เฉินอากงรู้สึกตื้นตันใจยิ่ง พลางคำนับเจี่ยนอันอันด้วยความนอบน้อมชาวบ้านทั้งหลายที่มาพร้อมกับเฉินอากง ก็ต่างคำนับเจี่ยนอันอันด้วยความดีใจเช่นกันสีหน้าทุกคนล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ตื้นตันใจพวกเขาล้วนเคยกินผักที่เจี่ยนอันอันปลูก รสชาติดีเหลือจะบรรยายเจี่ยนอันอันจึงกล่าวต่อชาวบ้านทั้งหลาย “ที่จริงวิธีปลูกผักของข้าง่ายดายมาก ไม่ต่างกับวิธีการปลูกของพวกท่าน”“เพียงแต่น้ำที่ข้าใช้ มิใช่น้ำในบ่อลึก ดังนั้นผักที่ออกมา จึงมีรสชาติแตกต่างจากที่เคยกิน”ชาวบ้านทุกคนต่างตั้งใจฟัง พร้อมพยักหน้าเป็นระยะเจี่ยนอันอันหยิบน้ำพุวิญญาณจากห้วงมิติมาขวดหนึ่ง แล้วมอบให้เฉินอากง“นี่คือสิ่งที่จะทำให้น้ำบ่อกลายเป็นน้ำแร่อันบริสุทธิ์ ซึ่งข้าไปเข้าเมืองครั้งนี้และซื้อกลับมา”“เฉินอากง งานนี้ขอมอบให้ท่าน เพียงเทลงบ่อน้ำของชาวบ้านสักเล็กน้อย”“ทีนี้น้ำในบ่อของแต่ละบ้านก็จะกลายเป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ทั้งสิ้น”“แล้วทุกคนก็เอาน้ำชนิดนี้ไปปลูกผัก รับรองว่าจะได้ผักที่รสชาติอร่อยอย่างแน่นอน”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้เฉินอากงและชาวบ้านอื่นๆ ล้วนมีรอยยิ้มด้วยความดีใจพวกเขาต่างขอบคุณเจี่ยนอันอันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เถี่ยต้านได้ยินดังนี้จึงรีบวิ่งกลับไปที่รูต่อเจี่ยนอันอันให้ฉู่จื่อซีเข้าบ้านไปก่อน นางจะไปหาเสิ่นจือเจิ้งฉู่จวินสิงมักตามติดเจี่ยนอันอันเป็นเงาตามตัว ครั้งนี้ก็ขอตามไปด้วยเช่นกันทั้งคู่เปิดประตูลานบ้านเข้าไป จึงเห็นกวนเจี๋ยซึ่งไม่ได้พบเจอมานาน พร้อมคนอีกหลายคน อยู่ในกลางลานบ้านของเสิ่นจือเจิ้งแต่ยามนี้เสิ่นจือเจิ้งไม่อยู่ลานบ้าน เพราะกำลังพูดคุยอยู่กับกวนเจี๋ยและพวกทุกคนเมื่อเห็นทั้งคู่เข้ามา จึงยุติการสนทนาโดยพลันเจี่ยนอันอันมองดูกวนเจี๋ยและพวก นึกสงสัยว่าหลายวันนี้พวกเขาไปอยู่ที่ใดมาเพราะนับแต่นางจัดแจงให้เสิ่นจือเจิ้งมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ไม่เห็นหน้าพวกเขาอีกเสิ่นจือเจิ้งแย้มยิ้มขณะเดินมาหาเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “แม่นางเจี่ยนมาหาพี่ใหญ่ข้าใช่หรือไม่ พี่ใหญ่เพิ่งไปเดินเล่น ยังไม่กลับมา”เจี่ยนอันอันกล่าวตอบอย่างรู้กาลเทศะ “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนการพูดคุยของพวกเจ้าแล้ว”กล่าวพลางจึงพาฉู่จวินสิงเดินออกจากเรือนไปขณะทั้งคู่เดินออกมานั้น พลันเห็นเหยียนซวงก็ออกจากบ้านตนเองเช่นกัน“อันอัน พวกเจ้ากลับมาแล้วรึ” เหยียนซวงเห็นเจี่ยนอันอันมาพร้อมกับฉู่จวินสิง จึงเดินมาหาด้วยคว
