ด้านหน้าเรือนจำอันเป็นคุกมืดของค่ายทหารเมื่อบุรุษชุดม่วงปรากฏกาย อี๋เป่าที่แอบเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกจึงปรากฏตัวต่อหน้ารุ่ยอ๋องทันที เขารีบประสานมือค้อมศีรษะแล้วกล่าว“ท่านอ๋อง ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จมา ได้โปรดช่วยแม่นางลี่เซียนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เรียวคิ้วยาวขมวดวูบ สีหน้าราบเรียบแปรเปลี่ยนฉับพลัน ถังไห่เฉิงปรายตามองผู้พูดอย่างสนใจทันที“นางถูกพาตัวมาที่นี่ได้อย่างไร?”อี๋เป่าได้ยินเช่นนั้นให้รู้สึกตื่นเต้นลอบแย้มยิ้มอย่างยินดีเขาตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่แอบมาเฝ้าแม่นางผู้นั้นเพื่อรอท่านอ๋องเสด็จมาแล้วเสนอหน้าเยี่ยงนี้คิดพลางทำหน้าระรื่นเอ่ยปากขอความดีความชอบต่อไป“ทูลท่านอ๋อง แม่นางของท่านกำลังถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพวกเดียวกับคนร้าย นางถูกพาตัวมาจากเรือนบัญชาการ กระหม่อมเป็นคนยับยั้งมิให้นางถูกตัดหัว จึงจำเป็นต้องถูกส่งตัวมารอที่ห้องขังก่อนพ่ะย่ะค่ะ”เด็กหนุ่มเงียบอยู่อึดใจแล้วเอ่ยต่อ “พระองค์รีบเสด็จเถิด กระหม่อมได้ยินเสียงโบยตีดังสนั่นหลายทีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”กล่าวจบพลันเห็นถุงเงินลอยมา อี๋เป่ารีบปล่อยมือที่ประสานหมัดอยู่ เอื้อมรับรางวัลทันทีไม่มีชักช้าถังไห่เฉิงรู้จักนิสัยหนุ่มน้อยผู้
เมื่อวาจานี้ถูกเอ่ยออกมา ถังไห่เฉิงจึงแค่นเสียงเย็น “หากนางคิดปิดปากจริง พวกเจ้าย่อมมิได้เปิดปากอันน่ารำคาญถึงเพียงนี้” กล่าวจบพลันลุกขึ้นยืนก่อนสั่งเสียงเรียบไปทางเว่ยฉี “นำตัวทุกคนไปโบยคนละยี่สิบไม้ โทษฐานบกพร่องต่อหน้าที่”เหล่าทหารยามมิอาจเข้าใจความนัยของนายเหนือหัว เพียงค้อมตัวก้มหน้ายอมรับโทษทัณฑ์ตามวินัยแม่ทัพเว่ยค้อมศีรษะน้อมรับคำสั่งอย่างแข็งขัน เดินขึ้นหน้าพลางโบกมือส่งสัญญาณให้พลทหารล่าถอยตามเขาไปคล้อยหลังกลุ่มผู้คน ถังไห่เฉิงหย่อนกายนั่งลงอีกครา ท่าทางเคร่งขรึมดุจเดิม พลางตรึกตรองคำรายงานอันยาวเหยียดเมื่อครู่โดยละเอียด‘จอมยั่วยวนชวนพิสมัย วาจานุ่มหวานละมุนละไม และจงใจเข้าหาเขาเพื่อปรนนิบัติ’เรียวคิ้วคมเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยคล้ายกระหยิ่มลำพองใจ หลังนิ่งคิดจากคำรายงานทั้งหมดครู่หนึ่งก็เห็นจะมีเพียงประโยคแค่เท่านี้ที่เห็นว่าเป็นจริง ให้รู้สึกว่าเชื่อถือได้ภายในห้องปราศจากผู้ใดแล้ว แว่วได้ยินเสียงโบยตีจากลานด้านข้างไม่ห่างจากเรือนแห่งนี้ ถังไห่เฉิงย่อมไม่มีเหตุผลใดต้องรั้งอยู่จึงทำท่าผละจากเพื่อกลับเรือนบัญชาการทว่ายังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืน หน้าห้องพลันมีเสียงหนึ่งดังแว่วมา“
