Share

บทที่ 1 จอมพยศที่หนึ่ง

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-26 11:59:15

บ้านเอ‍ก‍เด‍ชา‍พิ‍พั‍ฒ‍น์

สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือโถงห้องรับแขกที่เดิมเคยมีเฟอร์นิเจอร์หรูมูลค่าหลายสิบล้านที่คุณตาหวงแหนตั้งอยู่ ตอนนี้ทุกอย่างถูกเคลียร์โล่งเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับงานปาร์ตี้ ทั้งลูกโป่ง ริบบิ้น กระดาษสีมากมายเกลื่อนพื้นไปหมด แล้วยังมีพลุกระดาษถูกยิงขึ้นไปติดอยู่บนรูปที่แปะไว้ใจกลางของห้องรับแขกนั่นอีก

รูปคุณตา คุณยาย แล้วก็แม่ของฉัน สามคนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้กำลังถูกหยามเกียรติโดยใครก็ไม่รู้ที่มันไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลฉันด้วยซ้ำ แล้วไหนจะแขกในงานวันเกิดที่ร้องเจี๊ยวจ๊าวเหมือนลิงหลุดมาจากสวนสัตว์ ผู้ปกครองที่มางานก็ยังไม่สนใจดูแลลูก ปล่อยให้ไอ้เด็กเวรพวกนี้มันขึ้นไปกระโดดอยู่บนโซฟาของคุณตาอีก

“เท็กซัสลูก อย่ากระโดดสิครับ” ฉันคิดว่าคนเป็นแม่คงมีจิตสำนึกอยู่บ้าง หากว่าไม่ได้ยินคำพูดต่อมา “เดี๋ยวตกลงมาแข้งขาหักจะทำยังไง ลงมาลูก”

“พอกันที!”

ฉันเดินตรงเข้าไปภายในงานแม้ว่าจะมีการรั้งต้นแขนเล็กๆ จากคนที่เดินมาด้วยกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันหยุดความตั้งใจที่จะทำลายงานวันเกิดแสนอัปรีย์ในครั้งนี้

“เรนิส...” คนที่เรียกชื่อฉันไม่ใช่ใครที่ไหน แม่ของร‍า‍อุ‍ลอย่างยัยไข่มุกนั่นเอง ผู้หญิงที่อายุมากกว่าฉันแค่ 4 ปี แต่กลับมีลูกชายที่อายุ 7 ขวบกับพ่อทั้งที่แม่ฉันเพิ่งตายได้ปีเดียว

มีลูกตั้งแต่อายุ 20 มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรห‍ร‍อ‍ก แต่ที่น่าสมเพชคือผู้ชายคนนั้นเขามีเมียอยู่แล้ว

แพศยา ไม่มีคำไหนเหมาะกับเธอมากไปกว่าคำนี้แล้วล่ะ

“ออกไปจากบ้านฉันให้หมด หัวหงอกหัวดำเด็กเล็กเด็กโตก็ช่าง ออกไปถ้าไม่อยากตาย!”

ฉันตะโกนเสียงดังลั่นพลางมองหน้าคนในงานทีละคน ไม่ได้สนใจว่าจะมีคนเริ่มกระซิบกระซาบเหมือนไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร ตอนนี้ฉันทั้งโกรธทั้งแค้น ทั้งอยากกระชากหัวคนพวกนี้มาตบล้างน้ำทีละคน

“หยุดนะเรนิส...” ยัยไข่มุกพยายามเข้ามาหยุด แต่ก็โดนฉันตอกหน้าหงายไปอีกคน

“อย่ามาเรียกชื่อฉัน นังเสร่อ”

“นี่งานวันเกิดน้องนะ อย่ามาทำตัวก้าวร้าวแถวนี้” ผู้เป็นแม่คงกลัวว่าลูกชายจะหน้าแตกต่อหน้าเพื่อน ส่วนตัวเองก็ต้องเสียหน้าต่อหน้าพ่อแม่เด็กๆ พวกนี้ พวกคุณหญิงคุณนายที่คิดจะเกาะอำนาจคนในวงสังคมเดียวกัน ไม่รู้หรือไงว่าที่เกาะๆ อยู่นี่น่ะของปลอม!

