เหยียนซวงและเหยียนอวี่จึงได้เห็น ว่าสิ่งที่ถังหมิงเซวียนเอาออกมาคือหยกพกชิ้นหนึ่งพวกเขาเคยได้ยินอารองและอาสะใภ้รองบอกว่า ครอบครัวของผู้เป็นคู่หมั้น จะมอบหยกพกให้แก่เหยียนซวงในวันแต่งงาน เพื่อเป็นสินสอดและหยกพกชิ้นนั้น นับเป็นมรดกตกทอดมาจากต้นตระกูลของผู้เป็นคู่หมั้นเป็นหยกซึ่งมีค่าควรเมือง อีกทั้งครอบครัวฝ่ายชายก็มีทายาทเพียงหนึ่งเดียวจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จะรอถึงวันแต่งงานเท่านั้น จึงจะมอบหยกพกให้แก่ฝ่ายหญิงสมัยก่อนท่านอารองพูดเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง สองพี่น้องหาได้ใส่ใจไม่มีแต่คิดว่าฝ่ายชายต้องการจะหาภรรยา จึงแสร้งกุเรื่องขึ้นมาส่งเดชอีกทั้งฝ่ายชายก็เป็นตาแก่อายุตั้งห้าสิบกว่าปี ผ่านอาจการสู่ขอหญิงสาวมาหลายคนก็เป็นได้แล้วจะเป็นหยกพกที่สืบทอดมาจากต้นตระกูลได้อย่างไรเหยียนซวงและเหยียนอวี่มองดูหยกด้วยความตะลึงงัน เห็นเพียงบนเนื้อหยกสลักด้วยลวดลายอันสลับซับซ้อนเนื้อหยกแลดูเรียบเนียน ให้ความรู้สึกอันสูงค่า อีกทั้งยังฝังพลอยงดงาม ทำให้ยิ่งดูหรูหรามากขึ้นพวกเขาไม่เคยเห็นหยกที่สวยงามเช่นนี้มาก่อนหรือว่า ถังหมิงเซวียนจะเป็นคู่หมั้นของเหยียนซวงจริงๆ?ทั้งคู่เบนส
“นับแต่มีพี่ถังมาอยู่นี่ ฝีมือทำอาหารของพี่ใหญ่ก็พัฒนาขึ้นมาก”เหยียนซวงยกมือขึ้นจะตีเหยียนอวี่ด้วยความหงุดหงิด ทำเอาเหยียนอวี่หวาดกลัวเสียจนยกชามข้าวหลบไปอยู่ด้านข้างนับแต่เหยียนอวี่หายจากอาการป่วย ก็มักชอบพูดจาหยอกเย้าเหยียนซวงอยู่เป็นประจำการใช้ชีวิตของสองพี่น้อง ก็ต่างจากเมื่อก่อนมากในอดีตนั้นเหยียนซวงแทบไม่กล้าทำตาขวางใส่เหยียนอวี่ หรือแม้แต่ตีเขาแม้แต่น้อยด้วยเกรงว่าอาการเขาจะทรุดหนักเพราะตนเป็นต้นเหตุแต่ปัจจุบันไม่เหมือนกัน โรคของเหยียนอวี่รักษาหายเป็นปกติแล้ว ความห่วงใยของนางก็ค่อยเบาบางลงสองคนอยู่บ้านจึงมักจะตีกันไปมา เพิ่มชีวิตชีวาให้แก่บรรยากาศในบ้านมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นสองพี่น้องถกเถียงกัน พลอยทำให้ถังหมิงเซวียนอมยิ้มตามเขาชอบดูความร่าเริงแจ่มใสของเหยียนซวง และคำพูดของเหยียนอวี่เมื่อครู่นี้ ก็ยิ่งโดนใจเขานักการที่เหยียนซวงคีบอาหารให้เขา นั่นแสดงว่านางเห็นสำคัญของเขา มากขึ้นกว่าแต่ก่อนไม่น้อยถังหมิงเซวียนจึงคิดว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นสองพี่น้องก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่ เขาจึงกระแอมเบาๆ ขึ้นมา“มีเรื่องหนึ่ง ข้าอยากบอกให้พวกเจ้ารู้ แต่หล
