แชร์

๔ เยี่ยมบ้านเดิม

ผู้เขียน: วอลจู
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-07 18:55:55

ครบสามวันหลังแต่งงามสมควรเยี่ยมเยือนบ้านเดิม

จวนหลีตั้งอยู่ไม่ไกลนักห่างออกไปเพียงสองสามซอยเท่านั้น

หลีหนิงหนิงลงจากรถม้าด้วยความระมัดระวัง บาดแผดที่หลังจากการโดนฟาดเพียงผ่านพ้นมาหนึ่งค่ำคืนเท่านั้นจะหายได้อย่างไร ซ้ำวันนี้มันยังออกรู้สึกเจ็บปวดจนนางระบมไปทั่วร่าง

“ไม่อยู่แล้วข้าอยากกลับจวน”

ในตอนนี้หลีหนิงหนิงไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกับผู้ใดทั้งนั้น นางเหนื่อยล้าเหลือเกิน เกรงว่าคงใกล้ตายเต็มทีแล้ว

ดวงตาเมล็ดซิ่งเริ่มปรือลงมาอย่างง่วงงุน

“อย่าได้ทำตัวยุ่งยาก” ซ่งเสวี่ยนเอ่ยเสียงเรียบ สายตามองสตรีเบื้องหน้านิ่งเฉย นางเพียงโดนฟาดไปสองสามไม้ไฉนจะเจ็บปวดจนไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้

ซ่งเสวี่ยนพลางดูเคลนในใจ

เมื่อหลีหนิงหนิงได้ยินประโยคนี้ นางจึงแค่นเสียงในใจ “เป็นข้าหรือที่อยากมา….ข้ามิใช่ท่านต้องการพบหลีหลินว่าน”

เพียงหลับตาหลีหนิงหนิงก็รู้ว่าซ่งเสวี่ยนคิดอันใดอยู่

ใบหน้าของคนงามเริ่มร้อนผ่าวซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด ยามที่ขยับเขยื้อนกายเดินหลีหนิงหนิงพลันโอนเอนเล็กน้อย นางพยายามตั้งสติไม่ให้ล้มคะมำขายหน้าอยู่ตรงนี้

“จะไปไม่ใช่หรือ” หลีหนิงหนิงพลันทักท้วง เมื่อซ่งเสวี่ยนเอาแต่นิ่งเฉย

“ช่างอวดดี” ซ่งเสวี่ยนสถบปนความโมโห ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินผ่านนำหน้าสตรีอวดเก่งไปหลายก้าว ทว่ากับต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงร้องโวยวายของบ่าวเวรยามหน้าประตู

“คุณหลี!”

“แย่แล้ว!!”

สายตาของนางเลื่อนลอยเหลือเกิน ยามปริปากจะเอ่ยเรียกซ่งเสวี่ยนทว่ากับรู้สึกหนักอึ้งนักห้วงสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบไปคือเขาหันมามองนางด้วยความนิ่งเฉย

ครานี้ข้าคงตายจริง ๆ ใช่หรือไม่สวรรค์

“ตัววุ่นวาย”

จังหวะเดียวกันนั้นเองซ่งเสวี่ยนพลันเห็นนางล้มลงกับพื้น เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งจากนั้นจึงหมุนตัวกลับไป

เป็นสตรีที่อ่อนแอเพียงนี้เชียวหรือ

ทว่าขนาดที่ซ่งเสวี่ยนช้อนตัวนางขึ้นมาโอบอุ้มแนบอกไว้พลันสัมผัสไอร้อนที่แผ่ของมาจากตัวสตรีผู้นี้ ใบหน้าและริมฝีปากที่ซีดเซียวมองแล้วดูสมเพชหาได้สงสารอย่างที่ควรเป็น

