ไม่นานนักก็มีฝนเม็ดใหญ่ตกลงมาสมาชิกในตระกูลทั้งหมดพากันวิ่งเข้าไปหลบฝนในห้องซ่างชิวและอวี๋ว่านคิดอยากจะช่วยเหลือ ทว่าก็ยังคงถูกเจี่ยนอันอันห้ามเอาไว้เมื่อเห็นว่าฝนยิ่งตกก็ยิ่งหนัก ชาวบ้านทั้งหลายนั้น ฝ่าฝนตกหนักในที่สุดก็ปูอิฐหินจนเสร็จเจี่ยนอันอันยืนอยู่ตรงประตูห้อง มองในลานที่ปูอิฐหิน นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“พวกเจ้าทั้งหลายเข้ามาเถอะ”ชางบ้านทั้งหลายเมื่อได้ยินคำของเจี่ยนอันอัน ก็รีบวิ่งมายังหน้าประตูพวกเขาก้มหน้าลง รอให้เจี่ยนอันอันคอยจัดการเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นทุกคนฝ่าฝนไปปูพื้นในลานจนเรียบร้อยเดิมทีนางก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับคนเหล่านี้มากนัก จึงได้พูดกับพวกเขาออกมา“ข้าน่ะ แยกแยะการให้รางวัลและลงโทษชัดเจน”“พวกเจ้าทำงานให้ที่ข้ามอบหมายให้สำเร็จ ข้าก็จะช่วยแก้พิษในร่างกายให้พวกเจ้า”ชาวบ้านเหล่านั้นเมื่อได้ยิน ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองยังเจี่ยนอันอันนางหยิบขวดเล็กๆ ออกมาจากห้วงมิติด้านในนั้นเป็นยาแก้พิษนางยื่นขวดกระเบื้องเล็กๆ ให้ชาวบ้านเหล่านั้น บอกให้พวกเขากินยาสามวันวันละหนึ่งเม็ดชาวบ้านเหล่านั้นรับขวดกระเบื้องนั้นไปอย่างมีความสุข เปิดขวดแล้วเทยาเม็ดสีแดงเ
ในตอนที่เจี่ยนอันอันกำลังลังเลใจอยู่นั้น ฉู่จวินสิงก็เข้ามาข้างๆ นางเขาพูดออกมาเสียงเบา “พวกเรายังไม่อาจออกไปจากที่นี้ได้อีกสักระยะหนึ่ง พวกเราตอบรับไปดีแล้ว”เจี่ยนอันอันมองไปยังท่านปู่เฉิน ก็พบว่าเขากำลังมองมายังตนเองด้วยใบหน้าคาดหวังนางเองก็เข้าใจ พวกนางตอนนี้ต้องมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ยต่อให้นางอยากรีบจะกลับไปยังเมืองจิงโจว ก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ในหนึ่งหรือสองวันนอกจากนี้แล้วฉู่จวินสิงยังต้องการคน เพื่อจะมาเป็นหนึ่งในลูกน้องของเขามาตอนนี้มีโอกาสที่จะเอาชนะใจคนแล้วเมื่อคิดถึงตรงจุดนี้ ในที่สุดเจี่ยนอันอันก็ตอบตกลง“ในเมื่อหมู่บ้านชิงสุ่ยไม่มีหมอประจำหมู่บ้าน เช่นนั้นข้าก็จะเป็นหมอประจำหมู่บ้านเอง”เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันตอบตกลงออกมา ในที่สุดใบหน้าของท่านปู่เฉินก็เผยยิ้มขึ้นเขาพูดออกมาอย่างมีความสุข “พวกเราถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินอะไร แต่พวกเรามีแรงกำลัง”“ต่อไปแม่นางเจี่ยนอยากให้พวกเราทำอะไร พวกเราก็จะช่วยเจ้าทำ”เจี่ยนอันอันเมื่อคิดถึงเหล่าชาวบ้านในหมู่บ้าน ส่วนมากล้วนแต่เป็นคนหนุ่มสาวพวกเขามีแรงกำลังภายหน้าให้ฉู่จวินสิงสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับชาวบ้าน ใ
