Home / โรแมนติก / พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย / บทที่ 1 จอมพยศที่หนึ่ง

Share

บทที่ 1 จอมพยศที่หนึ่ง

last update Last Updated: 2025-10-26 11:59:15

บ้านเอ‍ก‍เด‍ชา‍พิ‍พั‍ฒ‍น์

สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือโถงห้องรับแขกที่เดิมเคยมีเฟอร์นิเจอร์หรูมูลค่าหลายสิบล้านที่คุณตาหวงแหนตั้งอยู่ ตอนนี้ทุกอย่างถูกเคลียร์โล่งเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับงานปาร์ตี้ ทั้งลูกโป่ง ริบบิ้น กระดาษสีมากมายเกลื่อนพื้นไปหมด แล้วยังมีพลุกระดาษถูกยิงขึ้นไปติดอยู่บนรูปที่แปะไว้ใจกลางของห้องรับแขกนั่นอีก

รูปคุณตา คุณยาย แล้วก็แม่ของฉัน สามคนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้กำลังถูกหยามเกียรติโดยใครก็ไม่รู้ที่มันไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลฉันด้วยซ้ำ แล้วไหนจะแขกในงานวันเกิดที่ร้องเจี๊ยวจ๊าวเหมือนลิงหลุดมาจากสวนสัตว์ ผู้ปกครองที่มางานก็ยังไม่สนใจดูแลลูก ปล่อยให้ไอ้เด็กเวรพวกนี้มันขึ้นไปกระโดดอยู่บนโซฟาของคุณตาอีก

“เท็กซัสลูก อย่ากระโดดสิครับ” ฉันคิดว่าคนเป็นแม่คงมีจิตสำนึกอยู่บ้าง หากว่าไม่ได้ยินคำพูดต่อมา “เดี๋ยวตกลงมาแข้งขาหักจะทำยังไง ลงมาลูก”

“พอกันที!”

ฉันเดินตรงเข้าไปภายในงานแม้ว่าจะมีการรั้งต้นแขนเล็กๆ จากคนที่เดินมาด้วยกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันหยุดความตั้งใจที่จะทำลายงานวันเกิดแสนอัปรีย์ในครั้งนี้

“เรนิส...” คนที่เรียกชื่อฉันไม่ใช่ใครที่ไหน แม่ของร‍า‍อุ‍ลอย่างยัยไข่มุกนั่นเอง ผู้หญิงที่อายุมากกว่าฉันแค่ 4 ปี แต่กลับมีลูกชายที่อายุ 7 ขวบกับพ่อทั้งที่แม่ฉันเพิ่งตายได้ปีเดียว

มีลูกตั้งแต่อายุ 20 มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรห‍ร‍อ‍ก แต่ที่น่าสมเพชคือผู้ชายคนนั้นเขามีเมียอยู่แล้ว

แพศยา ไม่มีคำไหนเหมาะกับเธอมากไปกว่าคำนี้แล้วล่ะ

“ออกไปจากบ้านฉันให้หมด หัวหงอกหัวดำเด็กเล็กเด็กโตก็ช่าง ออกไปถ้าไม่อยากตาย!”

ฉันตะโกนเสียงดังลั่นพลางมองหน้าคนในงานทีละคน ไม่ได้สนใจว่าจะมีคนเริ่มกระซิบกระซาบเหมือนไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร ตอนนี้ฉันทั้งโกรธทั้งแค้น ทั้งอยากกระชากหัวคนพวกนี้มาตบล้างน้ำทีละคน

“หยุดนะเรนิส...” ยัยไข่มุกพยายามเข้ามาหยุด แต่ก็โดนฉันตอกหน้าหงายไปอีกคน

“อย่ามาเรียกชื่อฉัน นังเสร่อ”

“นี่งานวันเกิดน้องนะ อย่ามาทำตัวก้าวร้าวแถวนี้” ผู้เป็นแม่คงกลัวว่าลูกชายจะหน้าแตกต่อหน้าเพื่อน ส่วนตัวเองก็ต้องเสียหน้าต่อหน้าพ่อแม่เด็กๆ พวกนี้ พวกคุณหญิงคุณนายที่คิดจะเกาะอำนาจคนในวงสังคมเดียวกัน ไม่รู้หรือไงว่าที่เกาะๆ อยู่นี่น่ะของปลอม!