คุณหนูของพวกนางที่พึงตบแต่งออกไปแต่พอถึงวันกลับเยี่ยมบ้านเดิมกลับสลบไสล

นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกัน

เหล่าบ่าวรับใช้เอาแต่จับกลุ่มกระซิบกระซาบนินทาโดยไม่ทันได้สังเกตนัยน์ของซ่งเสวี่ยนที่เริ่มดุดัน “ห้องนางอยู่ที่ใด” แม้จะไม่มีผู้ใดกรูเข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่แรกทว่าพอได้ยินเสียงทุ้มต่ำน่ากลัวเช่นนี้ แน่นอนย่อมมีมากมาย

ซ่งเสวี่ยนเงียบงัน ก่อนจะเดินตามบ่าวรับใช้ที่นำไป

ภาพที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้าคือเรือนนอนเล็ก ๆ หลักหนึ่งอยู่ไม่ไกลไม่ใกล้จากเรือนบ่าวรับใช้ หากไม่บอกว่านี้คือเรือนของคุณหนูผู้หนึ่งเกรงว่าเขาคงจะเขาใจผิด

ภายในห้องนอนทันทีที่เปิดออกล้วนเต็มไปด้วยฝุ่นมากมาย

“พาข้าไปห้องรับรอง” ซ่งเสวี่ยนไม่อาจอยู่ในสถานที่สกปรกเช่นนี้

“นางเป็นอันใดหรือ”

ไม่รู้ว่าหลีหนิงว่านนั้นมาตั้งแต่ยามใดแต่ซ่งเสวี่ยนกับมีความรู้สึกคันยุบยิบในใจ

“พาหนิงหนิงไปที่ห้องข้า”

หลีหนิงว่านเสนอแม้ภายในใจจะรู้สึกไม่ชอบใจ

สถานการณ์ตอนนี้นับว่าเป็นใจนัก ซ่งเสวี่ยนคาดไว้แล้วว่าเขาต้องได้พบพานหลินว่านที่จวนแต่ไหนเลยจะหลงลืมจือรุ่ยหยางที่เดิมตามหลังมา

“ได้อย่างไร” จือรุ่ยหยางแย้ง ก่อนปรายตามองสตรีที่สลบไสลในอ้อมกอดของศัตรู “ยามนี้นางแต่งงานแล้วหลินว่าน” ซ้ำคำพูดทุกคำล้วนเน้นย้ำราวกับเจาะจงให้คนผู้หนึ่งได้ยิน

หลีหลินว่านยิ้มเจื่อนเล็กน้อย

“เช่นนั้นข้าจะพาไปห้องรับรอง” นางยังคงอาสาทำตัวเป็นญาติผู้พี่ที่แสนดี ก่อนที่ประโยคหลังจะหันไปเอ่ยกับบ่าวกับใช้ “แจ้งนายท่านหลีและนายหญิงว่าหนิงหนิงนางไม่สะดวก”

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดซ่งเสวี่ยนฟังแล้วถึงขัดหู

ในยามที่ปลายตามองสตรีในอ้อมอกเขาพลันรู้สึกได้ว่านางนั้นมีไข้ไม่น้อย “รบกวนเจ้าตามหมอได้หรือไม่” ซ่งเสวี่ยนเอ่ยขึ้นหลังเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

มุมปากของจื่อรุ่ยหยางพลันยกยิ้มเยาะ “สามีย่อมห่วงใจภรรยา”

เมื่อหลีหนิงว่านได้ยินประโยคของซ่งเสวี่ยนนางจึงชะงักทันที จากนั้นจึงกล่าวเสริม “พี่รุ่ยหยางหากภรรยาไม่สบายสามีย่อมสมควรดูแล” สายตาจ้องมองจื่อรุ่ยหยางด้วยความลึกซึ้ง

จื่อรุ่ยหยางได้ยินคำหวานจึงระบายยิ้มกับใบหน้ายียวน เมื่อครู่ “แน่นอนหากเจ้าป่วยข้าย่อมดูแล”

แน่นอนว่าว่าสถานการณ์ตอนนี้ย่อมมีซ่งเสวี่ยนอยู่ด้วย ยามปกติแล้วย่อมชิ่งดีชิ่งเด่นกับจือรุ่นหยาง แต่ตอนนี้เขากลับ นิ่งเฉย สายตามยังคงเพ่งองสตรีที่โอบอุ้มครั้งแล้วครั้งเล่า

“อีกไกลหรือไม่หลินว่าน”

หลีหลินว่านตากระตุกทันที ในใจเริ่มมีอารมณ์โกรธ เหตุใดถึงห่วงใยหลีหนิงหนิงนัก!

