ปกติแล้วซ่งเสวี่ยนนิ่งเฉยต่อทุกเรื่องราวเสมอมา แต่พอสตรีผู้นั้นล้มป่วยเขากลับรู้สึกได้ถึงอาการกระวนกระวายอย่างไม่เคยเป็น
หรือแท้จริงแล้วอาจจะเพราะว่านางเป็นของสิ่งแรกที่ครอบครองได้ หากหลุดมือแล้วก็คงหาไม่พบ… ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ซ่งเสวี่ยนหลับไม่ได้เต็มตาเพียงเพราะมักจะสะดุ้งตัวตื่นอย่างหวาดระแวงแต่หาใช่เพราะความกลัวมันเป็นเพียงสตรีบนเตียงที่จับไข้ ซ่งเสวี่ยนสูดลมหายใจก่อนจะคลายออกช้า ๆ “เจ้ามันตัววุ่นวาย” ถึงแม้ปากจะพร่ำบ่นแล้วอย่างไร สตรีบนเตียงยังคงนอนหลับไม่ตอบโต้และซ้ำซ่งเสวี่ยนยังคงนำผ้าชุบน้ำเช็ดตามทตัวทุกชั่วยาม “อื้อ….” หลีหนิงหนิงส่งเสียงเมื่อถูกรบกวน ซ่งเสวี่ยนแค่นเสียง มุมปากยกขึ้นคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ยามหลับก็ดูเป็นเพียงสตรีที่เปลือกนอกแข็งแกร่งแต่ภายในกลับอ่อนแอผู้หนึ่ง ทว่าตอนได้สบตากับนางนั้น…ความกล้าอวดดีที่มีเขาอยากจะบดขยี้ให้แหลก “ซ่งเสวี่ยน…” น้ำเสียงแผ่วราวกับกับกระซิบดังขึ้น ดึกดื่นปานนี้และยังมีเรื่องร้อนรนในใจผู้ใดจะหลับ หลีหลินว่าน ๆ เปิดประตูเดินเข้ามาก่อนจะปิดลงอย่าง เบามือ ใบหน้าคนงามสะท้อนแสงจากตะเกียงดูผุดผ่อง เรือนผมยาวที่ปล่อยสยายถึงกลางหลังและอาภรณ์ผืนบางที่มองเห็นส่วนโค้งของร่างกาย แน่นอน หลีหลินว่านจงใจ “หนิงหนิงเป็นอย่างไรบ้าง” ซ่งเสวี่ยนชะงัก ก่อนจะปรายตาไปมอง หากยามปกติหลินว่านมาหาเขาย่อมดีใจ แต่นี้ดึกเพียงนี้แล้วเหตุใดถึงกระทำเช่นนี้ “ชายหญิงอยู่ตามลำพังย่อมไม่เพราะสม ดึกดื่นเพียงนี้สมควรนอน” ซ่งเสวี่ยนเอ่ยเสียงเรียบ ทว่ากลับแผ่วเบาเกรงว่าสตรีบนเตียงจะพลันตื่นเอาได้ ในใจของหลีหลินว่านไม่พอใจอยู่แล้วยิ่งไม่พอใจมากขึ้น นางกดน้ำเสียงต่ำลง “ข้าเพียงเป็นห่วง เกรงว่าท่านจะไม่มีเวลาพักผ่อน” ทว่าความเป็นห่วงของนางนั้นกับหมายถึงผู้ใดย่อมเป็นที่ประจักษ์ให้เห็น “ข้าจะเฝ้านางเอง” หลีหลินว่านยังคงทำเป็นใจดี พยายามกลั้นเก็บอารมณ์โกรธเคียงที่เริ่มเต็มท้อง เห็นที่ว่าหากซ่งเสวี่ยนอยู่ใกล้ชิดหลีหนิงหนิงต่อไปไม่ดีแน่ ซ่งเสวี่ยนปรายสาตากลับมามองหลีหนิงหนิงก่อนเอ่ยตอบ “ของของข้า ข้าย่อมดูแลเอง” “ถึงอย่างไรข้าหาใช่คนนอก” นางยังคงโน้มน้าว ขยับกายเข้าใกล้ซ่งเสวี่ยนอย่างยั่วยวน ในตอนนั้นเองหลีหลินว่านมีสีหน้าไม่สู้ดีจนซ่งเสวี่ยนสังเกตเห็น “ข้าเข้าใจความหวังดีของเจ้าหลินว่าน” อาภรณ์ผืนผ้าของนางทำให้เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย หลีหลินว่านได้โอกาสจึงเสแสร้งเสียใจ ดวงตาเอ่อคลอ “ความหวังดีของข้าถูกทั้งทำลายทิ้งอีกครั้ง” “แต่เจ้าเองก็สมควรกลับเรือนนอนได้แล้ว” ว่าอย่างไรนะ! ซ่งเสวี่ยนริอาจกล้าขับไล่นางหรือ! ทั้งชีวิตมีเพียงนางคงเดียวเท่านั้นที่สามารถขับไล่ผู้อื่นได้ “เช่นนั้นข้าขอตัว” หลีหลินว่านหันหลังกลับทันที เป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นว่านางเองก็ไม่พอใจเช่นกัน และหวังว่าวันพรุ่งนี้ซ่งเสวี่ยนคงตามต้อยนางไม่ห่างแน่ สีหน้าของซ่งเสวี่ยนยังคงเรียบเฉยประดุจก้อนน้ำแข็งที่ไม่มีวันละหลาย เขายังคงมุ่งมั่นกับการเช็ดตัวลดไข้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยของหลีหนิงหนิง “หากตื่นขึ้นเจ้าคงที่จะไม่ลืมบุญคุณของข้าหลีหนิงหนิง” พอเช้าวันรุ่งขึ้น หลีหนิงหนิงตื่นนอนหลังจากหลับไปอย่างยาวนานซ้ำยังคงอดหวั่นใจเสียไม่ได้ว่านี้เป็นอีกคราที่รอดพ้นจากความตาย ทั้งที่ขาข้างหนึ่งก้าวข้ามไปยังปรโลกแล้ว หลีหนิงหนิงยังระบมปวดไปทั่วตัวทว่ายังคงฝืนปั้นหน้า เพราะซ่งเสวี่ยนนำเรื่องของนางไปแจ้งแก่นายท่านหลีและหลีฮูหยินตั้งแต่ฟ้าสาง นี่ราวกับเป็นการป่าวประกาศไปทั่วจวนแล้ว ไม่ว่าจะญาติเหล่าพี่น้องที่อาศัยอยู่ในจวนหรือเหล่าอนุล้วนออกหน้ามาเยี่ยมเยือน “ปิดประตู” หลีหนิงหนิงออกคำสั่ง