 LOGIN
LOGINความคิดของเซียวชิงฉีต้องหยุดลง เมื่อประตูห้องรับรองนั้นเปิดขึ้น หลี่ชิงหงเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหุบลงพร้อมบานประตูที่ปิดสนิท นางเดินตรงมาที่พวกเขา ก่อนจะหันไปสั่งความกับเสี่ยวเอ้อร์ที่ยืนอยู่
“เหลาชิว จัดชุดชาบูให้แก่ฮูหยินสามท่านในห้องนั้นด้วยนะ” หลี่ชิงหงสั่งเสียงเรียบ “พวกนางขอเสี่ยวเอ้อร์ดูแลทั้งสามคนด้วย”
เหลาชิว ผู้จัดการอีกคนของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอพยักหน้าเข้าใจในคำสั่งทันที “ขอรับ เถ้าแก่เนี้ย”
เมื่อเห็นว่าเหลาชิวเดินลงบันไดไปแล้ว เซียวชิงฉีจึงรีบถามหลี่ชิงหงทันที “เป็นอย่างไรบ้าง? แม่นางหลี่ เจ้ารู้จักฮูหยินทั้งสามนางหรือไม่?”
หลี่ชิงหงส่ายหน้าอย่างจนปัญหา “หม่อมฉันไม่คุ้นหน้าพวกนางเลยเพคะ”
เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย หลี่ชิงหงจึงต้องรีบอธิบาย “แต่เดิมที่นี่ก็มักจะมีฮูหยินและคุณหนูสวมหมวกมาร่วมจิบชากันอยู่แล้ว จึงมักเปิดหน้าตาเฉพาะยามที่อยู่ในห้องเพคะ แล้วเสี่ยวเอ้อร์แต่ละคนก็มักจะสลับสับเปลี่ยนกันมาต้อนรับ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่เราจะสามารถระบุตัวตนของพวกนางได้เพคะ”
“เช่นนั้น เราจะทำอย่างไรกันดีเล่า?” เซียวชิงฉีถามอย่างส

หลี่ชิงหงสะบัดแปรงเพียงไม่กี่ลมหายใจก็สามารถเนรมิตแปลงโฉมบุรุษหล่อเหลาดุจหยกให้กลายเป็นชาวบ้านหน้าตาธรรมดาค่อนดีได้อย่างง่ายดายกลบจุดเด่นง่ายยิ่งกว่าเสริมจุดด้อยมากนัก...นางส่งคันฉ่องให้เซียวชิงฉีพิจารณาผลงาน เมื่อเห็นเขาเบิกตากว้างกับใบหน้าของตนเอง หลี่ชิงหงก็ยิ่งภูมิใจ ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นอย่างผยอง แผ่นหลังเหยียดตรง “เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”เซียวชิงฉีหันซ้ายหันขวา รู้สึกราวกับว่าบุรุษในคันฉ่องนั้นมิใช่ตนเองก็มิปาน “ฝีมือเจ้าช่างเก่งนัก...”“เอาล่ะ ทีนี้ท่านอ๋องก็พร้อมจะเข้าห้องของพวกนางแล้วนะเพคะ” หลี่ชิงหงดึงร่างสูงให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยเรียกเครียด “แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่หม่อมฉันต้องบอกท่านอ๋องให้ชัดเจนเสียก่อน”คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง ตั้งอกตั้งใจฟังคำพูดของนาง “โรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอยึดคติที่ว่าลูกค้าคือคนสำคัญ ห้ามขัดใจลูกค้าอย่างเด็ดขาด หากพวกนางสั่งสิ่งใดก็ต้องทำตาม ห้ามขัดขืน ห้ามโต้แย้งโดยเด็ดขาดนะเพคะ”เซียวชิงฉีพยักหน้าคิดตาม ก็พอเหตุสมผลสำหรับกิจการค้าขายที่ถือลูกค้าเป็นหลัก“ดังนั้น ไม่ว่านางจะสั่งให้ท่านเทน้ำชา ป้อนขนม หรือแม้
