‘ลี่เอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่? เหตุใดบุรุษจึงนิยมชมชอบนางโลมจากต่างแดนของหออวี่หลินนัก?’ เสียงของฉินเจียวเยี่ยนดังขึ้นมาในความคิด ในขณะที่เมิ่งลี่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ‘เพราะนางโลมจากต่างแดนมีความกล้ามากกว่าแม่นางในแคว้นต้าเซี่ยเยี่ยงเราอย่างไรเล่า’
เมิ่งลี่ถามด้วยความสงสัยในความทรงจำนั้น ‘พวกนางมีความกล้ามากกว่าอย่างไร?’
‘พวกนางกล้าเปิดเผยผิวพรรณ สวมอาภรณ์น้อยชิ้น กล้าส่งสายตายั่วยวนบุรุษ ยินยอมให้บุรุษล้วงลึก ลูบคลำอย่างไม่เขินอาย ทอดกายแนบชิดสนิทสนม ซึ่งแม่นางต้าเซี่ยอย่างพวกเราไม่กล้าหรอก’
ร่างกายของนางเคลื่อนไหวเร็วกว่าความคิด เมิ่งลี่ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความเด็ดเดี่ยว สองมือถอดเข็มขัดที่คาดเอวออก เตรียมรั้งเสื้อคลุมตัวนอกลง
“เจ้าจะทำสิ่งใดกัน?” กู้เหวยถามด้วยความตกตะลึง สองมือหยาบกร้านรีบคว้าข้อมือเล็กของเมิ่งลี่ไว้เพื่อหยุดนางไว้ แต่กลับถูกนางปัดมือออกอย่างไม่ลังเล
“พี่กู้เหวย อย่าเพิ่งซักไซ้ให้มากความ” เสื้อคลุมตัวนอกถูกเมิ่งลี่ถอดทิ้งลงบนพื้น เผยให้เห็นชุดนางโลมจากต่างแดนตัวบางที่ปกปิดเพียงช่วงเนินเนื้อกลางลำตัว อวดผิวเนียนละเอียดทั้งไหล่กลมกลึง ท
เพียงแค่เซียวชิงเฟิงก้มมองเพียงนิดเดียว ก็สามารถมองเห็นไปถึงกลีบดอกเหมยที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องล่าง กำลังแย้มบานคร่อมร่างของเขาอย่างเปิดเผย แต่เขาก็ไม่ได้หยุดชื่นชมนาน เพราะถูกมือเล็กเอื้อมมาประคองแก้มให้สบตาจิ้งจอกที่ทอดมองมา“ข้าน้อยจะโอบอุ้มนายท่านไว้ในตัวจนรุ่งสางเลย ดีหรือไม่เจ้าคะ?”ถ้อยคำแฝงนัยที่เขาเพิ่งเคยได้ยินจากปากของชายาเป็นครั้งแรกกลับยิ่งกระตุ้นให้เขากระสันที่จะกระโจนเข้าไปในตัวนางเสียบัดนั้น และฉินเจียวเยี่ยนก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังใบหน้าเล็กโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากเรียวประกบลงบนเรียวปากของเขาอย่างแนบแน่น สอดปลายลิ้นเล็กเข้าไปทักทายเขาอย่างอุกอาจ ปลุกเสือร้ายให้ตื่นขึ้นในทันทีสองมือหนาโอบรัดร่างบางเข้ามาแนบชิดราวกับต้องการกลืนกินร่างของนางให้ผสานเป็นเนื้อเดียวกับเขา สองปลายลิ้นตวัดไล้ไปมาในโพรงปาก สลับกันรุกสลับกันรับอยู่อย่างนั้น จนเกิดเสียงนัวเนียก้องภายในหูเซียวชิงเฟิงขบกัดลงบนริมฝีปากบางนั้นอย่างยั่วเย้า ก่อนจะผละริมฝีปากไปกดจูบตามซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นดอกเหมยจนทิ้งรอยจูบพรั่งพรายไปทั่วคอเนียน ก่อนจะลากปลายลิ้นเลื่อนต่ำลงไปที่ร่องอกอวบอิ