เจี่ยนอันอันยิ้มให้ซ่างซิว แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาในใจนางคิด อีกเดี๋ยวจะให้เด็กรับใช้มาเก็บเกี่ยวธัญพืชนั้น พวกเขาจะต้องถูกภาพฉากเบื้องหน้าทำให้ตกใจเข้าพวกเขาจะต้องถามนาง ว่าธัญพืชเหล่านี้ทำไมถึงได้งอกออกมาในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นเมื่อถึงเวลานั้นนางก็จะใช้เหตุผลที่ว่าได้สูตรลับมาจากเจ้าอาวาส เพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปซ่างชิวเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันที่คอยจับจ้องธัญพืชด้วยความเหลือเชื่อเขาก็คาดเดาว่า เจี่ยนอันอันจะต้องไม่รู้ว่าควรจะเก็บเกี่ยวธัญพืชนี่อย่างไรซ่างชิวพูดออกมาอย่างอาจหาญ “แม่นางเจี่ยน ข้าช่วยท่านเก็บเกี่ยวธัญพืชเอง”เจี่ยนอันอันไม่ได้ปฏิเสธ ปล่อยให้ซ่างชิวมาเก็บเกี่ยวและก็เป็นในตอนนี้ จู่ๆ ก็มีเสียงร้องน่าอนาถดังขึ้นมาจากที่ไกลดูเหมือนว่าจะมีคนได้รับอันตรายแล้วซ่างชิววางเครื่องมือในมือลง แล้วมองไปยังทางด้านที่มีเสียงร้องดังออกมาและเพราะว่าอยู่ห่างออกไป พวกเขาทั้งสามคนต่างก็มองไม่เห็นว่าเป็นใครที่ส่งเสียงร้องน่าอนาถดังออกมาเจี่ยนอันอันจูงมือฉู่จื่อซีเอาไว้ แล้วเดินไปทางด้านที่มีเสียงดังขึ้นในตอนที่ทั้งสามคนมาถึงนั้น ก็พบกับชาวบ้านที่ก่อนหน้านั้นถูกทำให้ตกใ
เจี่ยนอันอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ฉู่จื่อซีถึงขั้นสามารถฟังภาษางูได้ทันใดนั้นในใจนางก็ยินดีขึ้นมาไม่คิดเลยว่า ฉู่จื่อซีจะมีความแข็งแกร่งพิเศษเหนือคนธรรมดาทั่วไปเช่นนี้นางมองไปยังงูตัวใหญ่ตัวนั้น สายตาฉายแววความเย็นชาแวบผ่านมา“เจ้าถึงขั้นด่าว่าข้าสารเลว วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงผลที่ตามมาของการด่าข้า”เจี่ยนอันอันพูดออกมา มุมปากก็ยกเป็นรอยยิ้มอาฆาตขึ้นมางูตัวใหญ่เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเป็นเพียงแค่หญิงสาวเท่านั้น จึงไม่ได้นำคำพูดของนางเก็บใส่ใจเลยสายตาเย็นชาของมันมองไปยังฉู่จื่อซี ปากก็ส่งเสียง ‘ฟ่อ’ ออกมาฉู่จื่อซีมองไปยังงูใหญ่ ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย“ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ว่าข้าไม่กลัวเจ้าแม้แต่น้อย”ฉู่จื่อซีพูดออกมา ก็เดินพุ่งไปยังงูตัวใหญ่เจี่ยนอันอันเกรงว่าฉู่จื่อซีจะเกิดอันตราย จึงดึงเขาไปยังด้านหลังกายฉู่จื่อซีชี้ไปยังงูตัวใหญ่ พูดออกมาเสียงดัง “อาสะใภ้รอง งูตัวนี้เพิ่จะด่าข้าว่าเด็กสารเลว พวกเราจะต้องไม่ปล่อยมันไป!”เจี่ยนอันอันฟังคำของเด็กน้อย ในใจนั้นมีแผนการอยู่ก่อนแล้วนางยังไม่เคยกินเนื้องูมาก่อน วันนี้จะต้องลองชิมดูเสียแล้วมือขอ