พอสิ้นเงาของอนุผู้หนึ่งที่จากไปแล้ว หลีหนิงหนิงจะไม่พบหน้าผู้ใดอีกแล้ว ซ่งเสวี่ยนยืนนิ่งใบหน้าไม่สู้ดี “อย่าริอาจออกคำสั่งกับข้า” ซ้ำยังอดคิดในใจว่าหากนางหลับไปอีกหน่อยคงดีไม่น้อย น้ำเสียงปนหงุดหงิดรำคาญใจ “ท่านไม่รำคาญบางเลยหรือซ่งเสวี่ยน” ทั้งที่นางสมควรจะได้นอนพักผ่อน หากตอบตามตรงเขาคงรำคาญ จากนั้นซ่งเสวี่ยนจึงเดินไปปิดประตูทันทีแต่ไม่ใช่เพราะนางออกปากสั่งแต่เป็นเพราะเขาเองก็รำคาญเต็มอก หลีหนิงหนิงยิ้มหน้าบาน “เชื่อฟังเช่นนี้ดีหน่อย” สำหรับซ่งเสวี่ยนแล้วนี้เป็นการหลอกใช้เพื่อผลประโยชน์และหากไม่ติดว่ากำลังนอนซมประหนึ่งซากศพ เขาเกรงว่าไม่แน่ตอนนี้คงกำลังบีบคอนางให้สิ้นใจเสีย “…..” “อย่าได้คิดร้ายต่อข้า” จังหวะที่หลีหนิงหนิงจ้องมอง ซ่งเสวี่ยน ในสายตาคู่นั้นนางสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ในแววตา มุมปากหนายกยิ้ม “ชีวิตเจ้าเป็นของข้า แม้แต่วิญญาณเจ้าก็เป็นของข้า” ซ่งเสวี่ยนชอบมองความอวดดีของนาง หลีหนิงหนิงถอนหายใจด้วยความหดหู่ ไม่ว่าอย่างไรนางก็หนีไม่พ้นแล้วและจะตายก็ไม่อาจตายได้ “ข้าไม่ใช่สิ่งของของท่านซ่งเสวี่ยน” “เช่นนั้นหรือ” ซ่งเสวี่ยนขานตอบ จากนั้นจึงขยับตัวโน้มใบหน้าลงต่ำสบตากับนัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่พลันสั่นระริก “แต่งกับข้าแล้วย่อมเป็ยของข้า” ใบหน้าของหลีหนิงหนิงเกิดความรู้สึกร้อนรุ่มอีกครั้งทั้งยังไม่กล้าสบตาของซ่งเสวี่ยน พอมองระยะใกล้ชิดเช่นนี้พระรอง ตัวร้ายผู้นี้กลับดูหล่อเหล่าจนพลางให้หน้าอกซ้ายของนางเต้นกระหน่ำแทบทะลุออกมา ไม่ได้! ร้ายกาจเช่นนี้ผู้ใดจะมีความรักให้!! หลีหนิงหนิงขมวดคิ้ว ด่าทอตนเองในใจ “หนิงหนิงหายดีแล้วหรือ” หลีหลินว่าผลักดันประตูเข้ามา !!! ซ่งเสวี่ยนจึงผละตัวออกห่างทันทีแต่สายตายังคงไม่ลดละจากหลีหนิงหนิง มุมปากหนายังคงยกยิ้มเย้ยยัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทุกคราที่หลีหลินว่านพบเจอสองคนนี้ถึงเอาแต่ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้ นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก มือทั้งสองกำแน่นด้วยความโกรธ! เรื่องที่นางโกรธเมื่อคืนซ่งเสวี่ยนกลับไม่ตาม! ซ้ำยังสนิทสนมกับหลีหนิงหนิงเกินเหตุ! หลีหนิงหนิงถอนหายใจเบื่อหน่าย “ข้ายังไม่ตายไม่เช่นนั้นซ่งเสวี่ยนเขาคงเป็นหม้ายตั้งแต่ยังหนุ่ม” นางเข้าใจจุดประสงค์ของหลีหลินว่านเป็นอย่างดี ใบหน้ายิ้มแย้ม สายตาปรายไปมองซ่งเสวี่ยนที่อยู่ไม่ห่าง “ใช่หรือไม่สามี” ซ่งเสวี่ยนไม่ตอบอันใดและก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน หลีหลินว่านเป็นตัวเอกของเรื่องเป็นแม่ดอกบัวขาว บุรุษใดพบเห็นด้วยปันใจให้ทั้งสิ้น นางต้องการเป็นจุดเด่นผู้คนให้ความสนใจ แต่หลีหนิงหนิงค้นพบว่า…ไม่แน่ว่าเรื่องราวเปลี่ยนไปแล้วเว้นแต่เหตุการณ์สำคัญไม่อาจเปลี่ยน หลีหลินว่านมีสีหน้าไม่สู้ดีเล็กน้อย “เช่น…เช่นนั้นหรือ” หลีหนิงหนิงพยักหน้าแน่วแน่ “รู้หรือไม่หลีหลินว่าน ค่ำคืนที่ผ่านมานั้นซ่งเสวี่ยนดูแลคอยเช็ดตัวให้ข้าอยู่ไม่ห่าง” ราวกับรู้ว่าสตรีตรงหน้าไม่พอใจ หลีหนิงหนิงยกยิ้มก่อนจะสาดเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟอีกครา “สมควรเป็นเช่นนั้น” ครู่หนึ่งก่อนที่หลีหนิงหนิงจะขานตอบ “สามีดูแลภรรยาตนเองย่อมไม่แปลก” ประโยคหลังปรายตามองซ่งเสวี่ยน สีหน้าของหลีหลินว่าเริ่มหม่นหมองทันที หลีหนิงหนิงพูดขึ้นอีกครั้ง “คราหน้ายามค่ำคืนเช่นนี้ลงกรอกประตูด้วยสามี” ซ่งเสวี่ยนจ้องสตรีบนเตียงด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ จากนั้นจึงหันไปมองหลีหลินว่าน น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนจึงเอ่ยขึ้น “เจ้าไม่พอใจข้าเรื่องเมื่อคืนหรือ” “ไม่เลยซ่งเสวี่ยน” หลีหลินว่านตอบ ถึงต่อให้จะไม่พอใจอย่างไร แต่หลีหลินว่านยังต้องทำตัวเป็นคนใจกว้างอยู่ดี ทั้งที่เขาขับไล่นางเมื่อคืน หรือเรื่องที่เขาไปบอกกล่าวบิดาและมารดาของนาง หลีหลินว่านย่อมไม่พอใจ เหตุใดผู้อื่นถึงเอาแต่สนใจหลีหนิงหนิงเช่นนี้! เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หลีหลินว่านไม่พอใจแต่จะทำเช่นไรให้นางอาละวาดเป็นตัวโง่งมให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะหรือ มิสู้เป็นเพียง หลีหลินว่านที่จิตใจอ่อนโยนไม่ดีกว่า “หลินว่าเจ้านักดีต่อข้านัก” ซ่งเสวี่ยนเอ่ยขึ้น ไม่ว่าจะเมื่อหลายปีก่อนหรือแม้กระทั่งตอนนี้ หลีหลินว่านยังคงใจกว้างต่อเขาถึงแม้เขาจะทำผิดต่อนางก็ตาม หลีหลินว่านยิ้มกว้าง “ท่านยังมีข้าข้างกายอยู่ซ่งเสวี่ยน”“ขอบใจเจ้ามาก” หลีหลินว่านกล่าวอย่างยิ้มแย้มบ่าวรับใช้ยกกาน้ำชาพร้อมกับถาดขนมมาให้วางลงบนโต๊ะหันมองคุณหนูหลีด้สยความซึ้งใจช่างเป็นคนที่ไม่กดขี่ผู้ต่ำกว่า…มีอย่างที่ไหนคุณหนูบ้านใดกันพูดจากขอบคุณบ่าวไพร่กันจากนั้นจึงถอยตัวออกห่างจากสถานที่แห่งนี้ทันทีหลีหลินว่านสวมใส่ชุดอาภรณ์สีฟ้านวลพริ้วไสวตามสายลม ใบหน้าแต่งแต้มประทิมโฉมเล็กน้อย เรือนผมครึ่งหัวถูกมวยขึ้นพร้อมปักปิ่นประดับงดงามยามนี้อารมณ์ขุ่นเคียงในใจของนางคลายลงเล็กน้อยเหตุการณ์นี้หลีหลินว่านจงใจให้ซ่งเสวี่ยนพบเห็นโดยจงใจ“ซ่งเสวี่ยน…” นางเอ่ยขึ้น จากนั้นจึงหยิบจอกริมชาอย่างเชื่องช้า “ท่านคงเหนื่อยล้ามาทั้งคืนดื่มชานี้หน่อยเสีย” ก่อนจะสบตาบุรุษเบื้องหน้าซ่งเสวี่ยนยังคงมีหลีหลินว่าในใจ นางยังคงดีต่อเขาเสมอมาไม่ว่าจะเมื่อหลายปีก่อนหรือแม้กระทั่งตอนนี้“ขออภัยที่ข้าขับไล่เจ้าเมื่อคืน”หลีหลินว่านยกยิ้มพึงพอใจในตอบ ค่อย ๆ ยกจอกช้าขึ้นจิบท่าทางผ่อนคลาย “ข้าเข้าใจท่านซ่งเสวี่ยน” ในสายตาของ ซ่งเสวี่ยนสมควรมีแต่นางเท่านั้นหากนางไม่เอ่ยปากขับไล่ก็อย่าได้ริอาจจากไปก่อนจะพลางหัวเราะเล็กน้อย “หาใช่เรื่องแปลก จำไม่ได้แล้วหรือเมื่อตอนท่า
หลีหนิงหนิงยืนรออยู่หน้าประตูใจเย็น เดิมทีสมควรจะกลับจวนวันพรุ่งนี้แต่นางนั้นมีความอดทนไม่มากนักและไม่แน่ว่า แม่ดอกบัวขาวจะแสดงละครฉากนั้นอีก นางต้องขาดสติจนพลั้งลงมือสังหารคนแน่ “โมโหหรือ” ข้างกายนางยังคงเป็นจื่อรุ่ยหยาง เหตุใดช่วงนี้หลีหนิงหนิงบังเอิญพบเจอคนผู้นี้บ่อยครั้งนัก “ไปให้ไกลจากข้า” นางขับไล่น้ำเสียงดุ ๆ หากอีกหน่อยแม่ดอกบัวขาวมาพบเข้าคงเป็นเรื่อง ทว่า…ดีเช่นกัน ใบหน้าของหลีหนิงหนิงงยิ้มแย้มอารมณ์ดี นางเงยมองจื่อรุ่ยหยางที่สูงกว่าไม่ถึงคืบ “ชอบข้าแล้วหรือ” “กับผีน่ะสิ” จื่อรุ่ยหยางพลันตกใจ เขาไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าสตรีผู้นี้แท้จริงแล้วมีนิสัยเป็นอย่างไร “เจ้าคิดจะสวมหมวกเขียวให้สามีตนเองหรือไร” เขากัดฟันพูด โน้มใบหน้าสบตาในระยะใกล้ แน่นอนว่าหลีหนิงหนิงก็ไม่หลบนัยน์ตาดุดันคู่นั้นเช่นกัน “หากท่านชมชอบข้านั้นหาใช่เรื่องใหญ่” ว่ากันแล้ว นางพลันความขุ่นเคืองทั้งหมดที่มีในอกเมื่อมีเรื่องสนุก นางขยิบตาหนึ่งที จื่อรุ่นหยางตกตะลึง ตัวแข็งทื่อ “เจ้า!” ไหนเลยบุรุษจะเคยถูกสตรีพูดจาเกี้ยวเช่นนี้ “เจ้าคิดจะทำอันใด” หลีหนิงหนิงมองจื่อรุ่ยหยางเต็มไปด้วยความสนุก
ในบทหนึ่งของนิยายกล่าวไว้ว่า…ทั้งชีวิตของซ่งเสวี่ยนล้วนมีเพียงหลีหลินว่านเป็นที่ปลอดภัยดังนั้นเขาจึงรักฝังใจมิอาจเสื่อมคลายแม้สตรีผู้นั้นจะไม่สนใจก็ตามเขาทะนุถนอมมันมากระมัดระวังทุกอย่างทว่าหลีหลินว่านกับเหยียบย้ำซ่งเสวี่ยนจนแหกสลายอย่างไร้ค่าความรักของซ่งเสวี่ยนเป็นเพียงทางผ่านของหลินว่าน…น่าเสียดายที่รมีบุพเพแต่ไร้วาสนาหลีหนิงหนิงยังคงนั่งเหม่อลอยไม่ขยับกายราวสักครึ่งเค่อและยังคงถอนหายใจหนักอึ้งซ้ำ ๆ เมื่อคืนถอยคำของนางนั้นรุนแรงต่อซ่งเสวี่ยนมากเกินไปสักเล็กน้อยจนตั้งแต่ตอนนี้นางคล้ายมีความรู้สึกว่าเขาหลบหน้านาง“เหอะ! พี่ชายข้าทอดทิ้งคุณหนูหลีเสียแล้ว”ลี่เฉี่ยวยืนกอดอก