“หล่อนมีสิทธิ์มาสั่งฉันตั้งแต่เมื่อไหร่นังเมียน้อย แล้วน้องอะไร ฉันไม่นับญาติกับพวกแก เก็บของออกไปจากบ้านฉันซะ!”

“จะทำอะไรก็ช่วยคิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่เธอบ้างนะ อย่าลืมสิว่าเธอคือทายาทของเอซีกรุ๊ป ทำตัวต่ำๆ แบบนี้ไม่กลัวคนเขาว่าให้หรือไง”

“ทายาทอะไรยะ หล่อนละเมออะไรอยู่ ฉันมีสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายที่จะนั่งตำแหน่งประธานที่ผัวเธอนั่งอยู่ ไม่ต้องรอให้ใครตายก่อนฉันก็ทำงานได้เลย อย่ามาพูดให้ได้ยินว่าฉันต้องรับช่วงต่อใครอีก”

เธอคงรู้ตัวว่าเถียงยังไงก็ไม่ชนะเลยเงียบไป นั่นยิ่งทำให้ฉันได้ใจใหญ่

“หวังว่าเธอคงจะกอดใบทะเบียนสมรสไปได้ตลอดนะ เพราะเมื่อไหร่ที่ฉันได้ตำแหน่งคืนมาเธอกับลูกไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่ อย่าลืมนะว่าเธอกับลูกไม่ได้มีสายเลือดเอ‍ก‍เด‍ชา‍พิ‍พั‍ฒ‍น์”

“จะเกินไปแล้วนะ คิดหรือเปล่าว่าถ้าคุณพ่อได้ยินแบบนี้ท่านจะว่ายังไง”

“จะว่ายังไงได้ เขาก็ไม่ต่างจากเธอห‍ร‍อ‍ก ขยะ...”

“เมื่อกี้แกพูดว่ายังไงนะ?”

บทสนทนาของเราทั้งคู่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงดุๆ ที่ฉันแสนจะคุ้นเคย ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่เข้ามาใกล้จนหยุดอยู่ตรงหน้า

“กลับบ้านมาวันแรกก็เอาเลยเหรอ ฉันคงเลี้ยงแกมาไม่ดีสินะเลยทำให้แกก้าวร้าวใส่ไข่มุกเขาแบบนี้” ในน้ำเสียงเจือไปด้วยความไม่พอใจ สายตาขุ่นเคืองมองมาที่ฉันจากนั้นก็จ้องไปที่บอดี้การ์ดคนใหม่ที่ยืนอยู่ทางด้านหลังฉัน

ใบหน้าของพ่อไม่เปลี่ยนไปจากความทรงจำของฉันเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรังเกียจเขายิ่งกว่าครั้งไหนๆ คือก่อนที่ฉันจะไปฮ่องกง เขาทรุดตัวลงหน้าโลงศพของแม่แล้วร้องไห้เหมือนใจจะขาด นั่นมันก็แค่เรื่องโกหกใช่ไหม?

ดูจากท่าทางของเขาตอนนี้อย่าว่าแต่เสียใจ คงดีใจมากกว่าที่แม่ฉันตาย

เลวยันกระดูกจริงๆ

“คุณพาแขกไปที่โซนด้านนอกเถอะ ตรงนี้ผมจัดการเอง” เขาหันไปบอกกับนังเมียน้อยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าตอนพูดกับฉันมาก ซึ่งยัยนั่นก็กำลังจะพาทุกคนในงานออกไป แต่ฉันเรียกเอาไว้ก่อน

