หากว่าเป็นกู้มั่วหลี เรื่องนี้ก็คงจะเปลี่ยนเป็นยุ่งยากขึ้นมาท้ายที่สุดแล้วกู้มั่วหลีมีสถานะใด เขาเองก็ยังไม่แน่ชัดตอนนี้พวกเขาอยู่ในที่แจ้ง อีกฝ่ายอยู่ในที่ลับพวกเขาจะต้องกระทำการอย่างระมัดระวังฉู่จวินสิงพูดออกมาเสียงขรึม “คิดจะให้เสิ่นจือเจิ้งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ย คงจะต้องสร้างเรือนขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งหลัง” “ทว่าจะให้ใครมาสร้างกัน แล้วดินกับไม้ที่ใช้จะไปเอามาจากที่ไหนกัน?” เจี่ยนอันอันคิดว่าคนที่จะสร้างเรือนนั้นหาได้ง่าย เรื่องนี้ซ่างชิวแล้วอวี๋ว่านพวกเขาสามารถช่วยเหลือได้เมื่อถึงเวลานั้นนางสามารถให้เงินค่าแรงพวกเขาได้ ไม่มีทางให้พวกเขาช่วยงานเปล่าๆส่วนของที่ใช้ก่อสร้างเรือนพวกนั้น ก็สามารถหาซื้อได้จากในเมือง อย่างไรเสียตอนนี้นางก็มีเงินอยู่ ใช้เงินเพียงเล็กน้อยซื้อของเหล่านี้หากว่าเสิ่นจือเจิ้งรู้ว่าทั้งสองคนทำทั้งหมดนี่เพื่อครอบครัวของเขา จะต้องซาบซึ้งใจพวกเขามากยิ่งขึ้น รอจนเมื่อถึงเวลานั้น ไม่จำเป็นต้องให้ฉู่จวินสิงพูดขึ้น เสิ่นจือเจิ้งจะต้องเสนอออกมาว่าจะขอติดตามฉู่จวินสิงเอง มีเพียงแค่เสริมความแข็งแกร่งให้กับตนเอง พวกเขาถึงจะสามารถกลับไปยังเมือง
เจี่ยนอันอันส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา ถืออาหารเดินก้าวใหญ่ไปยังหน้าประตูเรือนนางไม่ได้สนใจสองคนนี้ ผลักประตูเรือนแล้วเดินเข้าไปกวนซินกำลังอยู่ในสวนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมาถึง ความเศร้าหมองบนใบหน้าทันใดนั้นก็หายไปเจี่ยนอันอันรู้ว่ากวนซินกำลังเศร้าเรื่องอะไรอยู่ นางจงใจส่งเสียงพูดให้ดังขึ้น "ท่านไม่จำต้องใส่ใจคนด้านนอกสองคนนั่น หากว่าข้าไม่อนุญาติ พวกเขาไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะเข้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว"แม่นมหลี่และเตียวเฉียงที่ยืนอยู่ด้านนอกหลังจากที่ได้ยินแล้ว ต่างก็พากันมองหน้ากันทั้งสองคนต่างก็พากันกล่าวโทษกัน ว่าคืนวานนี้ไม่ควรจะพูดคำเหล่านั้นออกมาผลจากการที่ล่วงเกินเจี่ยนอันอันก็คือ ทำให้เขาตอนนี้ก็ไม่มีแม้แต่ที่อยู่อาศัยเจี่ยนอันอันวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ แล้วให้กวนซินนั่งลงกินชิวเหลียนจูงมือฉู่ตั๋วตั่วเดินออกมาจากในห้องสือเจี้ยและเด็กรับใช้คนอื่นๆ พากันยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครกล้านั่งลงกินข้าวอาหารของพวกเขาตอนนี้มองจนเห็นก้นแล้ว เช้าวันนี้ยังคงคิดกันอยู่ว่าจะทำให้ท้องอิ่มได้อย่างไรกันเจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังพวกสือเจี้ยทั้งหลาย จึงใ
"พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าและคังเอ๋อร์ทำไมถึงได้ไม่ออกมากัน หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น?"เจี่ยนอันอันพยักหน้าแล้วพูดขึ้น "พวกเขาถูกเฉียนซื่อทำคุณไสยใส่"เสิ่นจืออวี้หลังจากที่ได้ยินแล้วก็จะพุ่งเข้าไปในห้อง แต่กลับถูกเจี่ยนอันอันห้ามเอาไว้"ท่านไปกินข้าวเสียก่อน อีกเดี๋ยวข้ามีวิธีจะช่วยพวกเขาทั้งหมดให้ฟื้นกลับมา"สายตาของเจี่ยนอันอันดูแน่วแน่ และก็ทำให้เสิ่นจืออวี้รู้สึกมีความหวังขึ้นมาในเมื่อเจี่ยนอันอันสามารถมองออกว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาต่างก็ถูกคุณไสย นางก็จะต้องช่วยพวกเขาได้แน่เสิ่นจืออวี้ตอนนี้เชื่อในความสามารถของเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมาก เขานั่งลงตรงโต๊ะอย่างเชื่อฟังเมื่อมองอาหารบนโต๊ะ ในใจของเสิ่นจืออวี้ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเมื่อคืนวานนี้เขารู้มาจากกวนซินแล้วว่า ที่นี้ไม่มีข้าวสารให้หุงแล้วเขายังคิดจะนำหมั่นโถวที่พวกเขานำมาด้วยออกมาให้ทุกคนได้กิน แต่กลับไม่คิดเลยว่าเจี่ยนอันอันจะนำอาหารมาส่งให้แล้วเสิ่นจืออวี้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี ทำได้เพียงแค่มองไปยังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงด้วยความขอบคุณเจี่ยนอันอันพูดกับเสิ่นจืออวี้ว่า “สองคนด้านนอกนั่นจะต้องห้ามปล่อยไม่ให้พวก
แม่นมหลี่ตกใจเสียจนตื่นตระหนกขึ้นมา แล้วรีบหันหลังวิ่งไปด้านนอกเตียวเฉียงขมวดคิ้วขึ้น ในตอนที่ไม้นั้นจะทุบโดนเขา ก็รีบกระโดดขึ้นเตะไม้ลอยออกไปตอนที่เตียวเฉียงมองเห็นเสิ่นจืออวี้โยนไม้มาทางด้านพวกเขานั้น ดวงตาฉายแววโหดร้ายขึ้นมาทันที“ช่างกล้าเสียจริงเจ้าอันธพาล เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ถึงได้กล้าโยนไม้ใส่ข้า”“ข้าว่าเจ้าคงจะเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!”เตียวเฉียงพูด พร้อมเก็บไม้ขึ้นมา แล้วโจมตีไปทางเสิ่นจืออวี้เสิ่นจืออวี้ถูกด่าว่าเป็นอันธพาล เดิมทีในใจก็ไม่มีความสุขนัก เมื่อเห็นว่าไม้กำลังจะตกลงบนหัวของเขา เขาก็รีบเคลื่อนกายหลบการโจมตีของเตียวเฉียงไปไม้ตกลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำเอาชามใบหนึ่งแตกกระจายเสิ่นจืออวี้เหลือบมองข้าวในชาม ที่กระจัดกระจายไปนั่นเป็นข้าวที่เขาเพิ่งจะกินไปได้ไม่กี่คำเท่านั้นเสิ่นจืออวี้ที่ไม่ชอบการสิ้นเปลือง ทันใดนั้นก็โมโหขึ้นมาเขาคว้าท่อนไม้ที่ทุบมานั้นอีกครั้ง ดึงอย่างแรงเตียวเฉียงถูกดึงไปยังเบื้องหน้าของเสิ่นจืออวี้พร้อมกันกับไม้เสิ่นจืออวี้ยกขาขึ้น แล้วเตะไปตรงเป้าของเตียวเฉียงพลังเตะครั้งนี้รุนแรงมาก เตียวเฉียงรู้สึกเพียงความเจ็บปวดจู