วาจาเดือดดาลและประโยคต่อขาน เหล่าทหารที่ยืนอยู่โดยรอบล้วนได้ยิน พวกเขาจึงมองสองสตรีอย่างพิจารณารองแม่ทัพที่สั่งมัดลี่เซียนหันไปถามพลทหารที่ยืนไม่ไกล“สตรีผู้นี้คือพวกเดียวกับคนร้ายแน่รึ?”ผู้ถูกถามเริ่มไม่มั่นใจ ขณะกำลังลังเลมิอาจหาคำตอบได้ อี๋เป่าที่เดินตามมาด้วยจึงรีบตอบเสียเอง“สตรีผู้นี้เป็นท่านอ๋องจับกุมได้ด้วยตนเองขอรับ ทั้งยังให้พำนักในเรือนบัญชาการ ท่านรองแม่ทัพควรยั้งมือก่อนจึงจะดี”“หือ...” รองแม่ทัพปรายตามองอย่างเย็นชา “จริงรึ?”ครานี้อี๋เป่ายังไม่ทันได้ตอบ พลทหารคนเดิมเกรงว่าผลงานจะหลุดมือ หนำซ้ำหากผิดพลาดคงยากรับไหว จึงรีบเอ่ย“แต่เห็นได้ชัดว่าพวกนางรู้จักกัน มิสู้ควบคุมตัวนางไปขังแยกไว้ก่อนเป็นไร? พวกเราอย่าเพิ่งด่วนสรุปเลยขอรับ”รองแม่ทัพหรี่ตาพยักหน้าเห็นด้วย “ดี! ลากตัวนางผู้นี้ไป” เขาสั่งให้ทหารคนเดิมพาตัวลี่เซียนไปอีกทาง ก่อนเบนสายตากลับมากวาดมองคนร้ายที่เหลือทั้งหมดพร้อมส่งเสียงเหี้ยม“นอกนั้น ฆ่า!”ลี่เซียนจึงถูกทหารพาไปทางเรือนที่สร้างด้วยศิลาทึบสีดำ สิ่งที่ตามหลังนางคือเสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงมลั่นค่ายทหารเรื่องราวทางโลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครเกิดใครแก่กระทั่งใ
คล้อยหลังเรือนกายสูงค่าของรุ่ยอ๋องรอบบริเวณยังคงเต็มไปด้วยทหารร่างบึกบึนสูงใหญ่ พวกเขายืนถมึงทึงถืออาวุธพร้อมฆ่าฟัน ประกายตาทุกคนเจือแววอำมหิตข้นคลั่ก แต่ละคนยืนหยัดประดุจเหล็กกล้าศิลาแกร่ง ห้อมล้อมคนร้ายมิให้หลุดรอดไปได้สักคนท่ามกลางบรรยากาศดำทะมึนยิ่งกว่ายามราตรีกาลนั้น ลี่เซียนถูกผลักไหล่ให้เดินมาจนถึงกลุ่มคนร้ายซึ่งถูกมัดไว้ไม่ต่างจากขนมบ๊ะจ่าง ทันทีที่หญิงสาวเห็นคนเหล่านั้นพลันจำได้พวกเขาคือกลุ่มคนที่รุมทำร้ายผู้มีพระคุณ“ไป! รีบเดิน!” ทหารที่คุมตัวลี่เซียนอยู่ทางด้านหลังรีบผลักนางให้ไปรวมกลุ่มกับคนร้าย ก่อนหันหน้าไปกล่าวรายงานแก่รองแม่ทัพท่านหนึ่ง“เรียนท่านรองแม่ทัพ นางคือลี่เซียน สตรีที่ทำร้ายทหารของเราจนสลบเพื่อเปิดทางให้นักฆ่าขอรับ”“ดี! มัดนางไว้”สิ้นคำสั่งของรองแม่ทัพวัยฉกรรจ์ พลทหารคนเดิมรีบกระชากมือของลี่เซียนไพล่หลังมัดอย่างว่องไว ไร้ความปราณีใดๆหญิงสาวยังคงอ่อนแรงหมดกำลังจึงทำได้แค่ขมวดคิ้วไม่ช้า นางพลันถูกพันธนาการไม่ต่างจากนักฆ่าก่อนหน้า จังหวะเดียวกันยังถูกมือหนาผลักจนล้มไปกองกับพื้น“อ๊ะ!”ทว่าสิ่งที่ร่างนุ่มกระแทกใส่ หาใช่พื้นดินที่แข็งกระด้างไม่ ตรงกันข้า