“อนาคตเหยียนอวี่ก็ต้องมีครอบครัวเช่นกัน เงินส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ให้ภรรยาและลูกเถิด”ทั้งเหยียนซวงและเหยียนอวี่ต่างซาบซึ้งในน้ำใจของเจี่ยนอันอัน ทั้งคู่ขอบตาแดงเรื่อ แล้วจึงนำตั๋วเงินส่วนที่เหลือสองพันห้าร้อยตำลึงเก็บขึ้นเจี่ยนอันอันหวังเป็นสื่อให้เหยียนซวงกับถังหมิงเซวียนมากกว่า เพราะพวกเขาต่างหากที่มีการหมั้นหมายมาก่อนหน้าเจี่ยนอันอันจึงได้ถามยิ้มๆ “เจ้าเห็นว่าถังหมิงเซวียนเป็นคนอย่างไร?”เหยียนซวงถูกถามจนตะลึง ด้วยไม่คิดว่าจู่ๆ เจี่ยนอันอันจะมาถามเช่นนี้“คุณชายถังเป็นคนดีมาก ซ้ำยังเป็นหมอเทวดาของเมืองหนิงชวนเรา”เหยียนซวงตอบไปตามจริง น้ำเสียงมิได้แฝงความรู้สึกใดเป็นพิเศษเหยียนอวี่เอ่ยปากกล่าวแทน “แต่ข้าว่า คุณชายถังให้ความสำคัญต่อพี่หญิงมากกว่าคุณชายเสิ่น”ทันทีที่เอ่ยปากออกไป เหยียนอวี่กลับถูกเหยียนซวงถลึงตาเข้าใส่“พี่หญิง ถึงจ้องข้า ข้าก็จะพูด คุณชายถังมีน้ำใจต่อท่าน เราต่างก็เห็นอยู่”“ตรงข้ามกับพี่เสิ่นที่ทำเย็นชากับท่านมาโดยตลอด ข้าเชื่อว่าท่านควรจะรับรู้ได้ว่าพี่เสิ่นไม่ได้ชอบท่านเลย”“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล ข้าก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษต่อพี่เสิ่นแต่อย่างใด”เหยียนซวงกล
“แม่นางเจี่ยน โปรดอย่าได้ล้อข้าอีกเลย” ขณะที่ถังหมิงเซวียนเอ่ยปาก แม้แต่ติ่งหูก็ยังแดงเรื่อเจี่ยนอันอันเอามือปิดปากแอบอมยิ้มนางตบไหล่เหยียนซวงเบาๆ พลางยิ้มให้นาง “ถังหมิงเซวียนเป็นคนไม่เลวนัก เจ้าต้องถนอมน้ำใจคนอยู่เบื้องหน้าให้ดีล่ะ”“บ้านข้ายังมีงานต้องทำอีก เห็นทีคงไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว”กล่าวจบจึงลุกขึ้นเพื่อจะอำลา ฉู่จวินสิงจึงได้ลุกตาม เตรียมกล่าวลาเช่นกันเหยียนซวงเห็นดังนี้ จึงรีบลุกขึ้นน้อมส่ง“อันอัน ถ้าเจ้ามีเวลา เชิญมานั่งคุยที่นี่ได้นะ”เหยียนซวงซาบซึ้งในความช่วยเหลือของเจี่ยนอันอัน จนนางสามารถใช้ศักยภาพของตน ทำงานหาเลี้ยงชีพได้เองโดยมิต้องห่วงว่าอนาคตจะไม่มีเงินใช้อีกรอจนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจากไปแล้ว ถังหมิงเซวียนจึงได้บอกจุดประสงค์ที่มาให้รู้“วันนี้ข้ามีเรื่องจะบอกกล่าวให้รู้”เหยียนซวงและเหยี่ยนอวี่มองหน้าถังหมิงเซวียนด้วยความฉงน ไม่เข้าใจว่าเขาพูดเรื่องใด?“หลายวันนี้เพราะอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยม เงินที่ข้าติดตัวมาจึงใช้จ่ายจนเกือบไม่เหลือ”ถังหมิงเซวียนกล่าวถึงตรงนี้ เกรงว่าทั้งคู่จะเข้าใจผิดนึกว่าเขามาขอกู้เงินจึงรีบร้อนกล่าวต่อ “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่
