LOGINบ้านเอกเดชาพิพัฒน์ได้ถูกเปลี่ยนเป็นงานแต่งงานเล็กๆ เป็นที่เรียบร้อย ทั้งดอกไม้ ม่านขาวแล้วก็ซุ้มหน้าประตู ผู้คนที่ไม่รู้ว่าไปขนมาจากไหน เพื่อนเจ้าสาวในชุดชมพูที่ไม่ได้เป็นเพื่อนฉันเลยสักคนเดียว แล้วไหนจะสีหน้ายิ้มแย้มของยัยแม่เลี้ยงทำให้ฉันอยากจะอาเจียนออกมา
แค่ข้ามวันเท่านั้น ขังฉันไว้ในบ้านวันเดียวก็รีบร้อนจัดงานแต่งเลยทันที ทีมออแกไนซ์ที่ทำงานรวดเร็วราวกับมีการวางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว มันทำให้ฉันสงสัยจริงๆ ว่าฉันถูกจับแต่งงานเพราะเรื่องเมื่อวานจริงๆ หรือเปล่า
มองจากหน้าต่างชั้นสองลงไปเห็นผู้คนที่ถูกเชิญเข้างานมาเรื่อยๆ บางคนหน้าไม่คุ้นด้วยซ้ำแต่ก็ยังเสนอหน้ามางานแต่งงานของฉัน อย่าว่าแต่แขกเลย แม้แต่เจ้าบ่าวฉันเองก็ยังไม่เคยเจอ เป็นใครก็ไม่รู้
รู้แค่ว่าชื่อ พีท เป็นเจ้าของโรงเรียนที่ราอุลเรียนอยู่ อายุห่างจากฉันแค่ไม่กี่ปี แค่นั้นเอง
“คุณหนูคะ ชุดพร้อมแล้วค่ะ”
เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้ฉันหันไปมอง พบว่ามีการนำชุดแต่งงานแบบไทยประยุกต์ออกมาวางบนเตียงนอนของฉัน เนื้อผ้าสีมุกประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ ที่ดูจากตาเนื้อก็เห็นว่าเป็นของปลอม ทั้งเสื้อเกาะอกและตัวสไบถูกเย็บติดกันเป็นชุดสำเร็จรูป เป็นงานแต่งงานที่มักง่ายดีจริงๆ
“มีชุดเดียวเหรอ?” ฉันถามคนที่เอาชุดมาให้ คนนี้ไม่ใช่เด็กรับใช้ในบ้าน แต่เป็นคนที่เคยผ่านการฝึกบอดี้การ์ดเหมือนๆ กับไนธ์มาก่อน พวกเขาไม่กล้าให้ฉันอยู่คนเดียวเพราะกลัวฉันหนีไป หารู้ไม่ว่าฉันหนีไปแล้วครั้งหนึ่ง
“มีอีกหลายชุดที่ท่านประธานเลือกไว้ให้ค่ะ ถ้าคุณหนูอยากดูดิฉันจะไปเอามาให้”
“มีแบบกระโปรงบานกว่านี้หรือเปล่า ฉันอยากได้แบบร่วมสมัย กระโปรงฟูๆ เหมือนเจ้าหญิงอะไรแบบนั้น”
“มีค่ะ รอสักครู่นะคะ” สาวใช้คนนั้นออกจากห้องไปแล้ว ส่วนฉันก็กอดอกมองตัวเองในกระจกพลางใช้ความคิด
ฉันในตอนนี้ไม่ได้จนมุม แค่กำลังแกล้งทำเป็นยอมเพื่ออ่อยเหยื่อก็เท่านั้น พวกเขาคิดว่าจะควบคุมฉันได้ แต่สุดท้ายพอเผลอฉันก็จะหาทางดิ้นจนหลุด
ในเมื่อต่อต้านไม่ได้ก็จงเข้าร่วม คือสิ่งที่ฉันพยายามตัดสินใจมาทั้งคืน ฉันไม่มีพรรคพวก ไม่มีใครอยู่ข้างฉัน เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่ฉันจะทำได้ดีที่สุดคือการแต่งงานออกไปจากบ้านหลังนี้ ทำให้ผู้ชายคนนั้นหลงรักหัวปักหัวปำแล้วยืมมือเขาเพื่อแก้แค้นก็คงไม่สาย
เพราะยังไงซะผู้ชายพวกนี้ก็ต้องแพ้ให้ผู้หญิงสวยอยู่วันยังค่ำ
ระหว่างที่รอเธอคนนั้นกลับมา ฉันก็พาตัวเองไปอยู่ที่หน้าต่างมองลงไปข้างล่างอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับไนธ์ที่กำลังรักษาความปลอดภัยข้างนอกมองขึ้นมาเหมือนกัน
สายตาของเขายังคงเรียบเฉยเหมือนทุกครั้ง แต่คำพูดของเขาเมื่อคืนนี้มันกลับทำให้ฉันสับสน หลายครั้งที่ฉันคิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้ว แต่ทางที่ฉันเลือกก็มักจะเป็นทางเลือกโง่ๆ สำหรับคนอย่างเขา
