เข้าสู่ระบบความเงียบเข้าปกคลุมสมรภูมิราวกับเวลาถูกหยุดนิ่ง ทหารทั้งสองฝ่ายต่างลดอาวุธลงด้วยความสับสน สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่บุรุษสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน คนหนึ่งอยู่ในชุดเกาะมังกรที่สง่างาม อีกคนหนึ่งสวมชุดเกราะสีดำทมิฬที่เปื้อนเลือด แต่ใบหน้าของทั้งคู่กลับเหมือนกันประหนึ่งเงาในกระจกอวี้เหยียน รู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้าง ความเจ็บปวดจากการเพิ่งฟื้นไข้เทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดที่กลางอกเมื่อเห็นใบหน้าของแม่ทัพศัตรูอวี้เหยียนเสียงสั่นพร่า “เจ้า... เจ้าบอกว่าข้าเสวยสุขบนความตายของพี่น้องงั้นหรือ เจ้ามีสิทธิ์อะไร! ที่ข้าได้มานั่งตำแหน่งนี้ ล้วนเพราะพวกพี่น้องของข้ามันเข่นฆ่ากันเองทั้งนั้น ข้าหาได้ทำอันใดผิดไม่" บุรุษผู้นั้นหัวเราะอย่างขมขื่นหยัน แววตาที่จ้องมองมานั้นเต็มไปด้วยไฟแค้นที่ถูกสุมทุมมานานกว่ายี่สิบปี“พี่ชายผู้สูงส่ง... เจ้าถูกเลี้ยงมาในกล่องทองคำที่ฉาบด้วยคำโกหกของไทเฮาและอดีตฮ่องเต้! เจ้ารู้หรือไม่ว่าในราชวงศ์อวี้... การมี โอรสแฝด คือลางร้ายที่ต้องถูกกำจัด คนหนึ่งถูกเลือกให้เป็นมังกร ส่วนอีกคน... ต้องถูกปลิดชีพตั้งแต่ยังไม่ลืมตาเพื่อมิให้บัลลังก์สั่นคลอน!” เขาชี้กระบี่มาที่อวี้เหยียน มื
กำแพงเมืองชั้นนอก ยามโพล้เพล้เสียงกลองศึกดังสนั่นกัมปนาทราวกับฟ้าจะถล่มดินจะทลาย กลิ่นเขม่าควันไฟเริ่มลอยอบอวลไปทั่วชั้นบรรยากาศที่เคยสงบเงียบของเมืองหลวงแคว้นอวี้ ท้องฟ้าที่ควรจะเป็นสีครามยามเย็นบัดนี้กลับอาบชโลมด้วยสีแดงฉานจากเปลวเพลิงที่ลุกโหมอยู่บนหอคอยทิศตะวันตก เสียงโห่ร้องของทหารแคว้นเยี่ยนดังก้องมาจากเบื้องล่าง ผสมปนเปไปกับเสียงเครื่องยิงหินที่พุ่งเข้ากระทบกำแพงเมืองจนสั่นสะเทือนบนยอดกำแพงสูง แม่ทัพเฉินหรง ยืนเด่นเป็นสง่า มือหนึ่งกุมกระบี่แน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ใบหน้าที่ผ่านศึกมาโชกโชนบัดนี้เต็มไปด้วยหยดเหงื่อและความกังวล“พวกมันบุกมาเร็วเกินไป! ราวกับว่าพวกมันรู้เส้นทางการเดินทัพลับและจุดอ่อนของค่ายกลป้องกันเมืองเราอย่างทะลุปรุโปร่ง! ใคร... ใครกันที่เป็นคนทรยศส่งข่าวนี้ให้แคว้นเยี่ยน!”ท่ามกลางความโกลาหล ทหารนายหนึ่งวิ่งมารายงานด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า“รายงานท่านแม่ทัพ! แม่ทัพหน้าของฝ่ายศัตรู... เขาไม่ได้ใช้ยุทธวิธีปกติพ่ะย่ะค่ะ! เขาเข่นฆ่าองครักษ์หน้าประตูเมืองราวกับพยัคฆ์เข้าขย้ำฝูงแกะ ที่สำคัญ... เขาใส่หน้ากากเงินและใช้เพลงกระบี่ที่... ที่เหมือนกับฝ่าบาทและอ๋องอวี้ไม่มีผิดเพ
