ถังไห่เฉิงเริ่มรู้สึกว่าตนเองใกล้เป็นไข้ลี่เซียนไหนเลยจักรู้อันใด นางกำลังสำนึกผิดจริงๆ จึงเอ่ยเสียงอ่อนออดอ้อนต่อไป “อย่าโกรธข้าเลย...นะ...นะ”แม่นางน้อยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าน้ำเสียงหวานล้ำเยี่ยงนี้ สามารถพังทลายได้กระทั่งภูผาหากแต่บุรุษเย็นชาปานน้ำแข็ง กล้าแกร่งดุจศิลาตกผลึก มีหรือจะหลงกลโดยง่ายนอกจากไม่คิดเชื่อถือยังต้องเร่งมือเพื่อพิสูจน์ถังไห่เฉิงจับร่างระหงหมุนรอบหนึ่ง“อ๊ะ!”“ห้ามขัดขืน”“...”พริบตาอาภรณ์แดงพลันถูกเปลื้อง เผยผิวขาวเนียนทั้งเรือนร่าง เหลือเพียงเอี๊ยมบางสีเหลืองนวลปิดส่วนสงวนอันเร้าใจ ทุกส่วนของกายสาวเปิดเปลือยต่อหน้าอ๋องหนุ่มผู้ร้อนแรงก่อนจะถูกสวมทับลงไปด้วยชุดทหารหญิงสีเทาหม่น“...!?”ลี่เซียนถึงกับพูดไม่ออก ริ้วโทสะสายหนึ่งพุ่งใส่กลางอก แม่นางน้อยเริ่มรู้สึกไม่พอใจแล้ว เรียวคิ้วงามขมวดมุ่นทันที“ข้าแค่จะไม่ใส่ชุดสีแดงอีก มิได้คิดจะใส่ชุดนี้เสียหน่อย”เสียงบุรุษเข้มขลัง “ต่อไปห้ามใส่ชุดอื่น นอกจากชุดนี้”“แต่ว่า...”“ไม่มีแต่!”“...”ดวงหน้างามยุ่งเหยิงทันใด นิสัยเด็กน้อยเริ่มก่อเกิดนางไม่ชอบชุดทหารแบบนี้เอาเสียเลย ไม่งามเลยสักนิด สู้ชุดของพี่เย่เสียก็ไม
รุ่ยอ๋องแค่นเสียงเย็นชา“เป็นบุปผาของข้า แต่กล้าเผยโฉมล่อลวงหมู่ภมรหรือ?”ลี่เซียนปฏิเสธโดยไว “แน่นอนว่าไม่ใช่!”“แล้วเหตุใดจึงแต่งกายยั่วยวน เดินกรีดกรายไปทั่ว”หญิงสาวจ้องตาไม่กะพริบ “ข้าย่อมยั่วยวนเพียงท่าน”เรียวคิ้วคมเลิกขึ้นสูง “ยั่วเพียงข้า?”ดวงหน้างามพยักเร็วแรง “อาภรณ์แดงนี้เพื่อท่าน”“เพื่อข้า?”“อื้ม...”ต้นสายปลายเหตุแห่งเพลิงโทสะจึงปรากฏเด่นชัดที่แท้ถังไห่เฉิงโกรธาเรื่องที่สตรีตรงหน้ากล้าเผยโฉมต่อธารกำนัล นางกล้าแต่งกายเยี่ยงนั้นต่อหน้าชายอื่นและคำพูดแค่เท่านี้ยังใช้ได้ผล คลื่นลมเมฆฝนสงบทันที“กล่าวได้ดี”ลี่เซียนขยับยิ้มนุ่มนวลดวงตาเปล่งประกายวับวาว“ท่านหายโกรธแล้ว”ถังไห่เฉิงไม่ตอบ เพียงคลายวงคิ้ว จ้องตานางมิใช่ว่าไม่เคยมีสตรีใดมายั่วยวนชวนเสน่หาด้วยมารยา ทว่านางตรงหน้ากำลังมีผลกับความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวในอกแกร่งความรู้สึกนี้...อ๋องหนุ่มไม่เคยเกิดขึ้นกับใครแม้พึงใจในคำตอบแต่กลับไม่เอ่ยวาจา โทสะก่อนหน้าพลันอันตรธานหายไป ในแววตายังแฝงอารมณ์ซับซ้อนถังไห่เฉิงจ้องสตรีนางน้อยอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องหงุดหงิด แค่นางแต่งตัวงดงามปรากฏกายต่อธารกำนัลกลับดึงอารมณ์อันไร้ส