หวังแค่ว่าครั้งนี้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นอีก
────────❅❀❅────────•
ภายในงานแต่งงานบรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น ผู้คนจากวงสังคมเดียวกันถูกเชิญมางานนี้ไม่ใช่เพื่อแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว แต่เพื่อเป็นการสยบข่าวลือแย่ๆ ที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้
คุณไข่มุก ภรรยาท่านประธานรณเดช เป็นเพียงภรรยาน้อยที่ลูกสาวท่านรังเกียจ ข่าวนั้นถูกแก้เป็นคุณหนูแค่มีปัญหาไม่อยากแต่งงานตามคำสั่งเลยสร้างข่าวโคมลอยขึ้นมา ส่งผลให้ท่านเลื่อนงานแต่งเข้ามาเร็วขึ้นเพื่อลงโทษลูกสาว
แต่ใครเชื่อก็โง่แล้ว
“ยินดีด้วยนะคะท่านประธาน อิชั้นก็รู้จักท่านมาหลายปี ไม่ยักรู้เลยว่ามีลูกสาวโตขนาดนี้แล้ว ถ้าหากรู้ดิฉันคงไม่ให้หลานชายแต่งงานไปก่อนแน่นอนค่ะ” คุณหญิงคุณนายต่างหมายตาอยากจะดองกับตระกูลนี้ใจจะขาด ด้วยการผูกขาดธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโครงการใหญ่ๆ ทั้งของรัฐและเอกชนไว้ค่อนประเทศ มูลค่าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ก็มีแต่จะขึ้นเรื่อยๆ การแต่งงานของรุณนสาจึงทำให้คนอิจฉาตาร้อนไปเป็นแถบๆ
“เมื่อก่อนเรนิสโตมากับคุณตาน่ะครับ ผมเองมัวแต่ทำงานไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลลูก เลยไม่ค่อยเห็นออกงานด้วยกัน” รณเดชตอบยิ้มๆ ทำท่าราวกับภาคภูมิใจในตัวลูกสาวเหลือเกิน ทั้งที่ความจริงนั้นแทบจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาพูดออกมา
มัวแต่ทำงานไม่มีเวลาดูแลลูกอะไร มัวแต่คิดหาทางฮุบบริษัทพ่อตาจนไม่ได้เห็นหน้าลูกเมียสิไม่ว่า
ด้านคนที่รู้เรื่องทุกอย่างอย่างไนธ์ตามติดเจ้านายของเขาตลอดเวลา วันนี้เขาไม่ต้องดูแลเรนิสแล้วเพราะมีคนอื่นขึ้นไปดูแลแทน เลยได้โอกาสพักสมองบ้าง
แต่ไม่คิดว่านี่น่าปวดหัวกว่าตอนดูแลคุณหนูเสียอีก
“คุณไข่มุกเธอโชคดีนะคะที่มีสามีทั้งขยันแล้วก็แสนดีอย่างท่าน ชักอยากเห็นหน้าลูกสาวแล้วสิคะ ต้องสวยมากแน่ๆ”
“ครับ ผมก็ว่างั้น” รณเดชหันมาหาลูกน้องคนสนิทของตน ก่อนจะพยักพเยิดไปทางห้องนอนชั้นสองซึ่งมีเจ้าสาวแต่งตัวอยู่
ไนธ์รับคำสั่งด้วยการโค้งน้อยๆ ตามหน้าที่ ก่อนที่เขาจะเดินอ้อมตัวบ้านไปทางด้านหลัง ตรงเข้าห้องนอนของคุณหนูในทันที
“ตรงนี้โอเคแล้ว เดี๋ยวปากฉันทาเองนะขอบใจ” ทันทีที่ประตูเปิดออกเสียงเล็กๆ ของคุณหนูเจ้าของห้องก็ดังขึ้น เธอกำลังง่วนอยู่กับการแต่งตัวที่หน้ากระจก และดูเหมือนว่าพอเขามา จะเหลือเพียงขั้นตอนการทาลิปสติกแล้ว
“ถึงไหนแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ เขาพยักพเยิดให้สาวใช้ที่มีเพียงคนเดียวออกไปจากห้องนี้ เพราะมีบางอย่างอยากจะคุยกับคุณหนูเป็นการส่วนตัว
“นายไม่ควรเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาวนะ มันเสียมารยาท” เธอพูดขณะที่ปาดลิปสติกลงไปบนปาก เมื่อเสร็จแล้วก็ขยิบตาใส่กระจกหนึ่งทีก่อนจะหันมามองผู้เข้ามาใหม่ “เข้ามาทำไม?”