สายตามองเหยียดด้วยความสมเพช“ลี่เฉี่ยว…” หลีหนิงหนิงจ้องมอง เด็กหนุ่มผู้นี้มีรูปร่างดีใบหน้าหล่อคมคลายไม่ต่างจากพี่ชายต่างมารดาเลยแม้แต่น้อย แต่นิสัยกับไม่น่าคบเสียเลย“รู้หรือไม่เขาอยู่ที่ใด” หลีหนิงหนิงถามไม่ว่าจะห้องนอน เรือนที่อยู่และห้องอาบน้ำ ตลอดจนทั่วจวนกลับไม่พบแม้แต่เงาของซ่งเสวี่ยน หลีหนิงหนิงเหนื่อยเหลือเกินเหตุใดถึงเป็นบุรุษที่เอาแต่ใจเช่นนี้“เห็นข้าเป็นพวกบ่าวนับใช้ชั้นต่ำพวกนั้นหรือ!” ลี่เฉี่ยว
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมานั้น…ซ่งเสวี่ยนย่อมเคยทนหนาว ทนหิวและต้องดิ้นรนใช้ชีวิตท่ามกลางความสนุกของผู้คนตั้งมากมายที่กลั่นแกล้ง“เพราะอันใด” ซ่งเสวี่ยนถามต่อสถานที่แห่งนี้เขาอยู่ได้มาเนินนานหลายปีแล้วเพราะเหตุใดพอมีหลีหนิงหนิงเข้ามาอยู่ร่วมจึงต้องย้ายออก เรื่องเช่นนี้มันไม่มีเหตุผลและไร้ประโยชน์หลีหนิงหนิงมองบุรุษตรงหน้าแวบหนึ่งนางรู้เหตุผลอยู่ในใจว่าเหตุใดซ่งเสวี่ยนถึงไม่เห็นด้วยเรือนแห่งนั้นคือเรือนของมารดาซ่งเสวี่ยน สถานที่แห่งนั้นมีความทรงจำระหว่างชายหนุ่มและมารดาแต่ทว่ากับน่าเศร้าที่นางดันด่วนจากไปก่อนแม้ซ่งเสวี่ยนจะแข็งกร้าวแต่ข้างในเขากับโดดเดี่ยวราวกับกำลังยืนอยู่กลางหน้าผากหลีหนิงหนิงพลันโอบกอดซ่งเสวี่ยน ขอบตาแดงระรื่นทันที “เพราะข้าสามารถปกป้องและเลี้ยงดูท่านได้”ซ่งเสวี่ยนขมวดคิ้วไม่พอใจ ทว่ากับไม่ได้ผลักไสนางออกไป สัมผัสที่อ่อนโยนครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยได้รับจากคนผู้หนึ่งเช่นกันแต่นับวันกับยิ่งห่างเหินราวกับเป็นคนแปลกหน้าหลีหลินว่าน“สตรีเช่นเจ้าน่ะหรือ” สายตามองอย่างเหยียดหยามหลีหนิงหนิงผละตัวออก เงยหน้ามองซ่งเสวี่ยนด้วยความจริงจังพยักหน้า “ใช่!” ข้าเองนี้แหละที่จะคอย
พระรองผู้นี้ช่างคาดเดาความคิดได้อยากนัก…ตลอดหลายคืนที่ผ่านหลีหนิงหนิงมีหรือจะได้นอนร่วมเตียงเดียวกับเขาเช่นนี้ นางถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ทว่าบุรุษข้างกายกับนอนแน่นิ่งลมหายใจสม่ำเสมอราวไม่ใช่เรื่องผิดแปลก หลีหนิงหนิงนอนพลิกตัวไปมาหลายครั้งต่อให้พยายามข่มตาอย่างไรก็ไม่หลับ “ซ่งเสวี่ยน” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้น มีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น “…..” แท้จริงแล้วซ่งเสวี่ยนก็ไม่อาจข่มตาหลับได้เช่นกัน เขาเพียงเงียบเพียงเพราะรอฟังว่านางจะเอ่ยอันใดเท่านั้น สตรีผู้ไม่น่าไว้ใจนักเหตุใดความลับที่ปกปิดไว้ถึงล่วงรู้ “หลับแล้วหรือ แต่เหตุใดข้าถึงนอนไม่หลับ” หลีหนิงหนิงพลันเอ่ยขึ้นเงียบ ๆ คนเดียว “…..” “เพราะอันใดท่านถึงชอบหลีหลินว่านนักเล่า ขณะที่หลีหนิงหนิงกำลังพร่ำพูดเลือนลอยโดยไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้กำลังสายตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องมาที่นาง ซ่งเสวี่ยนแอบลอบมองเสี้ยวใบหน้าของนาง ภายในใจรู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก หลีหลินว่านคือทั้งชีวิตของเขาตลอดมา ส่วนหลีหนิงหนิงนั้นเป็นภรรยาที่แต่งด้วยความไม่เต็มใจ ข้อแตกต่างในใจของซ่งเสวี่ยนย่อมชัดเจน ค่ำคืนที่ผ่านมา หลีหนิงหนิงนอนขยับพ