“นายท่านเจ้าคะ” เสียงหวานใสเอ่ยเรียกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งที่ข้อเท้าในทุกครั้งที่นางขยับกาย ร่างบอบบางอ้อนแอ้นเยื้องย่างออกมาจากด้านหลังของฉากกั้นลมรูปนกกระเรียนสีขาวพิสุทธิ์อย่างช้า ๆ ราวกับไม่ต้องการให้เขาพลาดทุกรายละเอียดเซียวชิงเฟิงที่กำลังเอนตัวพิงหัวเตียง ก้มหน้าอ่านฎีกาในมือ จำต้องเงยหน้าขึ้น แล้วดวงตาดอกท้อคู่งามก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อได้เห็นร่างคุ้นตาที่เขากกกอดมาแรมปีสวมใส่ชุดนางโลมจากต่างแดนก้าวเข้ามาชิดริมเตียงไม้ชุดนางโลมจากต่างแดนของหออวี่หลิน เขานั้นก็ได้เห็นผ่านตามาบ้าง ทั้งจากวันนี้ที่ไปเยือนหออวี่หลินและเห็นจากที่คุณหนูรองเมิ่งสวมใส่ หากแต่ชุดที่ไท่จื่อเฟยของเขาสวมใส่นั้นกลับพิเศษยิ่งกว่ายามปกติ ชุดนางโลมจากต่างแดนจะใช้ผ้าเนื้อหนาปกปิดในส่วนช่วงเนินเนื้อกลางลำตัวและช่วงล่าง เปิดเผยไหล่นวลเนียน หน้าท้องแบนเรียบ ตลอดจนขาอ่อนไปจนถึงปลายเท้านอกจากผ้าเนื้อหนาแล้วยังมีการใช้ผ้าโปร่งเย็บติดตามส่วนต่าง ๆ เป็นการเปิดเผยที่ปกปิดให้ใจชายรู้สึกตื่นเต้น กระหายที่จะได้เห็น ทั้งช่วงแขน หน้าท้อง และเป็นกระโปรงยาวปกปิดขาเรีย
เซียวชิงเฟิงและฉินเจียวเยี่ยนได้แต่ตกตะลึงกับคำกล่าวนั้นของกู้เหวย ด้วยสถานะของกู้เหวยคือบุตรชายคนโตสายตรงของจวนเจิ้นหย่วนโหว ได้รับตำแหน่งกู้ซื่อจื่อ ตั้งแต่วัยเยาว์ เรื่องการแต่งงานของซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นหย่วนโหวจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและพิถีพิถันเป็นอย่างมาก เพราะตระกูลที่จะมาเกี่ยวดองกับตระกูลแม่ทัพอย่างตระกูลกู้ย่อมต้องสามารถเกื้อกูลและสนับสนุนกู้เหวยในราชสำนักได้ นอกจากนี้ บุตรชายของกู้เหวยยังมีโอกาสที่จะได้เป็นกู้ซื่อจื่อ ขึ้นรับตำแหน่งครอบครองจวนเจิ้นหย่วนโหวต่อไปอีกด้วย แต่การที่กู้เหวยกล่าวว่า ตนไม่ต้องการจะแต่งงานนั้น กลับเป็นเหมือนการฉีกกระชากความหวังของคนทั้งตระกูลให้พังภินท์ หากซื่อจื่อสายตรงไร้ทายาทสืบทอด ตระกูลกู้มิต้องไปหวังพึ่งอนาคต เพื่อเชิดหน้าชูตากับตระกูลสายรองหรอกหรือ? นั่นมิเป็นการหมิ่นเกียรติตระกูลแม่ทัพที่มีอายุมานับร้อยปีหรือ? “ดะ เดี๋ยวก่อน...” ฉินเจียวเยี่ยนยกมือห้าม ความคิดของนางมึนงงสับสนไปหมด “ข้าเพียงแต่ให้ท่านรับผิดชอบลี่เอ๋อร์เพียงเท่านั้น นี่ท่านรังเกียจนางจนถึงขั้นปฏิเสธที่จะแต่งงานทั้งชีวิตเลยหรือ?” “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ!!” กู้เหวยรีบเงยหน้าขึ้นปฏิเ
“เยี่ยนเยี่ยน เหตุใดเจ้าจึงให้พวกข้านำอาหารและสุราเหล่านี้กลับมาด้วยเล่า?” เมิ่งลี่เอ่ยถามขึ้น เมื่อทุกคนขึ้นมาบนรถม้าของตำหนักบูรพากันครบแล้ว “สุราอาหารเหล่านี้ล้วนแต่มียาผสม ทานไม่ได้มิใช่รึ?”เมิ่งลี่และกู้เหวยต่างวางจานอาหารลงบนที่นั่งข้างตัว โดยที่กู้เหวยไม่ลืมที่จะรีบถอดเสื้อชั้นนอกกลับไปคลุมไหล่เปลือยของเมิ่งลี่อีกครั้ง นางทำได้เพียงก้มศีรษะขอบคุณ แล้วหันกลับไปมองสหายรักอย่างสงสัยเช่นเดียวกับทุกคน“ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจนำมาให้ผู้ใดทาน เพียงแต่ต้องการนำกลับไปให้หมอหลวงของไท่จื่อตรวจดู เพื่อจะสามารถคิดค้นยาถอนขึ้นมาได้ต่างหากเล่า” ฉินเจียวเยี่ยนกล่าวพลางเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจในตนเอง ยกมือขึ้นเท้าเอว หันไปสบตาพระสวามีอย่างรอคำชม‘ชมหม่อมฉันสิเพคะ ว่าไท่จื่อเฟยของท่านพี่ปราดเปรื่องมากนัก...’