ชั่วจังหวะเผลอไผล จมูกโด่งสันพลันได้กลิ่นหอมรวยริน หูยังได้ยินเสียงลมหายใจสะดุดเฮือกของคนผู้หนึ่งชายหนุ่มขมวดคิ้วทันใด จับกระแสผู้บุกรุกได้ทันทีใบหน้าหล่อเหลาเบนไปยังทิศทางตามสัญชาตญาณ สายตาคมปลาบพลันประสบกับสตรีผู้หนึ่งนางมาพร้อมกลิ่นกายหอมกรุ่น มีดวงหน้าพิลาสล้ำ เรือนร่างอรชรอยู่ในอาภรณ์ยั่วยวนเต็มที่นางยืนตะลึงจ้องถลึงมาที่เรือนร่างเปลือยเปล่าของเขา นางมองบั้นท้ายแล้วกวาดตาเพ่งตรึงตรงเส้นขนดำขลับใต้หน้าท้องหนั่นแน่นของเขาอย่างเปิดเผยด้วยสายตาแน่วนิ่งจริงจังเป็นพิเศษ“...”****ด้วยพลังเร้นลับดีเยี่ยม ลมปราณเหนือชั้น พลังวัตรเต็มเปี่ยม ลี่เซียนจึงเคลื่อนกายได้เงียบเชียบ กระทั่งเปลวเทียนยังไม่ขยับแม้แต่น้อยเรือนพักกว้างใหญ่ รอบด้านสลัวราง แสงเทียนอ่อนจางนิ่งสนิท ไร้กระแสลมวูบไหว แม่นางน้อยเดินเข้ามาในเรือนแห่งนี้อย่างไร้ทิศทางลี่เซียนเพียรสังเกตอย่างใคร่ศึกษา เห็นด้านข้างฝั่งซ้ายคือห้องหนังสือ ถัดจากลานโล่งกลางห้องมองตรงไปคือห้องนอนขนาดใหญ่ ส่วนทางด้านขวานางสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมรวยรินของธาตุน้ำและกลิ่นอายอันทรงพลังน่าเกรงขามหญิงสาวจรดปลายเท้ามาเรื่อย ๆ จนเจอห้องหนึ่ง จึงเดิน
สายลมราตรีพัดผ่านหน้าต่างที่ปิดสนิท แสงเทียนแม้มีน้อยนิดกลับนิ่งสนิทมิอาจไหวเอนเพราะแรงลมเรือนพำนักส่วนพระองค์แห่งรุ่ยอ๋องมิได้หรูหรา เพียงเน้นความสะดวกเรียบง่ายภายในห้องรโหฐานขนาดใหญ่ มีเพียงเครื่องเรือนจำเป็น มีห้องโถงรับรอง ห้องหนังสือ ห้องนอนและห้องอาบน้ำทว่าที่มีมากนับไม่ถ้วนกลับเป็นศาสตราวุธชนิดต่าง ๆ หน้าตาแปลกประหลาด ประสิทธิภาพเหนือคาด ทั้งแขวนบนผนังและตั้งตระหง่านเรียงรายบนแท่นไม้สลักพยัคฆ์อันน่าเกรงขามบรรยากาศทั่วห้องเงียบสงบ คละเคล้าแสงเทียนบางเบา กรุ่นกลิ่นอายสูงศักดิ์เจือจาง ปราศจากข้ารับใช้ ไม่มีกระทั่งนางกำนัลติดตามหรือสาวใช้คนสนิทแต่อย่างใดร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่ายืนอยู่หน้าอ่างน้ำ เผยเรือนกายกร้าวแกร่งทรงพลัง กล้ามเนื้อตึงแน่น ไหล่กว้าง แผ่นหลังตั้งตรง แลดูงามสง่าได้รูปสมบูรณ์แบบทุกส่วนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไม่มีส่วนใดไม่สง่างาม ทั่วกายที่กระทบแสงสีนวลของเพลิงเทียนอาบไล้ไปทั่วร่างหนา ยิ่งส่งให้เห็นถึงความหยิ่งทะนงตน เปี่ยมราศีเหนือหมู่มวลบนเรือนร่างคล้ายรูปสลักนี้ มีริ้วรอยแผลเป็นมากมาย บ่งบอกได้ถึงภาระหน้าที่และความรับผิดชอบซึ่งมีมาแต่ไหนแต่ไรนิ้วเรียวยาวปลด