ความคิดของเซียวชิงฉีต้องหยุดลง เมื่อประตูห้องรับรองนั้นเปิดขึ้น หลี่ชิงหงเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหุบลงพร้อมบานประตูที่ปิดสนิท นางเดินตรงมาที่พวกเขา ก่อนจะหันไปสั่งความกับเสี่ยวเอ้อร์ที่ยืนอยู่“เหลาชิว จัดชุดชาบูให้แก่ฮูหยินสามท่านในห้องนั้นด้วยนะ” หลี่ชิงหงสั่งเสียงเรียบ “พวกนางขอเสี่ยวเอ้อร์ดูแลทั้งสามคนด้วย”เหลาชิว ผู้จัดการอีกคนของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอพยักหน้าเข้าใจในคำสั่งทันที “ขอรับ เถ้าแก่เนี้ย”เมื่อเห็นว่าเหลาชิวเดินลงบันไดไปแล้ว เซียวชิงฉีจึงรีบถามหลี่ชิงหงทันที “เป็นอย่างไรบ้าง? แม่นางหลี่ เจ้ารู้จักฮูหยินทั้งสามนางหรือไม่?”หลี่ชิงหงส่ายหน้าอย่างจนปัญหา “หม่อมฉันไม่คุ้นหน้าพวกนางเลยเพคะ”เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย หลี่ชิงหงจึงต้องรีบอธิบาย “แต่เดิมที่นี่ก็มักจะมีฮูหยินและคุณหนูสวมหมวกมาร่วมจิบชากันอยู่แล้ว จึงมักเปิดหน้าตาเฉพาะยามที่อยู่ในห้องเพคะ แล้วเสี่ยวเอ้อร์แต่ละคนก็มักจะสลับสับเปลี่ยนกันมาต้อนรับ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่เราจะสามารถระบุตัวตนของพวกนางได้เพคะ”“เช่นนั้น เราจะทำอย่างไรกันดีเล่า?” เซียวชิงฉีถามอย่างส
ตึ่ง!! เสียงแผ่นหลังของฉีอ๋องกระแทกบันไดปัง!! เสียงที่พี่รองเปิดบานประตูออกมาพอดี“อุ๊บ!!” ฉีอ๋องร้องโอดโอย หากแต่ถูกหลี่ชิงหงเลื่อนมือมากดปิดปากเขาพอดี ปล่อยให้ศีรษะของเซียวชิงฉีกระแทกบันไดอีกครั้งอย่างไม่แรงนักโอ๊ย... เห็นร่างบอบบางเช่นนี้ เหตุใดจึงตัวหนักมือหนักนักเล่า?พี่รองก้าวออกมาจากห้องรับรองกวาดสายตามองไปทั่วชั้นสี่อย่างระมัดระวัง ครั้นไม่พบเจอผู้ใดจึงได้หมุนตัวก้าวลงบันไดไป เมื่อหลี่ชิงหงได้ยินเสียงฝีเท้าเงียบลงแล้ว นางจึงรีบลุกขึ้นไปดูที่บันไดกลาง เพื่อเก็บรายละเอียดของพี่รองนางนั้นให้มากที่สุดหากแต่หลี่ชิงหงก็ต้องผิดหวัง เพราะนางนั้นสวมหมวกเช่นชาวยุทธ์สีขาวปิดบังใบหน้ามิดชิด สวมชุดชาวบ้านทั่วไป จนอยากจะกล่าวได้ว่านางคือผู้ใด มีฐานะเช่นไรโธ่เว้ย! คลาดตัวการไปจนได้...เสียงโอดครวญแผ่วเบาดังขึ้น หลี่ชิงหงจึงได้สติกลับไปดูใครอีกคนที่นอนเป็นฟูกให้นางล้มทับเมื่อครู่หลี่ชิงหงรีบปราดเข้าไปดึงร่างสูงให้ลุกขึ้นจากบันได พลางขอโทษขอโพย “ขออภัยด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ...” เซียวชิงฉีไม่ใช่ส
“เพราะคราวที่แล้ว ปล่อยให้หนิงกุ้ยเฟยโผล่ออกมา แสร้งร้องไห้เสียใจกับการจากไปของชุยเสียนเฟยได้อย่างน่าเวทนานัก หากข้ายังดึงดันโยนความผิดให้นาง เกรงว่าข้าจะตกเป็นฝ่ายที่น่าสงสัยแทน”“แต่จริงอย่างที่พี่รองกล่าว หากคราวที่แล้วสามารถกำจัดหนิงกุ้ยเฟยและชุยเสียนเฟยได้พร้อมกัน บุตรชายของท่านก็อาจจะได้เป็นไท่จื่อเสียแล้ว”“แต่บัดนี้ เฟิงอ๋องได้กลายเป็นไท่จื่อแล้ว อีกทั้งยังมีอำนาจของแม่ทัพหน้ากากเหล็กและกองทัพเงาพยัคฆ์ให้การสนับสนุนอีก อย่างไรก็คงเป็นการยากที่จะโค่นเขาลงมา” เสียงของพี่ใหญ่ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง “น้องรอง เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าแผนการในครั้งนี้จะได้ผล”“โธ่ พี่ใหญ่ ก็เมื่อคราวของชุยเสียนเฟย ยังมิมีผู้ใดจับได้เลยว่าเป็นแผนการของพี่รอง แล้วครั้งนี้พี่รองเตรียมการได้พร้อมกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนนัก พี่รองจะพลาดได้อย่างไร?”“น้องเล็กกล่าวได้ถูกแล้ว” พี่รองเอ่ยขึ้น “พี่ใหญ่สบายใจเถิด แผนการครั้งนี้ ข้าวางแผนไว้อย่างดีแล้ว อย่างไรก็ไม่มีทางจับได้ อีกทั้งข้ายังตั้งใจจะโยนความผิดให้หนิงกุ้ยเฟยอีกด้วย”“เอาเถิด หากเจ้ามั่นใจ พวกข้าก็พลอยสบายใจไปด้วย” พี่ใ