มุมปากของเซียวชิงเฟิงกระตุกแผ่วเบาก่อเรื่องถึงเพียงนี้ ยังต้องการคำชมจากเขาอีกหรือ?“สร้างเรื่องจนเกิดข่าวลือว่า ไท่จื่อเสด็จไปหอนางโลม หากเสด็จพ่อมากล่าวโทษข้า ข้าจะบอกว่าเป็นเพราะเจ้า”ฉินเจียวเยี่ยน “...”‘แหน่ ไม่ชม แล้วยัง
“แล้วพวกเราจะออกไปอย่างไรดีเพคะ? เพื่อไม่ให้พวกเขาไหวตัวทัน” ฉินเจียวเยี่ยนถามขึ้น “เดิมที ตอนที่พวกข้าเข้ามา ทั้งข้าและลี่เอ๋อร์ต่างใส่ชุดบุรุษ แต่เมื่อกู้ซื่อจื่อหนีเข้ามาสมทบเช่นนี้ เขาจึงต้องสวมรอยเป็นลี่เอ๋อร์แทน ส่วนลี่เอ๋อร์จึงต้องกลายเป็นนางโลมต่างแดนของหออวี่หลิน”นี่ เจ้าเล่นพิเรนทร์สิ่งใด? ถึงกล้าให้คุณหนูรองเมิ่งแต่งตัวเป็นนางโลมหากเมิ่งหลี่ปู้ซ่างซูรู้เข้า ทั้งเจ้าและสหายได้โดนโทษโบยกันหลังลายเป็นแน่...เซียวชิงเฟิงยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้ว “ในเมื่อคุณหนูรองเมิ่งกลายเป็นนางโลมแล้ว ก็คงต้องออกไปเช่นนี้”ทั้งสามคนในห้องได้แต่สบตากัน แต่ยังไม่ทันได้ถามสิ่งใด เซียวชิงเฟิงก็ส่งสัญญาณเรียกหยางเซิงให้เข้ามา“ไปตามผู้ดูแลหออวี่หลินมา”“พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากนั้น เซียวชิงเฟิงจึงหันไปมองเมิ่งลี่ ฉินเจียวเยี่ยนพอจะเดาแผนการของสวามีได้ลาง ๆ จึงรีบร้องบอก “ลี่เอ๋อร์ถอดชุดเจ้าให้กู้ซื่อจื่อใส่แทนเจ้าไป”“อา...” เมิ่งลี่ที่ยังมึนงง ประเดี๋ยวถูกคลุมด้วยชุดบุรุษ ประเดี๋ยวถอดชุดให้เหลือเพียงนางโลม แต่สองมือก็ว่องไว เปลื้องเสื้อชั้นนอกส่ง
“ข้าเจอสหายของข้าแล้ว พวกเจ้าออกไปเถิด” เซียวชิงเฟิงเอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่เต็มไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจขัดขืน แล้วหันไปส่งสัญญาณให้หยางเซิงและตงไฮ่ปิดประตู ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้นร่างสูงสง่าที่เพิ่งเข้ามาใหม่สาวเท้าย่างสามขุมเข้าไปใกล้ร่างแม่นางน้อยในชุดบุรุษอย่างคุกคาม โดยที่ฉินเจียวเยี่ยนก้าวถอยหลังจนแผ่นหลังพิงแอบไปกับหน้าต่างบานใหญ่มือหนาเอื้อมไปรั้งเอวบางเข้ามาแนบชิด ก้มใบหน้าคมคายเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มชืด “เอาล่ะ ไหนเจ้าลองเล่ามาสิว่า เหตุใดเจ้าจึงได้มาอยู่ที่นี่?”ฉินเจียวเยี่ยนกลืนน้ำลายลงคออย่างช้า ๆ ริมฝีปากเม้มแน่น‘แล้วข้าจะเริ่มเล่าอย่างไรดี?’‘จะบอกว่า ข้ามาที่นี่ เพื่อเรียนรู้ท่าทางยั่วยวนของนางโลมจากต่างแดนไปสอนนางโลมของเราอย่างนั้นรึ?’‘ท่านพี่ได้ตีข้าตายแน่…’มุมปากของไท่จื่อกระตุกรัว เมื่อรู้ว่าไท่จื่อเฟยคิดจะล้วงความลับทางการค้าของผู้อื่น และอีกอย่างที่นางคิดผิดคือ เขาไม่เคยคิดที่จะตีนางจนตาย แต่ถ้าหากเป็นทำอย่างอื่นกับน