เขาเพิ่งได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองก็คิดในใจว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หลานชายผู้นั้นของเขาเทียวมาหาเขาอยู่บ่อยๆทั้งยังบอกให้เขาไปอยู่ด้วยกันกับครอบครัวของหลานชายในอำเภอไถหยางเขายังดูออกว่า คุณชายผู้นี้สนิทสนมกับเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมากถ้าเขาสามารถปล่อยบ้านตัวเองให้คุณชายผู้นี้เช่า เขาก็จะได้เงินมาจำนวนหนึ่งถึงยามนั้นพอเขาไปอยู่ที่บ้านหลานชาย หลานสะใภ้ก็คงไม่ดูแคลนเขาคิดถึงตรงนี้ ชาวบ้านผู้นั้นก็กล่าวว่า “คุณชายท่านนี้ ต้องการหาบ้านพักในหมู่บ้านชิงสุ่ยงั้นรึ?”“ข้าวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้จะไปอยู่กับครอบครัวหลานชายที่อำเภอไถหยาง”“บ้านข้าหลังนี้ถ้าปล่อยไว้ก็คงร้างไปเปล่าๆ มิสู้ข้าปล่อยเช่าให้ท่าน ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”ครั้นถังหมิงเซวียนได้ยินว่าอีกฝ่ายมีบ้านที่ต้องการปล่อยเช่า เขาก็กระโดดลงมาจากม้าทันทีคราวนี้ดียิ่ง ถ้าสามารถเช่าบ้านสักหลังได้จริงๆ เขาก็จะได้เห็นหน้าเหยียนซวงบ่อยๆ แล้วน่ะสิ“ขอถามพี่ใหญ่ท่านนี้หน่อยสิ บ้านท่านจะปล่อยเช่าในราคาเท่าใดหรือ?”ชาวบ้านเกาท้ายทอย เขาเพิ่งมีความคิดจะปล่อยบ้านให้เช่าเป็นครั้งแรกไม่รู้เลยว่าราคาตลาดตอนนี้เป็นอย่างไรแต่เห็นถังห
พวกชาวบ้านทำงานกันอย่างขะมักเขม้น พวกเขาเห็นเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงมาแล้วก็ยิ้มให้คนทั้งสองท่านปู่เฉินพาทุกคนไปบ้านพวกเขาในช่วงก่อนหน้านี้ก็ได้เทน้ำพุวิญญาณขวดเล็กหนึ่งขวดลงไปในบ่อน้ำในของแต่ละบ้านแล้วสิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ น้ำในบ่อน้ำที่เดิมทีกำลังจะแห้งเหือดหลังจากเทน้ำพุวิญญาณขวดนั้นลงไป น้ำในบ่อก็พลันเพิ่มพูนขึ้นมาในไม่ช้า น้ำก็ปริ่มขอบบ่อ ท่าทางเหมือนจะล้นออกมาอย่างไรอย่างนั้นพวกชาวบ้านหยิบกระบวยตักน้ำพุวิญญาณขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง เมื่อเข้าปากก็รู้สึกว่าหวานสดชื่นอร่อยกว่าน้ำบ่อในสมัยก่อนของที่บ้านพวกเขาเสียอีกเมื่อมีน้ำพุวิญญาณพวกนี้ พวกเขาก็ยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิมพวกเขาถางพืชพรรณในทุ่งนาบ้านตนเองออกไปครึ่งหนึ่ง เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับปลูกผักหลังพลิกหน้าดินเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มปลูกผักในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่า เมล็ดพันธุ์ที่ถูกรดด้วยน้ำพุวิญญาณก่อนหน้านี้ล้วนแต่แตกหน่อเล็กๆ ออกมาแล้วเหล่าชาวบ้านยินดีเป็นเท่าตัว ขอแค่สามารถปลูกผักที่รสชาติดีออกมาได้ วันหน้าพวกเขาก็ไม่ต้องกลุ้มใจว่าไม่มีผักกินแล้วผักในทุ่งนาของครอบครัวเจี่ยนอันอันล้วนแต่ใช้น้ำพุวิญญาณรดแน่นอนว่า
