LOGIN[Nithe’s part]
ยัยเด็กบ้า
ผมได้แต่ด่าเธออยู่ในใจ ตอนนี้ผมกำลังหัวเสียอย่างหนักแต่แสดงออกไปไม่ได้ หัวคิ้วกระตุกด้วยถี่ความหงุดหงิด แล้วดูท่าทางของเรนนี่ที่นั่งจับผ้าห่มคลุมตัวร้องห่มร้องไห้ นี่มันกลับดำเป็นขาว พยายามใส่ร้ายผมชัดๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นคุณเดช บอกฉันมานะคะว่านี่มันเรื่องอะไร”
ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในแผนที่เธอวางเอาไว้ บอดี้การ์ดสาวคนนั้นวิ่งจากไปไม่นานทั้งพ่อของเรนนี่ พ่อแม่ฝั่งเจ้าบ่าวรวมทั้งตัวเจ้าบ่าวเองก็มารวมตัวกันที่นี่หมด
นี่มันเวรกรรมในเวรกรรมแท้ๆ
“เรื่องนี้ผมอธิบายได้นะครับคุณหญิง เราลงไปคุยกันข้างล่างดีกว่าครับ” พ่อเธอพยายามอธิบายกับคุณหญิงผู้เป็นแม่ของคุณพีท แต่ในขณะเดียวกันก็แอบส่งสายตาคาดโทษมาที่เราสองคน
“อธิบายเรื่องอะไรกัน พวกคุณคิดว่าพวกเราเป็นอะไรถึงได้มาเล่นอย่างนี้ ยอมให้ตาพีทเตรียมงานแต่งทั้งที่ไม่เจอเจ้าสาวเลยสักครั้งก็ทีหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังมาเจอแบบนี้อีก คุณต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น!”
“คุณป้าคะ...” เสียงสั่นเครือเจือเสียงสะอื้นของเรนนี่ดังขึ้น เธอมองมายังคุณหญิงที่กำลังโวยวายก่อนจะพูดเสียงสั่น “คือหนูไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่า...หนูแค่ไม่รู้ต้องทำยังไง”
“แกหมายความว่ายังไงเรนิส ไม่รู้ต้องทำยังไงมันหมายความว่าไง!!” ผู้เป็นพ่อตะคอกใส่เธอเสียงดังลั่น ตัวเธอได้ยินก็สะดุ้งตัวสั่น แต่ในจังหวะที่หลบสายตาจากผู้คน กลับเห็นว่าใบหน้าหวานมีรอยยิ้ม
แผนสูง!
“หนู...หนูแค่อยากบอกให้พ่อรู้ หนูแต่งงานกับคุณพีทไม่ได้ค่ะพ่อ แต่ถ้าพูดเฉยๆ พ่อคงไม่เชื่อ”
“แกว่าไงนะ?”
“หนูแต่งงานกับคุณพีทไม่ได้...”
“ทำไมแกจะแต่งไม่ได้ อย่าบอกนะว่าเพราะรักไอ้บอดี้การ์ดบ้านี่”
“พ่อไม่มีสิทธิ์มาว่าเขาอย่างนั้นนะคะ!”
“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์!”