เสียงร้องของเขาทำให้ซ่างชิวและฉู่จื่อซีหันไปมองเขาจากนั้นจ้าวอู่ถึงได้มองเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเองนั้น คือเจี่ยนอันอันจ้าวอู่กุมศีรษะที่บวมเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นนั่ง“ขอบคุณฟ้าขอบคุณดิน ที่ข้ายังไม่ตาย”หลังจากที่ซ่างชิวได้ยินคำของจ้าวอู่แล้ว ก็รีบพูดออกมา “เจ้านี่ช่างมีชะตาแข็งแกร่งจริงๆ ถึงได้ถูกแม่นางเจี่ยนบังเอิญพบเข้า”“ชีวิตนี้ของเจ้าเป็นแม่นางเจี่ยนที่ช่วยเอาไว้”จ้าวอู่ได้ยิน ก็รีบลุกขึ้นมาเขารีบคุกเข่าให้เจี่ยนอันอันจนเสียงดังตุบ“ขอบคุณแม่นางเจี่ยนที่ช่วยเหลือชีวิตเอาไว้!”เจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเฉยเมย “เจ้าลุกขึ้นเถิด ชายหนุ่มร่างใหญ่ อย่าเอะอะอะไรก็คุกเข่าลง”จ้าวอู่รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงแล้วรีบลุกขึ้นยืนเจี่ยนอันอันถามออกมา “เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้ยินพี่ซ่างบอกว่า ที่บ้านเจ้ายังมีน้องชายอีกคน?”จ้าวอู่ไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเขาพยักหน้าออกมาเบาๆ “ไม่ปิดบังแม่นางเจี่ยน ข้ามีน้องชายคนหนึ่งจริงๆ ชื่อว่าจ้าวลิ่ว”“แต่ว่าเมื่อสองปีก่อนหลังจากที่เขาเข้าไปในเมืองแล้ว ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย”“เจ้าไม่เคยไปตามหาเขาอย่างนั้นหรื
เจ้าอาวาสที่มีความสามารถเช่นนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่พบบ้างหากว่าพวกเขาสามารถล่วงรู้ได้ก่อนว่าจะต้องประสบกับการโดนเนรเทศ พวกเขาจะต้องเก็บของมีค่าทั้งหมดในจวนเอาไปหลบซ่อนเอาไว้ตอนนี้พวกเขาเองก็ไม่อาจกลับไปยังจวนเยียนอ๋องได้แล้ว และไม่รู้ว่าที่นั่นตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างไรแล้วฉู่จื่อซีมองไปยังถั่วในที่ดิน เขาดึงแขนเสื้อของเจี่ยนอันอันมา“อาสะใภ้รอง ข้าอยากกินถั่วแระ”เจี่ยนอันอันลูบศีรษะเล็กๆ ของฉู่จื่อซีด้วยใบหน้าอ่อนโยนและรักใคร่“อาสะใภ้รองจะไปปรุงถั่วแระให้เจ้ากินตอนนี้เลย”เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็ให้โต้วเอ๋อร์และซ่างตงเยว่ไปล้างถั่วแระรอจนเมื่อล้างทำความสะอาดจนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็เริ่มจุดไฟปรุงถั่วแระพ่อบ้านหลิวมองซากงูที่อยู่บนพื้น แล้วก็มองไปยังทางห้องครัวอย่างประหลาดใจเขารู้ว่าฉู่จื่อซีไปยังที่ดินกับเจี่ยนอันอันจึงย่อกายลงถามฉู่จื่อซี “นายน้อยเล็ก เกิดอะไรขึ้นกับซากงูตัวนี้กัน?”ฉู่จื่อซีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไพเราะ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเขาตรงที่ดินออกมาจนหมดฉู่จวินสิงที่เดินออกมาจากในห้อง ก็ได้ยินคำของฉู่จื่อซีเข้าพอดีเขาขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไ
และในตอนที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดว่าจะจัดการกับพวกหนูเหล่านั้นอย่างไรดี เสียงของฉู่จื่อซีก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง“อาสะใภ้รอง เมื่อเช้าวันนี้ข้ายังได้ยินนกน้อยพูดกันว่า ธัญพืชในที่ดินของพวกเราสุกแล้ว”“ฉะนั้นข้าถึงได้โวยวายจะไปดูกับท่าน”เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว ไม่น่าแปลกที่นางเห็นในหมู่ธัญพืชที่สุกแล้วพวกนั้น มีข้าวโพดหายไปจำนวนมากที่แท้เป็นเพราะว่าถูกนกน้อยพวกนั้นกินไปแล้วเจี่ยนอันอันมองฉู่จื่อซีที่กินอย่างเอร็ดอร่อย นางก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้ “จื่อซี ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเริ่มได้ยินเสียงพวกสัตว์พูดคุยกัน?”ฉู่จื่อซีเอียงศีรษะเล็กๆ คิดไปมา “ตั้งแต่ที่ข้าสามารถได้ยินเสียงแล้ว ก็สามารถได้ยินสัตว์ต่างๆ พูดคุยกัน”เจี่ยนอันอันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากนางไม่คิดเลยว่า ฉู่จื่อซีจะได้รับพรจากโชคร้ายถึงแม้ว่าฉู่จื่อซีจะทนทุกข์ทรมานมาจากพิษนานถึงสี่ปี แต่เขากลับเป็นเพราะอาการป่วยนี้ ทำให้มีความสามารถฟังเข้าใจภาษาของสัตว์ได้นี้ทำให้เจี่ยนอันอันรู้สึกดีใจกับฉู่จื่อซีจากใจจริงไม่แน่ว่าต่อไป ความสามารถพิเศษนี้ของฉู่จื่อซียังจะใช้ประโยชน์ได้เจี่ยนอันอันปลูกถั่วแระเอาไว้มาก นางเพีย
เจี่ยนอันอันพูดกับหนู “จะให้ข้าปล่อยพวกเจ้าก็ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”หนูทั้งหลายได้ยินคำของเจี่ยนอันอัน ก็รีบส่งเสียง “จี๊ดๆ ๆ” ดังออกมาฉู่จื่อซีบอกเจี่ยนอันอัน “หนูพวกนั้นบอกว่า ขอเพียงท่านปล่อยพวกมันไป ให้พวกมันทำอะไรก็ได้”เจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “พวกเจ้าจะต้องพูดคำไหนคำนั้น มิฉะนั้นแล้วข้าจะแทงโพรงหนูของพวกเจ้า แล้วเผาพวกเจ้าทั้งครอบครัว”หนูหลายสิบตัวนั่นรีบพยักหน้าให้เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถึงได้ซื้อน้ำมันทำความสะอาดออกมาขวดหนึ่งจากร้านค้าในห้วงมิตินางเทน้ำมันทำความสะอาดลงไปบนกระดานกาว ผ่านไปไม่นาน หนูหลายสิบตัวนั่นที่ติดอยู่บนกระดานกาว ในที่สุดก็ปีนลงมาจากบนนั้นได้พวกมันรีบคลานมายังด้านหน้าของเจี่ยนอันอัน นอนนิ่งอยู่บนพื้นไม่ไหวติงใบหน้าของหนูแต่ละตัว เผยความขี้ขลาดออกมาเจี่ยนอันอันโบกมือออกมา “พวกเจ้าไปเสียเถอะ แต่พวกเจ้าจะต้องมาตามคำเรียกของข้า”หนูหลายสิบตัวพยักหน้าให้เจี่ยนอันอัน ก่อนจะรีบวิ่งออกไปแต่พวกมันยังไม่ทันได้วิ่งออกไปไกล ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของเจี่ยนอันอัน “กลับมาให้หมด!”หนูสิบกว่าตัวนั้นกายสั่นเทิ้ม รีบหันหลังแล้ววิ่งมาหาเจี
