LOGINเสียงฆ้องดนตรีบรรเลง ดังจนเฟิงอวี่ที่หลับต้องยกมือขึ้นปิดหู แต่เมื่อเธอขยับตัวก็พบว่าเจ็บปวดไปทั่วลำคอของเธอจนแทบจะขยับไม่ได้
“ถูกยิงที่คอ ไม่ใช่ ไม่ใช่ที่คอ หากเป็นที่คอต้องไม่รอด แต่...” เฟิงอวี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
แต่เธอยังไม่ทันได้ลืมตาเต็มตา ความทรงจำประหลาดที่ไม่ใช่ของตนเองก็วิ่งวนเข้ามาในหัวจนเกือบจะกรีดร้องออกมา เธอต้องกัดปากเอาไว้แน่น จนเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก
“โง่เขลา” เสียงแหบแห้งที่น่ากลัว ทำให้สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างสะดุ้งตกใจ
“พระชายา ท่านยังไม่ตายหรือเจ้าคะ” แววตาของสาวใช้ไม่มีความยินดี มีเพียงความตกใจและหวาดหวั่นให้ได้เห็น
เฟิงอวี่เพียงปรายตามองไปทางนางวูบหนึ่ง ก่อนจะนอนหลับตานิ่งๆ เพื่อประมวลความทรงจำที่ได้มาทั้งหมด
ตอนที่วิญญาณของนางเข้ามาสวมร่างของ เซี่ยเฟิงอวี่ บุตรสาวท่านแม่ทัพใหญ่ที่ดูแลรักษาดินแดนทางตอนเหนือของแคว้นต้าซ่ง
เซี่ยเฟิงอวี่เดินทางไปอยู่กับบิดามารดาที่ชายแดนเหนือตั้งแต่เล็ก นางเพิ่งจะเดินทางกลับมาเมืองหลวงเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ด้วยราชโองการพระราชทานสมรสระหว่างองค์ชายรองกับนาง
หญิงสาวแม้จะงามล่มเมือง แต่ก็ถูกเลี้ยงดูอยู่ที่ชายแดนเหนือ ถึงจะมีมารดาคอยกล่อมเกลามารยาท แต่นางก็เติบโตมาพร้อมบิดาและพี่ชายในค่ายทหาร นิสัยจึงห้าวหาญ มุทะลุ ไม่ยินยอม ไม่อ่อนหวานเช่นสตรีในเมืองหลวง
ยังไม่ทันแต่งเข้าตำหนักองค์ชายรอง นางก็ได้รู้ว่าเขามีคนรักอยู่ก่อนหน้านางแล้ว เพียงแต่ฐานะของโจวเจิน ไม่คู่ควรกับตำแหน่งพระชายา ฮองเฮาเสด็จแม่ขององค์ชายสามจึงเขียนจดหมายไปหามารดาของเฟิงอวี่ เพื่อขอให้นางแต่งเป็นพระชายาขององค์ชายสอง อีกอย่างก็เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้องค์ชายรองในวันข้างหน้า
เซี่ยเฟิงอวี่ นางได้พบโจวเจินโดยบังเอิญ นางรู้แต่แรกแล้วว่าต่อไปโจวเจินจะกลายมาเป็นพระชายารอง แต่ไม่คิดว่ายังไม่ทันได้แต่งนางก็ตกหลุมพรางของโจวเจินเข้าเสียแล้ว
“คุณหนูเซี่ย ท่านมาเลือกซื้อผ้าหรือเจ้าคะ”
“อืม”
เซี่ยเฟิงอวี่ไม่สนิทกับนางจึงไม่รู้ว่าควรพูดเช่นใด อีกอย่างต่อไปนางจะต้องมาใช้สามีร่วมกับนาง นางยังไม่อยากจะสนทนาด้วย เซี่ยหร่วน บิดาของ เซี่ยเฟิงอวี่ มีเพียง จินลี่มี่ มารดานางเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียว นางจึงไม่ค่อยจะพอใจกับการแต่งงานครั้งนี้นัก