“เพราะเขาคือพ่อของลูกหนู”
วินาทีนั้นเองที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ผมอึ้ง พ่อเธออึ้ง ทุกคนอึ้ง ไม่คิดเลยว่าเธอจะมามุกนี้ แม้แต่คุณหญิงท่านยังยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ
“หนูท้องค่ะพ่อ ท้องได้สองเดือนแล้ว พ่ออย่าบังคับหนูอีกเลยนะคะ หนูไม่อยากแต่งกับคนอื่นจริงๆ ฮึก...” ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งตัวสั่นเทิ้ม ก้มหน้าเอามือปิดปากร้องไห้ แต่ผมนี่สิชาไปทั้งตัว
เธอจะท้องกับผมสองเดือนได้ยังไง เราเจอกันไม่ถึงสามวันด้วยซ้ำ มากสุดก็แค่ลูบกล้ามท้องกับที่จูบเมื่อกี้
แต่สุดท้ายผมก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อเป้าหมายผมคือการช่วยให้เธอไปถึงเป้าหมาย ยังไงนี่ก็คงไม่ต่างจากเดิมมาก
ในทางกลับกันมันคงดีกว่า ถ้าผมจะหาโอกาสคุยเรื่องส่วนตัวกับเธอโดยไม่ต้องอ้างเรื่องงานเหมือนเมื่อก่อน
ด้านผู้เป็นพ่อได้ยินก็หัวเสียหนัก เขาปรี่เข้าไปหาเรนนี่หมายจะทำร้ายลูกสาวที่ไม่มีหัวคิดคนนี้ แต่กลับถูกผมขวางเอาไว้
ลูกเมียจะถูกทำร้าย ถ้าใครไม่ช่วยก็คงไม่ใช่คน
“หลีกไป มึงก็ต้องโดนเหมือนกันไม่ต้องรีบ”
“ผมคงทำอย่างนั้นไม่ได้”
“มึงหุบปาก นี่ไม่ใช่หน้าที่”
“แต่คุณหนูคือเมียผม ผมให้ท่านทำร้ายเธอไม่ได้หรอกครับ”
คราวนี้ทั้งห้องเงียบกว่าเดิม รณเดชในฐานะเจ้านายคงไม่คิดว่าผมจะยอมรับเรื่องนี้ออกมาง่ายๆ เขากัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ สายตาที่มองมาเคียดแค้นจนผมรู้ได้เลยว่าตัวเองจะต้องโดนอะไร
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ผมโดนจนชินแล้วล่ะ
ผมตรงเข้าไปหาเรนนี่ซึ่งตอนนี้น้ำตาอาบสองแก้ม เธอมองหน้าผมตาปริบๆ ด้วยไม่คิดว่าผมจะมาไม้นี้
ไหนๆ ก็จะเล่นบทเด็กเลี้ยงแกะ ก็ต้องเล่นให้สุดสิ รับรองได้เลยว่าเธอได้ เลี้ยงแกะ ทั้งคืนแน่
“ผมขอโทษทุกท่านด้วยที่ไม่บอกให้เร็วกว่านี้ พวกเรา...กำลังหารือกันว่าจะทำยังไงดี”
“จะมาบอกว่าขอโทษกันง่ายๆ อย่างนี้ได้ไงล่ะคะ แล้วหน้าตาพวกฉันจะเอาไปไว้ที่ไหน งานก็จัดแล้ว ขันหมากก็แห่มาแล้ว ขืนล่มไปทั้งอย่างนี้พวกเราจะทำยังไง” คุณหญิงว่าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างครับ”
“งั้นก็บอกมาสิว่าจะรับผิดชอบยังไง!”
“ในเมื่อเรื่องมันเกิดแล้วก็แล้วไปเถอะครับแม่ ผู้หญิงไม่อยากแต่ง ผมก็ไม่รู้ว่าจะฝืนใจเธอไปเพื่ออะไร”
แล้วทุกความวุ่นวายก็จบลงด้วยเสียงของ พีท ผู้ชายชุดขาวที่รับบทเจ้าบ่าวในวันนี้ เขาเดินมาอยู่ตรงหน้าผมแล้วมองนิ่งๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มเย็นยะเยือกมาให้แล้วหันไปพูดกับพ่อของเรนนี่ต่อ
“ให้ไนธ์มาแต่งแทนผมก็ได้นะครับ”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ไง แล้วหน้าแม่จะเอาไปไว้ที่ไหน”
“ไหนๆ เราก็จัดแล้ว ถ้าพวกเขารักกัน ให้เขาเป็นเจ้าบ่าวแทนก็ได้ครับ ผมไม่มีปัญหา”
“แต่แม่มี!!!”
