Beranda / โรแมนติก / พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย / บทที่ 2 ไม่ได้ทำในฐานะบอดี้การ์ด

Share

บทที่ 2 ไม่ได้ทำในฐานะบอดี้การ์ด

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-26 11:59:39

คนเจ็บขึ้นมาบนรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ แค่ถอดอินเอียร์ที่ชุ่มเลือดออกแล้วสตาร์ทรถเงียบๆ เป็นภาพที่สยดสยองจนแทบไม่อยากมอง

“ไปโรงพยาบาลสิ เดี๋ยวก็แก้วหูแตกฉันไม่รู้ด้วยนะ” ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะบอกให้เขาไปโรงพยาบาลโดยไม่แสดงความเป็นห่วง ฉันแค่กลัวว่าจะมีคนมาเจ็บตัวแทนทั้งที่ไม่ต้องการ ไม่อยากมาเป็นหนี้บุญคุณกันให้ต้องตามติดไปถึงชาติหน้า

เพราะผู้ชายอย่างเขา เจอชาติเดียวก็เกินพอ

แต่เขาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ยอมตอบอะไรกลับมาแล้วสตาร์ทรถออกตัวไปในทันที

“แก้วหูแตกไปจริงๆ แล้วมั้ง สมน้ำหน้า” พูดพร้อมเบะปากด้วยความสะใจ

“คุณควรจะขอโทษผมสักคำนะ”

อ้าว ก็ได้ยินนี่ มีหูแต่ทำเป็นไม่มี แม่ทำให้แตกเพิ่มอีกสักข้างดีไหม น่าหงุดหงิดจริงๆ เลย

“ขอโทษเรื่องอะไร? นายเอาตัวเข้ามาขวางเองนี่”

“เรียนก็สูง วิชามารยาทเขาไม่สอนเหรอ?”

“นายหลอกด่าฉันเหรอ!” ฉันกำหมัดแน่น ใจอยากจะทุบเขาให้ตายคามือ แต่พอเห็นว่าเขาเจ็บเพราะฉันเลยได้แต่เก็บมือลงที่เดิมแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ

ใจเย็นไว้เรนนี่ เย็นไว้ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง

“ไปโรงพยาบาล” ฉันสั่งเสียงเข้ม แล้วยกมือขึ้นกอดอกเพื่อให้เขารู้ว่ากำลังไม่สบอารมณ์มากๆ

เกิดว่ามีใครมากวนฉันเข้าตอนนี้ อาจจะไม่ได้เจ็บแค่หูก็ได้

“ผมมีหน้าที่ส่งคุณถึงคอนโด ไว้ทำแผลผมไปเองได้ คุณไม่ต้องห่วง”

“ฉันห่วงนายที่ไหนกัน หลงตัวเอง ฉันจะไปหาคุณตาต่างหาก”

สุสานที่คุณตาฉันถูกฝังอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก และมันก็ต้องขับผ่านโรงพยาบาลพอดี ฉันเลยบังคับเขากลายๆ ให้ไปทำแผลที่หูก่อนไปส่งฉันที่สุสาน

“ทำมาเป็นอ้าง ห่วงก็ว่ามาเถอะ”

“ใครห่วงนายกัน” ฉันตะคอกใส่เขาเสียงดังทันที คำว่าห่วงน่ะไม่มีในความคิดฉันเลยสักนิด “ถ้าไม่ไปก็ไม่ต้องไป ให้เลือดมันไหลจนหูหนวกตายนั่นแหละ เชอะ”

ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าเขาจงใจกวนอารมณ์ฉันอยู่ตลอดเวลา คนบ้าอะไรน่าหงุดหงิดได้ทุกนาทีที่อยู่ด้วยขนาดนี้ หวังว่าเราจะไม่ต้องอยู่ด้วยกันนานมาก เพราะแค่ไม่กี่ชั่วโมงฉันก็ปวดหัวมากพออยู่แล้ว

หลังจากหายเข้าห้องฉุกเฉินไปเกือบชั่วโมง ในที่สุดเขาก็กลับออกมาในสภาพมีผ้าก็อซแปะหู หน้านี่งอเป็นปลาทูแม่กลองเลยทีเดียว

“มีหูแล้วเนอะ ทีนี้ฉันพูดอะไรก็ฟังได้แล้วสิ”

“ปกติถ้าพูดภาษาคนผมก็ฟัง”

“ฉันก็พูดภาษาคน นายชินกับภาษาหมาเองหรือเปล่าเลยฟังไม่รู้เรื่อง”

