Home / โรแมนติก / พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย / บทที่ 2 ไม่ได้ทำในฐานะบอดี้การ์ด

Share

บทที่ 2 ไม่ได้ทำในฐานะบอดี้การ์ด

last update Last Updated: 2025-10-26 11:59:39

คนเจ็บขึ้นมาบนรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ แค่ถอดอินเอียร์ที่ชุ่มเลือดออกแล้วสตาร์ทรถเงียบๆ เป็นภาพที่สยดสยองจนแทบไม่อยากมอง

“ไปโรงพยาบาลสิ เดี๋ยวก็แก้วหูแตกฉันไม่รู้ด้วยนะ” ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะบอกให้เขาไปโรงพยาบาลโดยไม่แสดงความเป็นห่วง ฉันแค่กลัวว่าจะมีคนมาเจ็บตัวแทนทั้งที่ไม่ต้องการ ไม่อยากมาเป็นหนี้บุญคุณกันให้ต้องตามติดไปถึงชาติหน้า

เพราะผู้ชายอย่างเขา เจอชาติเดียวก็เกินพอ

แต่เขาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ยอมตอบอะไรกลับมาแล้วสตาร์ทรถออกตัวไปในทันที

“แก้วหูแตกไปจริงๆ แล้วมั้ง สมน้ำหน้า” พูดพร้อมเบะปากด้วยความสะใจ

“คุณควรจะขอโทษผมสักคำนะ”

อ้าว ก็ได้ยินนี่ มีหูแต่ทำเป็นไม่มี แม่ทำให้แตกเพิ่มอีกสักข้างดีไหม น่าหงุดหงิดจริงๆ เลย

“ขอโทษเรื่องอะไร? นายเอาตัวเข้ามาขวางเองนี่”

“เรียนก็สูง วิชามารยาทเขาไม่สอนเหรอ?”

“นายหลอกด่าฉันเหรอ!” ฉันกำหมัดแน่น ใจอยากจะทุบเขาให้ตายคามือ แต่พอเห็นว่าเขาเจ็บเพราะฉันเลยได้แต่เก็บมือลงที่เดิมแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ

ใจเย็นไว้เรนนี่ เย็นไว้ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง

“ไปโรงพยาบาล” ฉันสั่งเสียงเข้ม แล้วยกมือขึ้นกอดอกเพื่อให้เขารู้ว่ากำลังไม่สบอารมณ์มากๆ

เกิดว่ามีใครมากวนฉันเข้าตอนนี้ อาจจะไม่ได้เจ็บแค่หูก็ได้

“ผมมีหน้าที่ส่งคุณถึงคอนโด ไว้ทำแผลผมไปเองได้ คุณไม่ต้องห่วง”

“ฉันห่วงนายที่ไหนกัน หลงตัวเอง ฉันจะไปหาคุณตาต่างหาก”

สุสานที่คุณตาฉันถูกฝังอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก และมันก็ต้องขับผ่านโรงพยาบาลพอดี ฉันเลยบังคับเขากลายๆ ให้ไปทำแผลที่หูก่อนไปส่งฉันที่สุสาน

“ทำมาเป็นอ้าง ห่วงก็ว่ามาเถอะ”

“ใครห่วงนายกัน” ฉันตะคอกใส่เขาเสียงดังทันที คำว่าห่วงน่ะไม่มีในความคิดฉันเลยสักนิด “ถ้าไม่ไปก็ไม่ต้องไป ให้เลือดมันไหลจนหูหนวกตายนั่นแหละ เชอะ”

ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าเขาจงใจกวนอารมณ์ฉันอยู่ตลอดเวลา คนบ้าอะไรน่าหงุดหงิดได้ทุกนาทีที่อยู่ด้วยขนาดนี้ หวังว่าเราจะไม่ต้องอยู่ด้วยกันนานมาก เพราะแค่ไม่กี่ชั่วโมงฉันก็ปวดหัวมากพออยู่แล้ว

หลังจากหายเข้าห้องฉุกเฉินไปเกือบชั่วโมง ในที่สุดเขาก็กลับออกมาในสภาพมีผ้าก็อซแปะหู หน้านี่งอเป็นปลาทูแม่กลองเลยทีเดียว

“มีหูแล้วเนอะ ทีนี้ฉันพูดอะไรก็ฟังได้แล้วสิ”

“ปกติถ้าพูดภาษาคนผมก็ฟัง”