ถังหมิงเซวียนรีบลงจากหลังม้า หอบเอาผ้าและฝ้ายลงมาด้วย“ตามที่เจ้าต้องการ ข้าได้ซื้อผ้ามาให้แล้ว หลายวันนี้อากาศเริ่มเย็น ข้าจึงซื้อฝ้ายมาด้วย เผื่อไว้ทำเสื้อกันหนาวและผ้านวม”“นี่คือเงินส่วนที่เหลือ เอามาคืนเจ้าด้วย”ถังหมิงเซวียนกล่าวพลาง นำเงินส่วนที่เหลือคืนให้แก่เหยียนซวงเหยียนซวงไม่นึกว่าเขาจะเป็นคนละเอียดอ่อนเช่นนี้ ไม่เพียงซื้อผ้ามาให้นาง ยังใส่ใจถึงขั้นซื้อฝ้ายมาให้อีกพลันทำให้นางรู้สึกอุ่นใจขึ้นอย่างมากเหยียนซวงรับเงินส่วนที่เหลือมา ยิ้มแย้มขณะปล่อยให้ถังหมิงเซวียนเดินเข้าบ้านไปเหยียนอวี่เห็นถังหมิงเซวียนกลับมาจนได้ จึงรีบเดินมาลากตัวเขาไปด้านข้าง“พี่ถัง ข้าจะบอกให้ เพราะท่านไปเสียตั้งนาน พี่สาวข้าจึงบ่นคิดถึงอยู่ตลอด”คำพูดของเหยียนอวี่ทำให้ถูกเหยียนซวงทำตาขวางใส่“เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจาเหลวไหลอันใดกัน”เหยียนซวงไม่ยอมรับว่า ตนคิดถึงถังหมิงเซวียนอยู่ตลอดเวลาแต่พอถังหมิงเซวียนได้ยินคำพูดของเหยียนอวี่ พลันรู้สึกอุ่นใจขึ้นสายตาที่มองดูเหยียนซวง ก็เริ่มเป็นประกายอย่างเห็นได้ชัดดีที่เมื่อครู่เหยียนซวงไปบ้านเสิ่นจือเจิ้งไม่นานก็เดินออกมา เขาจึงไม่กล้าคิดเป็นอื่
“คุณชายถังจะซื้อสมุนไพรชนิดใด ข้ามีทั้งชนิดชั้นดี และสมุนไพรในระดับกลาง”ถังหมิงเซวียนนำถุงเงินออกมา นับเงินที่อยู่ในนั้น พร้อมหยิบตั๋วเงินออกมาบางส่วน“ข้าต้องการซื้อสมุนไพรชั้นดี”เขาเอ่ยชื่อสมุนไพรบางชนิด สวีจงฉือจึงหันไปทางตู้เก็บยา นำสมุนไพรที่ถังหมิงเซวียนต้องการออกมาอีกทั้งห่อเรียบร้อย มอบให้แก่ถังหมิงเซวียน“เห็นแก่ที่ท่านสนิทสนมกับแม่นางเจี่ยน ข้าจะลดราคาให้สี่ส่วน ทั้งหมดสามร้อยเก้าสิบตำลึง”ถังหมิงเซวียนย่อมรู้ดีว่า ยาเหล่านี้มีราคาแพงนักเมื่อสวีจงฉือยินยอมลดราคาให้ถึงสี่ส่วน เขาจึงย่อมไม่คิดต่อรองอีกหลังจากมอบเงินให้แล้ว จึงนำยาเดินออกจากร้านจี้เฉ่าถังสวีจงฉือได้ติดตามออกมาด้วย เขาเหลียวมองรอบข้างอีกรอบหนึ่ง ยังคงไม่เห็นเงาของเจี่ยนอันอันถังหมิงเซวียนคล้ายรู้ทันความคิดสวีจงฉือ จึงกล่าวยิ้มๆ “คุณชายสวีไม่ต้องมองหาหรอก แม่นางเจี่ยนยังไม่ตามมาเร็วนัก”“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ามองหาแม่นางเจี่ยน?” สวีจงฉือถูกถังหมิงเซวียนสัพยอกจนหน้าแดงไปถึงใบหูพลางรีบปฏิเสธด้วยความขวยเขิน ชี้แจงว่าตนไม่ได้มองหาเจี่ยนอันอันถังหมิงเซวียนยิ้มๆ และไม่ได้กล่าวอันใดต่อ เขาขึ้นหลังม
