“ท่านแม่ ซาลาเปาไส้เนื้อนี่อร่อยมากจริงๆ ขอรับ ท่านเองก็กินสักลูกเถอะ”เจียงหว่านเอ๋อร์เห็นว่าตัวเองห้ามไม่ทันจึงได้แต่ปล่อยให้เสิ่นคังกินอย่างไรนางก็เห็นมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วว่าซาลาเปานี้ไม่มีพิษเสิ่นจืออวี้สืบเท้ายาวๆ เดินไปหาเจี่ยนอันอัน“แม่นางท่านนี้ ท่านบอกว่าตัวเองสามารถช่วยพี่ใหญ่ของข้าได้งั้นหรือ?”เสิ่นจืออวี้ไม่ได้สนใจการมองตาขวางของเฉียนซื่ออาการของพี่ใหญ่ไม่อาจทนรอได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผู้ใดที่ช่วยรักษาได้ เขาก็จะไม่ขัดขวางทั้งนั้นเจี่ยนอันอันยิ้มบางๆ “จะช่วยได้หรือไม่ก็ต้องดูอาการก่อน”“แต่ที่นี่มีคนขัดขวางไม่ให้ข้าตรวจดูอาการ ข้าเองก็จนปัญญาเช่นกัน”เจี่ยนอันอันพูดแล้วยักไหล่ตอนนี้เสิ่นจืออวี้ร้อนใจเหมือนมดบนกระทะร้อนพี่ใหญ่ของเขาจะตายไม่ได้เด็ดขาด หากผู้ใดกล้าขัดขวางการรักษาของพี่ใหญ่ เช่นนั้นเขาจะไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในครอบครัวอีกต่อไปถึงอย่างไรเขากับเฉียนซื่อก็ไม่ได้มีความข้องเกี่ยวทางสายเลือดต่อกัน ตลอดทางถูกอีกฝ่ายก่นด่ามาไม่น้อยนอกจากนี้ เขาก็มองออกว่าเฉียนซื่อไม่มีทีท่าจะช่วยพี่ใหญ่หากเฉียนซื่อยังกล้าขัดขวางอีก เช่นนั้นเขาจะใช้ไม้เท้าในมือ
“นังแพศยา กล้าดีอย่างไรมาตบหน้าข้า สงสัยจะอยากตายสินะ!”เฉียนซื่อสลัดมือของบ่าวรับใช้ทิ้งแล้วง้างมือเตรียมตบใส่เจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงเอาตัวไปบังเบื้องหน้าเจี่ยนอันอัน จับมือที่ตบเข้ามาของเฉียนซื่อเอาไว้“กล้าทำร้ายแม้แต่ผู้หญิงของข้า คนที่อยากตายคงเป็นเจ้ามากกว่ากระมัง”ฉู่จวินสิงว่าพลางออกแรงบีบที่มือเฉียนซื่อถูกบีบแรงจนรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือ เจ็บจนเหงื่อเย็นไหลออกมา“ปล่อยนะ ข้อมือข้าจะหักอยู่แล้ว!”เฉียนซื่อเจ็บจนไม่มีกะจิตกะใจมากคิดมาก ร่างกายของนางขดเป็นก้อนเดียวกันฉู่จวินสิงแค่นเสียงเย็นก่อนจะเหวี่ยงเฉียนซื่อลงพื้นเฉียนซื่อกุมข้อมือที่ถูกบีบเจ็บของตัวเองและกัดฟันกรามหลังด้วยความโมโหนางไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนในชีวิตตอนนี้นางไม่ได้ลุกไปตบเจี่ยนอันอัน แต่ก้มศีรษะลง รอยยิ้มแปลกประหลาดปรากฏบนใบหน้าอีกครั้งปากเริ่มสวดคาถา ไอดำกลุ่มหนึ่งลอยออกมาจากปากของนางเจี่ยนอันอันรู้ว่ายายมารเฒ่ากำลังจะจัดการนางด้วยวิชาไสยศาสตร์แล้วนางรีบท่องคาถาในใจสามรอบเมื่อไอดำกลุ่มนั้นลอยมาถึงตัวเจี่ยนอันอันก็สลายไปในทันทีเฉียนซื่อนึกไม่ถึงว่าวิชาไสยศาสตร์ของตัวเองจะไม่ได้ผลกั