เขาไม่ได้ตอบคำถามเพราะกำลังตะลึง หญิงสาวในชุดแต่งงานสีขาวสะอาด เกาะอกสายเดี่ยวเรียบๆ มีโบผูกที่ไหล่ทั้งสองข้าง กระโปรงฟูฟ่องไม่ได้มีดีเทลอย่างอื่นเพิ่มเติม ทว่าเมื่อรวมกับผมสีน้ำตาลที่ลอนใหญ่ๆ รวบครึ่งหัว ติดด้วยเวลส์บางๆ สีเดียวกับชุด การแต่งหน้าสีอ่อนทว่าริมฝีปากกลับทาสีแดงก่ำ
ทุกอย่างบนใบหน้าเธอทำให้เขาหัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลืมภาพคุณหนูจอมดื้อที่เถียงเขาฉอดๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันคนนั้นไปเสียสนิท
รู้ตัวอีกทีเขาก็จ้องเธอไม่วางตา จนทำให้เจ้าสาวหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเล็กๆ
“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนสวยหรือไง” เสียงเล็กดังขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง ทำให้เขาหลุดจากภวังค์
“มองไม่ได้หรือไง” ยังคงความกวนเอาไว้แม้ว่าในใจจะอยากพูดออกไปว่า สวย ใจจะขาด
“สวยล่ะสิ” คนถูกมองสะบัดผมแสดงความมั่นใจ แต่กลับถูกคำพูดของอีกคนทำให้ความมั่นใจหดหายไป
“ก็ทั่วๆ ไป”
“ชิ ถ้าจะเข้ามาแซะฉันก็ออกไปเลย ดีใจล่ะสิที่ไม่ต้องคอยดูแลคุณหนูที่น่าปวดหัวอย่างฉันแล้ว” เรนิสกอดอกอย่างภาคภูมิใจ เธอเองก็เบื่อแล้วเหมือนกันที่ต้องมาคอยถูกเขาจับตามอง หวังว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเรื่องดีที่เธอจะได้หลุดจากเขาเสียที
แต่อีกใจเธอก็ยังใจหายอยู่หน่อยๆ แม้ว่าเป้าหมายหลักจะเป็นการทำทุกอย่างเพื่อสมบัติ แต่ก็ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเหมือนตอนมีเขาอยู่ข้างๆ หรือเปล่า
หมายถึงปวดหัว...แต่ก็ปลอดภัยในขณะเดียวกัน
“เห็นคุณสบายใจผมเองก็ดีใจ”
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” หญิงสาวยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“หวังว่าพอแต่งงานแล้วจะไม่เจอเจ้าบ่าววิปริตจับคุณขึ้นเตียงเหมือนหมูเหมือนหมา ไม่เจอแม่สามีประสาทยิ่งกว่าคนที่คุณเกลียด ไม่เจอคนที่จ้องจะเอาเปรียบคุณมากกว่าเดิมนะ”
เขาเหมือนจะพูดกับเธอด้วยความหวังดี แต่คำที่พูดออกมากลับทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าหวานหายไป เธอเหมือนจะฉุกคิดขึ้นได้ว่าการยอมแต่งงานเพื่อเอาคืนอีกฝ่ายนั้นเป็นวิธีการที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย
หากว่าที่เขาพูดมามันเกิดขึ้นจริงล่ะ ถ้าหากว่าเธอต้องเจอเรื่องที่แย่กว่าเดิมในบ้านอีกหลัง นั่นก็ไม่เท่ากับว่าหนีเสือปะจระเข้หรอกเหรอ
ยิ่งคนอย่างพ่อของเธอ คงไม่มีวันที่จะให้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ อย่างแน่นอน
“ผมแค่พูดเล่น ไม่เห็นต้องทำหน้าอย่างนั้นเลย” สิ้นคำพูดของชายหนุ่ม เรนิสถึงกับหันมาค้อนขวับ แค่พูดเล่นอย่างนั้นเหรอ เขาไม่ทุกข์ร้อนเพราะตัวเองไม่ได้แต่งงานน่ะสิ ลองถ้าได้มาเป็นเธอจะกล้าพูดคำนั้นออกมาอีกไหม
ถ้าเขาลองมาเป็นเธอ...อย่างนั้นเหรอ
บางที...ถ้าเกิดว่าผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วยคือเขา นั่นหมายความว่านอกจากเธอจะไม่ต้องเสี่ยงเจอแม่สามีประสาทแดกแล้ว ยังสามารถใช้อำนาจสั่งเขาให้ทำตามใจได้โดยไม่ต้องรอทำให้ตกหลุมรักเสียก่อน ถ้าเป็นแบบนั้นเกมอาจจะเปลี่ยนเล็กน้อยก็ได้
“นายมานี่หน่อยสิ ฉันรู้สึกเหมือนว่ามันมีอะไรอยู่ในเสื้อ” พูดพร้อมกับแกล้งขยับตัวยุกยิกๆ ทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย
ขนาดจะแต่งงานก็ยังไม่พ้นมือเขาอีกนะแม่ตัวแสบ
“เร็วเข้าสิ มันจะเข้าไปข้างในแล้วเนี่ย” เธอเร่งยิกๆ
เรนิสหันหลังไปให้เขาแล้วเริ่มใช้มือรูดซิปหลังของตัวชุดลงมา แต่ด้วยความที่มือสั้นเลยไม่ถนัดเท่าไหร่ จนคนตัวสูงกว่าต้องเข้ามาช่วยอย่างไม่เต็มใจนัก
“น่ารำคาญจริงๆ”
ซิปชุดถูกรูดลงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นแผ่นหลังเนียนที่ซุกซ่อนเอาไว้ เสี้ยววินาทีที่ปลายนิ้วเผลอแตะเข้ากับผิวขาวเนียนที่อยู่ตรงหน้า กำแพงสูงก็เหมือนจะพังทลายลงอย่างไม่รู้ตัว จนสร้างปีศาจขึ้นมาในใจ
ปีศาจที่คอยกระซิบบอกเขาว่าอย่าให้เธอแต่งงาน ปีศาจที่บอกว่าเขาทำให้เธอเป็นของเขาได้ แต่ก็มีปีศาจฝ่ายดีที่คอยบอกว่าไม่ควร
แน่นอนว่าคนอย่างเขาไม่ต้องให้ปีศาจที่ไหนมาควบคุมทั้งนั้น
แต่ท่ามกลางอาการตกอยู่ในภวังค์ของชายหนุ่มกลับมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าหวาน
แค่แผ่นหลังยังทำเขาอึ้งได้ขนาดนี้ รับรองเลยว่าเขาดิ้นหนีจากเธอไม่หลุดแน่
“ไนธ์” หญิงสาวเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา มือเรียวรวบผมที่ปรกหลังไปอยู่ทางด้านหน้าให้เขาเห็นหลังเธอชัดยิ่งกว่าเดิม
กระอักเลือดไปเลยสิ กรี๊ดออกมานะ กรี๊ดออกมา!