“หล่อนมีสิทธิ์มาสั่งฉันตั้งแต่เมื่อไหร่นังเมียน้อย แล้วน้องอะไร ฉันไม่นับญาติกับพวกแก เก็บของออกไปจากบ้านฉันซะ!”

“จะทำอะไรก็ช่วยคิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่เธอบ้างนะ อย่าลืมสิว่าเธอคือทายาทของเอซีกรุ๊ป ทำตัวต่ำๆ แบบนี้ไม่กลัวคนเขาว่าให้หรือไง”

“ทายาทอะไรยะ หล่อนละเมออะไรอยู่ ฉันมีสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายที่จะนั่งตำแหน่งประธานที่ผัวเธอนั่งอยู่ ไม่ต้องรอให้ใครตายก่อนฉันก็ทำงานได้เลย อย่ามาพูดให้ได้ยินว่าฉันต้องรับช่วงต่อใครอีก”

เธอคงรู้ตัวว่าเถียงยังไงก็ไม่ชนะเลยเงียบไป นั่นยิ่งทำให้ฉันได้ใจใหญ่

“หวังว่าเธอคงจะกอดใบทะเบียนสมรสไปได้ตลอดนะ เพราะเมื่อไหร่ที่ฉันได้ตำแหน่งคืนมาเธอกับลูกไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่ อย่าลืมนะว่าเธอกับลูกไม่ได้มีสายเลือดเอ‍ก‍เด‍ชา‍พิ‍พั‍ฒ‍น์”

“จะเกินไปแล้วนะ คิดหรือเปล่าว่าถ้าคุณพ่อได้ยินแบบนี้ท่านจะว่ายังไง”

“จะว่ายังไงได้ เขาก็ไม่ต่างจากเธอห‍ร‍อ‍ก ขยะ...”

“เมื่อกี้แกพูดว่ายังไงนะ?”

บทสนทนาของเราทั้งคู่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงดุๆ ที่ฉันแสนจะคุ้นเคย ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่เข้ามาใกล้จนหยุดอยู่ตรงหน้า

“กลับบ้านมาวันแรกก็เอาเลยเหรอ ฉันคงเลี้ยงแกมาไม่ดีสินะเลยทำให้แกก้าวร้าวใส่ไข่มุกเขาแบบนี้” ในน้ำเสียงเจือไปด้วยความไม่พอใจ สายตาขุ่นเคืองมองมาที่ฉันจากนั้นก็จ้องไปที่บอดี้การ์ดคนใหม่ที่ยืนอยู่ทางด้านหลังฉัน

ใบหน้าของพ่อไม่เปลี่ยนไปจากความทรงจำของฉันเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรังเกียจเขายิ่งกว่าครั้งไหนๆ คือก่อนที่ฉันจะไปฮ่องกง เขาทรุดตัวลงหน้าโลงศพของแม่แล้วร้องไห้เหมือนใจจะขาด นั่นมันก็แค่เรื่องโกหกใช่ไหม?