“อย่าเพิ่งไปไหนสิคะ หนูเพิ่งมาถึงจะไล่แขกไปเลยหรือไง หรือว่า...กลัวหนูจะพูดอะไร?” ฉันแสยะยิ้มให้ทั้งคู่ราวกับจะส่งสัญญาณเตือน ถ้าพวกเขายังไม่ออกไปจากบ้านของฉัน วันนี้งานวันเกิดจะต้องกลายเป็นสงครามแน่ๆ

“แกจะมาสร้างความวุ่นวายอะไรอีก ไนธ์ พาเรนิสไปคอนโดที่ฉันเตรียมไว้”

“ไม่ไป ที่นี่บ้านหนู บ้านที่หนูโตมาจนอายุ 18 ตอนนั้นพ่อไม่ชอบคุณตาเลยไม่มาเหยียบที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมตอนที่คุณตาตายพ่อถึงพาเมียน้อยเข้ามาอยู่นี่ได้”

“ยัยเรนิส หยุด...” เขากัดฟันกรอด คงทนไม่ได้กับคำพูดของฉัน แน่นอนว่าฉันรู้จักพ่อตัวเองดี ทุกวันนี้ที่ฉันโมโหง่ายก็เป็นกรรมพันธุ์ที่ได้มาจากเขานั่นแหละ

เขาว่า...เชื้อไม่ทิ้งแถว นั่นคงจะจริง

“พ่อมาอยู่บ้านนี้หนูไม่ว่า แต่อย่ามาทำเหมือนหนูเป็นคนนอกแล้วอีนี่เป็นเจ้าของบ้าน ลูกมันก็ด้วย”

“ฉันบอกให้แกหยุด”

“มันเป็นแค่เมียน้อย พ่อได้ยินไหมคะว่ามันเป็นแค่เมียน้อย!!”

“เรนิส!!”

ในที่สุดฉันก็ยั่วโมโหเขาได้สำเร็จ มือหนาเงื้อขึ้นเตรียมจะตบหน้าฉัน ก่อนที่เขาจะฟาดมันลงมาอย่างไม่ออมแรง

ฉันรู้ว่าตัวเองจะต้องเจ็บจนต้องกรีดร้องออกมา แต่ก็ไม่คิดหลบ ได้แต่หลับตารอรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น...

เพียะ!!

เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่นไปทั่วทำให้เกิดความเงียบขึ้นในทันที ทว่าฉันก็ต้องลืมตาขึ้นมองอย่างแปลกใจ เพราะใบหน้าซีกซ้ายไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด

พอลืมตาขึ้นมาก็เข้าใจแล้วว่าทำไม

“มึงมาขวางทำไมไอ้ไนธ์!”

ตรงหน้าฉันคือบอดี้การ์ดหนุ่มที่ควรจะยืนอยู่ด้านหลังก่อนหน้านี้ ใบหน้าของเขาหันไปตามแรงตบแล้วหันมามองหน้าคนทำอย่างช้าๆ วินาทีที่เขาหันกลับมา ฉันพบว่าใบหูข้างที่สวมอินเอียร์ของเขามีของเหลวสีแดงสดไหลออกมา

เขาเจ็บ...แต่ก็ยังตอบไปเสียงเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“หน้าที่ผมคือดูแลคุณหนูตามคำสั่งท่านครับ”

เหอะ ทำหน้าที่บอดี้การ์ดที่ดีเหรอ ตอนนี้เนี่ยนะ? เขามันบ้าไปแล้ว สติไม่ดีหรือว่าโดนซ้อมจนเอ๋อเหรอ หรือเพราะฉันด่าที่สนามบินเลยทำให้เขาคิดได้ขึ้นมา

“มึง...” พ่อที่เป็นเจ้านายของเขาถึงกับกัดฟันกรอด “หน้าที่มึงคือคอยดูไม่ให้มันไปวุ่นวายที่บริษัท ไม่ใช่มาปกป้องตอนพ่อสั่งสอนลูก!”