“ว่า?” เขาถามเสียงเรียบ แต่กลับถูกอีกคนจับได้ว่าเสียงสั่น
ใบหน้าสวยค่อยๆ หันมองเขาอย่างช้าๆ ก่อนจะส่งสายตาหยาดเยิ้มที่ทำให้หัวใจชายหนุ่มกระตุกวูบ
เสร็จแน่ๆ คราวนี้
“ฉันไม่อยากแต่งงานกับเขา” เขาที่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคือใคร แต่ที่รู้แน่ๆ คือเขากำลังจะกลายเป็นเหยื่อชิ้นโตที่เธอหย่อนเบ็ดไปรอแล้ว
“ไม่อยากแต่งแล้วจะทำยังไง” เขาแทบจะลืมไปเสียสนิทว่าเกิดอะไรขึ้นกับชุดเธอก่อนหน้านี้
“ไม่อยากแต่งกับเขา...” เรนิสหันมาหาเขาเต็มตัว ก่อนจะช้อนสายตามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาออดอ้อนขั้นสุด “นายช่วยฉันได้ไหม?”
“ผมจะช่วยอะไรคุณได้”
“ก็ช่วยเป็นของฉันไง”
หมับ!
มือเล็กทั้งสองข้างจับไหล่เขาไว้มั่น ก่อนจะใช้ความรู้เกี่ยวกับเทควันโดที่มีเพียงน้อยนิดจัดการทุ่มชายหนุ่มลงบนเตียงที่อยู่ข้างกัน ตามด้วยร่างของเจ้าสาวในชุดรุ่มร่ามที่เข้าคร่อมไว้ทั้งอย่างนั้น
แน่นอนว่าเขาสามารถใช้แรงขัดขืนเธอได้อย่างง่ายดาย แต่กลับยอมให้เธอทำตามใจเพราะอยากรู้ว่าหญิงสาวคิดจะทำอะไรต่อไป
“เมื่อวานนายบอกเองนะว่าไม่มีใครบังคับฉันได้ มีแต่ตัวฉันเอง”
“อ่าฮะ”
“เพราะฉะนั้น...รับผิดชอบคำพูดของตัวเองด้วยล่ะ”
พูดจบเธอได้โน้มใบหน้าลงไปจนกระทั่งริมฝีปากประกบกัน วินาทีนั้นเองที่ชายหนุ่มเริ่มรู้ตัว เขาผุดลุกขึ้นทำท่าจะผลักเธอออกด้วยความตกใจ แต่กลับถูกหญิงสาวบดจูบลงมามากกว่าเดิม
บ้าไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้มันบ้าไปแล้วชัดๆ ไนธ์สบถอยู่ในใจ เขารู้แล้วว่าทำไมเธอถึงได้มองเขาอย่างนั้น ที่แท้ก็คิดใช้เขาเป็นเครื่องมือหนีงานแต่งงานนี่เอง
ร้ายนักนะ
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้มีโอกาสโต้กลับ จู่ๆ คนที่หายออกไปจากห้องก่อนหน้านี้ก็ได้กลับเข้ามา
“เสร็จหรือยังคะคุณหนู ว้าย!!!”
เคร้ง!!
บอดี้การ์ดสาวเห็นภาพนั้นเข้าเต็มตา เธอยกมือขึ้นปิดปากร้องด้วยความตกใจจนทำให้ถาดเครื่องประดับที่ยกมาด้วยหล่นลงพื้นกระจัดกระจายเต็มไปหมด
“พวกคุณ...”
มุมปากของหญิงสาวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มร้ายกาจ เธอผละจูบออกจากเขาก่อนจะกระวีกระวาดลงจากเตียงพร้อมกับเอามือปิดอก ทำหน้าตาเหมือนคนจะร้องไห้ผิดกับเมื่อกี้ลิบลับ
“ฮึก...ช่วยด้วยค่ะพี่แจน ไปเรียกคุณพ่อให้ที คุณไนธ์เขา...เขา...” แล้วก็แกล้งร้องไห้สะอึกสะอื้นให้อีกคนเข้าใจผิดให้มากที่สุด
แสดงเก่ง!
ไนธ์มองภาพนั้นแล้วก็รีบลุกขึ้นมา เขาถอนหายใจด้วยความหัวเสียในความไม่รู้จักคิดของหญิงสาวคนนี้ แต่ยังไม่ทันได้อธิบาย บอดี้การ์ดสาวคนนั้นก็วิ่งปรู๊ดออกไปแล้ว
ให้มันได้อย่างนี้สิ
“ทำอะไรของคุณ” เขาว่าพลางก้าวเข้าไปหาหญิงสาวที่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น บนใบหน้ามีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
“ทำอะไรเหรอ?”
เรนิสเริ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ จากที่แค่เอามือปิดหน้าอกก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนมาเป็นกระตุกโบที่สายเดี่ยวข้างหนึ่ง แล้วขยี้ผมทำท่าเหมือนโดนทำร้ายมา
“ในเมื่อพ่ออยากให้ฉันแต่งงานมากนัก งั้นก็จับบอดี้การ์ดทำผัวไปเลยแล้วกัน”
[Nithe’s part]งานแต่งตั้งประธานเป็นอะไรที่วุ่นวายไม่น้อย ผมเดินตามเรนนี่ตลอดเวลาทำหน้าที่บอดี้การ์ดของตัวเองที่ห่างหายไปหลายเดือน ยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่แปลกอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นใบหน้าที่ยิ้มกว้างของเรนนี่อย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน ผมเองก็อดยิ้มตามเธอไม่ได้เธอดูมีความสุขมากจริงๆ มากกว่าเมื่อก่อนมาก ผมดีใจที่พอผมกลับเข้ามาในชีวิตสิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มของเธอ และหวังว่าจะได้เห็นมันไปนานๆ ตลอดไปเลยยิ่งดี“คลั่งรักเมียนะมึงอะ มองไม่พัก มองขนาดนี้แล้ววันนั้นหมาตัวไหนครับบอกว่าถ้าได้เอาคนนี้เอาหมาดีกว่า”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาที่ข้างตัว ผมเกือบลืมไปว่าวันนี้เชิญเพื่อนสุดที่รักมาด้วย หันไปเจอไอ้ ชาวี เพื่อนรักตัวแสบยืนทำหน้าแป้นน่าถีบอยู่ข้างๆ เห็นแล้วอยากจะหันไปแจกหมัดให้สักทีสองที“คนพูดนั่นไม่ใช่กูครับเพื่อน” ผมตอบยิ้มๆ สายตาก็มองกลับเข้าไปในงาน เรนนี่กำลังทักทายแขกเหรื่อในงานโดยมีไอ้เจ็ดเดินตามไม่ห่าง ผมเลยถือโอกาสหันมาคุยกับเพื่อนบ้างวันนี้มากัดหมดทั้ง นาวี ชาวี รวมทั้งไอ้นักรบ แล้วไหนจะสาวๆ เมียพวกมันอีกครบทีม ผมคิดว่างานสำคัญอย่างนี้พาพวกเธอมาเจอกันหน่อยก็ดี ซ้ำคุณหนูเอวา[1] เอ
ฉันมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก หญิงสาวในเดรสสีแดงสดแต่งหน้าจัดเต็มทาปากสีนู้ด ผมยาวสลวยถูกย้อมเป็นสีดำขลับแล้วรีดตรงทำให้เธอดูสง่าและภูมิฐานกว่าเมื่อก่อนเป็นไหนๆ สไตลิสของฉันวนรอบตัวแล้วปรบมือแล้วปรบมืออีกด้วยความภาคภูมิใจ ที่หล่อนสามารถเปลี่ยนลุคของฉันจากสก๊อยเป็นท่านประธานสาวได้สำเร็จ“สวย เริ่ด ปัง”“พอเถอะ เธออวยจนฉันเริ่มจะอึดอัดแล้ว”“ฉันอวยตัวเองเถอะ เมื่อก่อนเธอแต่งตัวไม่มีคลาสเอาซะเลย ตอนนี้เหรอ เหอะ อย่าว่าแต่มองเหลียวหลัง ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องวิ่งเข้ามากราบขอเป็นผัวค่ะ”“ขนาดนั้นเชียว?”เราสองคนเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม คงเพราะอายุไม่ห่างกันมาก แล้วก็ทะเลาะกันมาตลอดเลยทำให้สนิทกันง่าย ทุกวันนี้การมีไข่มุกอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่แย่เท่าไหร่“เธอไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวไปพร้อมกัน” ฉันว่าพลางกลับมานั่งเล่นมือถือที่โซฟา ไม่ลืมที่จะถอดส้นสูงออกเพราะรู้ว่าไปงานยังไงก็คงไม่ได้ถอดไปอีกหลายชั่วโมง“ไม่เอาล่ะ เธอไปเถอะ ฉันเป็นแค่สไตลิสจะไปทำไม”“เธอเป็นเมียพ่อฉัน เป็นแม่เลี้ยงฉันนี่”“เธอ...ไม่ใช่ลูกของคุณเดชไม่ใช่เหรอ?”“อือ แล้วไงล่ะ ฉันก็เรียก