“องค์ชายรองมิชอบผ้าสีฉูดฉาด ท่านเลือกสีเรียบ ๆ ดีหรือไม่”
“ข้าไม่ชอบผ้าสีเรียบ ๆ มันดู...เสแสร้งเกินไป” นางปรายตามองไปที่เสื้อผ้าของโจวเจินอย่างเปิดเผย
“ข้าเพียงเตือนท่านด้วยความหวังดี ต่อไปข้ากับท่านก็เปรียบเสมือนพี่น้องกัน ต้องรับใช้องค์ชายรองเหมือนกัน”
“แล้วอย่างไร แต่ฐานะของข้ากับเจ้าก็ต่างกันอยู่ดี”
ใบหน้าของโจวเจินซีดขาวไปทันที นางบิดผ้าเช็ดหน้าในมือเสียแทบขาด สิ่งที่เฟิงอวี่เป็นความจริงที่นางไม่อาจโต้เถียงได้
“ต่อให้นางจะมีฐานะต่างจากเจ้า แต่ข้าจะแต่งนางเข้ามาแทบเคียงเจ้า” เสียงเย็นของซ่งหนิงหวงดังขึ้น เขาเดินเข้ามาประคองร่างของโจวเจินเอาไว้อย่างทะนุถนอม
“ยังมิทันได้แต่งงานก็ปกป้องกันออกหน้าเช่นนี้ ท่านว่า...หากเกิดข่าวลือไปถึงหูตระกูลเซี่ยขึ้นจะเป็นเช่นใด” สายตาของนางเย็นชาขึ้นทันที แม้ภายในอกจะเจ็บปวด แต่เซี่ยเฟิงอวี่ก็ไม่แสดงออกมา
“จะ เจ้า สตรีร้ายกาจเช่นเจ้า ผู้ใดได้แต่งเจ้าถือเป็นคราวเคราะห์แล้ว”
“ก็องค์ชายรองอย่างไรเล่าที่ต้องแต่งกับข้า หากอยากจะยกเลิกงานแต่ง ก็ถอนพระราชโองการกลับไปได้ทุกเมื่อ หม่อมฉันจะรอที่จวนตระกูลเซี่ย” เฟิงอวี่เดินออกไปจากร้านท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่มองมาที่นาง
นางอยู่ชายแดนเหนือ ไม่เคยถูกสายตาดูแคลนจากผู้ใดมาก่อน ทหารในค่าย ชาวบ้านเมืองจินเป่ย ต่างรักใคร่เอ็นดูนาง แต่ที่เมืองหลวงไม่เหมือนกัน นางอยากจะกลับไปใช้ชีวิตกลางทุ่งหญ้า ผืนทรายที่ชายแดนเหนือใจแทบขาด
แต่แล้วก็ไม่เป็นดั่งที่นางคิด เมื่อนางต้องแต่งเข้าตำหนักองค์ชายรองอย่างไม่มีหนทางเลี่ยง แต่งเข้ามา ซ่งหนิงหวง ก็ไม่เคยคิดจะเข้าเรือนของนาง เขาค้างคืนในวันเข้าหอเพียงคืนเดียว แต่ก็ไม่ได้แตะต้องนาง เลือดพรหมจรรย์ที่ถูกส่งเข้าวังหลวงก็เป็นเขาที่จัดการสร้างขึ้นมา
ภายในอกของเฟิงอวี่ปวดร้าวจนแทบจะกระอักเป็นเลือด นางไม่อาจบอกตระกูลเซี่ยได้ว่านางมีความเป็นอยู่เช่นใด ผู้เป็นนายไม่ใส่ใจ บ่าวไพร่ย่อมละเลย
นางแต่งเข้ามาได้ยังไม่ถึงสามเดือน ซ่งหนิงหวงก็แต่งโจวเจินเข้ามาแล้ว ก่อนหน้าที่โจวเจินจะแต่งเข้ามาสองวัน ซ่งหนิงหวงให้นางย้ายออกจากเรือนพักของนาง ด้วยเหตุผลที่โจวเจินนางอยากจะอยู่ที่เรือนพักหลังนั้น
เซี่ยเฟิงอวี่ถูกลากตัวมาอย่างไม่ยินยอมมาอยู่ที่เรือนพักด้านหลังของตำหนัก นางถูกขังอยู่ด้านในไม่ให้ออกไปอาละวาด องครักษ์นับสิบล้อมอยู่รอบเรือนพัก โดยไม่มีช่องให้นางได้หลบหนี