ดูจากท่าทางของเขาตอนนี้อย่าว่าแต่เสียใจ คงดีใจมากกว่าที่แม่ฉันตาย

เลวยันกระดูกจริงๆ

“คุณพาแขกไปที่โซนด้านนอกเถอะ ตรงนี้ผมจัดการเอง” เขาหันไปบอกกับนังเมียน้อยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าตอนพูดกับฉันมาก ซึ่งยัยนั่นก็กำลังจะพาทุกคนในงานออกไป แต่ฉันเรียกเอาไว้ก่อน

“อย่าเพิ่งไปไหนสิคะ หนูเพิ่งมาถึงจะไล่แขกไปเลยหรือไง หรือว่า...กลัวหนูจะพูดอะไร?” ฉันแสยะยิ้มให้ทั้งคู่ราวกับจะส่งสัญญาณเตือน ถ้าพวกเขายังไม่ออกไปจากบ้านของฉัน วันนี้งานวันเกิดจะต้องกลายเป็นสงครามแน่ๆ

“แกจะมาสร้างความวุ่นวายอะไรอีก ไนธ์ พาเรนิสไปคอนโดที่ฉันเตรียมไว้”

“ไม่ไป ที่นี่บ้านหนู บ้านที่หนูโตมาจนอายุ 18 ตอนนั้นพ่อไม่ชอบคุณตาเลยไม่มาเหยียบที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมตอนที่คุณตาตายพ่อถึงพาเมียน้อยเข้ามาอยู่นี่ได้”

“ยัยเรนิส หยุด...” เขากัดฟันกรอด คงทนไม่ได้กับคำพูดของฉัน แน่นอนว่าฉันรู้จักพ่อตัวเองดี ทุกวันนี้ที่ฉันโมโหง่ายก็เป็นกรรมพันธุ์ที่ได้มาจากเขานั่นแหละ

เขาว่า...เชื้อไม่ทิ้งแถว นั่นคงจะจริง

“พ่อมาอยู่บ้านนี้หนูไม่ว่า แต่อย่ามาทำเหมือนหนูเป็นคนนอกแล้วอีนี่เป็นเจ้าของบ้าน ลูกมันก็ด้วย”

“ฉันบอกให้แกหยุด”

“มันเป็นแค่เมียน้อย พ่อได้ยินไหมคะว่ามันเป็นแค่เมียน้อย!!”

“เรนิส!!”

ในที่สุดฉันก็ยั่วโมโหเขาได้สำเร็จ มือหนาเงื้อขึ้นเตรียมจะตบหน้าฉัน ก่อนที่เขาจะฟาดมันลงมาอย่างไม่ออมแรง

ฉันรู้ว่าตัวเองจะต้องเจ็บจนต้องกรีดร้องออกมา แต่ก็ไม่คิดหลบ ได้แต่หลับตารอรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น...

เพียะ!!

เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่นไปทั่วทำให้เกิดความเงียบขึ้นในทันที ทว่าฉันก็ต้องลืมตาขึ้นมองอย่างแปลกใจ เพราะใบหน้าซีกซ้ายไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด

พอลืมตาขึ้นมาก็เข้าใจแล้วว่าทำไม

“มึงมาขวางทำไมไอ้ไนธ์!”

ตรงหน้าฉันคือบอดี้การ์ดหนุ่มที่ควรจะยืนอยู่ด้านหลังก่อนหน้านี้ ใบหน้าของเขาหันไปตามแรงตบแล้วหันมามองหน้าคนทำอย่างช้าๆ วินาทีที่เขาหันกลับมา ฉันพบว่าใบหูข้างที่สวมอินเอียร์ของเขามีของเหลวสีแดงสดไหลออกมา

เขาเจ็บ...แต่ก็ยังตอบไปเสียงเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“หน้าที่ผมคือดูแลคุณหนูตามคำสั่งท่านครับ”

เหอะ ทำหน้าที่บอดี้การ์ดที่ดีเหรอ ตอนนี้เนี่ยนะ? เขามันบ้าไปแล้ว สติไม่ดีหรือว่าโดนซ้อมจนเอ๋อเหรอ หรือเพราะฉันด่าที่สนามบินเลยทำให้เขาคิดได้ขึ้นมา

“มึง...” พ่อที่เป็นเจ้านายของเขาถึงกับกัดฟันกรอด “หน้าที่มึงคือคอยดูไม่ให้มันไปวุ่นวายที่บริษัท ไม่ใช่มาปกป้องตอนพ่อสั่งสอนลูก!”