ทหารอีกคนเดินขึ้นหน้ามาเมื่อได้ยินวาจาเช่นนั้น สีหน้าของเขาฉายแววเข้มงวด หัวคิ้วขมวดมุ่นอย่างไม่เชื่อคำเท่าใด“ท่านอ๋องมีรับสั่งให้หัวหน้าทหารไปเรียกใช้คณิกาหรือ?”“เจ้าค่ะ” ลี่เซียนตอบตามสัตย์ “มีหัวหน้าทหารคนหนึ่งไปแจ้งกับท่านแม่ตั้งแต่ยามอิ่วสี่เค่อ และข้าคือผู้ถูกเลือก”นางกล่าวพร้อมแย้มยิ้มเฉิดฉายวาดไปถึงดวงตา ทั้งพิลาสล้ำและกระจ่างใสดุจดวงดารารัตติกาลเหมันต์ แลดูพราวระยับจับจิตจับใจ งดงามอย่างมากแม่นางน้อยไม่รู้ตัวเลยว่า ตนเองเป็นสาวงามเหนือใคร สามารถละลายหัวใจผู้คนที่พบเห็นได้ปานใด ทหารนายนั้นที่ไม่เชื่อถือกันในคราแรกพลันสติเหม่อลอย สองตาเริ่มเหม่อมอง พลางปลดความระแวดระวังลงหลายส่วน ด้วยเข้าใจว่าคณิกาที่สะคราญโฉมถึงเพียงนี้ ท่านอ๋องคงต้องการปลดปล่อยจริงๆ เป็นแน่บุรุษด้วยกันย่อมเข้าใจทว่าเขายังไม่ทันเอ่ยปากอนุญาตให้สาวงามเดินเข้าไปจังหวะนั้น ...ทหารคนแรกที่บังเกิดรักแรกพบเพราะรอยยิ้มดุจฟ้าประทานของลี่เซียน เริ่มแปรเปลี่ยนสายตาข่มขวัญเป็นสายตากรุ่มกริ่ม เขาเบี่ยงหอกออกจากด้านหน้าของสาวงามมาถือแนบที่ลำตัว เดินประชิดเข้ามา หรี่ตาเล็กน้อย ยกยิ้มยียวนอึดใจชายผู้นี้พลันยื่นปลาย
เรือนพักส่วนพระองค์ของรุ่ยอ๋องตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศเหนือของค่ายทหารแม่นางน้อยลี่เซียนถูกผู้ดูแลพาเรือนร่างอรชรในอาภรณ์บางพลิ้วสีชมพูอ่อนหวานมายืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตูเรือนของท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ โดยมีเย่เสียตามห่วงใยไม่ห่าง ก่อนจะถูกผู้ดูแลฉุดกระชากลากตัวออกไปอีกทางก่อนจากกันเย่เสียยังพินิจลี่เซียนโดยละเอียดหัวจรดเท้า ดวงตาทอประกายวาววับแล้วเอ่ยคำด้วยสีหน้าจริงจังอีกว่า“เจ้างดงามถึงเพียงนี้ ท่านอ๋องต้องพึงใจมากเป็นแน่ หากเป็นไปได้จงทำให้พระองค์ลุ่มหลง ต่อไปย่อมมีชีวิตสงบสุข สมปรารถนาทุกประการ”กล่าวจบก็ยื่นน้ำมันหอมชนิดหนึ่งใส่มือให้ลี่เซียนทั้งยังกระซิบคำเสียงเครียดว่ามันคือยาวิเศษใช้เพื่อการณ์นี้หวังว่าจะใช้ได้ผลกับอ๋องปีศาจเช่นเขาผู้นั้นลี่เซียนเพ่งพิศน้ำมันหอมในมืออย่างละเอียด นางเอียงหน้าน้อยๆ ทำความเข้าใจถึงจุดประสงค์ของเย่เสียดวงเนตรกลมโตดำขลับทอประกายพร่างพราวทันใด เมื่อเข้าใจได้กระจ่างแท้จริงมันคือสิ่งที่ใช้สะกดจิตวิญญาณของชายผู้นั้นให้โปรดปรานนางนั่นเอง หากนางทำให้เขาโปรดปรานได้สำเร็จ อาจมีหนทางกลับหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ดั่งใจปรารถนาเมื่อใคร่ครวญเสร็จสรรพ มือขาวอ่อนน