ในคืนนั้นสาวใช้ที่ซ่งหนิงหวงส่งตัวมาวางยานอนหลับลงในอาหารและน้ำชาของนาง หลังจากนั้นไม่ต้องคิดต่อเฟิงอวี่ที่เพิ่งจะเข้ามาสวมร่างก็พอจะมองออก
คนเช่นเซี่ยเฟิงอวี่ไม่มีทางฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน หากนางอยู่ไม่ได้ ก็เพียงแค่กลับไปชายแดนเหนือบ้านเกิดของนาง
สายตาที่เฟิงอวี่จ้องมองสาวใช้ราวกับอสรพิษ ทำให้สาวใช้ถอยหลังไปด้วยความหวาดกลัว ตอนที่นางจะหนีออกไปด้านนอก เพื่อไปแจ้งเรื่องที่เฟิงอวี่นางฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็ถูกบางสิ่งทำให้ตัวนางล้มลงไปนอนดิ้นอยู่กับพื้น
เฟิงอวี่ได้แต่มองนางอย่างเย็นชา ในตอนแรกนางก็ยังไม่เชื่อว่าเลือดของนาง เมื่อทะลุมิติมาแล้วมันยังจะใช้ได้ผล นางเรียกเข็มฉีดยาที่อยู่ในกำไลมิติออกมา ก่อนจะดูดเลือดที่แขนแล้วปาเข็มฉีดยาไปตัวของสาวใช้
“หึ อยากได้ยาถอนพิษหรือไม่”
เสียงแหบแห้งของนางราวกับปีศาจร้ายที่กำลังมาพรากวิญญาณ ทำให้สาวใช้เบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว เมื่อรู้ว่าตัวนางถูกพิษ นางรีบร้องขอความเมตตาจากเฟิงอวี่ทันที
“ผู้ใดสังหารข้า”
“คะ คุณ คุณหนูโจว นางสั่งให้ข้ารัดคอท่าน ได้โปรด มะ มอบยา หะ หะให้...” เสียงของนางขาดหายไป พร้อมดวงตาที่เบิกโพลงจ้องมองเฟิงอวี่อย่างหวาดกลัว
“ไปสารภาพกับนางในโลกหน้าเถิด” เฟิงอวี่ดึงเข็มยาออก ก่อนจะเก็บเข้าไปในมิติ
นางเดินกลับมาล้มตัวนอนลงบนเตียง ร่างกายยามนี้อ่อนแอยิ่งนัก บาดแผลที่คอทำให้เส้นเสียงอักเสบ ยามพูดก็แสบร้อนไปทั้งคอ
นางเรียกยาในมิติออกมาฉีดเข้าร่างกายของตนเอง เพื่อฟื้นกำลัง ไม่รู้ว่าได้ผลหรือไม่ แต่ก็ยังดีกว่านอนรอให้ฟื้นตัวเองอยู่บนเตียง เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น เฟิงอวี่ที่นอนอยู่ปรายตาไปมองทางต้นเสียงก็พบสาวใช้ยกอาหารเข้ามา
“กรี๊ดดดดด” นางเป็นคนของโจวเจินที่ทำงานในตำหนักขององค์ชายรอง นางอาสามาส่งข้างเอง เพื่อจะได้เยาะเย้ยเฟิงอวี่ แต่ไม่คิดว่าจะพบสาวใช้นอนตายตาไม่หลับอยู่ที่พื้น
เสียงร้องของนางทำให้องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาดู เฟิงอวี่หยดเลือดของนางลงไปในอาหารที่เอาเข้ามาใหม่และของเก่าแล้ว พอองครักษ์ตรวจสอบจึงได้รู้ว่าสาวใช้ถูกพิษ ทั้งพบพิษในอาหารที่เหลือและของใหม่ที่นำเข้ามา จึงได้ไปแจ้งซ่งหนิงหวง ที่กำลังพาโจวเจินเข้าไปส่งในห้องหอ