“ขอโทษครับ”

“เดี๋ยวสิ นายจะไปขอโทษเขาทำไม เขาทำร้ายฉันนะ นายเป็นบอดี้การ์ดก็ต้องปกป้องฉันสิ” ฉันพยายามเข้าไปใส่ไฟ ตอนนี้คนที่อยู่ที่นี่เกินครึ่งเป็นครอบครัวผู้มีอำนาจ เรื่องความชั่วของพ่อจะต้องถูกเล่าต่อในวงกว้าง ไม่แน่ว่าฉันอาจทวงความยุติธรรมให้ตากับแม่ได้ง่ายกว่าที่คิด

“ขนาดผู้ชายที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีอย่างเขายังเลือดไหล แล้วถ้าเมื่อกี้พ่อตบเข้าหน้าหนูหนูจะเจ็บแค่ไหน เข้าข้างเมียน้อยหนูก็ไม่ว่าห‍ร‍อ‍กนะคะ แต่ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย” ฉันเริ่มใส่อารมณ์ดราม่าเข้าไปในน้ำเสียง เห็นหอย่างนี้ทักษะการแสดงของฉันก็เป็นเลิศ

เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันจึงอาศัยจังหวะนี้เดินไปจับมือบอดี้การ์ดของตัวเองเพื่อเรียกคะแนนสงสาร

“เจ็บไหมคะ?” ฉันหันไปพูดกับไนธ์เสียงแผ่ว แต่แล้วก็เจอสายตาดุๆ ของเขาหันมาจิกใส่

ทำไม ฉันจะทำเสียอย่างใครจะห้ามฉันได้ อาศัยจังหวะที่เห็นเขาเลือดออก ใช้โอกาสนี้พาเขาไปโรงพยาบาลให้พ่อเห็นว่าผู้ชายคนนี้น่ะอยู่ข้างฉัน เอาให้คนอย่างพ่อที่พยายามใช้อำนาจกดฉันลงอกแตกตายไปเลย

“แกไม่ต้องมาแสดง กลับคอนโดไปซะ ห้ามกลับมาจนกว่าฉันจะสั่ง”

“พ่อไม่เห็นเหรอคะว่าบอดี้การ์ดของหนูบาดเจ็บ หนูจะไปส่งเขาที่โรงพยาบาลค่ะ แล้วก็จะไปไหว้ศพคุณตาด้วย ไปบอกตาว่าตอนนี้ในบ้านมีแต่ขยะ...” ฉันเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเหล่าแม่ๆ ที่สะดุ้งกันเป็นแถบ “อุ๊บส์ หนูไม่ได้ว่าพวกคุณนะคะ ใครอยากรับก็รับ”

“เรนิส”

“ลาค่ะ หวังว่ากลับมาแล้วจะไม่เจอขยะในบ้านอีกนะคะ”

ก็แค่นั้นแหละ หึ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   ตอนจบ ด้วยรัก...คุณ