คุกใต้ดินหลวง ยามค่ำ ความเย็นยะเยือกของอิฐหินที่เปียกชื้นซึมผ่านอาภรณ์หรูหราของฮองเฮาจนถึงผิวหนัง อวิ๋นซินเยว่ ถูกจองจำอยู่ในห้องขังลึกที่สุดของวังหลวง ที่นี่ไม่มีแสงตะวัน มีเพียงเสียงหยดน้ำที่กระทบพื้นหินสม่ำเสมอรราวกับเสียงเข็มนาฬิกาที่นับถอยหลังสู่ความตาย นางนั่งนิ่งอยู่บนกองฟางแห้ง ดวงตาเรียบเฉยแต่สมองกลับทำงานอย่างรวดเร็วราวกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “เสี่ยวหลิง... รายงานสถานะปัจจุบันของฝ่าบาทและกองทัพชายแดน!” [ติ๊ง! รายงานสถานะครับหม่าม๊า! สัญญาณชีพของฝ่าบาทเริ่มอ่อนแรงลง 5%... สารประกอบหญ้าลืมอายุ ในยาที่ซูกุ้ยเฟยป้อนซ้ำเข้าไปกำลังเริ่มเผาผลาญพลังชีวิตสำรองของพระองค์ ส่วนทางชายแดน... กองทัพแคว้นเยี่ยนปะทะกับหน่วยกักกันโรคของแม่ทัพเฉินหรงแล้ว!สถานการณ์ตึงเครียดมากครับ ถ้าภายใน 24 ชั่วโมงนี้ไม่มีคำสั่งเด็ดขาดจากส่วนกลาง ป้อมหิมะขาวอาจจะแตก!] อวิ๋นซินเยว่กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ความเจ็บปวดทางกายเทียบไม่ได้เลยกับความเดือดดาลในใจ “ซูกุ้ยเฟยคิดว่าขังฉันไว้ที่นี่แล้วจะจบเรื่องงั้นเหรอ นางคงลืมไปว่าในยุคที่ฉันจากมา... การสื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่แค่ปากต่อปาก!” นางดึงปิ่นป
ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์ ยามวิกาลที่มืดมิดที่สุดกลิ่นกำยานหอมอ่อน ๆ ที่เคยทำให้จิตใจสงบ บัดนี้กลับถูกกลบด้วยกลิ่นขื่นปร่าของสมุนไพรเคี่ยวเข้มข้นที่ลอยอบอวลไปทั่วห้องบรรทม แสงเทียนวูบไหวสะท้อนเงาของร่างสูงสง่าบนเตียงมังกรที่บัดนี้ดูเปราะบางราวกระเบื้องเคลือบที่พร้อมจะแตกสลาย องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ทรงบรรทมสนิท ลมหายใจแผ่วเบาจนน่าใจหาย พระพักตร์ที่เคยคมคายและเปี่ยมด้วยอำนาจ บัดนี้ซีดเผือดราวกับคนหลงทางในม่านหมอกอวิ๋นซินเยว่ นั่งอยู่ข้างเตียง มือเรียวบางกุมพระหัตถ์ที่เย็นเฉียบของเขาไว้แน่น นางไม่ได้หลับมาสามวันสามคืนแล้ว ขอบตาที่รื้นแดงไม่ได้เกิดจากความอ่อนล้า แต่เกิดจากความวิตกกังวลที่อัดแน่นอยู่ในอก“เสี่ยวหลิง... เริ่มการสแกนขั้นสูงอีกครั้ง ฉันต้องการผลวิเคราะห์ที่แม่นยำ 100% ห้ามมีความผิดพลาดแม้แต่มิลลิกรัมเดียว!”[ติ๊ง!ระบบกำลังวิเคราะห์องค์ประกอบของยาถอนพิษชุดล่าสุด...ประมวลผลเสร็จสิ้น98 เปอร์เซ็นต์] หน้าจอเสมือนสีฟ้าใสที่เห็นได้เพียงนางคนเดียวปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ข้อมูลโครงสร้างทางเคมีของสมุนไพรโบราณถูกจำแนกออกมาเป็นตัวเลขและกราฟที่น่าสะพรึงกลัว[ผลการวิเคราะห์พบสารสกัดจาก‘หญ้าล
ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์สามวันหลังจากการแต่งตั้งกุ้ยเฟยบรรยากาศในตำหนักดูเคร่งเครียดกว่าปกติ องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน กำลังเข้าสู่ช่วง วิกฤตการรักษาตามที่ ซูกุ้ยเฟย ได้เตือนไว้ พระวรกายของพระองค์ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ไข้สูงกลับมาเป็นระยะ และทรงหลับลึกกว่าปกติ... ราวกับสลบไป!อวิ๋นซินเยว่ เฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง นางยังคงใช้ศาสตร์ทางการแพทย์จากโลกปัจจุบันผสมผสานกับความรู้จากซูกุ้ยเฟยผ่านตำราที่ไทเฮาเก็บรักษาไว้ เพื่อประคองชีพพระองค์ไว้!ซูกุ้ยเฟย เข้ามาตรวจดูอาการทุกวัน นางปฏิบัติต่อองค์จักรพรรดิอย่างเคร่งครัดและเป็นมืออาชีพ แต่สายตาที่มองมายังฮองเฮายังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาและความไม่ไว้วางใจ!“ฮองเฮา! พระอาการของฝ่าบาทเป็นไปตามที่ตำราระบุ! ในช่วงเจ็ดวันต่อจากนี้... พิษเก่ากำลังถูกกำจัดอย่างรุนแรง! พระองค์จะไม่สามารถทรงงานได้เลยแม้แต่น้อย! หากมีความผิดพลาดในการรักษาแม้เพียงเล็กน้อย... พระวรกายอาจจะไม่อาจฟื้นคืนมาได้อีก!”“กุ้ยเฟย! ข้าทราบดี! ข้าในฐานะฮองเฮา จะไม่อนุญาตให้ใครเข้ามารบกวนฝ่าบาทในช่วงวิกฤตนี้! เจ้าจงดูแลการจัดหาตัวยาทั้งหมดให้ถูกต้องตามตำราที่ไทเฮาเก็บไว้! ถ้ามีสมุนไพรใดขาดไป..
ท้องพระโรงลับ ยามอรุณรุ่งพิธีการสถาปนา สนมซูเหมยเยว่ ขึ้นเป็น กุ้ยเฟย ถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วนในท้องพระโรงส่วนพระองค์ มีเพียงไทเฮา เสนาบดีซู และขุนนางคนสำคัญที่วางใจได้เท่านั้นที่เข้าร่วมพิธี เพื่อป้องกันมิให้ข่าวการประชวรของจักรพรรดิรั่วไหลองค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ประทับอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าซีดเซียว ยาถอนพิษชุดแรกทำให้พระวรกายอ่อนล้าอย่างหนัก แต่ดวงตาของพระองค์ยังคงเปี่ยมด้วยอำนาจ ข้างกายของพระองค์คือ อวิ๋นซินเยว่ ในชุดฮองเฮาเต็มยศ... นางยืนอย่างมั่นคงราวกับเสาหลักของบัลลังก์!“สนมซูเหมยเยว่! เจ้าได้แสดงความซื่อสัตย์ต่อแคว้นอวี้... และต่อชีวิตของข้า! บัดนี้ข้าขอแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็น ‘กุ้ยเฟย’ ผู้ซึ่งมีศักดิ์สูงสุดรองจากฮองเฮา! และขอพระราชทาน ‘ตราเหยี่ยวเงิน’ ให้แก่เจ้า! ตรานี้จะมอบอำนาจในการดูแลพิธีการทั้งหมดในวังหลวง... และควบคุมพระราชทรัพย์ส่วนหนึ่งที่สำคัญในการดูแลพระวรกายของข้า! ขอให้เจ้าจงภักดีต่อข้า... และต่อแคว้นอวี้ไปชั่วชีวิต!” สนมซูเหมยเยว่ คุกเข่ารับตำแหน่งด้วยใบหน้าเปี่ยมด้วยเกียรติยศ แต่นางยังคงมองไปยัง อวิ๋นซินเยว่ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง! นางรู้ดีว่าอำนาจที่