“ถ้านี่คือคำที่คุณพูดกับคนที่เจ็บตัวแทนตัวเอง งั้นก็ไม่ต้องพูดดีกว่า”

หลอกด่าฉันให้ได้ตลอดเถอะ มาดูกันว่าจะปากดีไปได้อีกสักกี่น้ำ

“อยากให้ฉันขอบคุณ? แต่นายก็ต้องทำอยู่แล้วนี่ ในฐานะบอดี้การ์ดน่ะ” ฉันกอดอกมองเขาอย่างท้าทาย เขาเองที่เสนอตัวเข้ามายุ่งเรื่องของฉัน เพราะฉะนั้นมันก็ช่วยไม่ได้

“ใครว่าทำในฐานะบอดี้การ์ด”

แต่คำพูดที่ตอบกลับมาทำให้ฉันชะงักไปเล็กน้อย จังหวะที่เงยหน้ามองคนพูดเจอสายตานิ่งเรียบมองลงมา สมองก็เริ่มจะแปลความหมายของคำพูดนั้นในขณะเดียวกัน

ใครว่าทำในฐานะบอดี้การ์ด = ไม่ได้ทำในฐานะบอดี้การ์ด แล้วเขาปกป้องฉันในฐานะอะไร?

“ยัยโง่”

ฉันยังไม่ทันเข้าใจความหมายคำพูดของเขาเลยก็ถูกด่ามาอีกหนึ่งดอก ด่าจบเขาก็เดินขึ้นรถไปเลยทิ้งให้ฉันยืนงงอยู่ตรงนั้นแค่คนเดียว

ไอ้บ้า มันหลอกด่าฉันอีกแล้วนะ!

กว่าจะรู้ตัวเขาก็สตาร์ทรถรอแล้ว ทำให้ฉันต้องกระวีกระวาดไปขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว ทิ้งความสงสัยพวกนั้นเอาไว้ด้านหลัง เพราะฉันมีอีกที่ที่สำคัญกว่าต้องไป

ฉันมาที่สุสานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก ที่นี่ทั้งตาและแม่ฉันถูกฝังอยู่ข้างกัน ก่อนมาก็มีการแวะซื้อดอกไม้สองช่อเพื่อวางหน้าหลุมศพของท่าน

กุหลาบขาวสำหรับแม่ของฉัน โรเซ่ โรสลิน เอ‍ก‍เด‍ชา‍พิ‍พั‍ฒ‍น์

และกุหลาบแดงสำหรับคุณตา...

“คุณตาขา คุณแม่ขา เรนมาหาแล้วนะคะ”

ฉันวางดอกไม้ทั้งสองดอกลงที่หน้าหลุมศพซึ่งสลักชื่อทั้งสองท่านเอาไว้ บริเวณรอบข้างมีหญ้าขึ้นรกไปหมด ใบไม้ร่วงหล่นลงมาไม่มีการเก็บกวาด ดอกไม้ดอกสุดท้ายที่ปักอยู่ตรงแจกันแห้งเหี่ยวเหลือเพียงคราบสีดำที่เกิดจากการย่อยสลายของมัน

พวกเขาใจร้ายกับแม่กับตาของหนูเหลือเกิน แม้แต่สถานที่สุดท้ายที่พวกท่านพักผ่อน ก็ยังไม่ได้รับการดูแลให้ดีเลย

“ก่อนมาที่นี่หนูไปญี่ปุ่นมาค่ะ ให้ทายว่าไปเจอใครมา คุณยูอิจิคุณตาจำได้ไหมคะ เขาเป็นคุณตาของเพื่อนหนูเอง ท่านใจดีมากๆ แล้วให้คำปรึกษามาหลายเรื่องเลย ตอนที่เห็นครอบครัวใหญ่ของเขา มันทำให้หนูอิจฉามากเลยค่ะ...”

ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อว่า เมย์บี เธอเป็นหลานสาวของมาเฟียที่ในอดีตอำนาจล้นฟ้าอย่างแก๊ง DRAGO[1] แม้ว่าปัจจุบันจะสลัดคราบมาเฟียกลายมาเป็นนักธุรกิจทั่วๆ ไป แต่ก็ยังคงชื่อเสียงด้านอำนาจเอาไว้ทำให้แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐก็ยังไม่กล้ายุ่ง

เป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันยังสามารถติดต่อได้ในตอนนั้น ในขณะที่ถูกตัดการติดต่อจากทุกคนที่ประเทศไทย แต่เธอก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้มาก เพราะท้องโย้ใกล้คลอดมากแล้ว ฉันเองไม่อยากให้เพื่อนเครียดเลยไม่ได้เอาเรื่องพวกนี้ไปเล่าให้ฟัง