จางเฉวียนหันไปถามทหารที่ได้รับบาดเจ็บ “พวกเจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”เหล่าทหารต่างตอบด้วยความดีใจ “หัวหน้า หลังจากกินยาแก้แล้ว พวกเรารู้สึกดีขึ้นมาก”จางเฉวียนเห็นเหล่าทหารต่างฟื้นฟูดีแล้ว จึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเขาให้เหล่าทหารกลับห้องไปพักผ่อน เหลือบางส่วนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ คอยเฝ้าประตูเมืองต่อไปโดยจางเฉวียนยืนอยู่กำแพงเมืองชั้นบน มองดูรถม้าที่ควบห่างออกไปในใจพลันเกิดความรู้สึกตื้นตันยิ่ง เพราะหากไม่มีเจี่ยนอันอัน ทหารของเขาเห็นทีต้องจบชีวิตในวันนี้เป็นแน่เขาไม่อยากให้ตนเพิ่งมาเป็นแม่ทัพปกป้องเมืองไม่นาน ก็ต้องทนดูผู้ใต้บังคับบัญชา มาเสียชีวิตต่อหน้าแล้วบุญคุณของเจี่ยนอันอันในวันนี้ เขาจะจดจำไว้วันหน้าถ้านางต้องการให้เขาเปิดประตูเมืองจริง เขาจะทำตามแน่นอนทั้งราชโองการเอย รับสั่งจากฮ่องเต้เอย เขาล้วนไม่นำพาทั้งสิ้นยามนี้เขาจะฟังแต่เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเท่านั้นส่วนคำสั่งจากผู้อื่น ถ้าขัดกับความประสงค์ของเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง เขาจะไม่ปฏิบัติตามระหว่างทางที่กลับบ้าน ฉู่จวินสิงไม่ได้ควบรถม้าให้วิ่งเร็วนักด้วยเกรงว่าหนทางที่ขรุขระ อาจกระทบถึงร่างกายของเจี
เจี่ยนอันอันและถังหมิงเซวียนช่วยกันต้มยาถอนพิษ ส่วนฉู่จวินสิงสอบถามถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวจางเฉวียนบอกเล่าเรื่องที่กู้มั่วหลีคิดฝ่าออกจากเมืองให้ฉู่จวินสิงรับฟังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันต่างสบสายตากัน ทั้งคู่พอจะเดาออก ว่าคนที่คิดฝ่าออกจากเมืองนั้น คงเป็นกู้มั่วหลีแน่นอนเจี่ยนอันอันแอบคิดในใจ คงเพราะกู้มั่วหลีได้ขจัดพิษร้ายในตัวแล้ว จึงคิดไปจากเมืองอินเป่ยเพียงแต่ประตูเมืองปิดสนิทแน่นหนา ผู้ใดล้วนห้ามสัญจรเข้าออกทั้งสิ้นด้วยเหตุนี้เขาจึงทำร้ายเหล่าทหารจนบาดเจ็บ ทั้งยังวางยาพวกเขาอีกน้ำมืออำมหิตเช่นนี้ นอกจากกู้มั่วหลีแล้ว ยากจะหาผู้อื่นกระทำการเช่นนี้ได้อีกในเมื่อเขาเลือกที่จะออกจากเมืองอินเป่ยไป นั่นแปลว่าอนาคตคงจะไม่ย้อนกลับมาอีกและข้อตกลงระหว่างพวกเขา ก็เป็นอันยกเลิกไปด้วยเมื่อนึกถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็พลันทำแบะปากเดิมทีนางไม่เคยสนใจว่ากู้มั่วหลีคิดร่วมมือจริงจังกับนางหรือไม่อยู่แล้วต่อให้ไม่มีกู้มั่วหลีมาช่วย นางกับฉู่จวินสิงก็สามารถขยายอิทธิพลในวันหน้าได้อยู่ดีรอเพียงโอกาสสุกงอม พวกเขาก็จะยกทัพไปตีเมืองจิงโจวจากนั้นก็กระชากตัวฉู่ชางเหยียนให้ลงจากบัลลัง