การตัดสินใจของเขาทำให้ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่มีทางเลือก ตัวพีทเองแม้ว่าจะเป็นเพียงนักธุรกิจหน้าใหม่อายุไม่ถึงสี่สิบปี แต่กลับมีอำนาจอย่างน่าเหลือเชื่อ
แม้แต่คนที่ฆ่าได้หยามไม่ได้อย่างพ่อของเรนนี่ก็ยังยอมหุบปากเงียบไม่กล้าคัดค้าน ราวกับว่าเป็นเสือที่โดนสิงโตเจ้าป่าข่มมาอีกที
“คุณหญิงออกไปรอที่ข้างนอกดีไหมครับ ผมขอเวลาคุยกับลูกสาวสักครู่”
เขาพยายามจะจบเรื่องนี้ด้วยการพาคุณหญิงออกไปจากที่นี่ แต่คุณหญิงขืนตัวเอาไว้แล้วหันมาพูดกับผม
“ในเมื่อฉันมาแล้วก็อย่าทำให้ฉันต้องเสียหน้า ไป ฉันจะเป็นผู้ใหญ่สู่ขอแม่หนูนี่ให้”
“อะไรนะครับคุณหญิง?” รณเดชว่าอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“คุณก็ด้วย จบงานนี้เมื่อไหร่ฉันได้คุยกับคุณแน่ ไม่ต้องห่วง”
คุณหญิงท่านคาดโทษเจ้านายผมก่อนจะสะบัดผมเดินจากไปด้วยความรวดเร็ว การกระทำนั้นทำให้เขาไม่อยู่เฉย ตรงเข้ามาหาผมก่อนจะกระชากคอเสื้ออย่างแรง
“มึงจำเอาไว้เลยนะ จบงานนี้ถ้ากูพลาดการร่วมธุรกิจกับบ้านนั้นมึงจบไม่สวยแน่”
“ครับ”
ผมตอบเสียงเรียบ ไม่ได้ตั้งใจกวนตีนแต่กลับทำให้คนฟังโมโหยิ่งกว่าเดิม แต่สุดท้ายแล้วพอทำอะไรไม่ได้ มือที่กำคอเสื้อผมอยู่ก็ต้องปล่อยไป
“เสร็จงานนี้เมื่อไหร่มึงโดนแน่”
ทุกคนเริ่มทยอยออกจากห้องไปแล้ว จนสุดท้ายเหลือเพียงผมและเรนนี่ เธอมองตามคนเหล่านั้นออกไปด้วยสีหน้าที่สะใจอย่างมาก เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปแจกมะเหงกแรงๆ หนึ่งที
โป๊ก!
“โอ๊ย! มันเจ็บนะ” เธอยกมือขึ้นลูบหัวป้อยๆ พลางโวยวายเสียงดังลั่น แต่ยิ่งเจ็บยิ่งดี ที่ทำไปเพราะตั้งใจให้เจ็บ
“เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง”
“แล้วไง ไม่เห็นสีหน้าเจ้านายของนายเหรอ พ่อน่ะเหวอแดกจนพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ด่าฉันไม่ได้สักคำ”
ไม่มีความสลดในสีหน้าของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เห็นแล้วอยากจะกระชากมาเขกหัวอีกสักรอบ เธอคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเพิ่งทำเรื่องให้มันใหญ่กว่าเดิม
“เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้”
“ฉันเปล่า นายมีหน้าที่ดูแลฉันก็อย่าพูดมาก คิดซะว่านี่มันหน้าที่บอดี้การ์ดเป็นไง”
คิดอะไรตื้นๆ คุณตาของเธอคงรู้ว่าหลานสาวไม่เป็นโล้เป็นพายเลยต้องมาฝากฝังคนที่ไม่รู้ว่าจะไว้ใจได้ไหมอย่างผม ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าไม่เป็นโล้เป็นพายยังไง ตอนนี้เริ่มรู้แล้ว
“ลุกขึ้นมา ไปแก้ปัญหาที่คุณทำเอาไว้เดี๋ยวนี้เลย”
ในเมื่อสองฝ่ายนั้นตกลงให้ผมเป็นตัวแสดงแทนในงานวันนี้ผมก็คงเลี่ยงอะไรไม่ได้ อย่างน้อยๆ ถ้าอาศัยเรื่องการแต่งงานเป็นข้ออ้างในการพาเรนนี่ออกจากการจับตามองของท่านประธานได้ การช่วยเหลือเธอคงจะง่ายขึ้น
“ไม่เห็นต้องทำหน้าเครียดอย่างนั้นเลย แต่งงานกับฉันมันไม่แย่ซะหน่อย” ในขณะที่ผมกำลังหาทางช่วยเธออยู่นั้น คนที่ควรเครียดที่สุดกลับพูดหน้าระรื่น ไม่ได้สลดเลยแม้แต่นิดเดียว