“ครอบครัวเขาน่ารักมาก มีคุณตาคุณยาย และแม่ๆ ที่เป็นฝาแฝดกัน แต่ละคนก็มีลูกมีหลาน แค่ไม่กี่วันที่หนูอยู่ที่นั่น หนูไม่ได้พักเลยค่ะ เด็กๆ ทั้งน่ารักแล้วก็วุ่นวาย เทียบกับร‍า‍อุ‍ลไอ้เด็กเวรนั่น แทบจะเทียบกันติดเลย”

ฉันฝันจริงๆ นะ ว่าอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างนั้นบ้าง ไม่ต้องคอยมาตะโกนด่าใคร ไม่ต้องแย่งชิงอะไรกับใคร แค่เป็นครอบครัวที่มีความสุข แต่พอคิดถึงทั้งแม่และตาที่ถูกทำให้เป็นอย่างนี้ ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันฝันมันคงไม่มาถึงง่ายๆ

“หนูอยากเล่าเรื่องที่พ่อทำวันนี้ให้แม่กับตาฟังมากเลยค่ะ แต่คิดว่าถ้าเล่าไปจะทำให้ทั้งสองคนไม่สบายใจเปล่าๆ ตาคะ แม่คะ หนูสัญญาว่าจะเอาทุกอย่างของเราคืนมาให้ได้ ทั้งสองคนไม่ต้องห่วงหนูเลยนะคะ”

พอคิดถึงสิ่งที่พวกท่านต้องเจอ ขอบตามันก็ร้อนผ่าวเหมือนจะมีน้ำตาไหลออกมา แต่ฉันกลับไม่ร้องไห้ ฉันรู้ว่าตัวเองร้องมามากพอแล้วหลังจากที่รู้เรื่องราวทั้งหมด ต่อหน้าหลุมศพของคนที่ฉันรัก ฉันไม่อยากอ่อนแอให้พวกท่านเห็น

“หนูสัญญาว่าจะเอาคืนทุกอย่าง ทั้งทรัพย์สินทั้งความแค้น จะไม่ยอมให้คนพวกนั้นเอาไปได้แม้แต่อย่างเดียว รอหนูหน่อยนะคะ”

ฉันก้มลงกราบทั้งสองท่านเพื่อเป็นการบอกลา พยายามอย่างมากที่จะกลั้นก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกอกเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องร้องไห้ ฉันจะต้องทำให้พวกท่านได้รับรู้ ว่าจริงๆ แล้วหลานสาวคนนี้เก่งแค่ไหน

ฉันจะมีชีวิตต่อไปอย่างดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

พอกลับมาที่ลานจอดรถของสุสาน ฉันก็เจอกับไนธ์ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาได้แกะเอาผ้าก็อซที่ปิดหูออกหลังจากที่เลือดหยุดไหล แต่ก็ยังมีคราบเลือดติดเสื้อเชิ้ตตัวในอยู่บ้างบางจุด

“เอาเลขบัญชีมาสิ ฉันจะโอนค่ารักษาให้” ว่าแล้วก็หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดหน้าบัญชีธนาคาร แต่เขากลับทำตัวเป็นคนไม่มีหู เดินไปเปิดประตูรถแล้วยัดตัวเองเข้าไปสตาร์ทรถหน้าตาเฉย

ไอ้บ้านี่...มันน่าทุบให้แก้วหูแตกสองข้างจริงๆ

แต่เมื่อเห็นว่าฉันยังไม่ได้ตามเข้าไป เขาก็ลดกระจกลงก่อนจะพูดเสียงเรียบ

“เก็บเงินคุณเอาไว้รักษาแก้วเสียงเถอะ แค่นี้ผมมีปัญญาจ่าย”

“ไอ้...”

“แล้วก็เลิกเรียกคนอื่นด้วยสรรพนามแบบนั้นด้วย มันไร้การศึกษา ไม่เห็นแก่หน้าตัวเองก็เห็นแก่หน้าคุณตาซะบ้าง”

หน็อย...ฉันอุตส่าห์เป็นห่วงเลยให้แวะทำแผลที่โรงพยาบาล แทนที่จะขอบคุณฉันบ้างกลับมาแซะกันอีก เรื่องมารยาทฉันแยกแยะได้ว่าจะใช้กับใครห‍ร‍อ‍ก!