เฉียนซื่อรู้สึกเพียงว่าอวัยวะภายในตันทั้งห้าและอวัยวะภายในกลวงทั้งหกราวกับถูกหนอนนับหมื่นตัวกัดกินนางเจ็บจนเหงื่อเย็นไหลออกมา เสื้อผ้าเนื้อหยาบเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นในที่สุดเฉียนซื่อก็เข้าใจแล้วว่าวันนี้ตัวเองได้พบกับคนที่ต่อกรยากเข้าแล้วนางไม่กล้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว ทำได้เพียงนั่งหอบหายใจบนพื้นหมายจะทำแบบนี้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในร่างกายเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจเฉียนซื่ออีก นางสืบเท้ายาวๆ เดินไปที่รถม้าแสงจันทร์ช่วยส่องให้เห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งที่อยู่บนรถม้ากำลังลืมตาอยู่ทว่าดวงตาของเขาว่างเปล่าไร้ประกาย นอนแน่นิ่งอยู่ในนั้นเหมือนขอนไม้เจี่ยนอันอันยื่นมือไปส่ายเบื้องหน้าเสิ่นจือเจิ้ง พบว่าดวงตาของอีกฝ่ายยังคงไม่ไหวติงนางจับข้อมือของเขาขึ้นมาจับชีพจรดูจากชีพจรแล้ว ภายในร่างกายของเสิ่นจือเจิ้งไม่มีพิษร้ายใดๆที่เขามีอาการเช่นนี้ เป็นไปได้สูงมากว่าจะเกิดจากวิชาไสยศาสตร์เจี่ยนอันอันหันไปมองเฉียนซื่อ พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาทางนี้เช่นกันภาพนี้ทำให้เจี่ยนอันอันยิ่งมั่นใจว่าเป็นฝีมือของเฉียนซื่อตอนนี้เสิ่นจืออวี้หายเป็นปกติในที่สุด เขาลุกขึ้นเดินมาอยู่ข้างเจี่ยนอันอัน
แต่แล้วตอนนี้ท่านพ่อกลับไม่แม้แต่จะสนใจเขา ราวกับว่าได้ตายไปแล้วเมื่อคิดว่าท่านพ่ออาจจะตายแล้ว เสิ่นคังก็ยิ่งร้องไห้เสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ“ท่านพ่อ ท่านอย่าตายนะขอรับ อย่าทิ้งคังเอ๋อร์ไป!”เสียงร้องไห้ของเสิ่นคังดังขึ้นเรื่อยๆ จนเฉียนซื่ออดที่จะด่าไม่ได้ “ร้องอะไรนักหนา ขืนยังร้องอีก ข้าจะให้เจ้าเป็นเหมือนเขา”ถ้อยคำของเฉียนซื่อทำให้เสิ่นคังต้องรีบปิดปากด้วยความหวาดกลัวเขาไม่กล้าร้องไห้เสียงดังอีก กระนั้นก็ยังคงมีเสียงร้องไห้ฮือๆ ดังออกมาจากปากเฉียนซื่อแค่นเสียงเย็น ไม่ได้สนใจเสิ่นคังอีกตอนนี้นางกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการเจี่ยนอันอันด้วยวิธีอะไรดีวิชาไสยศาสตร์ของนางไม่เคยพลาดมาก่อน ทว่ามันกลับใช้ไม่ได้ผลกับเจี่ยนอันอันเรื่องนี้ทำให้เฉียนซื่อไม่พอใจมากเดิมทีเจี่ยนอันอันก็มีจรรยาบรรณของความเป็นแพทย์ อีกทั้งฉู่จวินสิงก็รู้จักกับเสิ่นจือเจิ้งนางกระโดดขึ้นรถม้าไปเลิกเสื้อของเสิ่นจือเจิ้งขึ้นบาดแผลบนร่างเขาเน่าพุพองมานานแล้วการเลิกเสื้อขึ้นเมื่อครู่ของเจี่ยนอันอันทำให้แผลถูกกระตุ้นอีกครั้งโลหิตไหลออกมาทางปากแผลทันทีที่นี่มืดมาก มองเห็นแผลได้ไม่ค่อยชัดเจี่ยนอันอันนำ
เจียงหว่านเอ๋อร์ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางมองออกว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนมีเหตุผลสิ่งใดที่นางไม่ควรทำ นางก็จะไม่ฝืนทำเรื่องนี้ทำให้ความคิดที่เจียงหว่านเอ๋อร์มีต่อเจี่ยนอันอันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเสิ่นจืออวี้เห็นเจียงหว่านเอ๋อร์ถอดกางเกงให้เสิ่นจืออวี้ด้วยความระมัดระวังเขารู้สึกว่าตัวเองจะเอาแต่นิ่งดูดายไม่ได้ เขากระโดดขึ้นรถม้าทันที ช่วยเจียงหว่านเอ๋อร์ถอดกางเกงให้เสิ่นจือเจิ้งบาดแผลที่น่าสยดสยองทำให้ทั้งสองคนอดที่จะหายใจดังเฮือกไม่ได้แผลที่ขาของเสิ่นจือเจิ้งสาหัสกว่าแผลตามร่างกายมากบวกกับช่วงที่ผ่านมานี้ไม่ได้รับการรักษามาโดยตลอด ทำให้เนื้อหนังที่เน่าเปื่อยหลุดออกมาพร้อมกับกางเกงบางจุดเนื้อหลุดจนเห็นถึงกระดูกเจียงหว่านเอ๋อร์รีบยกมือปิดตาเสิ่นคังเพราะกลัวว่าเขาจะกลัว“ท่านแม่ ข้าไม่กลัวขอรับ ข้าอยากเห็นพวกท่านทายาให้ท่านพ่อ”เสิ่นคังค่อนข้างสงบนิ่ง เขาแกะมือของเจียงหว่านเอ๋อร์ออก ไม่ว่าอย่างไรก็จะดูให้ได้เจี่ยนอันอันได้ยินเสียงพูดของเสิ่นคัง นางหันกลับไปมองทางรถม้าปราดหนึ่งสีหน้าของทั้งสามคนทำให้นางพอจะเดาได้ว่าบาดแผลบริเวณขาของเสิ่นจือเจิ้งต้องสาหัสมากเป็นแน่ทันใด
เมื่อเห็นเสิ่นจืออวี้นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เฉียนซื่อก็แค่นเสียงเย็น“เหอะ หากไม่ใช่เพราะพี่ชายของเจ้าล่วงเกินฮ่องเต้ ข้ามีหรือจะถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่พร้อมกับพวกเจ้า”“ครานี้ดีล่ะ แม้แต่ที่ให้อยู่ก็ยังไม่มี เจ้ายังมีหน้ามาซักถามข้าอีก”“หากพ่อของเจ้ารู้ว่าเจ้าอกตัญญูขนาดนี้ เกรงว่าเขาที่อยู่ในปรโลกคงได้โมโหจนฟื้นกลับมามีชีวิต”เสิ่นจืออวี้ซึ่งเดิมทีก็โมโหอยู่แล้วถูกเฉียนซื่อพูดแบบนี้ใส่ก็ยิ่งโมโหเลือดขึ้นหน้าเขากำไม้เท้าแน่นและชี้ไปที่หน้าเฉียนซื่อด้วยความโมโห “ที่พวกข้าถูกเนรเทศมาที่นี่เป็นเพราะท่านต่างหาก”“แม้แต่พี่ใหญ่ของข้าท่านก็ยังไม่ยอมปล่อยไป ตอนนี้ยังจะด่าว่าข้าอกตัญญูอีก”“ไหนลองบอกข้ามาว่าตัวเองช่วยอะไรหรือ?”เฉียนซื่อเห็นเสิ่นจืออวี้ใช้ไม้เท้าชี้หน้าตัวเองก็ลุกขึ้นด้วยความโมโหเพื่อแย่งไม้เท้าคืนมา“หากไม่ใช่เพราะมีข้าอยู่ พวกเราจะถูกเนรเทศไปอยู่ที่ใดก็ยังไม่รู้”“เจ้าหลานอกตัญญู เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฟาดเจ้าให้ตาย!”เฉียนซื่อว่าแล้วจับปลายอีกด้านของไม้เท้านางรู้สึกว่าที่ก่อนหน้านี้วิชาไสยศาสตร์ของตัวเองใช้ไม่ได้ผลเป็นเพราะไม้เท้าด้ามนี้ตกไปอยู่ในมือเสิ่นจืออวี้
เจี่ยนอันอันมองเจียงหว่านเอ๋อร์ด้วยสีหน้าเย็นชา “อยากให้สามีมีชีวิตรอดหรือไม่?”“แน่นอนอยู่แล้ว” เจียงหว่านเอ๋อร์ตอบทันทีนางไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันถามเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร นั่นคือสามีของนางนะ นางต้องหวังว่าเขาจะดีขึ้นโดยไวอยู่แล้วสิ“ในเมื่ออยากให้เขามีชีวิต เช่นนั้นก็อย่าสงสัยในวิชาแพทย์ของข้า”เจี่ยนอันอันไม่ชอบให้คนอื่นสงสัยในความหวังดีของตัวเองที่สุดแล้วหากไม่ใช่เพราะทุกคนถูกเนรเทศเหมือนกันและมาอยู่หมู่บ้านชิงสุ่ยด้วยกันนางก็คร้านจะสนใจความเป็นความตายของเสิ่นจือเจิ้งเจียงหว่านเอ๋อร์ได้ยินดังนี้ก็ผงะ แต่นางก็เข้าใจอย่างรวดเร็วนางรู้ว่าตัวเองอ่อนไหวเกินไปหากว่าเจี่ยนอันอันไม่คิดที่ช่วยสามีของนาง เกรงว่าตอนนี้อาการของเขาคงทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ“ขออภัย ข้าอ่อนไหวเกินไปเอง”เจี่ยนอันอันเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้ายอมรับผิดก็ไม่อยากถือสาหาความมากนักเพื่อคลายความกังวลของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจี่ยนอันอันก็พูดว่า “เมื่อครู่นี้ข้าให้เขากินโอสถรักษาบาดแผลภายใน”“เขาไม่ได้มีแค่บาดแผลภายนอก แต่ยังมีบาดแผลภายในที่สาหัสมากด้วย”“นอกจากนี้ยังถูกวิชาไสยศาสตร์ ต่อให้ตอนนี้ทุบ
เจี่ยนอันอันช่วยทายาให้ฉู่จวินสิงเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็พันแผลให้เขาฉู่จวินสิงเหลือบมองไปยังเฉียนซื่อที่กำลังชักกระตุกอยู่บนพื้น และเสิ่นจืออวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางเหม่อลอย“ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?”เจี่ยนอันอันเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง หลังจากที่ฉู่จวินสิงได้ฟังแล้วก็รีบก้าวไปที่รถม้าเขาเห็นเสิ่นจือเจิ้งลืมตาด้วยสายตาว่างเปล่า มองไปยังท้องฟ้า“ในเมื่อเสิ่นจือเจิ้งถูกวิชาไสยศาสตร์เล่นงาน แล้วพอจะช่วยเขาได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันส่ายศีรษะเบาๆ “ตอนนี้ข้ายังไม่มีวิธีที่จะทำให้เขาฟื้นสติ จำเป็นต้องกลับไปศึกษาคัมภีร์สามชะตามรรคาลี้ลับก่อน”“หากในนั้นมีวิธีแก้วิชาไสยศาสตร์นี้ ข้าก็พอจะช่วยทำให้เขาฟื้นสติขึ้นมาได้”บทสนทนาของทั้งสองดังเข้าไปถึงหูของเจียงหว่านเอ๋อร์และเสิ่นจืออวี้เสิ่นจืออวี้ที่เหม่อลอยอยู่นาน ในที่สุดก็ได้สติกลับคืนมา เขาเดินตรงมายังหน้ารถม้ามองไปที่ฉู่จวินสิงด้วยสีหน้าสงสัย“ท่านรู้จักพี่ใหญ่ของข้าด้วยหรือ?”เมื่อครู่ฉู่จวินสิงเอ่ยชื่อของเสิ่นจือเจิ้งออกมา ทำให้ในในของเจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกระแวงมากขึ้นพวกเขารู้จักสามีนางได้อย่างไร หรือว่าพวกเข
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