    [Nithe’s part]งานแต่งตั้งประธานเป็นอะไรที่วุ่นวายไม่น้อย ผมเดินตามเรนนี่ตลอดเวลาทำหน้าที่บอดี้การ์ดของตัวเองที่ห่างหายไปหลายเดือน ยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่แปลกอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นใบหน้าที่ยิ้มกว้างของเรนนี่อย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน ผมเองก็อดยิ้มตามเธอไม่ได้เธอดูมีความสุขมากจริงๆ มากกว่าเมื่อก่อนมาก ผมดีใจที่พอผมกลับเข้ามาในชีวิตสิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มของเธอ และหวังว่าจะได้เห็นมันไปนานๆ ตลอดไปเลยยิ่งดี“คลั่งรักเมียนะมึงอะ มองไม่พัก มองขนาดนี้แล้ววันนั้นหมาตัวไหนครับบอกว่าถ้าได้เอาคนนี้เอาหมาดีกว่า”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาที่ข้างตัว ผมเกือบลืมไปว่าวันนี้เชิญเพื่อนสุดที่รักมาด้วย หันไปเจอไอ้ ชาวี เพื่อนรักตัวแสบยืนทำหน้าแป้นน่าถีบอยู่ข้างๆ เห็นแล้วอยากจะหันไปแจกหมัดให้สักทีสองที“คนพูดนั่นไม่ใช่กูครับเพื่อน” ผมตอบยิ้มๆ สายตาก็มองกลับเข้าไปในงาน เรนนี่กำลังทักทายแขกเหรื่อในงานโดยมีไอ้เจ็ดเดินตามไม่ห่าง ผมเลยถือโอกาสหันมาคุยกับเพื่อนบ้างวันนี้มากัดหมดทั้ง นาวี ชาวี รวมทั้งไอ้นักรบ แล้วไหนจะสาวๆ เมียพวกมันอีกครบทีม ผมคิดว่างานสำคัญอย่างนี้พาพวกเธอมาเจอกันหน่อยก็ดี ซ้ำคุณหนูเอวา[1] เอ

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 33 ในฐานะ...บอดี้การ์ด

    ฉันมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก หญิงสาวในเ‍ด‍ร‍สสีแดงสดแต่งหน้าจัดเต็มทาปากสีนู้ด ผมยาวสลวยถูกย้อมเป็นสีดำขลับแล้วรีดตรงทำให้เธอดูสง่าและภูมิฐานกว่าเมื่อก่อนเป็นไหนๆ สไตลิสของฉันวนรอบตัวแล้วปรบมือแล้วปรบมืออีกด้วยความภาคภูมิใจ ที่หล่อนสามารถเปลี่ยนลุคของฉันจากสก๊อยเป็นท่านประธานสาวได้สำเร็จ“สวย เริ่ด ปัง”“พอเถอะ เธออวยจนฉันเริ่มจะอึดอัดแล้ว”“ฉันอวยตัวเองเถอะ เมื่อก่อนเธอแต่งตัวไม่มีคลาสเอาซะเลย ตอนนี้เหรอ เหอะ อย่าว่าแต่มองเหลียวหลัง ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องวิ่งเข้ามากราบขอเป็นผัวค่ะ”“ขนาดนั้นเชียว?”เราสองคนเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม คงเพราะอายุไม่ห่างกันมาก แล้วก็ทะเลาะกันมาตลอดเลยทำให้สนิทกันง่าย ทุกวันนี้การมีไข่มุกอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่แย่เท่าไหร่“เธอไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวไปพร้อมกัน” ฉันว่าพลางกลับมานั่งเล่นมือถือที่โซฟา ไม่ลืมที่จะถอดส้นสูงออกเพราะรู้ว่าไปงานยังไงก็คงไม่ได้ถอดไปอีกหลายชั่วโมง“ไม่เอาล่ะ เธอไปเถอะ ฉันเป็นแค่สไตลิสจะไปทำไม”“เธอเป็นเมียพ่อฉัน เป็นแม่เลี้ยงฉันนี่”“เธอ...ไม่ใช่ลูกของคุณเดชไม่ใช่เหรอ?”“อือ แล้วไงล่ะ ฉันก็เรียก