หลังจากผู้คุมหอได้ครุ่นคิดลึกซึ้งนางรีบเอ่ยไปทางลี่เซียน“เจ้านั่นล่ะไป”กล่าวจบไม่รอช้า รีบชี้นิ้วสั่งให้ผู้ดูแลคนหนึ่งพาลี่เซียนไปแต่งหน้าเติมชาดเพิ่มอีกสักหน่อย เปลี่ยนชุดด้วยจึงจะดีในใจนางคิดว่าอ๋องทมิฬที่ใคร ๆ ต่างหวาดกลัวหวั่นเกรงอาจพึงใจเด็กน้อยนุ่มนิ่มไม่ประสาก็เป็นได้ซวงอี๋มองลี่เซียนด้วยสายตาฉายรอยผิดหวังรุนแรง พริบตาก็รีบเก็บอาการได้แนบเนียน นางนิ่งเงียบ ไม่ต่อความอีกเย่เสียเห็นลี่เซียนเสนอตัวเช่นนั้นก็รีบเดินตามแผ่นหลังบอบบางของแม่นางน้อยเข้าไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เอ่ยกระซิบว่า“จะดีหรือลี่เซียน ที่ข้าช่วยเหลือเจ้า ให้ข้าวให้น้ำ มิใช่ว่าจะทวงบุญคุณโดยการให้เจ้าไปเสี่ยงตายแทนข้าหรอกนะ”เด็กสาวนิ่งฟังเสียงทัดทานพลางมองตนเองในคันฉ่อง ปล่อยให้ผู้ดูแลที่เป็นหญิงวัยกลางคนจัดแต่งทรงผมและแต่งหน้าเติมชาดอย่างตั้งใจนางเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองชอบแต่งกายงดงามเช่นนี้เหลือเกิน ไม่ต้องใส่แค่เสื้อคลุมตัวยาวสีขาวไร้สีสัน ม้วนผมทรงมวยก้วน[3] ปราศจากเครื่องประดับเหมือนเมื่อก่อนตอนอยู่ผิงอันระหว่างคิดในใจเช่นนั้นยังมองสบตากับเย่เสียในคันฉ่อง พลางคลี่ยิ้มเฉิดฉันที่แสนจะจริงใจส่งให้เย่เสียคือผ
กิริยาเปิดเผยไร้ความสุขุมเช่นนั้นพาบรรยากาศคุกรุ่นเมื่อครู่ให้ชื่นมื่นอย่างแปลกประหลาด ทว่าน่าสนใจอย่างมากในความรู้สึกของลี่เซียนนางมองทุกสิ่งรอบกายอย่างสงสัย ไม่เข้าใจอันใดภาพตรงหน้ายามนี้ช่างแตกต่างจากสิ่งที่นางเคยพบพานในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์โบราณนับแต่จำความได้เด็กน้อยผู้หนึ่ง ลืมตาดูโลกได้แค่แปดปี ทั้งยังมีเพียงนักพรตหญิงดูแลสอนสั่ง ตำรายังพร้อมพรั่งแค่เพียงบทบัญญัติแค่โลกแห่งธรรม รอบด้านล้อมไปด้วยโลกทัศน์แค่สันเขากางกั้นยามนั้นนางท่องคัมภีร์ทั้งหอพระธรรม จดจำได้แม่นยำ ทั้งยังฝึกพลังวัตรไม่ว่างเว้น กระทั่งอายุได้แปดขวบแล้ววิญญาณหลุดออกจากร่างฝังแน่นอยู่ในกำไลหลายร้อยปียังถือโอกาสบำเพ็ญตบะจนสามารถแปรเปลี่ยนดวงจิตเป็นกายหยาบยามที่กำไลถูกทำลายจนแตกหัก แล้วหลุดออกมาได้สำเร็จเนื่องจากผ่านกาลเวลามาหลายร้อยปี เนิ่นนานเหลือเกิน กายหยาบของลี่เซียนยามนี้จึงเติบโตสมส่วนสมบูรณ์แบบ มีรูปร่างระเหิดระหงอรชร บั้นท้ายงามงอน เนินอกอวบตึง ใบหน้าเรียวเล็กน่ารัก ดวงตากลมโตดำขลับซ่อนแววซุกซนเอาไว้กลายเป็นหญิงสาวเต็มวัยสะคราญโฉมผู้หนึ่งลี่เซียนยามนี้มีอายุหลายร้อยปี มีรูปร่างเต