ท่านกำลังทำข้าไม่พอใจรู้หรือไม่ซ่งเสวี่ยน!

นางครุ่นคิดในใจ ใบหน้าเชิดขึ้นนัยน์ตาแข็งกร้าวไม่น้อย

จากนั้นไม่นานหลีหนิงหนิงก็ถูกตรวจดูอาการด้วยหมอหญิงชราผู้หนึ่ง ปรากฏว่านางนั้นตัวร้อนรุ่มจับไข้เพราะร่างกายอ่อนแอจนระบมเจ็บช้ำ

ซ่งเสวี่ยนยืนอยู่ไม่ไกลนัก สายตาปรายมองภรรยาตนเองรูปร่างผอมแห้งกำลังนอนอยู่บนเตียง

“นางจะฟื้นเมื่อไหร่” หากตายตอนนี้เขาคงเป็นหม้าย

หมอหญิงชราส่ายหน้าตอบ “ร่างกายของคุณหนูผู้อ่อนแอนักซ้ำยังจับไข้สูง ข้าคงตอบคุณชายไม่ได้ เกรงว่าหากคืนนี้นางยังไม่ฟื้นก็มั่นเช็ดตัวให้นะเจ้าค่ะ ส่วนเทียบยาข้าจะฝากไว้ที่หญิงรับใช้” นางอธิบายอย่างละเอียดและเมื่อหมดหน้าที่แล้วจะออกจากห้องไปทันที

“ท่านอย่าได้กังวลเลย” หลีหลินว่านอาศัยจังหวะนี้เข้ามาปลอบซ่งเสวี่ยน สายตามองญาติผู้น้องด้วยสายลุ่มลึก จากนั้นจึงหมายจะกุมมือซ่งเสวี่ยนทว่าเขากลับก้าวถอยหนี

ซ่งเสวี่ยนยังคงจ้องสตรีบนเตียงด้วยสายตาแน่นิ่ง “ข้าจะพานางกลับจวน”

เห็นได้ชัดว่าหลีหนิงหนิงคงไม่ได้รับการปฏิเสธจากคนที่นี้อย่างเท่าเทียมนัก มองดูได้จากเรือนนอนที่เจ้าของเรือนไม่อยู่กลับถูกปล่อยให้สกปรกคลุกฝุ่นเช่นนี้

หลีหนิงหนิงเป็นคนของเขา ดังนั้นต้องกลับจวนกับเขา… จะปล่อยให้ตายที่นี้ได้อย่างไร

“หลินว่านนางหวังดีแต่ดูเจ้ากับไม่ใยดี” จื่อรุ่ยหยาง ย้ำเตือน ยามที่มองใบหน้าจองหลินว่านเขาพลันเห็นสายตาผิดหวัง

เมื่อจื่อรุ่ยหยางกล่าวเช่นนี้ หลีหลินว่านสีแสร้งใบหน้าหม่นหมอง “อย่าเลยพี่รุ่ยหยาง ซ่งเสวี่ยนคงไม่สะดวกใจที่นำพักที่นี้กระมัง” หากเป็นเมื่อก่อนแน่นอนซ่งเสวี่ยนย่อมยืนกรานจะอยู่ที่นี้

แต่เหตุใดแล้วพอแต่งหลีหนิงหนิงเป็นภรรยาที่แปรเปลี่ยน

สตรีบนเตีนงเริ่มขยับตัวเล็กน้อย หน้าผากเริ่มมีหยาดเหงื่อซึมออกมา ซ่งเสวี่ยนสังเกตเห็นจึงตรงเข้าไปตรวจดูทันที “ไม่สบายตัวหรือ” มือหนาว่างลงบนหน้าผากปรากฏว่าร้อนจี๋