“ขอโทษครับ”

“เดี๋ยวสิ นายจะไปขอโทษเขาทำไม เขาทำร้ายฉันนะ นายเป็นบอดี้การ์ดก็ต้องปกป้องฉันสิ” ฉันพยายามเข้าไปใส่ไฟ ตอนนี้คนที่อยู่ที่นี่เกินครึ่งเป็นครอบครัวผู้มีอำนาจ เรื่องความชั่วของพ่อจะต้องถูกเล่าต่อในวงกว้าง ไม่แน่ว่าฉันอาจทวงความยุติธรรมให้ตากับแม่ได้ง่ายกว่าที่คิด

“ขนาดผู้ชายที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีอย่างเขายังเลือดไหล แล้วถ้าเมื่อกี้พ่อตบเข้าหน้าหนูหนูจะเจ็บแค่ไหน เข้าข้างเมียน้อยหนูก็ไม่ว่าห‍ร‍อ‍กนะคะ แต่ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย” ฉันเริ่มใส่อารมณ์ดราม่าเข้าไปในน้ำเสียง เห็นหอย่างนี้ทักษะการแสดงของฉันก็เป็นเลิศ

เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันจึงอาศัยจังหวะนี้เดินไปจับมือบอดี้การ์ดของตัวเองเพื่อเรียกคะแนนสงสาร

“เจ็บไหมคะ?” ฉันหันไปพูดกับไนธ์เสียงแผ่ว แต่แล้วก็เจอสายตาดุๆ ของเขาหันมาจิกใส่

ทำไม ฉันจะทำเสียอย่างใครจะห้ามฉันได้ อาศัยจังหวะที่เห็นเขาเลือดออก ใช้โอกาสนี้พาเขาไปโรงพยาบาลให้พ่อเห็นว่าผู้ชายคนนี้น่ะอยู่ข้างฉัน เอาให้คนอย่างพ่อที่พยายามใช้อำนาจกดฉันลงอกแตกตายไปเลย

“แกไม่ต้องมาแสดง กลับคอนโดไปซะ ห้ามกลับมาจนกว่าฉันจะสั่ง”

“พ่อไม่เห็นเหรอคะว่าบอดี้การ์ดของหนูบาดเจ็บ หนูจะไปส่งเขาที่โรงพยาบาลค่ะ แล้วก็จะไปไหว้ศพคุณตาด้วย ไปบอกตาว่าตอนนี้ในบ้านมีแต่ขยะ...” ฉันเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเหล่าแม่ๆ ที่สะดุ้งกันเป็นแถบ “อุ๊บส์ หนูไม่ได้ว่าพวกคุณนะคะ ใครอยากรับก็รับ”

“เรนิส”

“ลาค่ะ หวังว่ากลับมาแล้วจะไม่เจอขยะในบ้านอีกนะคะ”

ก็แค่นั้นแหละ หึ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 3 อยู่ด้วยกัน

