมบุปผาก็มาถึง เสียงกลองเบา ๆ จากเหล่านักดนตรีด้านนอกดังมาเป็นสัญญาณ งานเลี้ยงชมบุปผาที่ทุกคนรอคอยกำลังจะเริ่มขึ้น ภายในตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางกำนัลนับสิบต่างรุมล้อม ใส่เสื้อคลุมชั้นแล้วชั้นเล่า สีสันสดใสราวท้องฟ้ายามรุ่งอรุณกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม ชุดปักดิ้นเงินลายหงส์สยายปีกโอบล้อมไปทั่วร่าง ผมดำถูกรวบขึ้นอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกมรกตระยิบระยับ เมื่อเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายถูกเสียบลง เธอถูกดันให้นั่งต่อหน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ ภาพสะท้อนเบื้องหน้าทำให้เธอถึงกับตะลึง “นี่…คือข้าจริง ๆ หรือ?” อวิ๋นซินเยว่อ้าปากค้างเล็กน้อย กะพริบตาปริบ ๆ เหมือนมองคนแปลกหน้า ผิวที่ปกติซีดขาวบัดนี้เจือสีแดงนวลอย่างสุขภาพดี ริมฝีปากทาด้วยชาดสีแดงอ่อนดูงามละมุน สายตาที่เคยสดใสราวเด็กสาวกลับกลายเป็นวาววับดั่งหญิงสูงศักดิ์ที่พร้อมจะสะกดทุกสายตาแต่แววซุกซนยังไม่หายไป ทำให้ความสง่างามนั้นยิ่งมีเสน่ห์มากกว่าใคร

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   11

    ลมฤดูใบไม้ผลิพัดกลีบดอกเหมยปลิวเข้ามาในตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ท่ามกลางกองบันทึกพิธีและตำรามารยาทสูงเป็นตั้ง ดวงตาคมกวาดมองทีละบรรทัดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางพึมพำเบา ๆ “งานชมดอกไม้… มิใช่เพียงเรื่องความงาม หากแต่สะท้อนศักดิ์ศรีของฮองเฮา หากข้าพลาดเพียงนิดเดียว ซูกุ้ยเฟยจะต้องใช้เป็นข้ออ้างโจมตีข้าแน่” ทันใดนั้น แสงสีฟ้าใสสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เสี่ยวหลิง ระบบเอไออัจฉริยะปรากฏร่างจำลองขึ้นมาพร้อมเสียงแจ่มใสที่ตัดกับบรรยากาศตึงเครียด “หม่าม๊า อย่ากังวลไปเลย ข้าได้สแกนบันทึกงานราชพิธีเก่า ๆ ทั้งหมดแล้ว พบว่ามีจุดอ่อนอยู่หลายอย่างที่สามารถพลิกสถานการณ์ให้ท่านได้เปรียบ!” อวิ๋นซินเยว่เงยหน้ามองด้วยสายตาวาบประกายความหวัง “เจ้ามีแผนอะไรหรือ เสี่ยวหลิง?” ภาพเสมือนคล้ายแผนผังสามมิติถูกฉายขึ้นกลางห้อง แสดงการจัดวางตำแหน่งโต๊ะสำรับ น้ำชา ดนตรี และตำแหน่งดอกไม้ในสวน เสี่ยวหลิงเอ่ยเสียงกระตือรือร้น “หากท่านเลือกพันธุ์ดอกไม้ที่ยังไม่เบ่งบานเต็มที่ พอถึงวันงานมันจะผลิบานพร้อมกันพอดี สร้างความประทับใจได้มากกว่าซูกุ้ยเฟยที่มัวแต่เน้นความหรูหราเกินจำเป็น” นางพยักหน้าอย่างครุ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   10