ตลอดสองวันนับตั้งแต่เกิดเรื่อง เฟิงอวี่พักรักษาตัวโดยที่ไม่มีผู้ใดเข้ามาก่อกวนนาง จนตอนนี้ร่างกายของนางฟื้นตัวดีแล้ว“มีทางลับหรือไม่” นางให้เสี่ยวเยว่ไปสืบหาทางลับที่จะออกจากตำหนัก“มีเจ้าค่ะ แต่อยู่ในห้องตำรา”“ไม่ได้ แล้วทางอื่นเล่า”“ทิศตะวันตกของตำหนัก เป็นพื้นที่รกร้าง อยู่ติดกับตำหนักของตระกูลจ้าว เอ่อ...มีช่องหมาลอดอยู่เจ้าค่ะ”“ใหญ่พอข้าออกไปได้หรือไม่” หากนางกระโดดออกจากกำแพง ต้องถูกองครักษ์จับได้แน่“ได้เจ้าค่ะ บ่าวลองดูแล้ว คุณหนูจะเดินทางเมื่อใดเจ้าคะ”“ตอนนี้” ตอนกลางวัน แม้จะมีผู้คนทำงานมากในตำหนัก แต่อย่างน้อยก็ลดการตรวจตราจากองครักษ์ไปได้“จะ จะไปอย่างไรเล่าคุณหนู” เสี่ยวเยว่ลืมร้อนใจกับความใจกล้าของคุณหนู ที่ไม่รู้ว่าเพิ่มขึ้นมามากกว่าเดิมตั้งแต่เมื่อใด“เอาชุดของเจ้ามาให้ข้า ข้าวของที่เก็บไว้เอาเข้ามาให้หมด ต่อจากนี้พบเห็นสิ่งใดหุบปากเอาไว้ให้สนิท หากเจ้าพูดเรื่องของข้าสิ่งใดออกไป...” สายตาที่แฝงไปด้วยไอสังหารทำให้เสี่ยวเยว่ตกใจจนเผลอถอยหลังไปหลายก้าว“บ่าวจะกล้าพูดได้อย่างไรเจ้าคะ” นางรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะไปเอาของที่เตรียมไว้มาไว้ในห้องของเฟิงอวี่ แล้วช่วยนางเปล
กรรไกรในมือของซ่งหนิงหวงที่กำลังจะตัดผมของตนและของโจวเจินหยุดชะงัก ก่อนจะขว้างลงพื้นอย่างมีโทสะ แม้เขาจะขังเซี่ยเฟิงอวี่เอาไว้ แต่ไม่ได้อยากให้นางต้องตาย หากนางตายไม่รู้ปัญหาที่ตามมาจะใหญ่โตเพียงใดโจวเจินจะวิ่งตามไป แต่ถูกสาวใช้ห้ามเอาไว้เสียก่อน “หากพระชายารองออกจากห้องหอจะไม่เป็นมงคลนะเจ้าคะ”“พวกโง่ ตามไปสืบว่าเกิดเรื่องใดขึ้น แล้วรีบพาองค์ชายรองกลับมาทำพิธีให้เสร็จ” นางจะยอมให้เขาไม่ทำพิธีต่อได้อย่างไรในเมื่อซ่งหนิงหวงยังไม่ได้เข้าพิธีผูกผมกับเซี่ยเฟิงอวี่ เรื่องนี้นางสืบมาจากสาวใช้แล้ว จึงได้ขอให้เขาทำพิธีผูกผมกับนาง เพื่อจะได้เท่าเทียมกับเซี่ยเฟิงอวี่อย่างที่เขาเคยบอกเอาไว้“จับตัวผู้วางยาได้หรือไม่”“สาวใช้ของพระชายารองพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นผู้นำอาหารเข้ามาให้พระชายา มียาพิษอยู่ในอาหารที่นางนำเข้ามาข้าน้อยตรวจสอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“มะ ไม่ ไม่จริงเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ทำ”“ลากนางออกไปขังเอาไว้ ให้คนสอบสวนนาง” ซ่งหนิงหวงไม่เชื่อว่าโจวเจินนางจะเป็นผู้วางยา ต้องหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังของสาวใช้ออกมาให้ได้“ให้หมอมาตรวจพระชายาแล้วหรือยัง” เขามองใบหน้าที่ไร้สีเลือด และคอที่มีรอยเชือกของนาง ไม่ว่