“ฉันก็พูดภาษาคน นายชินกับภาษาหมาเองหรือเปล่าเลยฟังไม่รู้เรื่อง”

“ถ้านี่คือคำที่คุณพูดกับคนที่เจ็บตัวแทนตัวเอง งั้นก็ไม่ต้องพูดดีกว่า”

หลอกด่าฉันให้ได้ตลอดเถอะ มาดูกันว่าจะปากดีไปได้อีกสักกี่น้ำ

“อยากให้ฉันขอบคุณ? แต่นายก็ต้องทำอยู่แล้วนี่ ในฐานะบอดี้การ์ดน่ะ” ฉันกอดอกมองเขาอย่างท้าทาย เขาเองที่เสนอตัวเข้ามายุ่งเรื่องของฉัน เพราะฉะนั้นมันก็ช่วยไม่ได้

“ใครว่าทำในฐานะบอดี้การ์ด”

แต่คำพูดที่ตอบกลับมาทำให้ฉันชะงักไปเล็กน้อย จังหวะที่เงยหน้ามองคนพูดเจอสายตานิ่งเรียบมองลงมา สมองก็เริ่มจะแปลความหมายของคำพูดนั้นในขณะเดียวกัน

ใครว่าทำในฐานะบอดี้การ์ด = ไม่ได้ทำในฐานะบอดี้การ์ด แล้วเขาปกป้องฉันในฐานะอะไร?

“ยัยโง่”

ฉันยังไม่ทันเข้าใจความหมายคำพูดของเขาเลยก็ถูกด่ามาอีกหนึ่งดอก ด่าจบเขาก็เดินขึ้นรถไปเลยทิ้งให้ฉันยืนงงอยู่ตรงนั้นแค่คนเดียว

ไอ้บ้า มันหลอกด่าฉันอีกแล้วนะ!

กว่าจะรู้ตัวเขาก็สตาร์ทรถรอแล้ว ทำให้ฉันต้องกระวีกระวาดไปขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว ทิ้งความสงสัยพวกนั้นเอาไว้ด้านหลัง เพราะฉันมีอีกที่ที่สำคัญกว่าต้องไป

ฉันมาที่สุสานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก ที่นี่ทั้งตาและแม่ฉันถูกฝังอยู่ข้างกัน ก่อนมาก็มีการแวะซื้อดอกไม้สองช่อเพื่อวางหน้าหลุมศพของท่าน

กุหลาบขาวสำหรับแม่ของฉัน โรเซ่ โรสลิน เอ‍ก‍เด‍ชา‍พิ‍พั‍ฒ‍น์

และกุหลาบแดงสำหรับคุณตา...

“คุณตาขา คุณแม่ขา เรนมาหาแล้วนะคะ”

ฉันวางดอกไม้ทั้งสองดอกลงที่หน้าหลุมศพซึ่งสลักชื่อทั้งสองท่านเอาไว้ บริเวณรอบข้างมีหญ้าขึ้นรกไปหมด ใบไม้ร่วงหล่นลงมาไม่มีการเก็บกวาด ดอกไม้ดอกสุดท้ายที่ปักอยู่ตรงแจกันแห้งเหี่ยวเหลือเพียงคราบสีดำที่เกิดจากการย่อยสลายของมัน

พวกเขาใจร้ายกับแม่กับตาของหนูเหลือเกิน แม้แต่สถานที่สุดท้ายที่พวกท่านพักผ่อน ก็ยังไม่ได้รับการดูแลให้ดีเลย

“ก่อนมาที่นี่หนูไปญี่ปุ่นมาค่ะ ให้ทายว่าไปเจอใครมา คุณยูอิจิคุณตาจำได้ไหมคะ เขาเป็นคุณตาของเพื่อนหนูเอง ท่านใจดีมากๆ แล้วให้คำปรึกษามาหลายเรื่องเลย ตอนที่เห็นครอบครัวใหญ่ของเขา มันทำให้หนูอิจฉามากเลยค่ะ...”

ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อว่า เมย์บี เธอเป็นหลานสาวของมาเฟียที่ในอดีตอำนาจล้นฟ้าอย่างแก๊ง DRAGO[1] แม้ว่าปัจจุบันจะสลัดคราบมาเฟียกลายมาเป็นนักธุรกิจทั่วๆ ไป แต่ก็ยังคงชื่อเสียงด้านอำนาจเอาไว้ทำให้แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐก็ยังไม่กล้ายุ่ง

เป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันยังสามารถติดต่อได้ในตอนนั้น ในขณะที่ถูกตัดการติดต่อจากทุกคนที่ประเทศไทย แต่เธอก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้มาก เพราะท้องโย้ใกล้คลอดมากแล้ว ฉันเองไม่อยากให้เพื่อนเครียดเลยไม่ได้เอาเรื่องพวกนี้ไปเล่าให้ฟัง

“ครอบครัวเขาน่ารักมาก มีคุณตาคุณยาย และแม่ๆ ที่เป็นฝาแฝดกัน แต่ละคนก็มีลูกมีหลาน แค่ไม่กี่วันที่หนูอยู่ที่นั่น หนูไม่ได้พักเลยค่ะ เด็กๆ ทั้งน่ารักแล้วก็วุ่นวาย เทียบกับร‍า‍อุ‍ลไอ้เด็กเวรนั่น แทบจะเทียบกันติดเลย”

ฉันฝันจริงๆ นะ ว่าอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างนั้นบ้าง ไม่ต้องคอยมาตะโกนด่าใคร ไม่ต้องแย่งชิงอะไรกับใคร แค่เป็นครอบครัวที่มีความสุข แต่พอคิดถึงทั้งแม่และตาที่ถูกทำให้เป็นอย่างนี้ ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันฝันมันคงไม่มาถึงง่ายๆ

“หนูอยากเล่าเรื่องที่พ่อทำวันนี้ให้แม่กับตาฟังมากเลยค่ะ แต่คิดว่าถ้าเล่าไปจะทำให้ทั้งสองคนไม่สบายใจเปล่าๆ ตาคะ แม่คะ หนูสัญญาว่าจะเอาทุกอย่างของเราคืนมาให้ได้ ทั้งสองคนไม่ต้องห่วงหนูเลยนะคะ”

พอคิดถึงสิ่งที่พวกท่านต้องเจอ ขอบตามันก็ร้อนผ่าวเหมือนจะมีน้ำตาไหลออกมา แต่ฉันกลับไม่ร้องไห้ ฉันรู้ว่าตัวเองร้องมามากพอแล้วหลังจากที่รู้เรื่องราวทั้งหมด ต่อหน้าหลุมศพของคนที่ฉันรัก ฉันไม่อยากอ่อนแอให้พวกท่านเห็น

“หนูสัญญาว่าจะเอาคืนทุกอย่าง ทั้งทรัพย์สินทั้งความแค้น จะไม่ยอมให้คนพวกนั้นเอาไปได้แม้แต่อย่างเดียว รอหนูหน่อยนะคะ”

ฉันก้มลงกราบทั้งสองท่านเพื่อเป็นการบอกลา พยายามอย่างมากที่จะกลั้นก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกอกเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องร้องไห้ ฉันจะต้องทำให้พวกท่านได้รับรู้ ว่าจริงๆ แล้วหลานสาวคนนี้เก่งแค่ไหน

ฉันจะมีชีวิตต่อไปอย่างดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

พอกลับมาที่ลานจอดรถของสุสาน ฉันก็เจอกับไนธ์ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาได้แกะเอาผ้าก็อซที่ปิดหูออกหลังจากที่เลือดหยุดไหล แต่ก็ยังมีคราบเลือดติดเสื้อเชิ้ตตัวในอยู่บ้างบางจุด

“เอาเลขบัญชีมาสิ ฉันจะโอนค่ารักษาให้” ว่าแล้วก็หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดหน้าบัญชีธนาคาร แต่เขากลับทำตัวเป็นคนไม่มีหู เดินไปเปิดประตูรถแล้วยัดตัวเองเข้าไปสตาร์ทรถหน้าตาเฉย

ไอ้บ้านี่...มันน่าทุบให้แก้วหูแตกสองข้างจริงๆ

แต่เมื่อเห็นว่าฉันยังไม่ได้ตามเข้าไป เขาก็ลดกระจกลงก่อนจะพูดเสียงเรียบ

“เก็บเงินคุณเอาไว้รักษาแก้วเสียงเถอะ แค่นี้ผมมีปัญญาจ่าย”

“ไอ้...”

“แล้วก็เลิกเรียกคนอื่นด้วยสรรพนามแบบนั้นด้วย มันไร้การศึกษา ไม่เห็นแก่หน้าตัวเองก็เห็นแก่หน้าคุณตาซะบ้าง”

หน็อย...ฉันอุตส่าห์เป็นห่วงเลยให้แวะทำแผลที่โรงพยาบาล แทนที่จะขอบคุณฉันบ้างกลับมาแซะกันอีก เรื่องมารยาทฉันแยกแยะได้ว่าจะใช้กับใครห‍ร‍อ‍ก!