[Nithe’s part]ขอโทษ...คำนี้มันคงจะสายเกินไปที่จะพูดแล้วในตอนนี้ แหวนที่เธอคืนให้มา มันคือการตัดความสัมพันธ์อย่างชัดเจนแต่ผมกลับไม่สามารถมูฟออนไปได้เลย“ผมเข้าใจนะว่าลูกพี่กำลังอกหัก แต่ดื่มเยอะๆ อย่างนี้มันไม่ดีนะพี่ คุณหนูเขามีความสุขแล้ว ผมเองก็ดูแลให้อย่างดี”คงมีแต่ไอ้เจ็ดที่เข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง เรื่องที่เราเลิกกันไม่ได้ประกาศออกไป เลยมีแค่คนที่ผมสนิทที่สุดเท่านั้นที่รู้ แม้แต่นาวี ชาวี หรือแม้แต่ไอ้นักรบก็ไม่รู้เรื่องนี้ หลายครั้งที่เจอกันพวกมันยังแซวเรื่องของผมกับเรนนี่อยู่เลย ผมเองก็ไม่อยากบอกใครว่าจริงๆ ความสัมพันธ์นั้นมันได้จบลงแล้ว“กูไม่ได้อกหัก” ผมปฏิเสธคำพูดของไอ้เจ็ด ด้วยไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเลิกกับเธอแล้วจริงๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกระดกเหล้าเพียวๆ เข้าปากอีกอึกไม่รู้ว่าตัวเองดื่มจนเมาปลิ้นอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว รู้แค่ว่าทุกวันหากคิดถึงเธอ รสขมปร่าของเหล้าเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยผมได้ดื่มแล้วก็เมา เมาแล้วก็นอน นอนแล้วก็ตื่นมาดื่มใหม่ ชีวิตผมเป็นอย่างนี้มาสามเดือนแล้ว โคตรขี้แพ้เลยเนอะไอ้เจ็ดก็เลิกงานเมื่อไหร่เป็นต้องมาดื่มเป็นเพื่อนผม บางวันมันก็บ่นว่าดื่มไม่ไหวแล้วขอก
ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเสียไปหมดทุกอย่าง จนกระทั่งตัวเองมาเจอเรื่องนี้เมื่อก่อนฉันเสียแม่ เสียตา แต่ยังมีเป้าหมายในการทวงทุกอย่างคืนมาจากพ่อพอให้ได้มีแรงสู้ต่อ แต่วันนี้ฉันได้ทุกอย่างคืนมาแล้ว แม้แต่ตาก็อยู่กับฉัน แต่กลับไม่มีความสุขเลย“ตรงนี้อ่านว่า กอ อา กา แค่นี้ก็ไม่รู้เนอะ”“ก็เราไม่เคยเรียนหนังสือนี่”“ไม่เอาน่าหลานๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ”อีกอย่างที่ฉันได้มา นั่นก็คือครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ฉันว่าบ้านหลังนี้มันใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียว เลยให้ยัยไข่มุกย้ายกลับเข้ามา ด้วยเหตุผลแรกคือ ฉันอยากให้ราอุลได้เรียนที่ดีๆ มีสังคมดีๆ ไม่ต้องลำบาก สองคืออยากให้หลินหลินได้มีเพื่อนอ้อ ฉันรับหลินหลินเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้ว ถึงจริงๆ เธอจะเรียกฉันว่าพี่สาวก็เถอะตอนนี้ในบ้านฉันเลยเต็มไปด้วยเสียงของเด็กสองคนทะเลาะกันแทบทุกวัน ตามด้วยเสียงคุณตาที่บอกว่าอย่าทะเลาะกันส่วนฉันก็มีงานใหญ่ต้องทำ“ชุดเห่ย”ยัยแม่เลี้ยงปากเสียว่าพลางมองฉันหัวจรดเท้า เธอเบะปากให้ชุดเดรสสีแดงเรียบๆ ที่ฉันเลือกมาด้วยความตั้งอกตั้งใจยัยไข่มุกรับหน้าที่เป็นสไตลิสชั่วคราวให้ฉัน เพราะช่วงนี้ฉันยังไม่อยากพบเจอผู้คน
‘แม่คะ อันนี้ดอกอะไรคะแม่ สวยมากเลย’‘ไซคลาเมนลูก ความหมายของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก บางคนก็เชื่อว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของการจากลา แต่สำหรับแม่ หมายถึงความรักของแม่ จะยังคงอยู่ตลอดไป แม้ว่าจะตายจากกัน’‘แม่อย่าพูดถึงเรื่องตายแบบนั้นสิคะ เรนไม่ชอบเลย’‘เรนนี่ลูก วันหนึ่งคนเราก็ต้องจากกัน แค่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่หนูไม่ต้องห่วงนะ ถ้าแม่ไปก่อน แม่จะไปรอลูกอยู่ที่นั่นนะจ๊ะ’ภาพของแม่ที่ฉันไม่เคยฝันถึงเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันมองรูปของแม่ทุกวัน หวังว่าจะได้เจอแม่ในฝันสักครั้ง แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นความว่างเปล่า มีเพียงคราบน้ำตาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในทุกคืนแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ฉันถึงได้ฝันถึงแม่ แม่ที่ตายจากไปแล้วหลายปี ฉันถามแม่ว่าคุณตาอยู่ไหน แต่ท่านก็ไม่ตอบแล้วเดินไกลออกไป‘แม่คะ...อย่าทิ้งหนูไป’ เสียงของฉันในความฝันเรียกชื่อแม่ สองขาพยายามวิ่งตามท่าน แต่เหมือนว่ายิ่งวิ่งมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆแม่...อย่าทิ้งหนูไป“แม่คะ...แม่อย่าทิ้งหนู”“เรนนี่” เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาในความฝัน ฉันหันหลังไปแล้วก็เจอกับใบหน้าของชายหนุ่มที่เหมือนจะคุ้นเคย แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเ
“เรื่องการเข้ารับตำแหน่งที่บริษัท ฉัตรจะจัดการให้เองนะคะคุณหนูไม่ต้องห่วง ตอนนี้พักผ่อนไปก่อน เอาสุขภาพตัวเองเป็นหลักนะคะ”คงเป็นความโชคดีของฉันอย่างหนึ่ง คือตอนที่ฉันรู้สึกแย่ฉันไม่เคยต้องอยู่คนเดียว ตอนที่เพื่อนไม่ว่างและฉันต้องการกำลังใจ ก็มีคุณฉัตรที่คอยเป็นธุระให้แทบทุกอย่าง แล้วยังอาสามาอยู่เป็นเพื่อนในบางวันเธอช่วยฉันตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จนไม่รู้แล้วว่าต้องเริ่มขอบคุณเธอจากตรงไหนดี“ขอบคุณนะคะคุณฉัตร แค่นี้ก็ลำบากคุณมากพออยู่แล้ว” ฉันกล่าวขอบคุณออกไปอย่างจริงใจ นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้“ไม่รบกวนหรอกค่ะ ยังไงฉันก็ต้องทำงานให้คุณในฐานะทนายในการแต่งตั้งประธานบริษัทอยู่แล้ว ตอนนี้เราต้องเตรียมตัวเพื่อจะไปแสดงตัวว่าเป็นทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย ฉัตรเตรียมเอกสารไว้ให้แล้ว คุณเรนค่อยดูตอนที่รู้สึกดีขึ้นนะคะ”“ขอบคุณค่ะ”“งั้นวันนี้ฉัตรจะรอเมย์บีมาก่อนค่อยไป คุณเรนอยากดื่มอะไรสักหน่อยไหมคะ ฉัตรไปชงให้”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”เฮ้อ...ฉันต้องอยู่คนเดียวให้ได้ ต้องไม่จิตตก ต้องไม่คิดถึงเขาสิรู้ไหมว่าอะไรยากที่สุดของการอยู่คนเดียว คือเมื่อเราได้มีใครสักคนเข้ามาในชี