ที่แน่ๆ ไม่ใช่กับเขา

“ขึ้นรถได้แล้ว จะกลับไหมคอนโดน่ะ”

“ฮึ่ย นายนี่มันน่าหงุดหงิดที่สุดเลย”

ครั้งนี้ฉันยอมเพราะเขาเจ็บแทนฉันห‍ร‍อ‍ก ครั้งหน้าล่ะอย่าหวัง

[1] จากเรื่อง สะดุดรักร้าย ยัยคุณหนูมาเฟีย เมย์บีเป็นลูกของ เมริซ่า ลูกสาวโตแม่เมแกน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 3 อยู่ด้วยกัน

    แผลที่หูก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย ทำไมฉันต้องไปใส่ใจด้วยว่าเขาจะเจ็บหรือเปล่า คนเราจะมาเป็นบอดี้การ์ดได้มันต้องผ่านการฝึกหนักมาก่อนไม่ใช่เหรอ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยด้วยซ้ำแต่เรื่องที่น่าสนใจกว่าเรื่องหูแตกของคนคนเดียว คือคอนโดที่เขาพาฉันมานี่ต่างหาก ในทีแรกคิดว่ามานอนสักคืนคงไม่เป็นไร เพราะฉันไม่ได้กลับบ้านนานห้องนอนเดิมคงยังไม่ได้รับการทำความสะอาด แต่ไม่คิดว่าที่ที่เขาพามามันจะทุเรศได้ขนาดนี้“เอาลูกสาวแท้ๆ มาขังไว้กับผู้ชายสองต่อสองไม่กลัวลูกจะถูกข่มขืน เขานี่เกิดมามีแค่ไอ้นั่นไว้สืบพันธุ์จริงๆ ไม่ได้มีความเป็นพ่อคนเลยสักนิด”ฉันบ่นอุบทันทีที่มาถึง ไหนจะเหนื่อยจากการเดินทาง ไหนจะรองเท้าส้นเข็มสูงกว่า 4 นิ้วที่ใส่มาทั้งวัน มาถึงห้องนี้อีกอย่างที่ฉันทำนอกจากบ่นคือถอดรองเท้าออกเพราะมันเจ็บมาก เจ็บจนฉันแทบจะเดินเท้าเปล่าไม่ไหว ทั่วทั้งฝ่าเท้ามีอาการบวมแดงจนต้องอาศัยการนวดเบาๆ เพื่อให้คลายความเจ็บปวดลงอ้อ ส่วนเรื่องห้อง เขาให้ฉันอยู่ในคอนโดราคาถูกๆ ที่ไม่ได้เก็บเสียงอะไรเลยสักนิด ตั้งแต่เข้ามาก็ได้ยินเสียงข้างห้องทะเลาะกันอยู่เป็นระยะ แล้วยังต้องอยู่ร่วมชายคากับไอ้บ้านี่อีก

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 2 ไม่ได้ทำในฐานะบอดี้การ์ด

    คนเจ็บขึ้นมาบนรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ แค่ถอดอินเอียร์ที่ชุ่มเลือดออกแล้วสตาร์ทรถเงียบๆ เป็นภาพที่สยดสยองจนแทบไม่อยากมอง“ไปโรงพยาบาลสิ เดี๋ยวก็แก้วหูแตกฉันไม่รู้ด้วยนะ” ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะบอกให้เขาไปโรงพยาบาลโดยไม่แสดงความเป็นห่วง ฉันแค่กลัวว่าจะมีคนมาเจ็บตัวแทนทั้งที่ไม่ต้องการ ไม่อยากมาเป็นหนี้บุญคุณกันให้ต้องตามติดไปถึงชาติหน้าเพราะผู้ชายอย่างเขา เจอชาติเดียวก็เกินพอแต่เขาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ยอมตอบอะไรกลับมาแล้วสตาร์ทรถออกตัวไปในทันที“แก้วหูแตกไปจริงๆ แล้วมั้ง สมน้ำหน้า” พูดพร้อมเบะปากด้วยความสะใจ“คุณควรจะขอโทษผมสักคำนะ”อ้าว ก็ได้ยินนี่ มีหูแต่ทำเป็นไม่มี แม่ทำให้แตกเพิ่มอีกสักข้างดีไหม น่าหงุดหงิดจริงๆ เลย“ขอโทษเรื่องอะไร? นายเอาตัวเข้ามาขวางเองนี่”“เรียนก็สูง วิชามารยาทเขาไม่สอนเหรอ?”“นายหลอกด่าฉันเหรอ!” ฉันกำหมัดแน่น ใจอยากจะทุบเขาให้ตายคามือ แต่พอเห็นว่าเขาเจ็บเพราะฉันเลยได้แต่เก็บมือลงที่เดิมแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆใจเย็นไว้เรนนี่ เย็นไว้ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง“ไปโรงพยาบาล” ฉันสั่งเสียงเข้ม แล้วยกมือขึ้นกอดอกเพื่อให้เขารู้ว่ากำลังไม่สบอารมณ์มากๆเกิดว่ามีใครมา

