ถังไห่เฉิงไม่คิดว่าจะต้องถกเถียงกับสตรีในเรื่องเยี่ยงนี้ จึงดึงแขนเล็กออกจากเอวตนแล้วเดินจากไปไม่หันกลับมาลี่เซียนถึงกับอึ้งหมดวาจาจะเอ่ยและย่อมเหมือนเช่นเคยที่นางต้องเชื่อฟังทุกคน“ข้าเข้าใจแล้ว...”หญิงสาวพึมพำกับตัวเองพลางมองสองมือที่ว่างเปล่าสองมือนี้ยังคงเงียบเหงา ขาดความอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง ไม่มีอ้อมกอดอุ่นนุ่มของมารดาปราศจากอ้อมแขนแข็งแกร่งของบิดามีเพียงกรอบเหล็กคับแคบที่มีบรรดานักพรตรายรอบพร้อมคำอบรมสั่งสอนอันเคร่งครัดต่าง ๆ นานาแม่นางน้อยค่อยๆ หมุนกายเดินกลับไปนั่งยังโต๊ะกลม ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตนเช่นเดิม คงไว้ซึ่งท่าทางเศร้าหมองต่อไปหญิงสาวนั่งถอนหายใจ ทอดอาลัยโศกตรมทบทวีกาลก่อนก็เช่นนี้ นางต้องถูกทุกคนระงับความปรารถนา สะกดทุกความอยากได้อยากมีนับว่าโชคดีที่ยามนั้นนางมีคัมภีร์พระธรรม ตำราคำสอนบาปกรรมช่วยกล่อมเกลาจิตใจมิให้ฟุ้งซ่าน นางอ่านหนังสือเหล่านั้นอย่างตรากตรำก่อนที่ทุกคนจะเอือมระอานางที่ดื้อรั้นเมื่อคิดได้ดังนั้น ลี่เซียนจึงนึกถึงตำรารัญจวนขึ้นมาได้ทว่าเมื่อมองหากลับไม่เจอในสาบเสื้อย่อมไม่มี ในแขนเสื้อชุดแดงก็ไม่เห็นเรียวคิ้วงามขมวดมุ่น ลี่เซียนค่อยๆ คิด
เรียวนิ้วงามค่อยๆ วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอื้อมมือลูบไล้ชุดแดงแผ่วเบา สายตาที่ทอดมองสะท้อนแววอาลัยชุดที่ถูกถอดแล้วกองเอาไว้บนพื้นห้องเย็นเยียบเมื่อเช้า ลี่เซียนเก็บขึ้นมาพับอย่างทะนุถนอม ปิ่นดอกพลับพลึงยังวางด้วยกันอย่างเอาใจใส่หลายร้อยปีที่ถูกขังในกำไลหยกทำนางยิ่งเก็บกดมากขึ้น กระทั่งตบะกล้าแกร่งมีชีวิตอมตะกลายเป็นเหรินเซียนบนแดนมนุษย์ ก็ยังมีความหิวกระหาย ต้องการเครื่องนุ่งห่มคลุมกายอยู่ดีทั้งนี้นางควรพอใจแค่กินอิ่มนอนอุ่นใส่เสื้อผ้าแบบใดก็ได้“เฮ้อ!”การเอาชนะกิเลสในใจไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆลี่เซียนถอนหายใจอย่างคนทุกข์ระทม ดวงตากลมเหลือบลงพินิจชุดทหารหญิงสีเทาหม่นอย่างไม่ยินดีแม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรนางก็ชอบชุดสีแดงมากกว่านี่นา ไม่ง่ายเลยที่จะได้เคยใส่สักครั้ง อุตส่าห์หลุดออกมาจากกำไลห่างไกลอารามผิงอัน มิใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นตัวของตัวเองสักครา ได้แต่งกายสวยงามหญิงสาวพร่ำบ่นในใจ พลางรวบชุดสีแดงขึ้นกอดแนบอก รู้สึกผูกพันมากกระทั่งบุรุษผู้แอบมองต้องฉงน ม่านตาคมหรี่ลงเล็กน้อยถังไห่เฉิงใช้เวลาช่วงบ่ายไปกับการเขียนรายงานการรบเพื่อถวายฮ่องเต้ถังไท่หลินผู้เป็นพี่ชายเมื่อเสร็จ