เรือนส่วนตัวของรุ่ยอ๋องแม้ใหญ่โตทว่าเรียบง่าย มิได้หรูหราอันใด ด้านในเจือด้วยกลิ่นอายสูงศักดิ์เข้มข้น ไม่เคยมีสตรีนางใดได้รับอนุญาตให้เข้ามาเลยสักหนทว่าวันนี้กลับมีสตรีร่างระหงงดงามผู้หนึ่งถูกกักตัวเอาไว้ที่โต๊ะกลมในห้องนอนนางกำลังนั่งประจันหน้ากับเจ้าของเรือนเย่เสียถูกเว่ยฉีพาออกไปเพื่อจัดเตรียมห้องพักทางฝั่งหลังเรือนนานแล้ว ด้วยคำสั่งทรงอำนาจแต่เรียบง่ายแห่งรุ่ยอ๋อง“ยกนางให้เจ้า...”คงเหลือเพียงลี่เซียนที่ถูกตรึงด้วยสายตามหาภัยเรือนร่างอรชรในอาภรณ์สีแดงบางเบากำลังถูกแววตาร้อนระอุไล่สำรวจจนทั่วหัวจรดเท้า ประดุจไฟลามพร้อมแผดเผาแต่กระนั้น แม่นางน้อยเพียงมองชายร่างใหญ่ด้วยดวงตากลมโตดุจกวางน้อยไร้เดียงสา แม้ดูใสซื่อปราศจากพิษสงแต่กลับเปี่ยมเสน่ห์ยั่วยวนทุกกิริยา นางกำลังนั่งดื่มชาด้วยท่วงท่าแช่มช้า มีทีท่าแช่มชื่นยินดี ไร้ซึ่งอาการหวาดหวั่นหรือตื่นตระหนกอันใดแม้ว่าก่อนหน้านี้รุ่ยอ๋องถังไห่เฉิงจักแผ่ซ่านรังสีมรณะ กระทั่งเว่ยฉีและเย่เสียตัวสั่นลนลาน และยามนี้ยังแผ่ขยายรัศมีแห่งความตายเข้มข้นมากขึ้น ลี่เซียนก็ยังแย้มยิ้ม ดื่มชาแช่มช้อยเมื่อครู่อ๋องหนุ่มสั่งเสียงห้วนให้คุกเข่า นางย่
“อยากรู้ก็จ่ายมา”นับว่าใช้โอกาสเล็กๆ น้อยๆ ให้อี๋เป่าหาเงินได้งามๆหลังจากได้ค่าตอบแทนเป็นที่พึงพอใจ อี๋เป่าจึงกล่าว “สตรีคนสำคัญคือแม่นางชุดแดง เมื่อคืนท่านรองแม่ทัพเกือบทำพลาดแล้ว เขาสั่งขังแม่นางชุดแดงเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ร้าย ดีนะที่ความคิดข้าฉับไว จึงช่วยยั้งไว้ได้ทันท่วงที ยิ่งไปกว่านั้น...” เด็กหนุ่มเว้นเอาไว้ไม่พูดต่อ ทำให้ทหารที่รอฟัง ถามพร้อมเพรียง“อะไรๆ รีบบอกมา”อี๋เป่าแผ่ฝ่ามือออกเบื้องหน้า เป็นอันรู้กันว่าต้องเพิ่มค่าตอบแทน จังหวะที่พลทหารต่างพากันเอาเงินใส่มือเด็กหนุ่มแค่คนละเหรียญสองเหรียญ มิคาดว่าจะมีสตรีผู้หนึ่งใส่ให้ทั้งถุงนางคือช่านเย่อี๋เป่าขมวดคิ้วฉงน “หมอหญิงท่านนี้ อยากรู้ปานนั้น?”ช่านเย่ตวาดอย่างหงุดหงิด “รีบเล่ามา!”แม้จะชื่นชอบเงินทองไม่มองสีหน้าผู้คน หากแต่อี๋เป่ากลับคงไว้ซึ่งปฏิภาณไหวพริบเป็นเลิศเขามองออกว่าหมอหญิงผู้นี้คงไม่ประสงค์ดีต่อสตรีของท่านอ๋องเป็นแน่แท้ เช่นนั้นเขาจะไม่เปิดเผยเด็ดขาดว่าท่านอ๋องทรงถนอมสตรีผู้นั้นเพียงใด ถึงกับบุกห้องขังไปอุ้มนางออกมาด้วยตนเองหากหมอหญิงผู้นี้รู้เข้า คงริษยาเจียนคลั่งกระทั่งหาทางวางยาพิษแม่นางผู้นั้นแน่