    เสียงฆ้องเบา ๆ ดังขึ้นสามครั้ง ก่อนที่ม่านกำมะหยี่สีแดงขลิบทองในห้องโถงของตำหนักคุนหนิงจะถูกเลิกขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแดดยามสายส่องลอดเข้ามาตกต้องกับอาภรณ์สีม่วงทองระยับตา ไทเฮาปรากฏกายอย่างสง่างามเรือนพระเกศาที่ขาวแซมเพียงเล็กน้อยถูกเกล้าอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกชั้นสูง สายตาคมกริบของนางกวาดมองเหล่าสนมและพระสนมชั้นสูงที่คุกเข่าลงและนั่งเรียงรายอยู่เบื้องหน้า ทันใดนั้น บรรยากาศทั้งตำหนักอี้คุนก็เหมือนถูกตรึงด้วยไอเย็นแห่งอำนาจของสตรีที่เคยได้ชื่อว่ามีอำนาจที่สุดในวังหลังของจักรพรรดิองค์ก่อนเสียงขันทีขานพระนามกังวานก้อง “ไทเฮาเสด็จ”เหล่าสตรีในวังหลังที่มียศต่ำต่างหมอบลงจนหน้าผากแตะพื้น อวิ๋นซินเยว่เองก็ยืนขึ้นเช่นกัน เพียงประสานมือค้อมตัวลงต่ำอย่างนอบน้อม แต่ในใจกลับรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่กำลังกดทับมาบนบ่าไทเฮา ก้าวลงจากบัลลังก์ย่อม ๆ แท่นสูง เสียงรองเท้าปักมุกกระทบพื้นไม้ดังก้องอย่างสง่างามนางทอดพระเนตรมายังอวิ๋นซินเยว่ ริมฝีปากโค้งเพียงน้อย แต่เต็มไปด้วยนัยลึกล้ำ “ฮองเฮา… อีกเจ็ดวันจะมีงานเลี้ยงชมบุปผา เจ้าคงรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่เพียงงานรื่นเริง แต่เป็นงานที่แสดงเกียรติยศและเป็

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   9

    รุ่งอรุณสาดแสงสีทองผ่านม่านบาง ๆ ของตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่ลุกขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจจะทำสิ่งใดสักอย่างเพื่อตอบแทนพระเมตตาเมื่อคืนที่ผ่านมา จากที่ได้ฟังเรื่องราวที่เสี่ยวหลิงเล่าให้ฟัง ประกอบกับคำพูดของนางกำนัลถึงสิ่งที่ฝ่าบาททำให้ แม้จะไม่รู้ว่าคืนนั้นฝ่าบาทได้ยินอะไรไปบ้าง แต่หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ “เตรียมสมุนไพรบำรุงร่างกาย ข้าจะลงมือทำซุปด้วยตัวเอง” นางสั่งเสียงหนักแน่น ไม่นาน กลิ่นหอมละมุนของซุปสมุนไพรค่อย ๆ ลอยอบอวลไปทั่วตำหนัก มือเรียวเล็กยกถาดทองเหลืองขึ้นมั่นคง มุ่งตรงไปยังตำหนักหยางซิน ที่พำนักขององค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ภายในท้องพระโรง อวี้เหยียนประทับบนบัลลังก์มังกรสูงสง่า แววตาคมคายยังเย็นเฉียบไม่ต่างจากผืนน้ำแข็งพันปี เมื่อเห็นฮองเฮาก้าวเข้ามาพร้อมถาดในมือ พระเนตรหรี่ลงแวบหนึ่ง “หม่อมฉัน…ทำซุปบำรุงมาถวายเพคะ” อวิ๋นซินเยว่เอ่ยเสียงอ่อนโยน แววตาเปี่ยมความจริงใจ ขันทีข้างพระวรกายรีบรับถาดมาวางตรงหน้าพระอง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   8

    เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของอวี้เหยียนสะท้อนก้องไปทั่วห้อง อวิ๋นซินเยว่เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก ฝ่าบาทมาถึงหน้าประตูแล้ว แต่เหตุใดมิมีผู้ใดรายงาน! อวิ๋นซินเยว่ตื่นตระหนกแล้ว! "ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ" เธอย่อตัวลง ก่อนที่ร่างสูงโปร่งนั้นจะเดินผ่านหน้าไป ก่อนจะนั่งลงที่เตียงของเธอ "มาเถิด" สีหน้าเรียบนิ่งขององค์จักรพรรดิทำให้อวิ๋นซินเยว่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน หญิงสาวกวาดสายตามองหาเสี่ยวหลิง แต่เจ้าระบบตัวดีกลับไม่อยู่ให้เห็น 'ดีนี่ เสี่ยวหลง! เวลาสำคัญแบบนี้กลับหายหัว ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ ' เธอคิดในใจ ร่างบางเดินเข้าไปหาก่อนจะนั่งลงข้างกายเจ้าแผ่นดิน อวิ๋นซินเยว่ไม่กล้าสบสายตา แต่เธอรู้สึกได้ว่าคนข้างกายตอนนี้กำลังต้องมองนางอยู่ 'โอ๊ย อึดอัดชะมัด จะจ้องเงียบ ๆ อีกนานมั้ยเนี่ย' อวิ๋นซินเยว่ตัดสินใจเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ฝ่าบาท…เมื่อครู่ทรงหัวเราะสิ่งใดหรือเพคะ?” แววตาคมเข้มตวัดลงมาสบกับนาง ริมพระโอษฐ์ยกขึ้นน้อย ๆ คล้ายจะขบขัน คล้ายจะเย้า สายตาของเธอที่เผลอเหลือบมอง เมื่อเห็นเช่นนั้นยิ่งชวนให้หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอก “เปล่า”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status