ถังไห่เฉิงเริ่มรู้สึกว่าตนเองใกล้เป็นไข้ลี่เซียนไหนเลยจักรู้อันใด นางกำลังสำนึกผิดจริงๆ จึงเอ่ยเสียงอ่อนออดอ้อนต่อไป “อย่าโกรธข้าเลย...นะ...นะ”แม่นางน้อยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าน้ำเสียงหวานล้ำเยี่ยงนี้ สามารถพังทลายได้กระทั่งภูผาหากแต่บุรุษเย็นชาปานน้ำแข็ง กล้าแกร่งดุจศิลาตกผลึก มีหรือจะหลงกลโดยง่ายนอกจากไม่คิดเชื่อถือยังต้องเร่งมือเพื่อพิสูจน์ถังไห่เฉิงจับร่างระหงหมุนรอบหนึ่ง“อ๊ะ!”“ห้ามขัดขืน”“...”พริบตาอาภรณ์แดงพลันถูกเปลื้อง เผยผิวขาวเนียนทั้งเรือนร่าง เหลือเพียงเอี๊ยมบางสีเหลืองนวลปิดส่วนสงวนอันเร้าใจ ทุกส่วนของกายสาวเปิดเปลือยต่อหน้าอ๋องหนุ่มผู้ร้อนแรงก่อนจะถูกสวมทับลงไปด้วยชุดทหารหญิงสีเทาหม่น“...!?”ลี่เซียนถึงกับพูดไม่ออก ริ้วโทสะสายหนึ่งพุ่งใส่กลางอก แม่นางน้อยเริ่มรู้สึกไม่พอใจแล้ว เรียวคิ้วงามขมวดมุ่นทันที“ข้าแค่จะไม่ใส่ชุดสีแดงอีก มิได้คิดจะใส่ชุดนี้เสียหน่อย”เสียงบุรุษเข้มขลัง “ต่อไปห้ามใส่ชุดอื่น นอกจากชุดนี้”“แต่ว่า...”“ไม่มีแต่!”“...”ดวงหน้างามยุ่งเหยิงทันใด นิสัยเด็กน้อยเริ่มก่อเกิดนางไม่ชอบชุดทหารแบบนี้เอาเสียเลย ไม่งามเลยสักนิด สู้ชุดของพี่เย่เสียก็ไม
รุ่ยอ๋องแค่นเสียงเย็นชา“เป็นบุปผาของข้า แต่กล้าเผยโฉมล่อลวงหมู่ภมรหรือ?”ลี่เซียนปฏิเสธโดยไว “แน่นอนว่าไม่ใช่!”“แล้วเหตุใดจึงแต่งกายยั่วยวน เดินกรีดกรายไปทั่ว”หญิงสาวจ้องตาไม่กะพริบ “ข้าย่อมยั่วยวนเพียงท่าน”เรียวคิ้วคมเลิกขึ้นสูง “ยั่วเพียงข้า?”ดวงหน้างามพยักเร็วแรง “อาภรณ์แดงนี้เพื่อท่าน”“เพื่อข้า?”“อื้ม...”ต้นสายปลายเหตุแห่งเพลิงโทสะจึงปรากฏเด่นชัดที่แท้ถังไห่เฉิงโกรธาเรื่องที่สตรีตรงหน้ากล้าเผยโฉมต่อธารกำนัล นางกล้าแต่งกายเยี่ยงนั้นต่อหน้าชายอื่นและคำพูดแค่เท่านี้ยังใช้ได้ผล คลื่นลมเมฆฝนสงบทันที“กล่าวได้ดี”ลี่เซียนขยับยิ้มนุ่มนวลดวงตาเปล่งประกายวับวาว“ท่านหายโกรธแล้ว”ถังไห่เฉิงไม่ตอบ เพียงคลายวงคิ้ว จ้องตานางมิใช่ว่าไม่เคยมีสตรีใดมายั่วยวนชวนเสน่หาด้วยมารยา ทว่านางตรงหน้ากำลังมีผลกับความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวในอกแกร่งความรู้สึกนี้...อ๋องหนุ่มไม่เคยเกิดขึ้นกับใครแม้พึงใจในคำตอบแต่กลับไม่เอ่ยวาจา โทสะก่อนหน้าพลันอันตรธานหายไป ในแววตายังแฝงอารมณ์ซับซ้อนถังไห่เฉิงจ้องสตรีนางน้อยอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องหงุดหงิด แค่นางแต่งตัวงดงามปรากฏกายต่อธารกำนัลกลับดึงอารมณ์อันไร้ส