ที่แท้พวกเขาก็ไปทำงานที่อำเภอไถหยางนี่เอง“เช่นนั้นวันนี้พวกเขากลับมาเพราะหางานในอำเภอไถหยางทำไม่ได้แล้วงั้นหรือ?”เจี่ยนอันอันก็ยังสงสัยมากอยู่ดี พวกกวนเจี๋ยดูไม่เหมือนคนที่จะหางานไม่ได้นี่นาเสิ่นจือเจิ้งหัวเราะเบาๆ “พวกเขานำเงินจำนวนหนึ่งกลับมาด้วย อยากพักอยู่แถวนี้น่ะ”“ข้าเคยเดินเล่นในหมู่บ้านชิงสุ่ย ไม่มีสถานที่ให้พวกเขาพักอยู่ได้เลย”“ข้าจึงไปเดินเล่นบนเนินเขาสือหลี่ โชคดีที่บนนั้นมีกระท่อมไม้หลังหนึ่งที่พอให้คนเข้าพักได้”ตอนที่เจี่ยนอันอันได้ยินว่าเป็นกระท่อมไม้ก็คิดขึ้นได้ว่าหนิงเจิ้นกับแม่นมหลี่รวมถึงเตียวเฉียงเคยพักที่นั่นมาก่อนเวลาผ่านมานาน กลิ่นคาวเลือดที่นั่นจึงจางหายไปหมดแล้วถ้าให้พวกกวนเจี๋ยเข้าพักก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้แต่กระท่อมไม้ไม่ได้มีขนาดกว้างขวางนัก คนหลายคนพักอยู่ที่นั่นเกรงว่าอาจแออัดไปบ้างหลังจากเจี่ยนอันอันบอกกล่าวความคิดในใจออกมาก็ได้รับการเห็นพ้องจากเสิ่นจือเจิ้ง“ที่นั่นไม่กว้างจริงๆ นั่นแหละ แต่พวกเขามีมือมีเท้า สามารถหาวัสดุไม้มาสร้างบ้านเองได้”เจี่ยนอันอันไม่พูดอะไรอีก อย่างไรเสียคนเหล่านั้นก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันใดกับนางนางไม่จำเป็นต้
พวกเขาล้วนแต่เป็นบุรุษ จะเอาแต่เกาะผู้หญิงกินไปตลอดได้อย่างไรแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดเช่นนี้ อย่างไรเสียพี่ใหญ่ก็ไม่เคยปลูกผักและธัญพืชมาก่อนนางกลัวว่าพี่ใหญ่จะปลูกของพวกนี้ได้ไม่ดีแต่เรือนหลังนี้กลับค่อนข้างกว้างขวาง มิสู้ให้พวกเขาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไว้ในเรือน วันหน้ายังมีเนื้อไว้กินเจี่ยนอันอันคิดถึงตรงนี้ก็เอ่ยยิ้มๆ “พี่ใหญ่ ตอนบ่ายข้าจะเข้าเมือง ถึงตอนนั้นข้าจะซื้อลูกไก่ลูกเป็ดกลับมา”“ท่านกับเซียงเสวี่ยรวมถึงเสิ่นจืออวี้ก็เลี้ยงสัตว์ปีกพวกนี้ไว้ที่บ้านก็แล้วกัน”ลูกไก่ลูกเป็ดพวกนั้นเลี้ยงง่ายมาก แค่ให้อาหารพวกมันเล็กน้อยก็พอแล้วลูกไก่หลายตัวที่นางเลี้ยงอยู่ในตอนนี้ก็เป็นการเลี้ยงแบบเปิดตอนนี้ล้วนโตหมดแล้ว อีกไม่นานก็สามารถออกไข่ได้แล้วเมื่อเซียงเสวี่ยได้ยินว่าจะเลี้ยงลูกไก่ลูกเป็ดก็ปรบมือด้วยความตื่นเต้น“ฮูหยินน้อยรอง ความคิดของท่านดียิ่งนักเจ้าค่ะ ข้าชอบเลี้ยงดูสัตว์ตัวน้อยพวกนี้ที่สุดแล้ว ทั้งยังได้กินไข่ไก่กับไข่เป็ดอีกด้วย”เสิ่นจือเจิ้งเห็นเซียงเสวี่ยมีสีหน้าตื่นเต้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงตอบรับอย่างรวดเร็วเขาไม่ค่อยเข้าใจการเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดสักเท
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