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 1 จอมพยศที่หนึ่ง

    บ้านเอ‍ก‍เด‍ชา‍พิ‍พั‍ฒ‍น์สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือโถงห้องรับแขกที่เดิมเคยมีเฟอร์นิเจอร์หรูมูลค่าหลายสิบล้านที่คุณตาหวงแหนตั้งอยู่ ตอนนี้ทุกอย่างถูกเคลียร์โล่งเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับงานปาร์ตี้ ทั้งลูกโป่ง ริบบิ้น กระดาษสีมากมายเกลื่อนพื้นไปหมด แล้วยังมีพลุกระดาษถูกยิงขึ้นไปติดอยู่บนรูปที่แปะไว้ใจกลางของห้องรับแขกนั่นอีกรูปคุณตา คุณยาย แล้วก็แม่ของฉัน สามคนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้กำลังถูกหยามเกียรติโดยใครก็ไม่รู้ที่มันไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลฉันด้วยซ้ำ แล้วไหนจะแขกในงานวันเกิดที่ร้องเจี๊ยวจ๊าวเหมือนลิงหลุดมาจากสวนสัตว์ ผู้ปกครองที่มางานก็ยังไม่สนใจดูแลลูก ปล่อยให้ไอ้เด็กเวรพวกนี้มันขึ้นไปกระโดดอยู่บนโซฟาของคุณตาอีก“เท็กซัสลูก อย่ากระโดดสิครับ” ฉันคิดว่าคนเป็นแม่คงมีจิตสำนึกอยู่บ้าง หากว่าไม่ได้ยินคำพูดต่อมา “เดี๋ยวตกลงมาแข้งขาหักจะทำยังไง ลงมาลูก”“พอกันที!”ฉันเดินตรงเข้าไปภายในงานแม้ว่าจะมีการรั้งต้นแขนเล็กๆ จากคนที่เดินมาด้วยกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันหยุดความตั้งใจที่จะทำลายงานวันเกิดแสนอัปรีย์ในครั้งนี้“เรนิส...” คนที่เรียกชื่อฉันไม่ใช่ใครที่ไหน แม่ของร‍า‍อุ‍ลอย่างยัยไข่มุกนั่นเอง

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทนำ เรื่องของครอบครัว

    [Reinist’s part]สนามบินสุวรรณภูมิบริเวณประตูทางออกหมายเลข 10 มีความวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อย ผู้คนต่างพากันป้องปากซุบซิบแล้วมองมายังจุดนี้เป็นตาเดียว บ้างก็นินทา บ้างก็ชื่นชม บ้างก็เดาไปต่างๆ นาๆ ว่ายัยคนสวยขายาวสวมเ‍ด‍ร‍สสีแดงสดและรองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ดซ้ำยังมีชายชุดดำเดินตามถึงสองคนคนนี้คือใครฉันเริ่มจะชินซะแล้วล่ะกับสายตาพวกนี้ที่มองมา ในฐานะของคุณหนู รุ‍ณ‍น‍สา เอ‍ก‍เด‍ชา‍พิ‍พั‍ฒ‍น์ ทายาทรุ่นต่อไปของ AC-Groups ชื่อบริษัทที่ครอบครองธุรกิจหลากหลายประเภทจนคนชินตา การถูกจ้องมองด้วยสายตาแบบนี้เป็นเรื่องปกติมากๆแต่ผู้คนที่นี่อาจไม่ได้มองเพราะชื่อเสียงของฉัน เพราะผู้หญิงชุดแดงหาที่ไหนก็หาได้ แต่คนที่หุ่นดีขาเรียวยาวซ้ำยังรูปร่างเข้ากับการดีไซน์ของชุด แล้วยังมีผิวขาวที่โดดเด่นรับกับชุดสีทับทิมนี่เป็นอย่างดี จะมีสักกี่คนกันแต่ว่านะ...ใต้ความสวยชีวิตฉันก็มีเรื่องน่ายกนิ้วกลางให้อยู่ ทั้งชีวิตของการรับบทคุณหนูมีแต่เรื่องที่ทำให้ฉันต้องหมดความศรัทธาในสถาบันครอบครัวมากขึ้นเรื่อยๆพ่อแต่งงานกับแม่เพื่อใช้นามสกุลของคุณตา ทิ้งแม่ที่ป่วยให้ตายโดยไม่ยอมพยายามรักษาอย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวอย่างฉันไปเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status