    แผลที่หูก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย ทำไมฉันต้องไปใส่ใจด้วยว่าเขาจะเจ็บหรือเปล่า คนเราจะมาเป็นบอดี้การ์ดได้มันต้องผ่านการฝึกหนักมาก่อนไม่ใช่เหรอ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยด้วยซ้ำแต่เรื่องที่น่าสนใจกว่าเรื่องหูแตกของคนคนเดียว คือคอนโดที่เขาพาฉันมานี่ต่างหาก ในทีแรกคิดว่ามานอนสักคืนคงไม่เป็นไร เพราะฉันไม่ได้กลับบ้านนานห้องนอนเดิมคงยังไม่ได้รับการทำความสะอาด แต่ไม่คิดว่าที่ที่เขาพามามันจะทุเรศได้ขนาดนี้“เอาลูกสาวแท้ๆ มาขังไว้กับผู้ชายสองต่อสองไม่กลัวลูกจะถูกข่มขืน เขานี่เกิดมามีแค่ไอ้นั่นไว้สืบพันธุ์จริงๆ ไม่ได้มีความเป็นพ่อคนเลยสักนิด”ฉันบ่นอุบทันทีที่มาถึง ไหนจะเหนื่อยจากการเดินทาง ไหนจะรองเท้าส้นเข็มสูงกว่า 4 นิ้วที่ใส่มาทั้งวัน มาถึงห้องนี้อีกอย่างที่ฉันทำนอกจากบ่นคือถอดรองเท้าออกเพราะมันเจ็บมาก เจ็บจนฉันแทบจะเดินเท้าเปล่าไม่ไหว ทั่วทั้งฝ่าเท้ามีอาการบวมแดงจนต้องอาศัยการนวดเบาๆ เพื่อให้คลายความเจ็บปวดลงอ้อ ส่วนเรื่องห้อง เขาให้ฉันอยู่ในคอนโดราคาถูกๆ ที่ไม่ได้เก็บเสียงอะไรเลยสักนิด ตั้งแต่เข้ามาก็ได้ยินเสียงข้างห้องทะเลาะกันอยู่เป็นระยะ แล้วยังต้องอยู่ร่วมชายคากับไอ้บ้านี่อีก

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 2 ไม่ได้ทำในฐานะบอดี้การ์ด

    คนเจ็บขึ้นมาบนรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ แค่ถอดอินเอียร์ที่ชุ่มเลือดออกแล้วสตาร์ทรถเงียบๆ เป็นภาพที่สยดสยองจนแทบไม่อยากมอง“ไปโรงพยาบาลสิ เดี๋ยวก็แก้วหูแตกฉันไม่รู้ด้วยนะ” ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะบอกให้เขาไปโรงพยาบาลโดยไม่แสดงความเป็นห่วง ฉันแค่กลัวว่าจะมีคนมาเจ็บตัวแทนทั้งที่ไม่ต้องการ ไม่อยากมาเป็นหนี้บุญคุณกันให้ต้องตามติดไปถึงชาติหน้าเพราะผู้ชายอย่างเขา เจอชาติเดียวก็เกินพอแต่เขาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ยอมตอบอะไรกลับมาแล้วสตาร์ทรถออกตัวไปในทันที“แก้วหูแตกไปจริงๆ แล้วมั้ง สมน้ำหน้า” พูดพร้อมเบะปากด้วยความสะใจ“คุณควรจะขอโทษผมสักคำนะ”อ้าว ก็ได้ยินนี่ มีหูแต่ทำเป็นไม่มี แม่ทำให้แตกเพิ่มอีกสักข้างดีไหม น่าหงุดหงิดจริงๆ เลย“ขอโทษเรื่องอะไร? นายเอาตัวเข้ามาขวางเองนี่”“เรียนก็สูง วิชามารยาทเขาไม่สอนเหรอ?”“นายหลอกด่าฉันเหรอ!” ฉันกำหมัดแน่น ใจอยากจะทุบเขาให้ตายคามือ แต่พอเห็นว่าเขาเจ็บเพราะฉันเลยได้แต่เก็บมือลงที่เดิมแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆใจเย็นไว้เรนนี่ เย็นไว้ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง“ไปโรงพยาบาล” ฉันสั่งเสียงเข้ม แล้วยกมือขึ้นกอดอกเพื่อให้เขารู้ว่ากำลังไม่สบอารมณ์มากๆเกิดว่ามีใครมา

