หน้าหลัก / รักโบราณ / พยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจ / ตอนที่2 หานชิงหลินผู้โง่เขลา 1

แชร์

ตอนที่2 หานชิงหลินผู้โง่เขลา 1

ผู้เขียน: LiHong
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-02 16:23:57

ม่านราตรีผ่านพ้น

ร่างของชิงหลินลอยมากับกระแสน้ำที่พัดพา รู้สึกได้ว่าลอยมาไกลแสนไกล สุดท้ายถูกค้นพบโดยชาวบ้านผู้หนึ่ง                 ซึ่งกำลังดำน้ำจับปลาอยู่ในลำธารเพื่อทำอาหารประทังชีวิต               

ทันทีที่รู้สึกตัว ชิงหลินกำลังนอนนิ่งอยู่ริมลำธาร เมื่อปรับสายตาพร่ามัวจนเข้าที่ก็ได้เห็นชายผู้หนึ่งนั่งเอนหลังพิงต้นไม้ ท่าทีเกียจคร้าน ท่าทางน่ากลัว จึงผวาตกใจ แข็งทื่อไปทั้งร่าง  

เขามีรูปร่างใหญ่โตประหนึ่งวัวตัวผู้ แลดูน่ากลัว ใบหน้าดำคล้ำมีรอยแผลเป็นน่าเกลียดวาดผ่านเต็มไปหมด หนวดเคราเขียวครึ้มน่าครั่นคร้ามเป็นอย่างมาก สายตาที่เย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความแข็งกระด้าง คล้ายอำมหิตคิดฆ่าคนเช่นผักปลา

ถึงแม้ชิงหลินจะพอจำได้เลือนรางยามสติล่องลอย               ว่าเขาคือผู้ช่วยนางจากม่านน้ำ ทว่าด้วยรูปลักษณ์อันน่าเกลียดของเขาต่อให้อยากขอบคุณแต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากสักคำ

ซ้ำยังคิดได้แต่แง่ร้าย...

เขาไม่น่าเข้าใกล้สักนิด ไม่น่าเสวนาด้วยเลย

ชิงหลินนอนนิ่งไม่กล้าขยับแม้แต่ปลายนิ้ว ท่าทีเต็มไปด้วยความตระหนก หวาดกลัวเป็นที่สุด ร่างบอบบางไร้ซึ่งเรี่ยวแรง หากแต่กลับสั่นเทามากนักเพราะตื่นกลัวอย่างยิ่ง

เนิ่นนานผ่านพ้น กระทั่งอีกคนคล้ายกับรู้ตัวว่าถูกรังเกียจจึงลุกขึ้นแล้วเดินจากไปอย่างเงียบงัน

ชิงหลินเห็นเช่นนั้นก็พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก พยายามลุกขึ้นนั่ง ชำเลืองมองคนผู้นั้นอย่างหวาดผวา

ไม่ช้า...ก็เริ่มออกแรงขยับตัวได้ นางลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากมาเงียบเชียบ ไม่คิดเข้าไปขอบคุณผู้มีพระคุณแต่อย่างใด

เขาน่าเกลียดน่ากลัวเกินไป...

หลังจากพลัดตกน้ำแล้วสลบไปหนึ่งคืนเต็ม ชิงหลินจึงพาร่างกายบอบบาง จิตใจบอบช้ำกลับเข้าบ้าน

นางรู้สึกว่าร่างกายร้อนผ่าวราวกับจะเป็นไข้ ทว่าเมื่อกลับมาถึงก็ได้เจอจางฉวนยืนอยู่กลางลานหน้าเรือนหลัก อาการเจ็บป่วยก็คล้ายกับจะหายเป็นปลิดทิ้ง

เขาสวมชุดสีครามแลดูสง่างามไม่แปรเปลี่ยน เขาคงมาขอพบนางแล้วยืนรออยู่ตรงนี้เหมือนเช่นเคย

หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นระคนดีใจที่ได้เจอคู่หมั้นของตน           ทั้งภาพบัดสีและเส้นเสียงรัญจวนเมื่อวานพลันอันตรธานหายไป

ในขณะกำลังเดินเข้าหาชายคนรัก กลับเห็นเขาแค่นเสียงในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ แล้วสะบัดชายผ้าหมุนตัวเดินเข้าโถงเรือนไป ไม่พูดไม่จา ไม่ทักทายสักคำ

ชิงหลินเบิกตาตกใจ รีบตามจางฉวนเข้าเรือนทันที

เมื่อพ้นขอบประตูก็ได้เห็นบิดามารดานั่งอยู่พร้อมหน้า อีกฝั่งยังมีอนุของบิดาและชิงลี่นั่งอยู่ด้วย

น้องชายคนสำคัญ คงออกไปวิ่งเล่นจึงมิได้อยู่ที่นี่

ส่วนจางฉวนนั่งทางฝั่งหนึ่งห่างออกไป สายตาของเขาคล้ายเหยียดหยัน

อีกฝั่งตรงข้ามมีชาวบ้านแปลกหน้าสองคน นั่งอยู่ด้วยท่าทางหลุกหลิก สีหน้าแปลกประหลาด

หญิงสาวมองอย่างไม่เข้าใจ

พวกเขาเป็นใครชิงหลินไม่รู้จัก หากแต่ไม่นานกลับประจักษ์แจ้งว่าพวกเขามาทำไม

“ข้าก็พูดไปตามที่เห็นทั้งหมดแล้ว เหตุใดต้องพาข้ามายืนยันถึงที่นี่ด้วยเล่า”

หนึ่งในชาวบ้านทั้งสองบ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเป็นหญิงวัยกลางคนรูปร่างค่อนข้างอ้วน ท่าทางหงุดหงิดง่าย ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับเป็นสายตากดดันของคนบ้านหาน ทำให้ผู้พูดต้องก้มหน้าลงต่ำ หุบปากทันที

หลังจากยืนโง่งมอยู่ครู่ใหญ่ ชิงหลินจึงเริ่มสังเกตเห็นสายตาของทุกคนที่มองมาทางนาง เผยความเย็นเยียบผิดปกติ ยามนั้นพลันได้ยินเสียงชิงลี่เอ่ยขึ้นว่า

“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านถึงได้ทำตัวเยี่ยงนี้ พี่มีคู่หมั้นแล้วนะ หายตัวไปกับชายอื่นทั้งคืนได้อย่างไร”

จบคำก็ทำสีหน้าหม่นคล้ำ สายตาเผยความผิดหวังสาหัส

ชิงหลินยิ่งไม่เข้าใจ น้องสาวพูดอะไร?

ระหว่างนั้นชายหญิงแปลกหน้าคู่นี้ก็กล่าวถ้อยวาจาออกมาว่าเป็นพยานเห็นชิงหลินอยู่กับชายผู้หนึ่งที่ริมลำธาร   และเหตุที่นางหายตัวไปหนึ่งคืนเต็มๆ ล้วนเป็นเพราะนัดพบกับชายผู้นั้น

ชิงหลินได้ฟังพลันตัวชาวาบ สมองขาวโพลน สองหูอื้ออึง เริ่มเข้าใจขึ้นมาบางส่วน

“ผู้ใด?” หานอี้ซวนถามเสียงดัง สีหน้าเผยความโกรธกรุ่น

หญิงตัวอ้วนรีบตอบ “เป็นเจ้ากงหนิว[1]ท้ายหมู่บ้านเจ้าค่ะ ข้าเห็นกับตา”

“ใครกันกงหนิว แค่ชื่อก็ไม่น่าคบหา”