หลังจากแสร้งโศกเศร้าซับน้ำตาเบาๆ ก่อนจะโบกผ้าเช็ดหน้าแรงๆ เพื่อเป็นการล่ำลาคนจากหอเหินหย่าเย่เสียกับลี่เซียนยังยืนมองรถม้าของบรรดาคณิกาที่เคลื่อนตัวออกจากค่ายทหาร มองให้มั่นใจว่าพวกนั้นไปไกลจนลับตา มองให้แน่ใจว่าพวกนางหลุดพ้นจากหอเหินหย่าแล้วจริงๆท่ามกลางฝุ่นตลบฟุ้งของล้อรถม้า เย่เสียคลี่ยิ้มเฉิดฉันจับจูงมือลี่เซียนให้เดินไปด้วยกันอย่างรื่นรมย์ยินดีนางไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชาตินี้จะได้รับโอกาสเป็นอิสระ เนื่องจากนางเป็นดาวเด่น ค่าตัวของนางจึงแพงมาก ยากไถ่ตัวขณะกำลังกรีดกรายอย่างเพลิดเพลิน ชี้นกชี้ไม้ชักชวนให้ลี่เซียนชื่นชมบรรยากาศรอบกายประดุจฟ้าหลังฝนในความรู้สึก เย่เสียพลันชะงักเท้ารับรู้ได้ถึงรังสีพิฆาตแผ่ซ่านกระทบหางตา เมื่อเหลือบไปมองก็ได้เห็นเว่ยฉียืนถมึงทึงไม่ไกลแม่ทัพหนุ่มเดินเข้าใกล้ก่อนคำรามเสียงต่ำใส่หน้าเย่เสีย“ไฉนพากันแต่งกายเยี่ยงนี้?”หญิงสาวมองคนตัวโตอย่างไม่เข้าใจ“ทำไมเล่า? ไม่งามรึ? หรือไม่ยั่วยวนชวนเร้าใจที่ใด?”นางกล่าวพลางกางแขนเรียวงามที่มองเห็นผิวผ่องรำไรผ่านแขนเสื้อเนื้อบางสีฟ้าแล้วหมุนตัวแช่มช้า เปี่ยมเสน่ห์ยวนใจเว่ยฉีอยากจะจับสตรีไม่รู้ความมาตีก้นนัก“พวกเจ
เว่ยฉีเล่าไปเรื่อยๆ ในขณะที่ถังไห่เฉิงเพียงนั่งฟังเงียบๆ ด้วยสีหน้าราบเรียบไม่เผยอารมณ์แม่ทัพหนุ่มเกิดและเติบใหญ่ที่ชายแดนหน้าด่านแห่งนี้ ทว่ากลับมิใช่คนพื้นที่แต่เดิมเนื่องจากก่อนที่เว่ยฉีจะเข้ามาเป็นทหาร เขาเป็นเพียงเด็กชายอาภัพที่เกิดจากหญิงหม้ายซึ่งถูกสามีหย่าร้างมารดาของเว่ยฉีต้องระหกระเหินเร่ร่อนเพราะถูกขับไล่ออกจากบ้านสามีด้วยข้อหาคบชู้ ซ้ำร้ายสกุลเก่าไม่ยอมรับ เพราะหญิงหม้ายนับเป็นตัวอัปมงคล เป็นน้ำที่สาดออกไปจนเปื้อนดินจมโคลนแล้ว ไม่อาจนำกลับมาใช้ได้อีกยามนั้นนางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังตั้งครรภ์เว่ยฉีสองเดือนให้หลัง เมื่อรู้ว่าในท้องตนกำลังมีลูกของสามี นางบากหน้ากลับไปหาเขา พบว่าเขาแต่งภรรยาใหม่เข้าบ้านแล้วแต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกแย่ยิ่งกว่าการที่รู้ว่าเขาแต่งงานใหม่ คือนางสังเกตเห็นหน้าท้องของหญิงผู้นั้นกลมโตนูนเด่นยิ่งกว่าท้องของนางเสียอีก ประเมินดูแล้วคงตั้งครรภ์มากกว่าสี่เดือนแน่ความจริงจึงประจักษ์ เขามีสตรีอื่นก่อนหน้าที่จะหย่าร้างและแน่นอนว่าข้อหาร้ายแรงที่ทำให้นางต้องถูกขับไล่ออกมาก็คงไม่พ้นแผนการชั่วช้า เพื่อพาหญิงแพศยาเข้าบ้านในความโชคร้ายยังมีความโชคดี เพร