บรรดาทหารยามต่างพากันคลี่ยิ้มเก้อเขินพยักหน้าทักทายกลับพัลวัน มีเพียงหมอหญิงสองคนที่เม้มปากกลอกตามองค้อนพวกบุรุษอย่างไม่ชอบใจนักลี่เซียนมิได้ถือสากับกิริยาอันแตกต่างนั่น นางยิ่งคลี่ยิ้มหวานละมุนงดงามจับตาแล้วถามเสียงใส“พวกท่านมีใครเห็นสิ่งของบางอย่างหรือไม่?”ทหารคนหนึ่งถามขึ้น “คือสิ่งใดหรือแม่นาง?”ลี่เซียนยกนิ้วเรียวขาวปานลำเทียนขึ้นกรีดอากาศเพื่อแจกแจงพลางนับจำนวน“คัมภีร์ครวญวสันต์ ภาพวาดอภิรมย์ ตำรารัญจวน ยังมีน้ำมันหอมเร้าอารมณ์ ตลับชาดสัมผัสรักตรึงใจ”อีกคราที่ทหารต้องเบิกตาโพลง หมอหญิงขมวดคิ้ววูบ ก่อนที่ทุกคนจะมีใบหน้าแดงเรื่อส่ายหัวแทบหลุดปฏิเสธแทบคลั่งสิ่งของเหล่านั้นต่อให้เคยผ่านตาหรือศึกษาจนแตกฉาน ย่อมไม่อาจตอบรับซึ่งหน้าแน่นอน“ไม่เลย ไม่เห็น ไม่มีๆ”ลี่เซียนเห็นทุกคนปฏิเสธอย่างสามัคคีก็ไม่เซ้าซี้เพียงรักษารอยยิ้มค้อมศีรษะขอบคุณแล้วเดินผ่านหน้าทุกคนไปด้วยท่าทางปกติเพื่อออกตามหาทุกสิ่งที่ว่าอย่างจริงจังด้วยตนเองทหารยามคนหนึ่งอายุสิบห้าปีนาม อี๋เป่า รู้สึกเป็นห่วงจึงเดินตาม “แม่นางมีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่?”ลี่เซียนหันหน้าไปยิ้มให้ กำลังจะบอกขอบคุณในน้ำใจ ทว่าจังหวะนั
คล้อยหลังถังไห่เฉิงกับเว่ยฉีที่เดินออกจากเรือนไปลี่เซียนซึ่งกำลังนอนอยู่ทางห้องปีกข้างเริ่มสะลึมสะลือ สองมือควานหาความอบอุ่นกรุ่นร้อนแสนสบายเมื่อครู่ไปทั่ว ก่อนที่เรียวคิ้วงามจะขมวดมุ่นเมื่อพบว่าสิ่งนั้นได้หายไปแล้วหญิงสาวเม้มปากแน่น ในใจนึกเสียดายไม่น้อยถึงแม้ว่าเนื้อหนังจะสมานตัวรวดเร็ว ทว่าก็ใช่ว่าจะหายดี เพราะบางแผลเล็กตื้นไม่สาหัส แต่บางแผลฉกรรจ์ลึกถึงกระดูกซ้ำร้ายยังทะลุอวัยวะภายในสำคัญจนเสียหายหลายจุด ชีพจรที่ลมปราณสามารถทะลวงได้สำเร็จเกิดภาวะปิดกั้นชั่วคราว ลี่เซียนจึงยังคงบาดเจ็บอยู่มาก ทรมานสิ้นดี อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมดนางค่อยๆ ลืมตาดึงสติตนเองให้กลับมาแล้วพยุงกายเปลือยลุกขึ้นนั่ง ระงับอาการบาดเจ็บปวดแปลบทั่วตัวเอาไว้เมื่อพบว่าเสื้อผ้างดงามของตนถูกถอดกองไว้ไม่ไกล จึงเอื้อมมือไปหยิบมาปัดคราบเปื้อนอย่างทะนุถนอมหวงแหน ก่อนใส่กลับคืนบนร่างงาม ยังไม่ลืมมองหาตำราครวญวสันต์ น้ำมันหอม ตลับขี้ผึ้ง และสิ่งของต่าง ๆ ที่พี่เย่เสียมอบให้ครั้นมองเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ในใจให้นึกตระหนกไม่เบา“แย่แล้ว! หายไปไหน?”หญิงสาวเป็นคนให้ความสำคัญกับน้ำใจคนยิ่งนักหาใช่ยึดติดวัตถุนอกกายไม่นางเก