“นายรู้อะไรไหม เป็นสามีฉันน่ะดีจะตาย ฉันยังโสด ซิง ประสบการณ์ความรักเป็นศูนย์ก็จริง แต่ก็เต็มไปด้วยความสดใส แถมยังรวย ฉันเลี้ยงนายได้สบายๆ ไม่ต้องทำงานตลอดชีวิตเลยยังได้”
“ดูจากรูปการณ์แล้วคนต้องเลี้ยงคือผมมากกว่านะ”
สมบัติไม่ทันได้คืนก็คิดไกลไปถึงขั้นนั้นแล้ว อย่างนี้อย่าว่าแต่ทวงทุกอย่างคืนมาเลย แค่จะเอาตัวรอดจากบ้านนี้ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ดูอย่างหนีออกจากบ้านเมื่อวานสิ ตัวเองมีเงินตั้งเยอะแยะยังพาตัวเองไปถูกฉุดได้ คนแบบนี้ไม่มีผมจะไปไหนรอด
“อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ วันนี้นายต้องเป็นของฉันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แบร่”
พูดจบยัยตัวยุ่งก็เดินไปคว้าชุดแต่งงานตัวใหม่ ที่วางพาดอยู่ตรงโซฟาเดินหายเข้าห้องน้ำไปในทันที ทิ้งผมไว้กับคำพูดของเธอที่ทำให้รู้สึกขำอยู่หน่อยๆ
“ต้องเป็นของเธอเหรอ หึ ใครกันแน่ที่จะเป็นของใคร”
•────────❅❀❅────────•
[Nithe’s part]งานแต่งตั้งประธานเป็นอะไรที่วุ่นวายไม่น้อย ผมเดินตามเรนนี่ตลอดเวลาทำหน้าที่บอดี้การ์ดของตัวเองที่ห่างหายไปหลายเดือน ยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่แปลกอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นใบหน้าที่ยิ้มกว้างของเรนนี่อย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน ผมเองก็อดยิ้มตามเธอไม่ได้เธอดูมีความสุขมากจริงๆ มากกว่าเมื่อก่อนมาก ผมดีใจที่พอผมกลับเข้ามาในชีวิตสิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มของเธอ และหวังว่าจะได้เห็นมันไปนานๆ ตลอดไปเลยยิ่งดี“คลั่งรักเมียนะมึงอะ มองไม่พัก มองขนาดนี้แล้ววันนั้นหมาตัวไหนครับบอกว่าถ้าได้เอาคนนี้เอาหมาดีกว่า”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาที่ข้างตัว ผมเกือบลืมไปว่าวันนี้เชิญเพื่อนสุดที่รักมาด้วย หันไปเจอไอ้ ชาวี เพื่อนรักตัวแสบยืนทำหน้าแป้นน่าถีบอยู่ข้างๆ เห็นแล้วอยากจะหันไปแจกหมัดให้สักทีสองที“คนพูดนั่นไม่ใช่กูครับเพื่อน” ผมตอบยิ้มๆ สายตาก็มองกลับเข้าไปในงาน เรนนี่กำลังทักทายแขกเหรื่อในงานโดยมีไอ้เจ็ดเดินตามไม่ห่าง ผมเลยถือโอกาสหันมาคุยกับเพื่อนบ้างวันนี้มากัดหมดทั้ง นาวี ชาวี รวมทั้งไอ้นักรบ แล้วไหนจะสาวๆ เมียพวกมันอีกครบทีม ผมคิดว่างานสำคัญอย่างนี้พาพวกเธอมาเจอกันหน่อยก็ดี ซ้ำคุณหนูเอวา[1] เอ
ฉันมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก หญิงสาวในเดรสสีแดงสดแต่งหน้าจัดเต็มทาปากสีนู้ด ผมยาวสลวยถูกย้อมเป็นสีดำขลับแล้วรีดตรงทำให้เธอดูสง่าและภูมิฐานกว่าเมื่อก่อนเป็นไหนๆ สไตลิสของฉันวนรอบตัวแล้วปรบมือแล้วปรบมืออีกด้วยความภาคภูมิใจ ที่หล่อนสามารถเปลี่ยนลุคของฉันจากสก๊อยเป็นท่านประธานสาวได้สำเร็จ“สวย เริ่ด ปัง”“พอเถอะ เธออวยจนฉันเริ่มจะอึดอัดแล้ว”“ฉันอวยตัวเองเถอะ เมื่อก่อนเธอแต่งตัวไม่มีคลาสเอาซะเลย ตอนนี้เหรอ เหอะ อย่าว่าแต่มองเหลียวหลัง ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องวิ่งเข้ามากราบขอเป็นผัวค่ะ”“ขนาดนั้นเชียว?”เราสองคนเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม คงเพราะอายุไม่ห่างกันมาก แล้วก็ทะเลาะกันมาตลอดเลยทำให้สนิทกันง่าย ทุกวันนี้การมีไข่มุกอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่แย่เท่าไหร่“เธอไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวไปพร้อมกัน” ฉันว่าพลางกลับมานั่งเล่นมือถือที่โซฟา ไม่ลืมที่จะถอดส้นสูงออกเพราะรู้ว่าไปงานยังไงก็คงไม่ได้ถอดไปอีกหลายชั่วโมง“ไม่เอาล่ะ เธอไปเถอะ ฉันเป็นแค่สไตลิสจะไปทำไม”“เธอเป็นเมียพ่อฉัน เป็นแม่เลี้ยงฉันนี่”“เธอ...ไม่ใช่ลูกของคุณเดชไม่ใช่เหรอ?”“อือ แล้วไงล่ะ ฉันก็เรียก
[Nithe’s part]ขอโทษ...คำนี้มันคงจะสายเกินไปที่จะพูดแล้วในตอนนี้ แหวนที่เธอคืนให้มา มันคือการตัดความสัมพันธ์อย่างชัดเจนแต่ผมกลับไม่สามารถมูฟออนไปได้เลย“ผมเข้าใจนะว่าลูกพี่กำลังอกหัก แต่ดื่มเยอะๆ อย่างนี้มันไม่ดีนะพี่ คุณหนูเขามีความสุขแล้ว ผมเองก็ดูแลให้อย่างดี”คงมีแต่ไอ้เจ็ดที่เข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง เรื่องที่เราเลิกกันไม่ได้ประกาศออกไป เลยมีแค่คนที่ผมสนิทที่สุดเท่านั้นที่รู้ แม้แต่นาวี ชาวี หรือแม้แต่ไอ้นักรบก็ไม่รู้เรื่องนี้ หลายครั้งที่เจอกันพวกมันยังแซวเรื่องของผมกับเรนนี่อยู่เลย ผมเองก็ไม่อยากบอกใครว่าจริงๆ ความสัมพันธ์นั้นมันได้จบลงแล้ว“กูไม่ได้อกหัก” ผมปฏิเสธคำพูดของไอ้เจ็ด ด้วยไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเลิกกับเธอแล้วจริงๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกระดกเหล้าเพียวๆ เข้าปากอีกอึกไม่รู้ว่าตัวเองดื่มจนเมาปลิ้นอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว รู้แค่ว่าทุกวันหากคิดถึงเธอ รสขมปร่าของเหล้าเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยผมได้ดื่มแล้วก็เมา เมาแล้วก็นอน นอนแล้วก็ตื่นมาดื่มใหม่ ชีวิตผมเป็นอย่างนี้มาสามเดือนแล้ว โคตรขี้แพ้เลยเนอะไอ้เจ็ดก็เลิกงานเมื่อไหร่เป็นต้องมาดื่มเป็นเพื่อนผม บางวันมันก็บ่นว่าดื่มไม่ไหวแล้วขอก
ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเสียไปหมดทุกอย่าง จนกระทั่งตัวเองมาเจอเรื่องนี้เมื่อก่อนฉันเสียแม่ เสียตา แต่ยังมีเป้าหมายในการทวงทุกอย่างคืนมาจากพ่อพอให้ได้มีแรงสู้ต่อ แต่วันนี้ฉันได้ทุกอย่างคืนมาแล้ว แม้แต่ตาก็อยู่กับฉัน แต่กลับไม่มีความสุขเลย“ตรงนี้อ่านว่า กอ อา กา แค่นี้ก็ไม่รู้เนอะ”“ก็เราไม่เคยเรียนหนังสือนี่”“ไม่เอาน่าหลานๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ”อีกอย่างที่ฉันได้มา นั่นก็คือครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ฉันว่าบ้านหลังนี้มันใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียว เลยให้ยัยไข่มุกย้ายกลับเข้ามา ด้วยเหตุผลแรกคือ ฉันอยากให้ราอุลได้เรียนที่ดีๆ มีสังคมดีๆ ไม่ต้องลำบาก สองคืออยากให้หลินหลินได้มีเพื่อนอ้อ ฉันรับหลินหลินเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้ว ถึงจริงๆ เธอจะเรียกฉันว่าพี่สาวก็เถอะตอนนี้ในบ้านฉันเลยเต็มไปด้วยเสียงของเด็กสองคนทะเลาะกันแทบทุกวัน ตามด้วยเสียงคุณตาที่บอกว่าอย่าทะเลาะกันส่วนฉันก็มีงานใหญ่ต้องทำ“ชุดเห่ย”ยัยแม่เลี้ยงปากเสียว่าพลางมองฉันหัวจรดเท้า เธอเบะปากให้ชุดเดรสสีแดงเรียบๆ ที่ฉันเลือกมาด้วยความตั้งอกตั้งใจยัยไข่มุกรับหน้าที่เป็นสไตลิสชั่วคราวให้ฉัน เพราะช่วงนี้ฉันยังไม่อยากพบเจอผู้คน
‘แม่คะ อันนี้ดอกอะไรคะแม่ สวยมากเลย’‘ไซคลาเมนลูก ความหมายของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก บางคนก็เชื่อว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของการจากลา แต่สำหรับแม่ หมายถึงความรักของแม่ จะยังคงอยู่ตลอดไป แม้ว่าจะตายจากกัน’‘แม่อย่าพูดถึงเรื่องตายแบบนั้นสิคะ เรนไม่ชอบเลย’‘เรนนี่ลูก วันหนึ่งคนเราก็ต้องจากกัน แค่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่หนูไม่ต้องห่วงนะ ถ้าแม่ไปก่อน แม่จะไปรอลูกอยู่ที่นั่นนะจ๊ะ’ภาพของแม่ที่ฉันไม่เคยฝันถึงเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันมองรูปของแม่ทุกวัน หวังว่าจะได้เจอแม่ในฝันสักครั้ง แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นความว่างเปล่า มีเพียงคราบน้ำตาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในทุกคืนแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ฉันถึงได้ฝันถึงแม่ แม่ที่ตายจากไปแล้วหลายปี ฉันถามแม่ว่าคุณตาอยู่ไหน แต่ท่านก็ไม่ตอบแล้วเดินไกลออกไป‘แม่คะ...อย่าทิ้งหนูไป’ เสียงของฉันในความฝันเรียกชื่อแม่ สองขาพยายามวิ่งตามท่าน แต่เหมือนว่ายิ่งวิ่งมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆแม่...อย่าทิ้งหนูไป“แม่คะ...แม่อย่าทิ้งหนู”“เรนนี่” เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาในความฝัน ฉันหันหลังไปแล้วก็เจอกับใบหน้าของชายหนุ่มที่เหมือนจะคุ้นเคย แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเ
“เรื่องการเข้ารับตำแหน่งที่บริษัท ฉัตรจะจัดการให้เองนะคะคุณหนูไม่ต้องห่วง ตอนนี้พักผ่อนไปก่อน เอาสุขภาพตัวเองเป็นหลักนะคะ”คงเป็นความโชคดีของฉันอย่างหนึ่ง คือตอนที่ฉันรู้สึกแย่ฉันไม่เคยต้องอยู่คนเดียว ตอนที่เพื่อนไม่ว่างและฉันต้องการกำลังใจ ก็มีคุณฉัตรที่คอยเป็นธุระให้แทบทุกอย่าง แล้วยังอาสามาอยู่เป็นเพื่อนในบางวันเธอช่วยฉันตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จนไม่รู้แล้วว่าต้องเริ่มขอบคุณเธอจากตรงไหนดี“ขอบคุณนะคะคุณฉัตร แค่นี้ก็ลำบากคุณมากพออยู่แล้ว” ฉันกล่าวขอบคุณออกไปอย่างจริงใจ นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้“ไม่รบกวนหรอกค่ะ ยังไงฉันก็ต้องทำงานให้คุณในฐานะทนายในการแต่งตั้งประธานบริษัทอยู่แล้ว ตอนนี้เราต้องเตรียมตัวเพื่อจะไปแสดงตัวว่าเป็นทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย ฉัตรเตรียมเอกสารไว้ให้แล้ว คุณเรนค่อยดูตอนที่รู้สึกดีขึ้นนะคะ”“ขอบคุณค่ะ”“งั้นวันนี้ฉัตรจะรอเมย์บีมาก่อนค่อยไป คุณเรนอยากดื่มอะไรสักหน่อยไหมคะ ฉัตรไปชงให้”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”เฮ้อ...ฉันต้องอยู่คนเดียวให้ได้ ต้องไม่จิตตก ต้องไม่คิดถึงเขาสิรู้ไหมว่าอะไรยากที่สุดของการอยู่คนเดียว คือเมื่อเราได้มีใครสักคนเข้ามาในชี