เสียงฆ้องดนตรีบรรเลง ดังจนเฟิงอวี่ที่หลับต้องยกมือขึ้นปิดหู แต่เมื่อเธอขยับตัวก็พบว่าเจ็บปวดไปทั่วลำคอของเธอจนแทบจะขยับไม่ได้“ถูกยิงที่คอ ไม่ใช่ ไม่ใช่ที่คอ หากเป็นที่คอต้องไม่รอด แต่...” เฟิงอวี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นแต่เธอยังไม่ทันได้ลืมตาเต็มตา ความทรงจำประหลาดที่ไม่ใช่ของตนเองก็วิ่งวนเข้ามาในหัวจนเกือบจะกรีดร้องออกมา เธอต้องกัดปากเอาไว้แน่น จนเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก“โง่เขลา” เสียงแหบแห้งที่น่ากลัว ทำให้สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างสะดุ้งตกใจ“พระชายา ท่านยังไม่ตายหรือเจ้าคะ” แววตาของสาวใช้ไม่มีความยินดี มีเพียงความตกใจและหวาดหวั่นให้ได้เห็นเฟิงอวี่เพียงปรายตามองไปทางนางวูบหนึ่ง ก่อนจะนอนหลับตานิ่งๆ เพื่อประมวลความทรงจำที่ได้มาทั้งหมดตอนที่วิญญาณของนางเข้ามาสวมร่างของ เซี่ยเฟิงอวี่ บุตรสาวท่านแม่ทัพใหญ่ที่ดูแลรักษาดินแดนทางตอนเหนือของแคว้นต้าซ่งเซี่ยเฟิงอวี่เดินทางไปอยู่กับบิดามารดาที่ชายแดนเหนือตั้งแต่เล็ก นางเพิ่งจะเดินทางกลับมาเมืองหลวงเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ด้วยราชโองการพระราชทานสมรสระหว่างองค์ชายรองกับนางหญิงสาวแม้จะงามล่มเมือง แต่ก็ถูกเลี้ยงดูอยู่ที่ชายแดนเหนือ ถึงจะมีมารดาคอยกล่อมเกล
ภารกิจสุดท้าย เฟิงอวี่ จ้องมองแผ่นกระดาษในมือ ก่อนจะขยำทิ้งอย่างไม่ไยดี มันเป็นภารกิจสุดท้ายที่ไหน มันเป็นคำสั่งส่งเธอไปตายเสียมากกว่าเธอถูกลักพาตัวมาตั้งแต่เด็ก ถูกนายหน้าค้ามนุษย์นำมาขายให้องค์กรใต้ดิน ที่ต้องการเด็กมาฝึกให้เป็นนักฆ่า เธอจำไม่ได้แล้วว่าเคยร้องไห้ครั้งสุดท้ายไปเมื่อไหร่คงเป็นตอนที่ถูกพาตัวมา แล้วถูกโยนลงไปในคูน้ำที่มีแต่สัตว์พิษอยู่ด้านใน เฟิงอวี่ถูกปล่อยให้เอาตัวรอด โดยไม่มีแม้แต่อาหารอยู่ถึงห้าวันวันที่ประตูห้องถูกเปิดออก เจ้าหน้าที่ถึงกับผงะถอยหลัง ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าคงได้มาเก็บร่างของเด็กน้อยไปทิ้งเช่นเคย แต่ครั้งนี้ไม่เป็นแบบนั้น เมื่อเฟิงอวี่ชูงูที่เธอเพิ่งจะกัดกินเนื้อของมันสดๆ ขึ้นให้พวกเขาดูรอบตัวของเธอมีแต่สัตว์ที่ถูกฟันซี่เล็กๆ ของเธอกัดกระชากจนตายเกลื่อน น้ำรอบตัวถูกย้อมไปด้วยสีแดงของเลือด แม้ร่างกายของเด็กน้อยจะมีร่องรอยโดนกัดอยู่หลายแห่ง แต่ดวงตาคู่โตจ้องมองทุกสิ่งอย่างไม่สะทกสะท้านสติของเฟิงอวี่มืดดับลงทันที เธอถูกส่งตัวไปรักษาที่ห้องพยาบาลขององค์กร แม้แต่หมอในห้องทดลองยังอดที่จะแปลกใจไม่ได้ พิษที่เธอได้รับเลือดของเธอต่อต้านพิษของสัตว์ร้ายได้ทุกช