ชายอีกคนช่วยอธิบายเสียงดัง “ชายอัปลักษณ์ประจำหมู่บ้านผิงเหยียนของเราอย่างไรเล่าขอรับ นายท่านอาจไม่รู้จัก แต่พวกยากจนท้ายหมู่บ้านล้วนรู้จัก ชายผู้นี้อาศัยอยู่ริมลำธาร ลักษณะตัวสูงใหญ่ หนวดเครารุงรัง ทั้งใบหน้ามีแต่รอยแผลเป็น น่าเกลียดมาก ที่สำคัญเป็นใบ้พูดไม่ได้ แผ่นหลังยังโค้งงอ แลดูน่ากลัว ลักษณะคล้ายวัวตัวผู้ในร่างมนุษย์ ชาวบ้านจึงเรียกเขาว่ากงหนิวขอรับ”

ทุกคนบ้านหานได้ฟังก็ตกใจ

ชิงหลินยิ่งตื่นตระหนกกว่าผู้ใด

เมื่อร่ายวาจาครบถ้วนแล้ว พยานชายหญิงคู่นี้จึงถูกอนุของบิดาพาตัวออกจากห้อง มอบเงินให้แล้วเชิญกลับไป

พยานชายหญิงจากไปแล้ว ภายในห้องโถงยังคงอบอวลไปด้วยบรรยากาศอึมครึมดำทะมึนและอึดอัดกดดันเต็มส่วน

ชิงหลินยามนี้เริ่มมีพิษไข้รุมเร้าอย่างรุนแรงเสียแล้ว                   จึงทำให้ไร้เรี่ยวแรง ทั้งสติยังเริ่มพร่าเลือน

นางใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีพยายามอธิบาย ทว่ากลับพูดจาติดขัดเปล่งเสียงไม่ออกสักคำ

“ขะ...ข้า...ข้าไม่ได้...”

[1] 公牛 กงหนิว แปลว่า วัวตัวผู้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจ   ฮ่องเต้พระองค์ใหม่4

    แท้จริงแล้วหญิงสาวได้ให้หยุนผิงกับจ้าวหมิงตามสืบจนล่วงรู้ตัวตนคนร้ายตัวจริงก่อนหน้านานแล้วทว่ายังไม่เปิดเผยต่อใครนางแค่รอให้พวกมันได้ใจ และก่อเหตุร้ายในที่สุดรอคอยให้บุคคลสำคัญแห่งต้าถังอ่อนแอที่สุดส่วนชาวยุทธ์เหล่านั้นที่ร่วมมือกับกบฏล้วนเป็นคนของหยุนผิง ที่แสร้งร่วมมือไปก่อนตามสถานการณ์รอตลบหลังอย่างชั่วช้า...แน่นอนว่าเรื่องนี้คนดีๆ คงไม่คิดทำ มีแต่นางมารอย่างซานซานเท่านั้นที่คิดได้เดิมทีโซวอ๋องไหนเลยจักเคยพ่ายแพ้ให้แก่ใครง่ายๆ เช่นนี้ ทุกศึกที่ผ่านมาค่อนชีวิตของเขาล้วนกำชัยทว่าเพราะตัวเขาที่ไม่ว่าจักโหดเหี้ยมต่อศัตรูเพียงใดยังไม่เคยคิดร้ายถึงขั้นเอาชีวิตของหลานชายเลยสักคน จ้าวเหวินรู้ถึงข้อนี้ดี จึงทำทีเข้าหาด้วยท่าทางไร้พิษภัย เป็นหลานชายผู้นอบน้อมเหมือนเช่นเคย แสดงตัวว่าต้องการร่วมรบปราบกบฏกับเสด็จอา ซึ่งยามนั้นยังอยู่ในช่วงที่คาดการว่าทรราชเป็นใครกันแน่ เป็นแม่ทัพหรืออำมาตย์คนใดนั่นจึงทำให้ชั่วขณะมื้ออาหารระหว่างอาหลาน โซวอ๋องถูกพิษสลายวิญญาณจากการร่วมจิบชา ส่วนจ้าวเหวินหนีไปได้ทางทิศใดมิอาจทราบช่วงเวลาเจ็บสาหัสเจียนตาย ย่างเท้าใกล้ประตูผีรอมร่อ ท้ายที่สุดโซวอ๋องกลับ

  • พยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจ   ฮ่องเต้พระองค์ใหม่3

    หลังจากจ้าวเหว่ยได้ขึ้นครองราชย์ อดีตฮ่องเต้ก็ค่อยๆ แข็งแรงขึ้น ไม่นานยังหายป่วยเป็นปลิดทิ้งนับเป็นไท่ซ่างหวงที่สมบูรณ์แข็งแรงผู้หนึ่ง จึงออกท่องเที่ยวไปทั่วหล้าประหนึ่งเป็นหนุ่มน้อยไร้เดียงสากระนั้น ยังไม่ลืมพาจ้าวสุนกับลู่หลิ่งออกท่องเที่ยวพร้อมกัน จนหลี่กุ้ยเฟยต้องนั่งกุมขมับ พร่ำบ่นเช้าค่ำถึงความซุกซนของสามีกับหลานสาวการเปลี่ยนถ่ายขั้วอำนาจและการสละราชสมบัติ นับเป็นช่วงเวลาอันดีที่ซ้อนเร้นสิ่งเลวร้ายช่วงหนึ่งของทุกราชวงศ์ความวุ่นวายจึงก่อตัวขึ้นช่วงนี้ หรือกล่าวอีกทีก็คือกบฏทรราชฉวยโอกาสก่อเรื่องช่วงที่ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งประทับนั่งยังไม่มั่นคงคนผู้นั้นคือองค์ชายสี่ จ้าวเหวินร่วมมือกับองค์ชายรอง จ้าวหยางทั้งสองคือผู้ร้ายตัวจริงที่สวมรอยโซวอ๋องหมายจัดการจ้าวเหว่ย ด้วยพันธะสัญญาว่า หากจ้าวเหวินได้ยึดครองบัลลังก์ กลายเป็นโอรสสวรรค์ผู้มีอำนาจล้นฟ้า จ้าวหยางย่อมได้ยศคืน แล้วกลับมาสูงส่งเป็นอ๋องปกครองดินแดนบูรพาอันสมบูรณ์มั่งคั่งคลื่นใต้น้ำห่าใหญ่กำลังคืบคลานชอนไชรอซัดโหมกระหน่ำโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ตัวสักคน...ยามที่จ้าวเหว่ยกำลังประชุมท้องพระโรงหลังจากถ่ายทอดคำสั่งเพื่อให้ขุนนางด

  • พยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจ   ฮ่องเต้พระองค์ใหม่2

    วันเวลาคืบคลานไปช้าๆ สองสามีภรรยาต่างร่วมมือกันก้าวผ่านทุกสิ่ง ดีบ้างชั่วบ้าง แล้วแต่วาระโอกาสจ้าวเหว่ยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนถังเทียนเหมินฮ่องเต้ ซานซานเป็นแม่ทัพหญิงผู้ยิ่งใหญ่ มีสหายร่วมรบมากมายส่วนฮ่องเต้ยังคงประชวรต่อไป นานนับปียังสุขภาพไม่สู้ดีหลี่กุ้ยเฟยมาคอยดูแลฮ่องเต้ถึงห้องบรรทมทุกวัน หลายครั้งยังถูกลู่หลิ่งออดอ้อนขอแสดงความจงรักภักดีโดยการติดตามมาปรนนิบัติด้วยแรกเริ่มฮ่องเต้ทรงมองเด็กหญิงด้วยสายตาหวาดระแวง แต่เพราะประชวรหนักไม่อาจขยับแม้ปลายพระกร จึงทำได้แค่นอนนิ่งๆ ให้ลู่หลิ่งปรนนิบัติรินน้ำชา เตรียมโจ๊ก เช็ดพระวรกาย นวดพระบาท เหน็บชายผ้าห่ม นั่งโบกพัด กระทั่งชวนคุยและเล่าเรื่องสนุกสนานตามจินตนาการจากสมองน้อยๆ จนเรียกเสียงหัวเราะจากคนบนเตียงได้ไม่ยากความน่ารักสดใสของเด็กหญิงเป็นอาวุธชั้นเลิศท้ายที่สุดฮ่องเต้มิอาจต่อต้านได้ จึงยอมรับหลานสาวผู้นี้อย่างจำนนหมดทั้งใจเมื่อได้อยู่เพียงลำพังกับสนมคนโปรด ฮ่องเต้จึงตัดสินพระทัยบอกความจริงทั้งหมดแก่หลี่กุ้ยเฟยด้วยสุรเสียงแหบแห้ง แววพระเนตรรู้สึกผิดเต็มส่วนครั้นหลี่กุ้ยเฟยได้ฟังยังแทบล้มทั้งยืน “ที่แท้หลิ่งเอ๋อร์กับซานซา

  • พยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจ   ฮ่องเต้พระองค์ใหม่1

    สามวันต่อมา...ราชโองการสมรสพระราชทานอย่างเป็นทางการก็เดินทางมาถึงจวนสกุลหลิวมหาขันทีส่วนพระองค์ยืนอยู่กลางโถง สองมือถือแผ่นผ้าสีทองกางออกเบื้องหน้า ทำท่าจะประกาศก้องอย่างเป็นทางการ กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คุณหนูหลิวฉานเหยาจู่ๆ ก็ล้มตึงลงบนพื้นห้อง สองตาเหลือกถลน กลีบปากอวบอิ่มที่ทาชาดสีแดงมีน้ำลายฟูมออกมา นางชักดิ้นชักงอมีท่าทางอเนจอนาถอย่างมาก ขันทีจำต้องม้วนพระราชโองการมงคลสมรสเก็บใส่กล่อง ยืนมองเหตุการณ์วุ่นวายกลางโถงเงียบๆสมรสพระราชทานยังมิได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ทั้งยังไม่มีใครรับราชโองการ ขั้นตอนยังไม่ทันสมบูรณ์กลับเกิดเรื่องขึ้นเช่นนี้ ลางร้ายโดยแท้...หลิวฉานเหยาหมดสติหลับใหลนับแต่วันนั้น หลายวันผ่านไปยังคงไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมา หมอแต่ละคนตรวจอาการเสร็จก็ทำได้แค่ส่ายหน้า จนปัญญาหาสาเหตุ ทำได้แค่รักษาตามอาการประคองลมหายใจหนึ่งเดือนต่อมาในค่ำคืนหนึ่ง หลิวฉานเหยาพลันฟื้นคืนสติขึ้นมา ทว่ากลับกลายเป็นสตรีไม่สมบูรณ์เหมือนเก่า นางนั่งเหม่อลอยคล้ายเด็กน้อย พูดจาฟังไม่รู้เรื่อง บางครั้งยังซึมเซา บางคราวยังนั่งกล่าวคำเรื่อยเปื่อยแล้วหัวเราะคนเดียวถึงแม้ว่าราชโองการยังไม่ถู

  • พยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจ   สมรสพระราชทาน5

    หญิงสาวหมุนตัวอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง ซบหน้าลงตรงแผงอกหนา แนบพวงแก้มกับกล้ามเนื้อตึงแน่น ใช้มือลูบไล้เบาๆ ส่งผ่านความรู้สึกวาบหวามผ่านปลายนิ้วทะลุเนื้อผ้า“ท่านอยากแต่งกับนางหรือไม่เล่า?”ชายหนุ่มเชยคางมน ก้มหน้าสบตาภรรยาที่ได้กราบไหว้ฟ้าดินแล้วตั้งแต่บ้านไผ่ริมธาร“ใจข้ามีเพียงเจ้า”รอยยิ้มหวานพลันปรากฏบนใบหน้างาม ซานซานรับรู้ถึงความจริงใจจากแววตามั่นคงและวาจาหนักแน่นนั้นจ้าวเหว่ยก้มหน้าลงจุมพิตกลีบปากอิ่ม ส่งผ่านความร้อนจากปลายลิ้นให้ซึมลึกถึงความรู้สึกแห่งก้นบึ้งของหัวใจเนิ่นนานผ่านไปจึงถอนริมฝีปากตนออกอย่างเอื่อยเฉื่อย เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่วงท่าคุ้นชิน จับร่างเล็กนุ่มนิ่มให้หมุนเข้าหา จับสองขาเรียวเสลาแยกออกแล้วตวัดรอบเอวเขาสองเรือนกายเริ่มบดเบียดเนิบนาบ เสียงเสียดสีของเสื้อผ้าเกิดขึ้นครู่ใหญ่ ก่อนที่ทุกชิ้นที่ห่อหุ้มทั้งสองค่อยๆ คลายตัวเลื่อนออกจากช่วงไหล่ เผยผิวกายขาวเนียนใต้แสงเทียนรำไรทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้กัน ซานซานรู้สึกได้ถึงความคะนึงหา รับรู้ความรักของเขาได้จากอ้อมอกอบอุ่นกว้างหนา วงแขนแข็งแกร่งทรงพลัง ฝ่ามือหยาบกระด้าง ทุกสัมผัสที่เขามอบให้นัยน์ตาลึกล้ำของจ้าวเหว่

  • พยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจ   สมรสพระราชทาน4

    หลังงานเลี้ยงเลิกรา ซานซานยังไม่ลืมลอบไปหาบุตรสาวที่ตำหนักฮุ่ยเยี่ยนเนื่องจากดึกมากแล้ว เด็กหญิงลู่หลิ่งจึงนอนตัวกลมอยู่บนเตียงอุ่น ซานซานเข้ามาหอมแก้มลูกน้อยหลายที จนลู่หลิ่งปรือตาสะลึมสะลือ“ท่านแม่”เห็นลูกงัวเงียยกมือขยี้ตาทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง ซานซานจึงตบก้นกล่อมแม่นางน้อยให้นอนหลับต่อ“ไม่ต้องลุก แม่มิได้จะรบกวนเจ้า แค่อยากมาหอมแก้มให้หายคิดถึง”เด็กหญิงนอนลง กลิ้งใบหน้าซุกหมอนหนุน ม้วนตัวกับผ้าห่มอุ่น บ่นอู้อี้ “ท่านพ่อรอนานแล้วกระมัง ท่านแม่รีบไป”คนถูกไล่พลันหรี่ตา “เจ้าลูกคนนี้ เห็นพ่อดีกว่าแม่”เด็กหญิงหัวเราะคิก หันหลังหลับต่อเนื่องจากซานซานย้ายออกจากตำหนักฮุ่ยเยี่ยนแล้ว เรือนพักเดิมจึงไม่มีสิทธิ์เข้านอนตามอำเภอใจ นางจึงลอบไปตำหนักบูรพา ทำตัวเป็นจอมโจรเด็ดบุปผาแน่นอนว่าโจรคือนาง บุปผาคือสามีเมื่อเข้ามายังด้านในอันเป็นห้องส่วนตัวอยู่ชั้นสองของเรือนหลัก ปลายเท้าเล็กแตะพื้นแผ่วเบา ดวงตางามกวาดมอง แสงเทียนในห้องมีเพียงริบหรี่ สาดส่องรำไร เห็นเงาร่างสูงใหญ่ของบุรุษยืนเอามือไพล่หลังอยู่ริมหน้าต่าง คล้ายรอคอยอยู่แล้วเป็นนาน ซานซานเดินเงียบเชียบ มองสามีผู้สูงศักดิ์ของตนนิ่งๆ เนิ่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status