ที่แน่ๆ ไม่ใช่กับเขา

“ขึ้นรถได้แล้ว จะกลับไหมคอนโดน่ะ”

“ฮึ่ย นายนี่มันน่าหงุดหงิดที่สุดเลย”

ครั้งนี้ฉันยอมเพราะเขาเจ็บแทนฉันห‍ร‍อ‍ก ครั้งหน้าล่ะอย่าหวัง

[1] จากเรื่อง สะดุดรักร้าย ยัยคุณหนูมาเฟีย เมย์บีเป็นลูกของ เมริซ่า ลูกสาวโตแม่เมแกน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   ตอนจบ ด้วยรัก...คุณ

    [Nithe’s part]งานแต่งตั้งประธานเป็นอะไรที่วุ่นวายไม่น้อย ผมเดินตามเรนนี่ตลอดเวลาทำหน้าที่บอดี้การ์ดของตัวเองที่ห่างหายไปหลายเดือน ยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่แปลกอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นใบหน้าที่ยิ้มกว้างของเรนนี่อย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน ผมเองก็อดยิ้มตามเธอไม่ได้เธอดูมีความสุขมากจริงๆ มากกว่าเมื่อก่อนมาก ผมดีใจที่พอผมกลับเข้ามาในชีวิตสิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มของเธอ และหวังว่าจะได้เห็นมันไปนานๆ ตลอดไปเลยยิ่งดี“คลั่งรักเมียนะมึงอะ มองไม่พัก มองขนาดนี้แล้ววันนั้นหมาตัวไหนครับบอกว่าถ้าได้เอาคนนี้เอาหมาดีกว่า”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาที่ข้างตัว ผมเกือบลืมไปว่าวันนี้เชิญเพื่อนสุดที่รักมาด้วย หันไปเจอไอ้ ชาวี เพื่อนรักตัวแสบยืนทำหน้าแป้นน่าถีบอยู่ข้างๆ เห็นแล้วอยากจะหันไปแจกหมัดให้สักทีสองที“คนพูดนั่นไม่ใช่กูครับเพื่อน” ผมตอบยิ้มๆ สายตาก็มองกลับเข้าไปในงาน เรนนี่กำลังทักทายแขกเหรื่อในงานโดยมีไอ้เจ็ดเดินตามไม่ห่าง ผมเลยถือโอกาสหันมาคุยกับเพื่อนบ้างวันนี้มากัดหมดทั้ง นาวี ชาวี รวมทั้งไอ้นักรบ แล้วไหนจะสาวๆ เมียพวกมันอีกครบทีม ผมคิดว่างานสำคัญอย่างนี้พาพวกเธอมาเจอกันหน่อยก็ดี ซ้ำคุณหนูเอวา[1] เอ

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 33 ในฐานะ...บอดี้การ์ด

    ฉันมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก หญิงสาวในเ‍ด‍ร‍สสีแดงสดแต่งหน้าจัดเต็มทาปากสีนู้ด ผมยาวสลวยถูกย้อมเป็นสีดำขลับแล้วรีดตรงทำให้เธอดูสง่าและภูมิฐานกว่าเมื่อก่อนเป็นไหนๆ สไตลิสของฉันวนรอบตัวแล้วปรบมือแล้วปรบมืออีกด้วยความภาคภูมิใจ ที่หล่อนสามารถเปลี่ยนลุคของฉันจากสก๊อยเป็นท่านประธานสาวได้สำเร็จ“สวย เริ่ด ปัง”“พอเถอะ เธออวยจนฉันเริ่มจะอึดอัดแล้ว”“ฉันอวยตัวเองเถอะ เมื่อก่อนเธอแต่งตัวไม่มีคลาสเอาซะเลย ตอนนี้เหรอ เหอะ อย่าว่าแต่มองเหลียวหลัง ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องวิ่งเข้ามากราบขอเป็นผัวค่ะ”“ขนาดนั้นเชียว?”เราสองคนเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม คงเพราะอายุไม่ห่างกันมาก แล้วก็ทะเลาะกันมาตลอดเลยทำให้สนิทกันง่าย ทุกวันนี้การมีไข่มุกอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่แย่เท่าไหร่“เธอไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวไปพร้อมกัน” ฉันว่าพลางกลับมานั่งเล่นมือถือที่โซฟา ไม่ลืมที่จะถอดส้นสูงออกเพราะรู้ว่าไปงานยังไงก็คงไม่ได้ถอดไปอีกหลายชั่วโมง“ไม่เอาล่ะ เธอไปเถอะ ฉันเป็นแค่สไตลิสจะไปทำไม”“เธอเป็นเมียพ่อฉัน เป็นแม่เลี้ยงฉันนี่”“เธอ...ไม่ใช่ลูกของคุณเดชไม่ใช่เหรอ?”“อือ แล้วไงล่ะ ฉันก็เรียก