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 32 คำที่อยากฟัง

    [Nithe’s part]ขอโทษ...คำนี้มันคงจะสายเกินไปที่จะพูดแล้วในตอนนี้ แหวนที่เธอคืนให้มา มันคือการตัดความสัมพันธ์อย่างชัดเจนแต่ผมกลับไม่สามารถมูฟออนไปได้เลย“ผมเข้าใจนะว่าลูกพี่กำลังอกหัก แต่ดื่มเยอะๆ อย่างนี้มันไม่ดีนะพี่ คุณหนูเขามีความสุขแล้ว ผมเองก็ดูแลให้อย่างดี”คงมีแต่ไอ้เจ็ดที่เข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง เรื่องที่เราเลิกกันไม่ได้ประกาศออกไป เลยมีแค่คนที่ผมสนิทที่สุดเท่านั้นที่รู้ แม้แต่นาวี ชาวี หรือแม้แต่ไอ้นักรบก็ไม่รู้เรื่องนี้ หลายครั้งที่เจอกันพวกมันยังแซวเรื่องของผมกับเรนนี่อยู่เลย ผมเองก็ไม่อยากบอกใครว่าจริงๆ ความสัมพันธ์นั้นมันได้จบลงแล้ว“กูไม่ได้อกหัก” ผมปฏิเสธคำพูดของไอ้เจ็ด ด้วยไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเลิกกับเธอแล้วจริงๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกระดกเหล้าเพียวๆ เข้าปากอีกอึกไม่รู้ว่าตัวเองดื่มจนเมาปลิ้นอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว รู้แค่ว่าทุกวันหากคิดถึงเธอ รสขมปร่าของเหล้าเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยผมได้ดื่มแล้วก็เมา เมาแล้วก็นอน นอนแล้วก็ตื่นมาดื่มใหม่ ชีวิตผมเป็นอย่างนี้มาสามเดือนแล้ว โคตรขี้แพ้เลยเนอะไอ้เจ็ดก็เลิกงานเมื่อไหร่เป็นต้องมาดื่มเป็นเพื่อนผม บางวันมันก็บ่นว่าดื่มไม่ไหวแล้วขอก

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 31 ของขวัญสุดท้าย

    ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเสียไปหมดทุกอย่าง จนกระทั่งตัวเองมาเจอเรื่องนี้เมื่อก่อนฉันเสียแม่ เสียตา แต่ยังมีเป้าหมายในการทวงทุกอย่างคืนมาจากพ่อพอให้ได้มีแรงสู้ต่อ แต่วันนี้ฉันได้ทุกอย่างคืนมาแล้ว แม้แต่ตาก็อยู่กับฉัน แต่กลับไม่มีความสุขเลย“ตรงนี้อ่านว่า กอ อา กา แค่นี้ก็ไม่รู้เนอะ”“ก็เราไม่เคยเรียนหนังสือนี่”“ไม่เอาน่าหลานๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ”อีกอย่างที่ฉันได้มา นั่นก็คือครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ฉันว่าบ้านหลังนี้มันใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียว เลยให้ยัยไข่มุกย้ายกลับเข้ามา ด้วยเหตุผลแรกคือ ฉันอยากให้ร‍า‍อุ‍ลได้เรียนที่ดีๆ มีสังคมดีๆ ไม่ต้องลำบาก สองคืออยากให้หลินหลินได้มีเพื่อนอ้อ ฉันรับหลินหลินเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้ว ถึงจริงๆ เธอจะเรียกฉันว่าพี่สาวก็เถอะตอนนี้ในบ้านฉันเลยเต็มไปด้วยเสียงของเด็กสองคนทะเลาะกันแทบทุกวัน ตามด้วยเสียงคุณตาที่บอกว่าอย่าทะเลาะกันส่วนฉันก็มีงานใหญ่ต้องทำ“ชุดเห่ย”ยัยแม่เลี้ยงปากเสียว่าพลางมองฉันหัวจรดเท้า เธอเบะปากให้ชุดเ‍ด‍ร‍สสีแดงเรียบๆ ที่ฉันเลือกมาด้วยความตั้งอกตั้งใจยัยไข่มุกรับหน้าที่เป็นสไตลิสชั่วคราวให้ฉัน เพราะช่วงนี้ฉันยังไม่อยากพบเจอผู้คน

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 30 ความจริงที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้