“จะ... เจ้าเป็นคนของเสด็จพี่สะใภ้?” เมื่อเห็นหลี่ชิงหงพยักหน้า เขาจึงได้ถามต่อ “นางให้เจ้ามาดูแลที่นี่ นั่นหมายความว่าที่นี่เป็นของเสด็จพี่สะใภ้หรือ?”อืม... แต่อาเยี่ยนให้ที่นี่เป็นชื่อของข้านะ...“เรียนท่านอ๋อง ไท่จื่อเฟยเมตตาสงสารหม่อมฉันที่เป็นหลานของหมัวมัวผู้ถวายการดูแลไท่จื่อ จึงได้สร้างที่นี่มอบให้เป็นชื่อของหม่อมฉัน เพื่อให้หม่อมฉันได้มีการค้าสามารถดูแลตนเองได้เพคะ”เซียวชิงฉี “...”เสด็จพี่สะใภ้ช่างใจใหญ่นัก ถึงขั้นสร้างโรงน้ำชาใหญ่โตเพียงนี้ให้หลานสาวของหมัวมัวที่ดูแลเสด็จพี่เป็นเจ้าของ...ข้าเป็นอนุชาที่เสด็จพี่สนิทสนมและรักใคร่มากที่สุดนะ!!ไม่ได้การ! ข้าต้องหาทางเกาะชายกระโปรงของเสด็จพี่สะใภ้ไว้ให้มั่นเสียแล้ว...ความคิดของเซียวชิงฉีเริ่มลอยไปไกล ในขณะที่เสียงกระเส่าจากข้างห้องก็ยังส่งเสียงครางไม่หยุด จนหลี่ชิงหงต้องกระแอมขึ้นเบา ๆ แล้วทูลเชิญ “วันนี้ นับว่าโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอเป็นเกียรตินักที่ฉีอ๋องเสด็จมาเพคะ หม่อมฉันหวังว่าท่านอ๋องจะเสด็จมาเสวยชาบูอีกบ่อย ๆ อย่างไรหม่อมฉันจะนำทางกลับลงไปนะเพคะ”เซียวชิงฉีพยัก
คงต้องหาทางบอกอาเยี่ยนให้เตือนหนิงกุ้ยเฟยซะหน่อยแล้วหลี่ชิงหงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด ครั้นเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าเซียวชิงฉีจิบน้ำชาล้างปากเสียแล้ว “อิ่มแล้วหรือเพคะ?”“อื้อ... อาหารมื้อนี้อร่อยนัก” เซียวชิงฉีส่งรอยยิ้มที่สะท้อนไปถึงดวงตา ความหม่นหมองเริ่มจางหายไป เมื่ออิ่มท้องด้วยของอร่อย “ข้าคงต้องมาฝากท้องที่โรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอบ่อย ๆ เสียแล้ว”“โรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอยินดีต้อน...”ก่อนที่หลี่ชิงหงจะเอ่ยจบประโยค เสียงร้องครางกระเส่าก็ดังขึ้นมาจากห้องข้าง ๆ เสียก่อน“อ่ะ อ่า อื้อ...” เสียงร้องครางที่ไม่มีประโยคใจความสมบูรณ์ หากแต่สองคนต่างสบตาเข้าใจความนั้นได้ในทันที ใบหน้าทั้งคู่แดงก่ำขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อะแฮ่ม...” เซียวชิงฉีกระแอมในลำคอ แม้ว่าเสียงนั้นจะยังครวญคราง ยิ่งเขาเงยหน้าเห็นแก้มนวลขึ้นสีแดงระเรื่อของหลี่ชิงหงก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ “ผู้ใดกันช่างมาทำเรื่องไม่งามในโรงน้ำชาแห่งนี้?”“เอ่อ...” หลี่ชิงหงอึกอัก ยิ่งทำให้ฉีอ๋องเข้าใจว่า ผู้ที่ใช้บริการอยู่ห้องข้าง ๆ นั้นมีอิทธิพลที่แม้แต่เจ้าของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกออ








