จากที่บอกในตอนที่แล้ว พี่เลิศเรียนม.5 และเวลาความรักของเรา ก็ดำเนินล่วงเลยมา 1 ปีโดยทุกอย่างเป็นความลับสุดยอด พี่เลิศเป็น ประธานนักเรียน ในชั้นม 6 และแอบคบหากัน มีเฉพาะแก๊งนางฟ้าเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เอยังเป็นเด็ก เรียนเก่งกิจกรรมเด่น สอบชิงทุนการศึกษาได้มาก สะสมเงินรางวัลซึ่ง Master ช่วยดูแลให้ เกือบห้าหมื่นแล้ว ซึ่ง Master มองการณ์ไกลว่า ควรเก็บเงินนี้ไว้ใช้ตอนเข้ามหาวิทยาลัย เนื่องจากดูแล้วเด็กคนนี้จะไม่เป็นที่ต้องการของครอบครัว ถ้าหมดเงินก้อนที่จ่ายไว้แล้วนี่ ก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่จะหาเงินอื่น มาจ่ายเพิ่มได้ไหม จึงพยายามหา โครงการให้แข่งชิงเงินรางวัลอยู่เป็นประจำ ซึ่งเอก็ทำได้ดี ส่วนในด้านความรัก เราสองคนก็แอบมานอนกอดกันตอนคืนศุกร์เสาร์ มาโดยตลอด อย่าถามเรื่องอย่างว่านั้น มันก็เป็นไปตามครรลองของมันนั่นแหละ แต่มันก็เป็นแบบ อ่อนโยนของผู้ชายกับผู้หญิงคนหนึ่ง
ในความรู้สึกของเลิศศักดิ์ชัย ในอ้อมกอดเขา เอคือ เด็กน่ารักอ่อนโยนบอบบางหวั่นไหว ที่ซุกหัวบนแผ่นอกอย่างน่าถนุถนอม การที่ เลิศศักดิ์ชัย ปฏิเสธกลับบ้านมากว่า 1 ปี หัวหน้าตระกูลปลื้มย่อมไม่ชอบ เพราะต้องห่างเหินกับการทำกิจกรรมกับลูกชายคนโปรด แต่เมียรักก็ ให้เหตุผลว่า ลูกกำลังเป็นวัยรุ่นควรจะให้ไปอยู่กับเพื่อน และโรงเรียนก็เป็นโรงเรียนที่เข้มงวดไม่มีอะไรน่ากังวล แต่ลูกเลิศผิดปกติไป ถึงผลการเรียนไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเปลี่ยนแปลกๆ นอกจากจะต้องรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ความใส่ใจลูกก็น่าจะเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะลูกชายคนโปรดด้วยแล้ว หากมีกำลังเงินมันไม่ยากที่จะอยากจะรู้อะไรสักอย่าง เมื่อปรึกษากับแม่วาดแล้ว ก็เลยคิดว่าทั้งสองจะเดินทางไปเยี่ยมลูก ในวันศุกร์สุดสัปดาห์นี้ "อธิการคริส ครับ ผมว่าจะไปเซอร์ไพรส์ลูกวันศุกร์นี้""ท่านนายกเล็กจะมาเองเหรอครับ เกรงใจจังครับ
ทางโรงเรียนเกรงว่าจะต้อนรับได้ไม่เต็มที่"
"โอ๊ยไม่ต้องมากพิธีเดี๋ยวผมหิ้วไวน์ไปฝากด้วย ฮ่า ฮ่า
แล้วค่อย ไปนั่งเล่น คุยกัน"
"ครับท่านซักกี่โมงดีครับเดี๋ยวผมจัดห้องรับรองไว้ แล้วจะบอกตัวน้องเลิศด้วย"
"ม่าย....ไม่ต้องบอกมันนะ ผมว่าจะไป แอบดูซะหน่อย ช่วงนี้มันไม่ค่อยอยากกลับมาบ้าน""ไม่มีอะไรหรอกครับตามประสาเด็กหนุ่มวัยรุ่นติดเพื่อน เชิญท่านตามสบายนะครับ"
เมื่อวันศุกร์มาถึง รถ Benz E Class สุดหรู ก็พุ่งบึ่งจากบ้านพักตากอากาศริมทะเล ประมาณ สี่โมงเย็น มาที่โรงเรียนกินนอนเชิงเขา หนทางรวดเร็วคงไม่พ้นถนนสายมอเตอร์เวย์ ซึ่งเป็นทางลัด ฝนตกพรำๆตลอดเส้น
ปึ้ง.... เสียงระเบิด ลอด ผ่านเข้ามา ในกระจกรถหรูเปิดแอร์เย็นเฉียบ
ว้าย...ท่านระวัง!!! แม่วาดกรี๊ดกรีดร้องเอามือดันคอนโซลหน้า ถลาไปแต่เซฟตี้เบลท์ก็ดึงตัวให้ กระแทกกลับมาคืนที่เบาะ
เร็วเท่าเสียงเมีย นายกเล็กเหยียบเบรคประสิทธิภาพรถยุโรปก็ทำงานทันที แม้จะเป็นการเบรกแบบกะทันหัน รถก็หยุดอย่างมีประสิทธิภาพ รถพ่วงสิบล้อขนดินข้างหน้า ยางระเบิดพร้อมกันด้านซ้ายรถปัดขวา ขวางถนนอยู่เต็มเลนส์ ดินเทตกลงมาครึ่งคันกลายเป็นกองภูเขาขนาดย่อม
แหมเสียดาย วันนี้เขาขับรถเองสั่งให้คนขับรถกลับบ้านก่อนเพราะไม่อยากให้เป็นหูเป็นตาแทนเมียใหญ่ ไม่งั้นคงทิ้งรถไว้ที่นี่ พร้อมคนขับ แล้วตัวเขากับแม่วาดหารถอื่นเดินทางต่อไปก็ได้
สุดท้ายต้องจำทน รถติดทั้งถนนนั่งรอทีมกู้ภัย มาเคลียร์ทาง กว่าจะสะดวกเดินทางต่อได้ ประกอบกับมีฝนเป็นอุปสรรค เขาก็มาถึงโรงเรียนลูกชาย หลังสองทุ่ม
"เชิญครับท่านนายก ผมได้ยินข่าวอุบัติเหตุแล้ว ดีนะที่ท่านไม่เป็นอะไร เป็นห่วงแทบแย่ครับ คุณผู้หญิงก็ปลอดภัยใช่ไหมครับ ทานอาหารด้วยกันนะครับผมให้คนจัดโต๊ะรอแล้ว เดี๋ยวค่อยไปตามน้องเลิศครับ เด็กๆกินอาหารเย็นกันตั้งแต่ หกโมงแล้วครับ "
อธิการร่ายยาว ส่วนแม่วาดได้แต่ยิ้ม ใจอยากจะไปหาลูกแทบแย่ แต่ก็เกรงใจผัว หลังจากทานอาหารเย็นกันได้ 1 ชั่วโมง ไวน์รสดีกำลังออกฤทธิ์
นายกเล็กก็พูดตัดบทขอตัวออกไปจากห้องรับรอง พร้อมภรรยา
" เออท่านคริสผมว่าจะให้เลิศมันมานอนคุยกันกับวาดเขา มันอยู่ห้องเดิมไหม ผมเคยขึ้นไปส่งมันหนนึง"
"ท่านคะเดี๋ยวน้องไปหาลูกเองก็ได้"
"ไม่ได้ มันหอนอนผู้ชาย อยู่ๆจะมี ผู้หญิงขึ้นไปเดี๋ยวหนุ่มๆตกใจกันหมดดึกแล้วด้วย"
"ให้หัวหน้านักเรียนที่เข้าเวรไปตามก็ได้ครับ"
"ม่ายๆ ผมขอไปหาลูกเองครับผมอยากมาเซอร์ไพรส์"
ตัดภาพกลับมาที่หอนอน เอนอนหนุนหน้าอกพี่เลิศ เหมือนทุกครั้ง ในวันศุกร์ หลังสองทุ่ม อากาศเย็นฝนตกพรำๆ เมื่อไฟในหอนอนปิดแล้ว พี่เลิศก็จะย่องมาที่เตียงของเอ ยิ่งวันศุกร์แบบนี้ ไม่มีรูมเมท จะมีกิจกรรมดีๆอะไรให้ทำอีกในฐานะคู่รัก เมื่อเกมจบ เขาสองคนก็นอนกอดกัน เล่าเรื่องต่างๆในชีวิตแลกกัน โดยที่ยังไม่สวมเสื้อผ้า
สี่ทุ่ม แล้ว เสียงคุยงึมงำ จับใจความไม่ได้ ดังลอดผ่านบานเกล็ด ทำให้ผู้มาเยือนรู้ว่าคนข้างในยังไม่นอน
เขาดันประตูแอด.... แสงไฟทางเดินสาดส่องเข้าในห้อง ลูกชายเปลือยกายอยู่บนเตียง เด็กหนุ่มหน้าสวยนอนหนุนไหล่
ไม่ต้องอธิบายอะไร แจ่มแจ้งในหัวคนเป็นพ่อชัดเจน เขากลับหลังหันเดินออกมาทันที
กรี๊ดดดดด...... เสียงหนุ่มนั่นร้องสาวแตก
ส่วนลูกชายกระโจนไปคว้าบ๊อกเซอร์มาใส่
"พ่อๆ...ฟังก่อน" เขา รีบถลาตาม กว่าจะทันพ่อก็ตรงชานพักบันได
"กูมีทุกอย่างยกเว้นลูกวิปริตอย่างมึง!!!" นายกเล็ก ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เสียงออกจากไรฟันเพียงเบาๆ เขาไม่สามารถ ทำอะไรให้ตัวเอง เป็นที่อับอายได้ ตอนนี้อยากจะยิงปืนขึ้นฟ้า หรือตวาดลูก ก็ทำไม่ได้เลย
วันรุ่งขึ้น เอโดนเรียกตัวไปรับโทรศัพท์จากแม่ที่ห้องอธิการ แม่คนที่ไม่เคยคิดโทรมา ไม่สนด้วยซ้ำว่าลูกจะได้กลับบ้านหรือไม่ และไม่เคยอยากให้ลูกกลับมาช่วงวันหยุดทุกชนิดแม้กระทั่งปิดเทอม
มึงทำอะไรลงไปอีลูกกะเทย!!! เสียงแม่สูงปรี๊ด หลังจากด่าจน เหนื่อยหอบ ก็สรุปความได้ว่า ห้ามยุ่งกับเขาอีก ไม่อย่างนั้น การเรียนที่นี่ก็จบลงแม่จะไม่ส่งให้เรียนอีกแล้ว
ส่วนพี่เลิศไม่ต้องพูดถึง นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เราได้พบกัน ไม่มีแม้กระทั่งการเก็บของในหอนอน
เขาหายตัวไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดถึง แต่ก็เป็นเรื่องซุบซิบนินทา ที่ดังมาก เดินไปตรงไหนทุกคนหลบสายตา และเมื่อเอเดินผ่านไป พวกเขาก็หันหน้าเข้าหากัน
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่แม่โทรมา ไม่น่าเชื่อที่แม่จะโทรมาถี่ขนาดนี้
ฝ่ายนั้นบอกว่าแกทำให้ลูกเขาต้องย้ายโรงเรียนกะทันหัน เขาจะคิดค่าเสียหายกับฉันด้วย เรื่องค่าเทอมแกก็รู้ว่าฉันลำบาก ทีนี้จะไปหาเงินที่ไหนมาให้เขา แม่ทั้งขู่ทั้งปลอบทั้งกดดันจนในที่สุดเอก็ต้องบอกว่ามีเงินสะสมอยู่กับ Master 50,000 บาท และแม่ก็ขอเจรจากับมาสเตอร์ เอาเงินก้อนนั้นไป มารู้ภายหลังว่า ทางไปบ้านพี่เลิศไม่ได้สนใจจะเอาตังค์จากแม่แค่ขู่ไว้ ส่วนแม่เขารู้ว่าเอมีเงิน ก็แจ้งกับ Master ว่าขอเอาเงินไปเก็บไว้ก่อน พอเอสอบถามทวงแม่ก็บอกว่า เป็นค่ากตัญญูที่ ควรมีกับเค้า
1 ปี ถัดมา ที่โต๊ะเจ็ดนางฟ้า ขณะที่กำลังติวการบ้านกันเจี๊ยวจ๊าว เสียงหนุ่มบีบเสียงให้เป็นสาว กรี๊ดกร๊าดโวยวาย ก็มีซองจดหมายสีชมพูหย่อน ลงกลางโต๊ะ จากผู้ส่งนิรนาม เขียนบนซองแค่ว่า ถึงเอ
หัวหน้าแก๊งค์สั่งว่า "มึงต้องเปิดเดี๋ยวนี้"
น้องเอ
พี่ขอโทษที่ไปโดยไม่ลา เป็นเพราะพี่ไม่อยากให้คุณแม่ลำบากไปกว่านี้ การกระทำของพี่ส่งผลถึงฐานะของคุณแม่โดยตรง พี่ ยังรักน้องอยู่เสมอ ตอนนี้พี่เรียนจบแล้ว กำลังจะถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่พี่จะฝากมาได้ ขอให้รับรู้ไว้ว่า พี่ไม่เคยมีวันลืมเวลาที่เราเคยใช้ด้วยกัน หวังว่าชาติหน้าเราคงได้รักกันอีก
พี่เลิศ
วั๊ย....ว๊าย.... ผู้ชายส่งจดหมายรักมา เพื่อนสาวคนหนึ่งคว้ากระดาษจากมือเอ แล้ววิ่งหนีไปรอบโต๊ะ
เอก็ทำกรี๊ดกร๊าดหัวเราะเล่น แต่แล้วน้ำตามันก็ร่วง ร่วงโดยไม่รู้ตัว
เสียทั้งเงินเสียทั้งผู้ชาย กระเทยเซ็ง แต่ก็ไม่เป็นไรยังมีเพื่อนอยู่ ว่าแล้วก็กระโจนแผลวไปคว้าจดหมายจากมือเพื่อน ก่อนจะถูกประจานทั้งวง สุดท้าย มันก็ขาดจนวิ่น ดึงกันไปมาและไม่มีใครได้อ่านครบความ
เหตุผลที่เราไม่ลืมรักครั้งแรกเพราะเรารับมือมันด้วยหัวใจไร้เดียงสา
ภัทรดนัย จิตอารีย์ ตัวอักษรเขียนอย่างลวกๆเป็นชื่อนามสกุลติดลงบน แผ่นพลาสติก สายรัดข้อมือ ไกรสรเทวบุตรเดินวนไปวนมา อยู่ข้างเตียงในห้องฉุกเฉิน คนที่ทำให้แม่เล็กต้องมานอนอยู่ตรงนี้คือฉันเอง ตอนที่ฉันอ่านว่าจะต้องมารับวิญญาณฉันก็ลืมนึกไป ว่านี่คือแม่เล็กด้วยการงานรัดตัว เวรกรรมทำงานของมันเสมอไม่มีอะไรบังเอิญ ฉันนี่แหละ ต้นเหตุ ถ้าฉันไม่แปลงสารแม่เล็กก็ไม่กินยา เขาพึมพำพร่ำบ่นในใจเท้าก็เดินวนไปเวียนมาที่นี่มันโรงพยาบาล เหล่านายนิรยบาลเดินขวักไขว่ ทุกคนก็ล้วนแปลกใจเมื่อเห็นหัวหน้างานมาเดินวนเวียนอยู่ข้างเตียง ใครคนหนึ่งในห้องฉุกเฉิน พวกเค้าแอบกระซิบกระซาบกัน เบาๆเมียเก่า!แทนที่พญายมราชจะไม่ได้ยิน เสียงนั้นกับตรงมาเต็มหูกระแทกหัวใจ บ้าเอ้ย นาทีนี้มันไม่ใช่ความใคร่พิศวาสใดๆแล้วมันคือศักดิ์ศรี เราผู้เป็นนายแห่งผี จะไม่ให้เมียเก่าเราตายได้ไหมจะเปลี่ยภพภูมิให้เค้าได้ไหม ทำยังไงดีControl ผีได้แต่ Control คนเป็นไม่ได้ โธ่เอ๊ย แย่ที่สุดโมโหจนอยากจะเอาหมัดต่อยหน้าตัวเอง ยังไม่ทันจะได้ทำจริงๆก็มีหญิงวัยกลางคนในชุดทหาร เต็มยศ แหวกม่านพุ่งพรวดเข้ามา"โบว์ลูกรัก แม่ขอโทษ ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่แม
ไกรเทวบุตรหลุดจากสมาธิ คืนร่างเป็นพญายมราช ร่างที่จำแลงแปลงกายไว้นั้นเพื่อจะให้กลมกลืนกับเด็กผู้ชาย วัยรุ่นในโรงเรียนนี้ก็หายไป ด้วยความตกใจที่เห็นแม่เล็กใน ชาตินี้ ด้วยความที่จะต้องติดตามจึงกระโดดข้ามรั้วโดยไม่ได้คิดว่าจะมีใครอยู่ตรงนั้นแม่เล็ก ต่อไปนี้จะเรียกว่าโบว์ ใบหน้าหมองคล้ำ เดินกอดอกสับเท้าอย่างว่องไวให้พ้นดงอโศก ไกรสรเทวบุตรแล่นลิ่วไล่ตาม แต่จังหวะแว๊บนึงก็เห็นคนสองคนซ่อนอยู่ เมื่อหันไปมอง มันก็เหมือนเห็นญาติอีก ใครกันนะ ไว้ก่อน ถ้าอยู่ที่นี่เดี๋ยวก็รู้ว่าใคร ได้แต่ยิ้มมุมปาก แล้วรีบตาม โบว์ไปก่อนที่จะคลาดสายตาโบว์หรือแม่เล็กในชาตินี้ เกิดเป็น เพศชาย แต่ข้างในหัวใจเป็นสตรี รู้ตัวว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่ 6 ขวบ แม่เป็นทหาร พ่อเป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง ทุกคนแอนตี้ ความผิดเพศของเขา เมื่อพอรู้ความดีและอายุเข้าเกณฑ์เขาก็ถูกส่งมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ตอนเขาเกิดแม่มียศเพียงนายสิบ ต่อมา เป็นที่เมตตาเอ็นดูของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ยศคงขึ้นเรื่อยๆมา ปัจจุบันแม่มียศถึงพันเอก ทำงาน ควบคุมด้านการเงิน อยู่ในกองบัญชาการ เป็นคนมี ลูกน้องเยอะและลักษณะนิสัย ระเบียบวินัยเป๊ะ และแค้นใจมากที่ลูกไม่ ไ
"จังหวะนรก"หมายถึง เรื่องราวเลวร้ายที่เกิดอย่าง พอดิบพอดี เหมือนอย่างเช่น นายชัช กับอุณา ที่ดันโดนสังหารแบบจังหวะนรก ตายพร้อมกันทันที โดยไม่มีโอกาสสั่งลาด้วยกระสุนนัดเดียว"เวลานรก" หมายถึงเหตุการณ์เลวร้าย ที่ดันดำเนินไปอย่างเนิบช้า เพราะทุกอย่างในนรกช้า เวลาก็ช้ากว่า เมื่อเทียบกับเวลาของภพ มนุษย์ถึง 1 ปีต่อ 1 วัน ถ้าทีมงานนายนิรยบาล ที่มารับดวงวิญญาณ เกิดลืมของกลับไปที่นรกเพื่อไปเอาแล้วกลับมา ยังภพมนุษย์ ก็เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ในนรก ส่วนของการลงทัณฑ์ มืดดำหม่นหมอง เต็มไปด้วยมูกเลือด ความสยดสยองเกินบรรยาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือสำหรับฑัณฑ์ทรมาน หรือขุมนรกต่างๆ ก็ล้วนแต่ ไม่จรรโลงใจ พาให้เศร้าหมอง สูญเสียแรงบันดาลใจ และความสุข ซึ่งเป็นส่วนที่จะเอาไว้ลงโทษผู้ที่มีความผิดบาปอยู่แล้ว สำหรับนายนิรยบาล ถ้าได้รับเวรมารับวิญญาณบนโลก หรือได้เวลาพักผ่อน ก็มักจะขึ้นมา ผ่อนคลายกัน มักมีคำพูดในภพนรกว่า เทวดาเดินดิน มีต้นแบบมาจาก เทวดาผู้คุมเหล่านี้นี่เองที่มีรูปร่างงดงาม จะเนรมิตสิ่งใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อหาดังนั้นทีมงานที่ไปรับวิญญาณจึงชอบอ้อยอิ่งเที่ยวเล่น อยู่ที่เมืองมนุษย์ ถ้าเห็นใครงดงา
ถ้าความถึงวันก่อนที่ชัชเทวบุตรจะอุบัติมา 1 วัน เวลานรกพญายมราชไกรสรเทวบุตร ได้สำรวจร่างกายของตนเองและพบว่ารัศมีนั้นเปล่งแสงเรืองรองอย่างอัศจรรย์ มากกว่าทุกวัน ทุกคืนที่ผ่านมา เขาจึง อนุมานว่า เขาใกล้จะเปลี่ยนภพภูมิแล้ว เป็นข่าวดีอย่างที่สุด มองนาฬิกาทรายที่ใกล้มือ อีก 1 ชั่วโมงจะถึงเวลาดื่มน้ำทองแดงทันใดนั้นจึงเรียกดอกปาริชาติให้ผุดขึ้นมาบนมือ แล้วสูดดมกลิ่นย้อนรำลึกถึงชาติต่างๆครั้งเป็นมนุษย์ ครอบครัวของเรา ตั้งแต่ครั้งเราเป็นนายไกร ยังช่วยใครไม่หมดนะ เขาค่อยๆไล่เรียงแม่คนโต เกิดใหม่ เป็นฮิปโปที่แอฟริกา เราไปแนะนำให้ถือศีล 5 จนแม่คนโตตายแล้วไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ตอนนี้ก็อายุ 50 กว่าแล้ว บวชเป็นชีตลอดชีวิต น่าจะได้ขึ้นสวรรค์แน่ แม่กลาง น่าจะเหนือกว่าเราเพราะตอนใช้ชีวิตร่วมกัน กับเรา เป็นคนทำดีมีศีลธรรมชอบทำโรงทาน ตายแล้วไปเกิดบนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานอยู่ใกล้กับ พระเขี้ยวแก้วจุฑามณี ดีกว่าเราเสียอีกภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในความทรงจำ ภรรยาคนเล็ก ด้วยการงานแห่งพระยายมราชที่รัดตัวทำให้ลืมไปแล้วตายแล้ว ผ่านไปหลายร้อยวันแล้วสินะ ถ้าเป็นมนุษย์ก็คง เป็นร้อยปี แม่คนเล็กอยู่ที่ไหนแล้ว เขารำ
ย้อนเวลากลับไปไกรสรเทวบุตร หรือเทวบิดร ของ ชัชเทวบุตร ตำแหน่ง ณ ขณะนั้นคือพญายมราช ผ่านวันคืนนับอสงไขย ในตำแหน่งนี้ 1 วันในนรกคือ 1 ปีในเมืองมนุษย์ เวลาของที่นี่มันเดินช้าช้ามากๆ เหล่าดวงวิญญาณ ต่อคิวกันให้เขาได้ตัดสินความ จนไม่มีเวลาได้คิดอย่างอื่น แต่หลายครั้งที่มีโอกาสเขาก็จะ เรียกดอกปาริชาติมาดม เพื่อให้ระลึกได้ว่า ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ตำแหน่งพญายมราชไม่ใช่ตำแหน่ง ที่ต้องผ่านการเลือกสรร หรือตั้งขึ้นมา โดยผู้ใดผู้หนึ่ง แต่อุบัติเกิดขึ้นตามกรรมของผู้นั้น การที่เขาทำงานอยู่ตรงนี้เป็นระยะเวลานานมาก เป็นเพราะว่าไม่มีใครที่กรรมสัมพันธ์กัน และทำบุญ สร้างบาปเท่าเทียมกัน ตอนอยู่ในภพมนุษย์ ที่จะมาแทนเขาได้พอดี ระยะเวลาใน ตำแหน่งนี้ จึงนานกว่า ยมราชคนก่อนหน้าเขา ซึ่งแม้ถ้าเขาเองก็จำไม่ได้แล้ว ว่าเทวบิดรของเขาคือใคร ถ้าไม่เรียกดอกปาริชาติมาดม งานของเขายุ่งมาก และช่วงพักเบรคก็ต้องดื่มน้ำทองแดง ในบางทีเขาก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาทำบาปอะไรมาเวรกรรมนั้นมีวิถีที่ประหลาดมหัศจรรย์มาก สามารถชั่งตวงวัด สิ่งที่จะเกิดขึ้นในถัดเวลาไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญเลย ทุกอย่างเป็นเพราะว่า การกระทำที่ทำไว้แล้
เมื่อเปิดประตูเข้าไปมีเสียงผู้ชายกรีดร้อง แบบสาวแตกในขณะที่พี่แป๊ดก็ร้องเหมือนกันโอ๊ย...อกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกใน แกโวยเสร็จก็หุ่งพรวดเข้าไปข้างในทันใดนั้นเอง ยังไม่ทันที่อีก 2 คนจะโผล่หน้าตามเข้าไปในห้อง รวมทั้งชัดเทวบุตรที่ต่อคิวเป็นคนที่ 4 ด้วย ทั้ง 3 ก็ต้องผงะออกมา เพราะประตูถูกเปิดสวนทาง สาวผมบลอนด์ยาว จะใส่ชุดแซกสั้นที่ดูไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่ เอามือขวาปิดปาก มือซ้ายดึงชายกระโปรง แล้ววิ่งพรวดพราดสวนไปทันที. เสียงรองเท้าส้นสูงดังก้องไปทั่วบริเวณเมื่อพี่เรียมแทรกตัวเข้าไปได้ เอก็ตามไปติดๆ สิ่งที่เห็นคือ ผู้จัดการ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ ด้านหลังโต๊ะทำงาน เป็นกระจกสูง มองเห็นวิวของเมืองพัทยาทั้งเมืองรวมทั้งโค้งชายหาดแสนสวย ผู้จัดการ เป็นชายไหล่กว้างตัวสูงเกือบ 2 เมตร ในชุดสูทหันหลัง และ มองเห็นภาพสะท้อนออกมาจากกระจกใส ทำท่าเหมือนกำลังใส่เข็มขัด ทั้ง 3 คนพี่แป๊ดเรียมและเอ ยืนเรียงกันหน้าโต๊ะเหมือนนักเรียนโดนครูฝ่ายปกครองเรียกมาทำโทษ พี่แป๊ดแก้มแดงไปจนถึงหู ส่วนพี่เรียมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เอก็เก้ๆกังๆ ชัชเทวบุตรลอยเลื่อนขึ้นไปนั่งบนโซฟา รอดูการแสดงอย่างใจจดใจจ่อ"เอาเงินมาส่