คนทั้งสองพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในไม่ช้าก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาแม่นมหลี่ร่ำร้องเสียงดังขึ้นมาทันที “ผู้บัญชาการหนิง ท่านมาได้เสียทีนะ”“เมื่อครู่ท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่ คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เข้ามาอยู่ใหม่ที่นั่นจะทำร้ายเตียวเฉียงจนตกอยู่ในสภาพนี้”หนิงเจิ้นขมวดคิ้วพลางเอ่ยด้วยสีหน้าหงุดหงิด “หุบปาก หนวกหูชะมัด”ภาพเมื่อครู่นี้ เขาย่อมเห็นเต็มสองตาแล้วถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เตียวเฉียงไม่ได้เรื่องเอง แค่คนในสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองซินเหอก็ยังสู้ไม่ได้เตียวเฉียงร้องโอดครวญด้วยสีหน้าเจ็บปวด จนถึงตอนนี้ตรงหว่างขาของเขาก็ยังเจ็บปวดหาใดเปรียบขาสองข้างของเขายังพลอยปวดระบมตามไปด้วยเมื่อครู่ถ้าไม่ได้แม่นมหลี่ประคองเขามา เกรงว่าเขาคงได้แต่คลานมาที่นี่เสียแล้วเสียงโอดครวญของเตียวเฉียงทำให้หนิงเจิ้นรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา“แค่คนเมืองซินเหอเจ้าก็สู้ไม่ได้ ยังมีหน้ามาร้องโอดโอยอยู่ตรงนี้อีก”“ถ้ายังกล้าส่งเสียงอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะทำให้เจ้าเป็นขันทีเอง”คำพูดของหนิงเจิ้นทำให้เตียวเฉียงตกใจจนหยุดร้องในทันใดตอนนี้เขาอัดอั้นใจยิ่งนัก เขาเป็นผู้เคราะห์ร้ายแท้ๆ เหตุใดผู้บัญชาก
เจี่ยนอันอันมองข้ารับใช้สามคนที่ขวางอยู่ตรงหน้า นางมองออกว่าสามคนนี้ล้วนถูกบงการด้วยคุณไสยนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ท่านรับหน้าที่จัดการพวกเขา ข้าจะไปถอนผมเฉียนซื่อ”ฉู่จวินสิงไม่ได้พูดอะไร เขาลงมือไม่กี่ครั้งก็สามารถทำให้สามคนนั้นลงไปกองบนพื้นได้แล้วเจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟันให้ฉู่จวินสิง แล้วเดินไปตรงหน้ารถม้าเพื่อถอนผมเฉียนซื่อคิดไม่ถึงว่าข้ารับใช้สามคนที่เพิ่งถูกอัดลงไปกองบนพื้นกลับคืบคลานขึ้นมาอีกครั้งยามนี้พวกเขาไม่รู้จักความเจ็บปวดเลยสักนิด โห่ร้องเสียงดังพลางต่อยเตะเข้าใส่ฉู่จวินสิงข้ารับใช้สามคนนั้นอยู่ในจวนแม่ทัพมานานย่อมได้เรียนรู้วรยุทธ์งูๆ ปลาๆ มาบ้างฉู่จวินสิงไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาสักนิด เขากล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “เจ้าไปถอนผมได้เลย ข้าจัดการสามคนนี้เอง”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางถีบหนึ่งในนั้นกระเด็นออกไปข้ารับใช้สามคนนี้ ยามอยู่ต่อหน้าฉู่จวินสิงก็เป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้นเจี่ยนอันอันไม่สนใจฝั่งนี้อีก นางเดินหน้าหลายก้าวไปจนถึงเบื้องหน้ารถม้าบทสนทนาระหว่างทั้งสองเมื่อครู่นี้ลอยเข้าหูเฉียนซื่อโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียวเฉียนซื่อเห็นเจี่ยนอันอันมาแล้ว สีหน้าก็เ
เฉียนซื่อถูกตบจนเห็นดาวทอง ความเจ็บปวดบนหนังศีรษะทำให้นางมีสติแจ่มใสขึ้นมาในทันใด“ช่วยด้วย จะฆ่าคนแล้ว!”เฉียนซื่อร้องเสียงดัง แต่ว่าไม่มีเสียงตอบรับจากใครทั้งสิ้นฉู่จวินสิงในยามนี้อัดข้ารับใช้สามคนนั้นจนลุกไม่ขึ้นมาแต่แรกแล้วฉู่จวินสิงมองเฉียนซื่อด้วยสีหน้าเย็นชา ปราศจากท่าทีจะเข้าไปช่วยเหลือนางโดยสิ้นเชิงในที่สุดเฉียนซื่อก็นึกเสียใจทีหลัง นางไปยุ่งกับใครไม่ยุ่ง แต่ดันมามีเรื่องกับเจี่ยนอันอันตอนนี้เสิ่นจืออวี้กับเจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่อยู่ข้างกาย ต่อให้นางร้องจนคอแตกก็ไม่สามารถเรียกพวกเขามาได้นางอยู่มาจนอายุปูนนี้ เป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้วยังต้องมาประสบเคราะห์ร้ายแบบนี้อีกน้ำตาของเฉียนซื่อไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าน้ำมูกผสมกับน้ำตาไหลเข้าไปในปากที่อ้ากว้างของนางไม่ว่าเฉียนซื่อจะดิ้นรนอย่างไร เจี่ยนอันอันก็ไม่ยอมปล่อยมือในที่สุดเฉียนซื่อก็ยอมแพ้ นางร้องไห้โฮ ปากก็ส่งเสียงขอร้องอ้อนวอน“แม่นางเจี่ยน เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้าไม่กล้าฮุบเรือนของเจ้าอีกแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเย็นชา มือไร้ทีท่าว่าจะคลายออก“ตอนนี้เจ้ารู้จักขอร้องแล้วงั้นรึ แต่สายเกินไปแล้ว”เส้นผมสีดอกเลาถูกเจี่ยนอัน
ไม่ถูกนี่นา อดีตฮ่องเต้เพิ่งสวรรคตไปได้ปีกว่า เหวยป๋อจื่อกลับเข้าจวนแม่ทัพไปตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้วเวลาไม่สอดคล้องกันเฉียนซื่อไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจี่ยนอันอันจึงมีสีหน้าประหลาดใจแบบนั้นนางกัดฟันตอบว่า “เหวยป๋อจื่อมาที่จวนแม่ทัพตั้งแต่สิบห้าปีก่อนแล้ว”“เอาละ เจ้าเล่าต่อไปได้แล้ว”เจี่ยนอันอันตัดสินใจข่มความสงสัยในใจลงก่อน แล้วฟังเฉียนซื่อเล่าต่อไปมือที่สั่นเทิ้มของเฉียนซื่อเช็ดเลือดบนใบหน้าออกแล้วเริ่มเล่าต่อไปปีนั้นเสิ่นจือเจิ้งยังเล็ก ไม่รู้ว่าคนที่พากลับมาเป็นใครยามนั้นแม่ทัพผู้เฒ่าเสิ่นยังมีชีวิตอยู่ เขาเห็นเสิ่นจือเจิ้งพาคนที่มีบาดแผลทั่วร่างกลับมาก็สั่งให้คนไปเรียกหมอมารักษาคนเจ็บแต่เมื่อหมอมาจับชีพจรให้กลับบอกว่าคนผู้นี้มีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นานหมอเพียงจัดยาสำหรับรักษาบาดแผลภายนอกให้เหวยป๋อจื่อแล้วก็จากไปตอนที่เฉียนซื่อเห็นเหวยป๋อจื่อก็พบว่าเขามีลักษณะโดดเด่นไม่ธรรมดาในใจพลันบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาถ้าสามารถช่วยชีวิตคนผู้นี้ไว้ได้ นางก็จะสามารถชุบเลี้ยงเอาไว้ข้างกายแค่มองดูอีกฝ่าย นางก็รู้สึกดีแล้วไม่แน่ว่าวันหน้านางอาจได้ร่วมอภิรมย์กับเขาด้วยก็เป็น
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