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 1 จอมพยศที่หนึ่ง

    บ้านเอ‍ก‍เด‍ชา‍พิ‍พั‍ฒ‍น์สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือโถงห้องรับแขกที่เดิมเคยมีเฟอร์นิเจอร์หรูมูลค่าหลายสิบล้านที่คุณตาหวงแหนตั้งอยู่ ตอนนี้ทุกอย่างถูกเคลียร์โล่งเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับงานปาร์ตี้ ทั้งลูกโป่ง ริบบิ้น กระดาษสีมากมายเกลื่อนพื้นไปหมด แล้วยังมีพลุกระดาษถูกยิงขึ้นไปติดอยู่บนรูปที่แปะไว้ใจกลางของห้องรับแขกนั่นอีกรูปคุณตา คุณยาย แล้วก็แม่ของฉัน สามคนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้กำลังถูกหยามเกียรติโดยใครก็ไม่รู้ที่มันไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลฉันด้วยซ้ำ แล้วไหนจะแขกในงานวันเกิดที่ร้องเจี๊ยวจ๊าวเหมือนลิงหลุดมาจากสวนสัตว์ ผู้ปกครองที่มางานก็ยังไม่สนใจดูแลลูก ปล่อยให้ไอ้เด็กเวรพวกนี้มันขึ้นไปกระโดดอยู่บนโซฟาของคุณตาอีก“เท็กซัสลูก อย่ากระโดดสิครับ” ฉันคิดว่าคนเป็นแม่คงมีจิตสำนึกอยู่บ้าง หากว่าไม่ได้ยินคำพูดต่อมา “เดี๋ยวตกลงมาแข้งขาหักจะทำยังไง ลงมาลูก”“พอกันที!”ฉันเดินตรงเข้าไปภายในงานแม้ว่าจะมีการรั้งต้นแขนเล็กๆ จากคนที่เดินมาด้วยกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันหยุดความตั้งใจที่จะทำลายงานวันเกิดแสนอัปรีย์ในครั้งนี้“เรนิส...” คนที่เรียกชื่อฉันไม่ใช่ใครที่ไหน แม่ของร‍า‍อุ‍ลอย่างยัยไข่มุกนั่นเอง

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทนำ เรื่องของครอบครัว

    [Reinist’s part]สนามบินสุวรรณภูมิบริเวณประตูทางออกหมายเลข 10 มีความวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อย ผู้คนต่างพากันป้องปากซุบซิบแล้วมองมายังจุดนี้เป็นตาเดียว บ้างก็นินทา บ้างก็ชื่นชม บ้างก็เดาไปต่างๆ นาๆ ว่ายัยคนสวยขายาวสวมเ‍ด‍ร‍สสีแดงสดและรองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ดซ้ำยังมีชายชุดดำเดินตามถึงสองคนคนนี้คือใครฉันเริ่มจะชินซะแล้วล่ะกับสายตาพวกนี้ที่มองมา ในฐานะของคุณหนู รุ‍ณ‍น‍สา เอ‍ก‍เด‍ชา‍พิ‍พั‍ฒ‍น์ ทายาทรุ่นต่อไปของ AC-Groups ชื่อบริษัทที่ครอบครองธุรกิจหลากหลายประเภทจนคนชินตา การถูกจ้องมองด้วยสายตาแบบนี้เป็นเรื่องปกติมากๆแต่ผู้คนที่นี่อาจไม่ได้มองเพราะชื่อเสียงของฉัน เพราะผู้หญิงชุดแดงหาที่ไหนก็หาได้ แต่คนที่หุ่นดีขาเรียวยาวซ้ำยังรูปร่างเข้ากับการดีไซน์ของชุด แล้วยังมีผิวขาวที่โดดเด่นรับกับชุดสีทับทิมนี่เป็นอย่างดี จะมีสักกี่คนกันแต่ว่านะ...ใต้ความสวยชีวิตฉันก็มีเรื่องน่ายกนิ้วกลางให้อยู่ ทั้งชีวิตของการรับบทคุณหนูมีแต่เรื่องที่ทำให้ฉันต้องหมดความศรัทธาในสถาบันครอบครัวมากขึ้นเรื่อยๆพ่อแต่งงานกับแม่เพื่อใช้นามสกุลของคุณตา ทิ้งแม่ที่ป่วยให้ตายโดยไม่ยอมพยายามรักษาอย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวอย่างฉันไปเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status