“ข้าเชื่อใจพี่สาวเจ้าเหมือง ท่านบอกว่ามันจะตาย ก็ต้องตายแน่”หลี่หวายชิงกล่าวพลาง ซับน้ำตาที่คลอเบ้าอีกคำรบหนึ่งขณะที่เขายกมือขึ้นนั้น ได้เผยให้เห็นปานเล็กๆ ที่ข้อมือจุดหนึ่งก่อนหน้านี้เพราะมีแขนเสื้อปกปิดไว้ ฉู่จวินสิงจึงไม่ทันสังเกตเห็นปานในจุดนี้เขารีบคว้าข้อมือหลี่หวายชิงเข้าให้ เปิดแขนเสื้อแล้วจ้องมองปานนั้นอย่างเพ่งพินิจ“พี่ชายเจ้าเหมือง ท่านทำอะไรกัน?”หลี่หวายชิงมองหน้าฉู่จวินสิงด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพลิกดูข้อมือเขาเพื่อหวังสิ่งใด ฉู่จวินสิงวางมือของหลี่หวายชิงลง พลางถามเสียงเบา “ข้าขอถามเจ้า รอยแดงที่ข้อมือนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”หลี่หวายชิงมองดูข้อมือของตน “มันเป็นปานมาแต่กำเนิด ข้ากับน้องชายต่างมีทั้งคู่ เพียงแต่ของข้าอยู่ที่ข้อมือซ้าย เขาอยู่ข้อมือขวา”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลางมองหน้าหลี่หวายชิงด้วยความเคร่งขรึมเจี่ยนอันอันมองหน้าทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉู่จวินสิงจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้“ทำไมหรือ มีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?” เจี่ยนอันอันถามด้วยความข้องใจฉู่จวินสิงซักถามหลี่หวายชิงต่ออีก “พ่อเจ้าชื่อหลี่จื่อสือ เคยเป็นแม่ทัพชายแด
นางพยักหน้า “ข้ามีวิธีถอนพิษแล้วจริงๆ พวกเจ้าพักผ่อนอยู่นี่ก่อน ข้าจะไปปรุงยาถอนพิษให้”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงคนงานเหล่าคนงานต่างรออยู่ในเพิงอย่างว่านอนสอนง่าย พวกเขายืนที่หน้าประตู มองตามแผ่นหลังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงไปหลี่หวายชิงซาบซึ้งในบุญคุณช่วยชีวิตของเจี่ยนอันอัน จึงกล่าวต่อหลี่หวายหมิง “เจ้ารออยู่นี่ก่อน ข้าจะไปช่วยพวกเขา”“ข้าขอไปด้วย” หลี่หวายหมิงก็อยากไปช่วยเหลือเช่นกัน แต่ถูกหลี่หวายชิงห้ามไว้“ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว เจ้ากับพี่ซ่งรออยู่นี่ อย่าได้ไปไหน”หลี่หวายชิงกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงไปฉู่จวินสิงได้ยินเสียงฝีเท้า หันหลังไปจึงเห็นหลี่หวายชิงเดินตามพวกเขาออกมา“หลี่หวายชิงที่เจ้าได้ช่วยไว้ ตามเรามาด้วย”ฉู่จวินสิงเอ่ยปากเตือน เจี่ยนอันอันหันไปมองแวบหนึ่ง ส่วนมือยังคงสาละวนอยู่กับการทำงานหลี่หวายชิงมาได้จังหวะเหมาะ ในเมื่อเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำเพราะถูกพิษดังเช่นคนงานอื่น เจี่ยนอันอันจึงอยากถามเขาว่า เหตุใดเขากับหลี่หวายหมิงจึงไม่ถูกยาพิษทั้งคู่เจี่ยนอันอันนำหม้อต้มยาและสมุนไพรเพื่อการถอนพิษออกมา พร้อมนำกิ่งไม้ที่เมื่อครู่เก็บมา ก่อเป็น
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร