ในตอนที่นางมองเห็นคนที่มานั้นเป็นเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงแล้ว ทันใดนั้นในใจก็เคร่งขรึมขึ้นมาพวกเขามาทำไมกันอีก มาเพื่อดูเรื่องขบขันของนางอย่างนั้นหรือ?เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจเฉียนซื่อ แต่พูดกับเสิ่นจืออวี้ “ที่พักข้าหาให้พวกท่านได้แล้ว”“ท่านกับพี่สาวท่านนี้ช่วยกันอุ้มแม่ทัพเสิ่นลงมา แล้วตามพวกเรามาเถิด”เสิ่นจืออวี้เมื่อได้ยินว่ามีที่พักแล้ว ในใจก็ยินดีขึ้นมาเจียงหว่านเอ๋อร์เองก็ไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะหาที่พักให้พวกเขาจริงๆนางกับเสิ่นจืออวี้ พยายามกันช่วยอุ้มเสิ่นจือเจิ้งลงมาเพียงแต่อุ้มลงมาจากรถม้า ก็เหนื่อยเสียจนเจียงหว่านเอ๋อร์หายใจจนเร่งรีบเสิ่นจืออวี้เมื่อเห็นเข้า ก็รีบพูดขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่ไปดูแลคังเอ๋อร์ให้ดีเถิด พี่ชายข้าปล่อยให้ข้าแบกเองเถอะ”เสิ่นจืออวี้พูดออกมา พลางแบกเสิ่นจือเจิ้งขึ้นมาเฉียนซื่อเมื่อได้ยินว่ามีที่พัก ก็ลุกขึ้นยืนตามไปด้วยขณะที่นางกำลังจะเดินตามทุกคนไป ก็เห็นเจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าลงนางจ้องมองไปยังเฉียนซื่อ แล้วพูดออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ยายมารเฒ่าตามมาทำไมกัน ข้าไม่ได้พูดเสียหน่อยว่าจะหาที่พักให้เจ้า”เฉียนซื่อได้ยิน ทันใดนั้นก็โม
เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเฉียนซื่อให้ความสำคัญกับไม้เท้าเช่นนี้ ในใจก็เข้าใจขึ้นมาทันทีดูเหมือนว่าไม้เท้านี้ สำหรับเฉียนซื่อแล้วจะเป็นของสำคัญไม่แน่ว่า คุณไสยที่เฉียนซื่อใช้ทั้งหมดนั้น ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับไม้เท้านี้เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น“ข้าจะนับถึงสาม หากว่าเจ้าไม่แก้คุณไสยที่ทำใส่เสิ่นจืออวี้ ข้าจะเผามันเสีย!”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น ก็เริ่มนับทันทีเฉียนซื่อเมื่อเห็นเข้า ก็รีบท่องคาถาขึ้นเสิ่นจืออวี้ที่กำลังคลุ้มคลั่งในตอนนี้ ทันใดนั้นทั่วทั้งกายก็สั่นเทาขึ้นมาไม่นานนักเขาก็ได้สติขึ้นมาในตอนที่เขามองเห็น ว่าหมัดของตัวเองกำลังเหวี่ยงไปทางด้านของฉู่จวินสิงนั้น ก็ตกใจเสียจนเขาต้องรีบเก็บมือกลับมา“เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าถึงได้ต่อยออกไปทางท่าน?”เสิ่นจืออวี้รีบก้าวถอยหลังไปอย่างตื่นตระหนก แล้วรีบโค้งกายลงคำนับขอโทษฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารู้ว่าเสิ่นจืออวี้ถูกผู้อื่นควบคุมเอาไว้ แน่นอนว่าย่อมไม่ใส่ใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ในตอนที่เสิ่นจืออวี้มองเห็นเสิ่นจือเจิ้งล้มลงบนพื้นนั้น ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมาทั
ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่านางเริ่มหาวออกมา ก็พูดเสียงเบาขึ้น “ไปเถอะ พวกเรากลับไปพักผ่อนกัน”เจี่ยนอันอันพยักหน้า ขณะที่กำลังจะเดินออกไปด้านนอก ก็เห็นว่าฉู่จวินสิงย่อกายลงเบื้องหน้าของนาง“ข้าจะแบกเจ้ากลับไป”ฉู่จวินสิงพูดขึ้น แล้วหันหน้ามองกลับไปยังเจี่ยนอันอันดวงตาของเขาสว่างสดใส ราวกับดวงดาวในกาแล็กซี่ ทำให้หัวใจของเจี่ยนอันอันอดที่จะเต้นแรงไม่ได้เจี่ยนอันอันปวดใจกับอาการบาดเจ็บที่แขนของฉู่จวินสิง จึงไม่อยากให้เขาแบกนางนอกจากนี้นางเพียงเพราะว่าง่วงงุน ไม่ได้พิการแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ในขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะปฏิเสธ ก็ถูกฉู่จวินสิงจับขาเล็กๆ เอาไว้เจี่ยนอันอันเสียการทรงตัว ล้มแนบลงบนหลังของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแบกเจี่ยนอันอันขึ้นมาไปตามสถานการณ์เจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังคนในลานเรือน นอกจากใบหน้าของชิวเหลียนที่เผยรอยยิ้มออกมา คนอื่นๆ ต่างก็พากันตื่นตะลึงขึ้นมาโดยเฉพาะเสิ่นจืออวี้ ที่ตื่นตกใจเสียจนอ้าปากค้างจนคางแทบจะถึงพื้นที่เขารู้ก็คือ เยียนอ๋องจะย่อกายลงไปแบกผู้อื่นเช่นนี้ได้อย่างไรกันแต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ ฉู่จวินสิงไม่เพียงแต่อยากจะแบกเจี่ยนอันอันก
ในตอนกลางคืนพวกเขาไม่มีที่ให้อาศัย ก็คิดว่าคนผู้นั้นจะสามารถมารับพวกเขาได้ แล้วจัดการที่พักอาศัยให้กับพวกเขาไม่นานนัก ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็ปรากฏกายมายังเบื้องหน้าของทั้งสองคนในตอนที่แม่นมหลี่มองเห็นอีกฝ่ายนั้น ก็รีบลุกขึ้นมา“คารวะผู้บัญชาการหนิง!” ในตอนที่ทั้งสองคนมองเห็นอีกฝ่ายนั้น ก็รีบทำความเคารพทันทีหนิงเจิ้นก็อดที่จะยกมือขึ้นมาตบหน้าทั้งสองคนโดยที่ไม่อธิบายออกมาทันใดนั้นใบหน้าของแม่นมหลี่เจ็บปวดแสบร้อนขึ้นมาเตียวเฉียงถูกตบรุนแรงจนไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคง จนกระทั่งล้มลงบนพื้นไป“พวกสุนัขรับใช้ไร้ประโยชน์ทั้งสองคน ฝ่าบาทส่งพวกเจ้ามาคอยจับตาดูกวนซิน พวกเจ้ากลับถูกไล่ออกมา”“ข้าจะนำเรื่องนี้กลับไปรายงานฝ่าบาท พวกเจ้าสองคนก็รอดูศีรษะคนตกลงพื้นเถอะ”ทั้งสองคนถูกด่าว่าสุนัขรับใช้ แล้วยังถูกตบหน้าไปอีกในใจของแม่นมหลี่ไม่ยินยอมยิ่งนัก แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำนางเป็นแม่นมข้างกายฮ่องเต้ รับใช้ฝ่าบาทมาหลายปี จะเคยถูกตบหน้าเมื่อใดกันมาตอนนี้ดีแล้ว ไม่เพียงแต่ถูกสาวใช้ชั้นต่ำอย่างชิวเหลียนตบหน้าแล้ว แม้แต่ผู้บัญชาการหนิงเองก็ยังกล้าตบหน้านางแม่นมหลี่กัดฟันแ
ในห้องนี้เย็นมาก ทันใดนั้นแม่นมหลี่ก็รู้สึกหนาวสั่นเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าตนเองในที่สุดก็มีที่ให้อยู่อาศัยแล้ว น่องของแม่นมหลี่ก็รู้สึกไม่เจ็บขึ้นมาแล้วหนิงเจิ้นชี้ไปยังพื้นที่ว่างเปล่า “พวกเจ้าสองคนไปนอนกันตรงนั้น”แม่นมหลี่และเตียวเฉียงพากันเหลือบมองไปยังพื้นที่ว่างนั้น ที่นั่นเป็นเพียงแค่ทางเดินเล็กๆ เท่านั้นหากว่าให้พวกเขาทั้งสองคนนั้นไปนอนกันตรงนั้น คิดว่าจะต้องแออัดกับอีกฝ่ายเป็นแน่เมื่อคิดว่าจะต้องนอนอยู่ใกล้กันกับแม่นมหลี่ เตียวเฉียงก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะอย่างไรแล้วมีที่ให้นอน ก็ดีกว่าต้องเร่ร่อนอยู่ด้านนอกมากเตียวเฉียงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแต่ทรุดตัวลงกับพื้นทว่าแม่นมหลี่ไม่คิดอยากจะนอนร่วมกันกับเตียวเฉียงนางมองไปยังหนิงเจิ้น แล้วพูดพึมพำออกมา “ท่านผู้บัญชาการหนิง นี่ ตรงนี้จะไปมีคนนอนได้อย่างไรกัน”นางเคยนอนบนพื้นเมื่อใดกัน แล้วยังนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงอีกแม่นมหลี่เหลือบมองไปยังเตียวเฉียงด้วยความรังเกียจ นางยอมนอนด้านนอก แต่ไม่คิดอยากจะนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงหนิงเจิ้นเหลือบมองไปทางด้านแม่นมหลี่ “ทำไมกัน เจ้ารังเกียจว่
เตียวเฉียงถูกเตะจนตื่นขึ้นมา จึงรีบลุกขึ้นเขาปัดฝุ่นบนกาย แล้วยืนอยู่ตรงนั้นรอให้หนิงเจิ้นพูดออกมาแม่นมหลี่กัดฟัน พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดในร่างกาย ลุกยืนขึ้นมา“ตอนนี้พวกเจ้าสองคนกลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเสีย ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีการอะไร”“จะคุกเข่าอ้อนวอนก็ดี หรือว่าจะหาทางปราบเจี่ยนอันอันก็ได้”“อย่างไรเสียวันนี้พวกเจ้าจะต้องกลับไปอยู่ที่เดิม แล้วคอยจับตาความเคลื่อนไหวของกวนซินต่อไป”แน่นอนว่าแม่นมหลี่ย่อมต้องอยากจะกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยนางไม่อยากจะนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงอีกเจ้าหมอนี่ในตอนกลางคืนนอนหลับทั้งกัดฝันและผายลม ทั้งกรนจนกะบังลมของนางแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆหากว่าให้นางนอนกับเตียวเฉียงต่อไป ไม่แน่ว่านางอาจจะบีบเตียวเฉียงให้ตายไปในตอนกลางคืนนอกจากนี้แล้วนางยังไม่ได้ล้างแค้นชิวเหลียนที่เตะนางเมื่อคืนนี้เลยแน่นอนว่านางย่อมคิดหาวิธีกลับไปอยู่ที่เดิม รอเมื่อมีโอกาส นางจะต้องทำให้บ่าวรับใช้ชั้นต่ำนั่นตายให้ได้!หลังจากที่เตียวเฉียงส่งเสียงตอบรับออกมา ก็ผลักประตูห้องเดินออกมาในที่สุดก็สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เมื่อคืนนี้ในตอนที่นอนหลับนั้น กลิ่นเหม็นจา
หากว่าเป็นกู้มั่วหลี เรื่องนี้ก็คงจะเปลี่ยนเป็นยุ่งยากขึ้นมาท้ายที่สุดแล้วกู้มั่วหลีมีสถานะใด เขาเองก็ยังไม่แน่ชัดตอนนี้พวกเขาอยู่ในที่แจ้ง อีกฝ่ายอยู่ในที่ลับพวกเขาจะต้องกระทำการอย่างระมัดระวังฉู่จวินสิงพูดออกมาเสียงขรึม “คิดจะให้เสิ่นจือเจิ้งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ย คงจะต้องสร้างเรือนขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งหลัง” “ทว่าจะให้ใครมาสร้างกัน แล้วดินกับไม้ที่ใช้จะไปเอามาจากที่ไหนกัน?” เจี่ยนอันอันคิดว่าคนที่จะสร้างเรือนนั้นหาได้ง่าย เรื่องนี้ซ่างชิวแล้วอวี๋ว่านพวกเขาสามารถช่วยเหลือได้เมื่อถึงเวลานั้นนางสามารถให้เงินค่าแรงพวกเขาได้ ไม่มีทางให้พวกเขาช่วยงานเปล่าๆส่วนของที่ใช้ก่อสร้างเรือนพวกนั้น ก็สามารถหาซื้อได้จากในเมือง อย่างไรเสียตอนนี้นางก็มีเงินอยู่ ใช้เงินเพียงเล็กน้อยซื้อของเหล่านี้หากว่าเสิ่นจือเจิ้งรู้ว่าทั้งสองคนทำทั้งหมดนี่เพื่อครอบครัวของเขา จะต้องซาบซึ้งใจพวกเขามากยิ่งขึ้น รอจนเมื่อถึงเวลานั้น ไม่จำเป็นต้องให้ฉู่จวินสิงพูดขึ้น เสิ่นจือเจิ้งจะต้องเสนอออกมาว่าจะขอติดตามฉู่จวินสิงเอง มีเพียงแค่เสริมความแข็งแกร่งให้กับตนเอง พวกเขาถึงจะสามารถกลับไปยังเมือง
เจี่ยนอันอันส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา ถืออาหารเดินก้าวใหญ่ไปยังหน้าประตูเรือนนางไม่ได้สนใจสองคนนี้ ผลักประตูเรือนแล้วเดินเข้าไปกวนซินกำลังอยู่ในสวนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมาถึง ความเศร้าหมองบนใบหน้าทันใดนั้นก็หายไปเจี่ยนอันอันรู้ว่ากวนซินกำลังเศร้าเรื่องอะไรอยู่ นางจงใจส่งเสียงพูดให้ดังขึ้น "ท่านไม่จำต้องใส่ใจคนด้านนอกสองคนนั่น หากว่าข้าไม่อนุญาติ พวกเขาไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะเข้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว"แม่นมหลี่และเตียวเฉียงที่ยืนอยู่ด้านนอกหลังจากที่ได้ยินแล้ว ต่างก็พากันมองหน้ากันทั้งสองคนต่างก็พากันกล่าวโทษกัน ว่าคืนวานนี้ไม่ควรจะพูดคำเหล่านั้นออกมาผลจากการที่ล่วงเกินเจี่ยนอันอันก็คือ ทำให้เขาตอนนี้ก็ไม่มีแม้แต่ที่อยู่อาศัยเจี่ยนอันอันวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ แล้วให้กวนซินนั่งลงกินชิวเหลียนจูงมือฉู่ตั๋วตั่วเดินออกมาจากในห้องสือเจี้ยและเด็กรับใช้คนอื่นๆ พากันยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครกล้านั่งลงกินข้าวอาหารของพวกเขาตอนนี้มองจนเห็นก้นแล้ว เช้าวันนี้ยังคงคิดกันอยู่ว่าจะทำให้ท้องอิ่มได้อย่างไรกันเจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังพวกสือเจี้ยทั้งหลาย จึงใ
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