    ‘แม่คะ อันนี้ดอกอะไรคะแม่ สวยมากเลย’‘ไซคลาเมนลูก ความหมายของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ห‍ร‍อ‍ก บางคนก็เชื่อว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของการจากลา แต่สำหรับแม่ หมายถึงความรักของแม่ จะยังคงอยู่ตลอดไป แม้ว่าจะตายจากกัน’‘แม่อย่าพูดถึงเรื่องตายแบบนั้นสิคะ เรนไม่ชอบเลย’‘เรนนี่ลูก วันหนึ่งคนเราก็ต้องจากกัน แค่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่หนูไม่ต้องห่วงนะ ถ้าแม่ไปก่อน แม่จะไปรอลูกอยู่ที่นั่นนะจ๊ะ’ภาพของแม่ที่ฉันไม่เคยฝันถึงเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันมองรูปของแม่ทุกวัน หวังว่าจะได้เจอแม่ในฝันสักครั้ง แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นความว่างเปล่า มีเพียงคราบน้ำตาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในทุกคืนแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ฉันถึงได้ฝันถึงแม่ แม่ที่ตายจากไปแล้วหลายปี ฉันถามแม่ว่าคุณตาอยู่ไหน แต่ท่านก็ไม่ตอบแล้วเดินไกลออกไป‘แม่คะ...อย่าทิ้งหนูไป’ เสียงของฉันในความฝันเรียกชื่อแม่ สองขาพยายามวิ่งตามท่าน แต่เหมือนว่ายิ่งวิ่งมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆแม่...อย่าทิ้งหนูไป“แม่คะ...แม่อย่าทิ้งหนู”“เรนนี่” เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาในความฝัน ฉันหันหลังไปแล้วก็เจอกับใบหน้าของชายหนุ่มที่เหมือนจะคุ้นเคย แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเ

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 29 ชัยชนะที่ไม่ชนะ

    “เรื่องการเข้ารับตำแหน่งที่บริษัท ฉัตรจะจัดการให้เองนะคะคุณหนูไม่ต้องห่วง ตอนนี้พักผ่อนไปก่อน เอาสุขภาพตัวเองเป็นหลักนะคะ”คงเป็นความโชคดีของฉันอย่างหนึ่ง คือตอนที่ฉันรู้สึกแย่ฉันไม่เคยต้องอยู่คนเดียว ตอนที่เพื่อนไม่ว่างและฉันต้องการกำลังใจ ก็มีคุณฉัตรที่คอยเป็นธุระให้แทบทุกอย่าง แล้วยังอาสามาอยู่เป็นเพื่อนในบางวันเธอช่วยฉันตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จนไม่รู้แล้วว่าต้องเริ่มขอบคุณเธอจากตรงไหนดี“ขอบคุณนะคะคุณฉัตร แค่นี้ก็ลำบากคุณมากพออยู่แล้ว” ฉันกล่าวขอบคุณออกไปอย่างจริงใจ นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้“ไม่รบกวนห‍ร‍อ‍กค่ะ ยังไงฉันก็ต้องทำงานให้คุณในฐานะทนายในการแต่งตั้งประธานบริษัทอยู่แล้ว ตอนนี้เราต้องเตรียมตัวเพื่อจะไปแสดงตัวว่าเป็นทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย ฉัตรเตรียมเอกสารไว้ให้แล้ว คุณเรนค่อยดูตอนที่รู้สึกดีขึ้นนะคะ”“ขอบคุณค่ะ”“งั้นวันนี้ฉัตรจะรอเมย์บีมาก่อนค่อยไป คุณเรนอยากดื่มอะไรสักหน่อยไหมคะ ฉัตรไปชงให้”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”เฮ้อ...ฉันต้องอยู่คนเดียวให้ได้ ต้องไม่จิตตก ต้องไม่คิดถึงเขาสิรู้ไหมว่าอะไรยากที่สุดของการอยู่คนเดียว คือเมื่อเราได้มีใครสักคนเข้ามาในชี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status