หลีหนิงหนิงสังเกตเห็นใบหน้าไม่ดีของซ่งเสวี่ยน บุรุษหนุ่มเอาแต่มีท่าทีเคร่งขรึมพูดไม่จาแม้แต่สักครึ่งคำ ทั้งที่ซ่งเสวี่ยนเขาร้ายกาจเพียงนี้เป็นเพราะบิดาทั้งสิ้น ในยามนี้ใบหน้าหล่อเหล่าข้างหนึ่งที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อจากการโดนตบด้วยแรงบุรุษมองดูแล้วย่อมเจ็บไม่น้อย หลีหนิงหนิงปวดใจ หากแต่จะเอ่ยถามยามนี้เกรงว่าซ่งเสวี่ยนคงบอกไม่เป็นอันใดหาใช่เรื่องใหญ่ แต่นางเป็นห่วงเขาเหลือ อย่างไรแล้วมีเพียงนางที่เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของซ่งเสวี่ยน “เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นยาจกเสียแล้ว” นางเอ่ยขึ้นมาเยาะเย้ย ลอบมองทีท่าขบุรุษที่นั่งตรงกันข้าม ยามที่สบตามองนัยน์ตาเย็นเยือกคู่นั้น หลีหนิงหนิงพลันรู้สึกหนาวเย็นอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่อากาศวันนี้ร้อนยิ่งนัก…แต่เพราะเหตุใดกันโชคชะตาของเขาถึงเจ็บปวดและโดดเดี่ยวปานนี้หรือเพียงว่าเขาคือพระรองงั้นหรือ… สตรีตรงหน้ามองเขาอย่างไม่กระพริบตา สุดท้ายแล้ว ซ่งเสวี่ยนจึงหัวเราะเย้ยยันเล็กน้อย “เพราะเจ้าอวดดี” มันดูน่าสมเพชไม่น้อย ทั้งน้ำเสียงและประโยคที่ได้ฟัง “ใช่มันเป็นเพราะข้าที่อวดดี” หลีหนิงหนิงเอ่ยเสริม “เพราะอย่างน้อยตลอดเวลาต่อจากนี้จะมีแค่ข้
หลีหนิงหนิงใช้เวลาอยู่นานหลายวันกว่าจะทำใจยอมรับได้ว่าจวนหลังนี้ไม่มีผีอย่างที่คิดไว้ถึงแม้นั่นไม่ว่าซ่งเสวี่ยนไปที่ใด ย่อมมักจะเห็นนางติดอยู่ข้างกายไปด้วยทุกที่ “เจ้าจะเลิกทำตัววุ่นวายเมื่อไหร่หลีหนิงหนิง” ซ่งเสวี่ยนเอ่ยแฝงความรำคาญใจเล็กน้อย ว่ากันตามตรงแล้วนางสมควรจะหวาดกลัวเขามากกว่า ใบหน้าคนงามขมวดมุ่น “ไม่ให้ข้าเกาะติดสามีแล้วจะให้ข้าไปเกาะติดบุรุษผู้อื่นเช่นนั้นหรือไร” หลีหนิงหนิงเปรียบเทียบ ซ่งเสวี่ยนปรายตามอง พลางถอนหายใจ หลังจากย้ายเข้ามาอยู่จวนหลังใหม่ในไม่นาน ไม่ว่าจะข้าวของเครื่องใช้อันใดล้วนต้องจับจ่ายใช้สอยซ้ำยังต้องปัดกว้างเช็ดถูกทำความสะอาดจวนหลังใหม่ให้อยู่มากขึ้น หากเป็นยามกลางวันแน่นอนว่าหลีหยิงหนิงคงอยู่ตัวคนเดียวได้ทว่านี้เป็นเวลาพลบค่ำเสียแล้ว บุรุษผู้นี้ก็เอาแต่ซ่อมศาลากลางน้ำไม่เสร็จเสียที หรือแท้จริงแล้วเขาจงใจจะกลั่นแกล้งนางหรือ “ซ่งเสวี่ยน” นางเอ่ยเรียกชายหนุ่ม หาตามองจับ น้ำเสียงนิ่ง ๆ จริงจังเป็นอันใดเขาต้องเหลียวตัวกลับ มามอง ซ่งเสวี่ยนเลิกคิ้วขึ้นประหนึ่งเชิงเป็นคำถามว่ามีอันใด หลีหนิงหนิงถามสิ่งที่ค้างคาใจ “ท่านหาเงินมาได้อย่างไร”
โรงเตี๊ยมหลังใหญ่แห่งนี้ไม่ว่าจะมองดูอย่างไรแล้วกับคุ้นนัก ใบหน้าของหลีหนิงหนิงในตอนนี้ขมวดคิ้วเต็มไปด้วยสงสัย พลางลองย้อนนึกไปถึงเมื่อหลายวันก่อนที่ผ่านพ้นมา ต้องจริงแน่! ที่นี้คือสถานที่ที่แม่ดอกบัวขาวและซ่งเสวี่ยนชอบแอบมาพลอดรักกันมิใช่หรือ! เหตุใดซ่งเสวี่ยนถึงพานางมาที่นี้ หลีหนิงหนิงเร่มรู้สึกไม่พอใจทันที ตั้งแต่กลับมาจากจวนหลีวันนั้นซ่งเสวี่ยนหาได้แอบลักลอบมาพบแม่ดอกบัวขาวอีกเลย เมื่อเป็นเช่นนั้นนางจึงวางใจวันนี้เขากลับมายังที่นี้อีกแล้ว! ซ่งเสวี่ยนรับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่เพ่งมองตนอย่างกดดัน บรรยากาศเช่นนี้ราวกับว่าเขากำลังทำเรื่องผิด “เหตุใดถึงมองข้าเช่นนั้น” “คุณชายซ่ง! คุณชายซ่ง!” ในจังหวะเดียวกันไม่นานก็ปรากฏหลงจู๊ชราผู้หนึ่งวิ่งร้องตะโกนออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือดประหนึ่งว่าตนเองนั้นเจอผีมา ชายชราเรียกซ่งเสวี่ยนว่าคุณชายซ่งงั้นหรือ “คุณชายซ่ง” หลีหนิงหนิงเอ่ยย้ำทีละคำ แท้จริงแล้วนางกำลังหูฝาดอยู่ใช่หรือไม่ สรุปแล้วพระรองผู้นี้เป็นคนอย่างไรกัน น้ำเสียงจริงจัง “หมายความว่าเช่นไรหรือซ่งเสวี่ยน” เมื่อหลายวันก่อนที่นางโดนหาเรื่องจึงมีซ่งเสวี่ยนยื่นมือช่วยเอา
วสันต์ฤดูพานพบมาอีกครา สายลมเย็นโชยมาพัดพากลิ่นหอมของเหล่าดอกไม้พรรณาส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วจวน ท้องฟ้าปลอดโปร่งแสงแดดส่องจ้ากระทบลำธารจำลองจนน้ำระยิบระยับชวนให้งดงามในอ้อมแขนของซ่งเสวี่ยนโอบอุ้มห่อผ้าสีแดงไว้แนบอก เพียงพริบตาก็ผ่านพ้นครบร้อยวันแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนหลีหนิงหนิงผู้เป็นภรรยารักทั้งครรภ์อีกหน เขาคาดไว้ว่างอย่างไรก็ต้องเป็นบุตรสาวอย่างแน่นอนและทันทีที่หมอหญิงชราโอบอุ้มห่อผ้าออกมานั้นพลันบอกกล่าวว่าได้คุณหนูผู้หนึ่ง เขาในตอนนั้นมีความสุขสมดั่งใจหวังแม้ทารกจะตัวแดงผิวเหี่ยวย่นแต่ซ่งเสวี่ยนไม่เคยวางมือโอบอุ้มบุตรสาวไว้ตลอดช่างต่างจากบุตรชายคนแรกเหลือเกินอาจเป็นเพราะเขาเป็นบิดาอีกคนแล้ว“เหตุใดท่านไม่เคยอุ้มข้าบ้าง” ซ่งเหว่ยหยางเงยหน้าทักทวงบิดาแฝงความน้อยใจ ทว่าแท้จริงแล้วเขาเพียงแค่อยากโอบอุ้มน้องสาวบ้างซ่งเสวี่ยนหลุมตาต่ำมองบุตรชายที่บัดนี้จวนจะเจ็ดขวบแล้วแต่ยังสูงเพียงแค่ช่วงระหว่างขาเท่านั้น“หากเจ้าโตเมื่อไหร่ค่อยมาอุ้มบุตรสาวข้า”!!ซ่งเหว่ยฟังแล้วขมวดคิ้วงุนงงไม่เข้าใจ “สัญญากับข้า!”ในทุกปีล้วนมีเหตุการณ์พลิกผันเสมอและการเป็นตัวประกอบที่กลายเป็นมารดาทั้งยังมีสามีเ
ตอนแรกที่ซ่งเสวี่ยนพบเจอบุรุษที่คล้ายคลึงตนเองก็พลันไม่ชอบใจอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเด็กทารกที่คล้ายตามติดภรรยาของเขาอยู่ไม่ห่างเขายิ่งมีสีหน้าไม่สู้ดีทุกครั้งพอลอบสังเกตสีหน้าของบุรุษข้างกลายที่บึ้งตึงแล้ว หลีหนิงหนิงพลันหัวเราะชอบใจ“บอกแล้วอย่างไรบุตรในครรภ์ข้าต้องเป็นเด็กชาย”ในความคิดของหลีหนิงหนิงบุตรชายคนแรกสมควรเป็นผู้ชายหากถามหาเหตุผลนั้นไม่มี นางเพียงแค่อยากชื่อชมซ่งเสวี่ยนในวัยเด็กจนเติบโตเท่านั้นคำพูดหยอกเย้าของนางเช่นนี้ ซ่งเสวี่ยนไม่ชอบเลยยิ่งพอเวลาพอไปนานเข้าเด็กทารกน่าเกียจนั้นก็เติบโตจึ้นแต่ไฉนยังต้องคล้ายตามติดภรรยาข้าทุกฝีก้าว“พรุ่งนี้ให้เขาไปเรียนหนังสือได้แล้ว” ซ่งเสวี่ยนเอ่ย นัยน์ดุดันจ้องมางเด็กชายตรงหน้าด้วยความจริงจังเจ้าเด็กนี้สมควรออกไปพบเจอผู้นเสียบ้างมิใช่วัน ๆ อยู่แต่กลับภรรยาเขาไม่ห่าง“ท่านพ่อ!” น้ำเสียงของเด็กน้อยร้องตกใจ “ข้าไม่ไป!”หลีหนิงหนิงหรี่ตามองอย่างขุนเคือง “เขาพึงจะสี่ขวบเท่านั้นอาเสวี่ยน”ไฉนเลยนางจะไม่รู้เหตุผลของซ่งเสวี่ยนคราแรกที่ซ่งเหว่ยหยางถือกำเนิดออกมาเป็นทารกตัวแรกนั้นซ่งเสวี่ยนแทบจะไม่เข้าใจหรือโอบอุ้ม เพียงแค่มองเห็นเห็นผิวหนังที่เห
หากไม่ได้ต้องอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันทุกวันเช่นนี้ จื่อรุ่ยหยางก็ยังคงไม่กระจ่างแจ้งว่าแท้จริงแล้วหลีหลินว่านมีนิสัยเช่นไรตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปีปีที่แล้วจนกระทั่งวนเวียนพบใหม่ อีกครา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลีหลินว่านพังพินาศตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้จื่อรุ่ยหยางทุกข์ใจไม่รู้จะหันหน้าไม่พึงผู้ใดได้“ข้าเซ็นหนังสือหย่าได้แล้ว”“บอกแล้วอย่างไรข้าไม่หย่า!”พอได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง หลีหลินว่านพลันโมโหไม่มีที่สิ้นสุด “เพื่อให้ได้แต่งงานกับข้าที่ผ่านมาท่านล้วนกีดกันบุรุษอื่นออกไป…” นางยกยิ้ม “พอได้แล้วจึงอยากจะทิ้งข้าหรือ!”เรื่องไปกันใหญ่แล้ว จื่อรุ่ยหยางขมวดคิ้ว “ไม่ใช่หลินว่าน มันเพราะที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยดีต่อข้าเลย”ในในยามนี้เข้าใจแล้วมีบุพเพ…มีวาสนา..แต่ไร้รัก“เหอะ!” หลีหลินว่านยืนกอดอกมองด้วยความสายตาแข็งกร้าว “ท่านไม่มีหากหนีไปจากข้าพ้น!” นางกระแทกเสียงหากจื่อรุ่ยหยางยังไม่ตายก็ไม่มีทางแยกจากนางไปได้ หลีหลินว่านไม่ยอมตกเป็นขี้ปากของพวกคนนางรังเกียจเหล่า นั่นแน่ ชีวิตที่ผ่านมาของนางล้วนเป็นไปดั่งใจหวังแล้วเหตุใดครั้งรี้มันถึงกลับเป็นไปไม่ได้กันซ่งเสวี่ยน!พอนึกถึงบุรุษชื่อของบ
สำหรับซ่งเสวี่ยนแล้วพอเข้าสู่ฤดูเหมันต์เขามักจะปลีกตัวออกไปหลบซ้อนตัวอยู่เพียงผู้เดียวบรรยากาศที่หนาวเย็นจนสั่นสะท้าน หิมะที่โปรยปรายตลอดเวลาโดยไม่มีทีท่าจะหยุดจนทั่วบริเวณโพลนขาว เพียงแวบหนึ่งซ่งเสวี่ยนพลันเห็นเหตุการณ์ในตอนที่ตนเองสามขวบอีกครั้ง“ข้าเกลียดฤดูหนาว” น้ำเสียงทุ้มสถบออกไปหลีหนิงหนิงเอี่ยงใบหน้ามองบุรุษข้างกาย ใบหน้าที่โผล่พ้นออกมานอกเสื้ออุ่นที่ทำจากขนสัตว์และแก้มนวลที่ขึ้นสีระเรื่อทำให้มองดูน่าเอ็นดูไม่น้อย“ข้าอยากโอบกอดอาเสวี่ยนคลายหนาว พอฤดูใบไม้ผลิข้าอยากดูดอกไม้บานพร้อมกัน” ดวงตาเมล็ดซิ่งวูบไหว“แต่ข้าชอบ” ก่อนที่สายตาจะปรายไปมองหิมะที่ยังคงตกอยู่นอกหน้าต่างมุมปากหนาพลันยกยิ้ม “นับวันยิ่งเกียจคร้าน”ความจริงแล้วนางไม่ได้ชมชอบความหนาวสักนิด เพียงแต่พออากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ที่ไม่ต้องทำอันใด นอกจากนั่งขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมหรืออาภรณ์ขนสักอุ่น ๆ สักผืน“ให้ข้าปิดโรงเตี๊ยมดีหรือไม่” ซ่งเสวี่ยนเสนอ ใบหน้าหล่อเหล่าเต็มไปด้วยความยียวนทั้งสิ้น “พอเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ข้าว่าพวกเราอยู่จวนตลอดไปคงไม่น่าเบื่อนัก”“ไม่” หลีหนิงหนิงปฏิเสธ “ ท่านจะเอาเงินที่มาให้ข้าใช้”นางยอมไม่ได้เ
ในขบวนแห่เกี้ยวเจ้าสาวเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่เอิกเกริก โดยมีเจ้าบ่าวควบนั่งม้านำหน้าไป ผู้คนมากมายต่างมาชื่นชมมุ่งดูด้วยความรื่นเริงและยินดีให้กับคู่บ่าวสาวที่จัดว่ามีขมวบสินเดิมที่ยาวเหยียดสมศักดิ์คุณหนูหลีจากภรรยาเอกและบุตรชายผู้เดียวของสกุลจื่อมีสมรสมงคลก่อนที่ขบวนจะสิ้นสุดลงเมื่อถึงหน้าประตูจวนสกุลจื่อที่ถูกตกแต่งประณีตด้วยสีแดงที่สื่อถึงความมงคลจื่อรุ่ยหยางสวมชุดอาภรณ์สีแดงลวดลายมังกรจากนั้นจึงกระโดดลงจากหลังมาด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ทั้งที่วันมงลงเช่นนี้สมควรจะยิ้มแย้มเบิกบานแต่ใบหน้ากับหมองคล้ำไม่เป็นมงคลเสียเลย“จับมือข้า” เขาพูดขึ้นแผ่วเบาหลีหนิงหนิงสวมใส่อาภรณ์สีแดงเช่นกันเย็บปักด้วยความประณีต เรือนผมถูกมวยขึ้นเป็นทรงอย่างงดงามถูกประดับความมงกุฎหงษ์ที่แสดงถึงสัญญาณเคียงข้างมังกรแม่สื่อตะโกนร้องก้องบอกพิธีการทั่วจวนหนึ่งคำนับฟ้าดินสองคำนับบิดามารดาสามคำนับกันและกันทว่าช่างเป็นงานมงคลที่ไม่รับรู้ถึงบรรยากาศของความมงคลเลยแม้น้อย นี่เป็นเคราะห์กรรมของพระเอกผู้นี้หรือไร บนใบหน้าของจื่อรุ่ยหยางไม่หลงเหลือความสุขเลยเป็นงานมงคลที่บรรยากาศหดูจริง ๆช่างไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ หลีห
พอเข้าสู่ช่วงฤดูชิวเทียนหรือฤดูใบไม้ร่วง โรงเตี๊ยมและบริเวณโดยรอบที่เป็นร้านอาหารพลันครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่ออกมาท่องเที่ยวหรือจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ใกล้จะมาถึงนี้ในห้อง ๆ หนึ่งยังชั้นสองของร้านมีสตรีผู้หนึ่งนั่งเท้าคางทอดสายตาลงไปมองชั้นหนึ่งเดียวใบหน้าเบิกบานหากโรงเตี๊ยมมีผู้คนครึกครื้นตลอดทั้งปีเช่นนี้ นางคงได้ร่ำรวยเป็นแน่!หลีหนิงหนิงแอบลอบยิ้มในใจ พลางพลิกสมุดรายการของกิจการไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่แท้จริงแล้วเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของซ่งเสวี่ยนที่ต้องตรวจสอบนางเพียงอยากทำตัวเป็นภรรยาที่ดีเท่านั้นซ่งเสวี่ยนที่เห็นการกระทำของภรรยาจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เถ้าเนี้ยว่าอย่างไรกิจการของข้าขาดทุนหรือไม่”หลีหนิงหนิงได้ยินแล้วจึงหันไปถลึงตาใส่เขา บุรุษผู้นี้รู้ทั้งรู้ว่านางไม่เข้าใจแต่กลับเยาะเย้ยกันหรอกหรือ “ไปให้ไกล” นางเอ่ยปากไล่พอวันเวลาผ่านไปนานเข้า พระรองผู้นี้ก็เปบี่ยนไปราวกันคนละคน“เจ้านี่ฉลาดจริง ๆ” เมื่อเห็นเป็นภรรยาหน้างอไม่พอใจ ผู้เป็นสามีอย่างซ่งเสวี่ยนนั้นก็ต้องสมควรเข้าใจใช่หรือไม่ ว่ากันตามตรงเขาเป็นสามีผู้อื่นคราแรกซ้ำยังดีต่อผู้อื่นไม่เป็นแม้ว่าจะ
จนกระทั่งหลายวันผ่านไปสถานที่จากไปแล้วหลีหนิงหนิงไม่อยากกลับมาเหยียบย้ำอีกด้วยซ้ำ ใบหน้าของนางจึงไม่ค่อยดีอารมณ์ไม่เบิกบานนักซ่งเสวี่ยนปรายสายตาไปมองคนข้างกายแวบหนึ่ง เห็นด็รู้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ในใจ “สินเดิมของเจ้าต้องทวงคืน” แม้ว่า ซ่งเสวี่ยนเองก็ไม่อยากจะหวนกลับมาที่นี้อีกก็ตามแต่ทว่า หลีหนิงหนิงสมควรจะต้องมาทวงของที่เป็นของนางคืนนางเบ้ปากถอนหายใจเบา จากนั้นพูดเบา ๆ “กลับเลยได้หรือไม่”“ไม่” ซ่งเสวี่ยนตอบขณะที่เซินฮูหยินนั่งอยู่ตำแหน่งตรงกลางห้องโถง ใบหน้าบึ้งตึงไม่เอ่ยวาจาอันใดถัดไปข้างกันแล้วมีลี่เฉี่ยงนั่งยกยิ้มดูเคลนในใจ“มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่มักอวดตนฉลาด” เซินฮูหยินเชิดหน้าพูดด้วยถ้อยคำเหน็บแนม แม้แต่ปรายสายตามองลูกเลี้ยงและลูกสะใภ้ที่อวดดีนางยังไม่อยากจะมองด้วยเหอะ! ไปได้ไม่นานก็ซมซานกับมาเลียขาแล้วเซินฮูหยินดูเคลนในใจอย่างสมเพช“นี่ไม่ต่างอะไรกับน้ำที่สาดออกไปใช่หรือไม่ขอรับท่านแม่” ลี่เฉี่ยวอยากจะเอาใจมารดาแต่กลับเป็นโง่ที่อวดฉลาดโดยแท้หลีหนิงหนิงได้ยินแล้วพลันหลุดหัวเราะทันที ช่างประจบสอพลอแต่กลับพูดออมาโดยไม่ไตร่ตรองเสียก่อน “รู้จักเปรียบเปรยย่อมดีไม่น้อย แต
หลีหนิงหนิงชะโชกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างไม่เงาของผู้ใดทั้งสิ้นซ้ำทั่วทั้งจวนมีเพียงแค่ห้องนอนเท่านั้นที่จุดตะเกียงแม้เวลาจะล่วงเลยเข้าสู่ปลายยามไฮ่ (21.00-23.00) แต่ทั้งนางและซ่งเสวี่ยนต่างไม่มีผู้ใดข่มตานอนหลับได้ หลีหนิงหนิงกับมานั่งเหยียดหลังพิงหัวเตียงดังเดิม สายตาทอดมองบุรุษที่นั่งอยู่ปลายเตียงเงียบ ๆ ผู้เดียว“พอแล้ว” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นทว่าซ่งเสวี่ยนยังคงไม่หยุด เขายังคงนำผ้าชุบน้ำอุ่นผืนหนึ่งมาประคบขาของหลีหนิงหนิงตรงที่บาดเจ็บไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด“หากยังไม่หยุดขาของข้าคงกลายเป็นไก่ย่างแล้ว”บรรยากาศที่กระอักกระอ่วนยิ่งน่ำแย่เข้าไปอีก ซ่งเสวี่ยนหยุดการกระทำซ้ำ ๆ ลงแล้วแต่กลับนั่งนิ่งเฉยไม่ยอมขยับกายหนีหรือแม้แต่หันมาสบตานางหลีหนิงหนิงเห็นแล้วปวดใจนักภายในใจของซ่งเสวี่ยนคงจะเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะวะไม่น้อย เขาถนุถนอมหลีหลินว่านมากับมือแต่กลับเป็นผู้ลงมือทำร้ายเสียเองเหตุผลข้อนี้หลีหนิงหนิงเข้าใจได้“ขยับให้ใกล้ข้าหน่อย” หลีหนิงหนิงออกคำสั่งสายตาเมล็ดชิ่งมองบุรุษหนุ่มตรงหน้าตาปริบ ๆ ฉายแววความห่วงใย หลีหนิงหนิงตัดสินใจเป็นฝ่ายขยับกายเข้ามาแทนแม้จะรู้สึกปวดระบมที่ข้อเท้าจ
ยามนี้ใบหน้าของหลีหลินว่านเปราะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลมองดูแล้วช่างน่าสงสารไม่น้อย แต่นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกับแข็งกร้าวไม่ยอมโอนอ่อน มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่ด้วยความโกรธ ร่างทั้งร่างสั่นทึ่มด้วยความโกรธ“ข้าจะถามท่านอีกคราซ่งเสวี่ยน!” น้ำเสียงของนางดังก้อง “ระหว่างข้ากับหลีหนิงหนิงท่านจะเลือกผู้ใด”ซ่งเสวี่ยนมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเฉย ทว่ามีกลิ่นอายสังหารแผ่ซ่านจนอึดอัดไม่น้อยที่ผ่านมาราวกับนางไม่มีใช่หลีหลินว่านที่เขารู้จัก“เจ้ากลับไปก่อนเถอะหลีหลินว่าน” หลีหนิงหนิงเอ่ย สถานการณ์เริ่มย้ำแย่กว่าคิดไว้นางเพียงเกรงว่าซ่งเสวี่ยนจะพลั้งลงมือทำร้ายจริง ๆ เมื่อหลีหลินว่านยังคงพร่ำพูดพรรณาไม่หยุดราวกับเรื่องทั้งหมดมิใช่ความผิดของนางเอง“เจ้าตบหน้าข้า! ทำร้ายข้า! คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ งั้นหรือหลีหนิงหนิง”เอาความผิดของคนเองมาโยนใช่ผู้อื่น ช่างเป็นวิธีที่โง่เขลาที่สุดหลีหนิงหนิงขมวดคิ้วมุ่นใบหน้าไม่สู้ดีนัก สตรีตรงหร้าเสียสติเป็นบ้าไปแล้ว “ออกไปก่อนที่ข้าจะทำร้ายเจ้าไปมากกว่านี้” นางกัดฟันพูดท่าทางเกรี้ยวกราด“ได้ยินหรือไม่ซ่งเสวี่ยน! ว่าหลีหนิงหนิงนั้นร้ายกาจเพียงใด