เรือนส่วนตัวของรุ่ยอ๋องแม้ใหญ่โตทว่าเรียบง่าย มิได้หรูหราอันใด ด้านในเจือด้วยกลิ่นอายสูงศักดิ์เข้มข้น ไม่เคยมีสตรีนางใดได้รับอนุญาตให้เข้ามาเลยสักหนทว่าวันนี้กลับมีสตรีร่างระหงงดงามผู้หนึ่งถูกกักตัวเอาไว้ที่โต๊ะกลมในห้องนอนนางกำลังนั่งประจันหน้ากับเจ้าของเรือนเย่เสียถูกเว่ยฉีพาออกไปเพื่อจัดเตรียมห้องพักทางฝั่งหลังเรือนนานแล้ว ด้วยคำสั่งทรงอำนาจแต่เรียบง่ายแห่งรุ่ยอ๋อง“ยกนางให้เจ้า...”คงเหลือเพียงลี่เซียนที่ถูกตรึงด้วยสายตามหาภัยเรือนร่างอรชรในอาภรณ์สีแดงบางเบากำลังถูกแววตาร้อนระอุไล่สำรวจจนทั่วหัวจรดเท้า ประดุจไฟลามพร้อมแผดเผาแต่กระนั้น แม่นางน้อยเพียงมองชายร่างใหญ่ด้วยดวงตากลมโตดุจกวางน้อยไร้เดียงสา แม้ดูใสซื่อปราศจากพิษสงแต่กลับเปี่ยมเสน่ห์ยั่วยวนทุกกิริยา นางกำลังนั่งดื่มชาด้วยท่วงท่าแช่มช้า มีทีท่าแช่มชื่นยินดี ไร้ซึ่งอาการหวาดหวั่นหรือตื่นตระหนกอันใดแม้ว่าก่อนหน้านี้รุ่ยอ๋องถังไห่เฉิงจักแผ่ซ่านรังสีมรณะ กระทั่งเว่ยฉีและเย่เสียตัวสั่นลนลาน และยามนี้ยังแผ่ขยายรัศมีแห่งความตายเข้มข้นมากขึ้น ลี่เซียนก็ยังแย้มยิ้ม ดื่มชาแช่มช้อยเมื่อครู่อ๋องหนุ่มสั่งเสียงห้วนให้คุกเข่า นางย่
“อยากรู้ก็จ่ายมา”นับว่าใช้โอกาสเล็กๆ น้อยๆ ให้อี๋เป่าหาเงินได้งามๆหลังจากได้ค่าตอบแทนเป็นที่พึงพอใจ อี๋เป่าจึงกล่าว “สตรีคนสำคัญคือแม่นางชุดแดง เมื่อคืนท่านรองแม่ทัพเกือบทำพลาดแล้ว เขาสั่งขังแม่นางชุดแดงเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ร้าย ดีนะที่ความคิดข้าฉับไว จึงช่วยยั้งไว้ได้ทันท่วงที ยิ่งไปกว่านั้น...” เด็กหนุ่มเว้นเอาไว้ไม่พูดต่อ ทำให้ทหารที่รอฟัง ถามพร้อมเพรียง“อะไรๆ รีบบอกมา”อี๋เป่าแผ่ฝ่ามือออกเบื้องหน้า เป็นอันรู้กันว่าต้องเพิ่มค่าตอบแทน จังหวะที่พลทหารต่างพากันเอาเงินใส่มือเด็กหนุ่มแค่คนละเหรียญสองเหรียญ มิคาดว่าจะมีสตรีผู้หนึ่งใส่ให้ทั้งถุงนางคือช่านเย่อี๋เป่าขมวดคิ้วฉงน “หมอหญิงท่านนี้ อยากรู้ปานนั้น?”ช่านเย่ตวาดอย่างหงุดหงิด “รีบเล่ามา!”แม้จะชื่นชอบเงินทองไม่มองสีหน้าผู้คน หากแต่อี๋เป่ากลับคงไว้ซึ่งปฏิภาณไหวพริบเป็นเลิศเขามองออกว่าหมอหญิงผู้นี้คงไม่ประสงค์ดีต่อสตรีของท่านอ๋องเป็นแน่แท้ เช่นนั้นเขาจะไม่เปิดเผยเด็ดขาดว่าท่านอ๋องทรงถนอมสตรีผู้นั้นเพียงใด ถึงกับบุกห้องขังไปอุ้มนางออกมาด้วยตนเองหากหมอหญิงผู้นี้รู้เข้า คงริษยาเจียนคลั่งกระทั่งหาทางวางยาพิษแม่นางผู้นั้นแน่