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 32 คำที่อยากฟัง

    [Nithe’s part]ขอโทษ...คำนี้มันคงจะสายเกินไปที่จะพูดแล้วในตอนนี้ แหวนที่เธอคืนให้มา มันคือการตัดความสัมพันธ์อย่างชัดเจนแต่ผมกลับไม่สามารถมูฟออนไปได้เลย“ผมเข้าใจนะว่าลูกพี่กำลังอกหัก แต่ดื่มเยอะๆ อย่างนี้มันไม่ดีนะพี่ คุณหนูเขามีความสุขแล้ว ผมเองก็ดูแลให้อย่างดี”คงมีแต่ไอ้เจ็ดที่เข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง เรื่องที่เราเลิกกันไม่ได้ประกาศออกไป เลยมีแค่คนที่ผมสนิทที่สุดเท่านั้นที่รู้ แม้แต่นาวี ชาวี หรือแม้แต่ไอ้นักรบก็ไม่รู้เรื่องนี้ หลายครั้งที่เจอกันพวกมันยังแซวเรื่องของผมกับเรนนี่อยู่เลย ผมเองก็ไม่อยากบอกใครว่าจริงๆ ความสัมพันธ์นั้นมันได้จบลงแล้ว“กูไม่ได้อกหัก” ผมปฏิเสธคำพูดของไอ้เจ็ด ด้วยไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเลิกกับเธอแล้วจริงๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกระดกเหล้าเพียวๆ เข้าปากอีกอึกไม่รู้ว่าตัวเองดื่มจนเมาปลิ้นอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว รู้แค่ว่าทุกวันหากคิดถึงเธอ รสขมปร่าของเหล้าเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยผมได้ดื่มแล้วก็เมา เมาแล้วก็นอน นอนแล้วก็ตื่นมาดื่มใหม่ ชีวิตผมเป็นอย่างนี้มาสามเดือนแล้ว โคตรขี้แพ้เลยเนอะไอ้เจ็ดก็เลิกงานเมื่อไหร่เป็นต้องมาดื่มเป็นเพื่อนผม บางวันมันก็บ่นว่าดื่มไม่ไหวแล้วขอก

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 31 ของขวัญสุดท้าย

    ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเสียไปหมดทุกอย่าง จนกระทั่งตัวเองมาเจอเรื่องนี้เมื่อก่อนฉันเสียแม่ เสียตา แต่ยังมีเป้าหมายในการทวงทุกอย่างคืนมาจากพ่อพอให้ได้มีแรงสู้ต่อ แต่วันนี้ฉันได้ทุกอย่างคืนมาแล้ว แม้แต่ตาก็อยู่กับฉัน แต่กลับไม่มีความสุขเลย“ตรงนี้อ่านว่า กอ อา กา แค่นี้ก็ไม่รู้เนอะ”“ก็เราไม่เคยเรียนหนังสือนี่”“ไม่เอาน่าหลานๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ”อีกอย่างที่ฉันได้มา นั่นก็คือครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ฉันว่าบ้านหลังนี้มันใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียว เลยให้ยัยไข่มุกย้ายกลับเข้ามา ด้วยเหตุผลแรกคือ ฉันอยากให้ร‍า‍อุ‍ลได้เรียนที่ดีๆ มีสังคมดีๆ ไม่ต้องลำบาก สองคืออยากให้หลินหลินได้มีเพื่อนอ้อ ฉันรับหลินหลินเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้ว ถึงจริงๆ เธอจะเรียกฉันว่าพี่สาวก็เถอะตอนนี้ในบ้านฉันเลยเต็มไปด้วยเสียงของเด็กสองคนทะเลาะกันแทบทุกวัน ตามด้วยเสียงคุณตาที่บอกว่าอย่าทะเลาะกันส่วนฉันก็มีงานใหญ่ต้องทำ“ชุดเห่ย”ยัยแม่เลี้ยงปากเสียว่าพลางมองฉันหัวจรดเท้า เธอเบะปากให้ชุดเ‍ด‍ร‍สสีแดงเรียบๆ ที่ฉันเลือกมาด้วยความตั้งอกตั้งใจยัยไข่มุกรับหน้าที่เป็นสไตลิสชั่วคราวให้ฉัน เพราะช่วงนี้ฉันยังไม่อยากพบเจอผู้คน

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 30 ความจริงที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้

    ‘แม่คะ อันนี้ดอกอะไรคะแม่ สวยมากเลย’‘ไซคลาเมนลูก ความหมายของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ห‍ร‍อ‍ก บางคนก็เชื่อว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของการจากลา แต่สำหรับแม่ หมายถึงความรักของแม่ จะยังคงอยู่ตลอดไป แม้ว่าจะตายจากกัน’‘แม่อย่าพูดถึงเรื่องตายแบบนั้นสิคะ เรนไม่ชอบเลย’‘เรนนี่ลูก วันหนึ่งคนเราก็ต้องจากกัน แค่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่หนูไม่ต้องห่วงนะ ถ้าแม่ไปก่อน แม่จะไปรอลูกอยู่ที่นั่นนะจ๊ะ’ภาพของแม่ที่ฉันไม่เคยฝันถึงเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันมองรูปของแม่ทุกวัน หวังว่าจะได้เจอแม่ในฝันสักครั้ง แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นความว่างเปล่า มีเพียงคราบน้ำตาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในทุกคืนแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ฉันถึงได้ฝันถึงแม่ แม่ที่ตายจากไปแล้วหลายปี ฉันถามแม่ว่าคุณตาอยู่ไหน แต่ท่านก็ไม่ตอบแล้วเดินไกลออกไป‘แม่คะ...อย่าทิ้งหนูไป’ เสียงของฉันในความฝันเรียกชื่อแม่ สองขาพยายามวิ่งตามท่าน แต่เหมือนว่ายิ่งวิ่งมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆแม่...อย่าทิ้งหนูไป“แม่คะ...แม่อย่าทิ้งหนู”“เรนนี่” เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาในความฝัน ฉันหันหลังไปแล้วก็เจอกับใบหน้าของชายหนุ่มที่เหมือนจะคุ้นเคย แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเ

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 29 ชัยชนะที่ไม่ชนะ

    “เรื่องการเข้ารับตำแหน่งที่บริษัท ฉัตรจะจัดการให้เองนะคะคุณหนูไม่ต้องห่วง ตอนนี้พักผ่อนไปก่อน เอาสุขภาพตัวเองเป็นหลักนะคะ”คงเป็นความโชคดีของฉันอย่างหนึ่ง คือตอนที่ฉันรู้สึกแย่ฉันไม่เคยต้องอยู่คนเดียว ตอนที่เพื่อนไม่ว่างและฉันต้องการกำลังใจ ก็มีคุณฉัตรที่คอยเป็นธุระให้แทบทุกอย่าง แล้วยังอาสามาอยู่เป็นเพื่อนในบางวันเธอช่วยฉันตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จนไม่รู้แล้วว่าต้องเริ่มขอบคุณเธอจากตรงไหนดี“ขอบคุณนะคะคุณฉัตร แค่นี้ก็ลำบากคุณมากพออยู่แล้ว” ฉันกล่าวขอบคุณออกไปอย่างจริงใจ นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้“ไม่รบกวนห‍ร‍อ‍กค่ะ ยังไงฉันก็ต้องทำงานให้คุณในฐานะทนายในการแต่งตั้งประธานบริษัทอยู่แล้ว ตอนนี้เราต้องเตรียมตัวเพื่อจะไปแสดงตัวว่าเป็นทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย ฉัตรเตรียมเอกสารไว้ให้แล้ว คุณเรนค่อยดูตอนที่รู้สึกดีขึ้นนะคะ”“ขอบคุณค่ะ”“งั้นวันนี้ฉัตรจะรอเมย์บีมาก่อนค่อยไป คุณเรนอยากดื่มอะไรสักหน่อยไหมคะ ฉัตรไปชงให้”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”เฮ้อ...ฉันต้องอยู่คนเดียวให้ได้ ต้องไม่จิตตก ต้องไม่คิดถึงเขาสิรู้ไหมว่าอะไรยากที่สุดของการอยู่คนเดียว คือเมื่อเราได้มีใครสักคนเข้ามาในชี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status