ทว่าพูดกับคนป่วยไปจะมีประโยชน์อันใด

หลีหนิงหนิงยังคงนอนแน่นิ่งดั่งเคย

หลีหลินว่านรีบก้มหน้าปิดบังความไม่พอใจเต็มส่วน เห็นได้ชัดว่ายามนี้นางมีน้ำหนักใจซ่งเสวี่ยนไม่พอ มือทั้งสองข้างกำแน่น

เมื่อเป็นของนางแล้วย่อมเป็นไปจนตาย!

จื่อรุ่ยหยางเองก็พลันมองสตรีบนเตียงไปด้วย

ซ่งเสวี่ยนเป็นคนหยาบกระด้าง เรื่องดูแลตนเองหรือดูแลผู้อื่นย่อมไม่เคย จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ ยกสาบเสื้อยกขึ้นเช็ดหน้าผากให้นางอย่างแผ่วเบาราวกับจะรบกวนเวลานอน

“ข้า ข้าทำให้เอง”

หลีหลินว่านเงยหน้ามองอีกทีก็เห็นซ่งเสวี่ยนมีท่าทีอ่อนโยนเสียแล้ว

นางจะยอมให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้

“ประเดี๋ยวเจ้าจะจับไข้จากนาง” ยังดีที่จื่อรุ่ยคว้าเรียวแขนของหลินว่านไม่ทัน ไม่เช่นนั้นปานนี้นางคงอยู่ที่ขอบเตียงแล้ว “ปล่อยให้สามีได้ดูแลภรรยาตนเองเถอะ”

หลีหลินว่ายังคงไม่ลดละ “แต่หนิงหนิงเป็นญาติผู้น้องข้า”

จื่อรุ่ยหยางยังคงส่ายหน้า ยืนยัดคำเดิม “เจ้าไปกลับข้า” จากนั้นเขาจึงจับมือหลินว่านเดินออกไปจากเรือนทันที ซ้ำยังมีมารยาทปิดประตูเรือนไม่ให้ผู้ใดเข้ามารบกวนได้อีกด้วย

แต่การกระทำของจื่อรุ่ยหยางครานี้ช่างขัดใจหลีหลินว่านมากนัก หลังจากออกมาระยะหนึ่งนางจึงพลันแกะมือออกด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าคนงามขมวดมุ่นอย่างเห็นได้ชัด “ถึงอย่างไรเขาก็เป็นญาติผู้น้องของข้า”

ในใจตอนนี้หลีหลินว่านไม่ชอบที่ซ่งเสวี่ยนไม่สนใจนาง

“แต่นางมีซ่งเสวี่ยนผู้เป็นสามีอยู่ข้างกาย” ท่าทางของ หลินว่านในตอนนี้เองไม่เข้าตาจือรุ่ยหยางเลยสักนิด

ไฉนนางถึงยังดื้อรั้นแบบนี้

“แล้วอย่างไร!”

หลีหลินว่านยังคงยืนยันก่อนจะเดินลงเท้าจากไปทันที

จื่อรุ่ยหยางถามอย่างขับข้องในใจ “หรือเป็นเจ้าที่กำลังหึงห่วงซ่งเสวี่ยน”

“หาใช่เรื่องที่ท่านต้องเก็บมาใส่ใจจื่อรุ่ยหยาง”

 

 

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๓๐ บุตรชายหนึ่งบุตรสาวหนึ่ง

    วสันต์ฤดูพานพบมาอีกครา สายลมเย็นโชยมาพัดพากลิ่นหอมของเหล่าดอกไม้พรรณาส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วจวน ท้องฟ้าปลอดโปร่งแสงแดดส่องจ้ากระทบลำธารจำลองจนน้ำระยิบระยับชวนให้งดงามในอ้อมแขนของซ่งเสวี่ยนโอบอุ้มห่อผ้าสีแดงไว้แนบอก เพียงพริบตาก็ผ่านพ้นครบร้อยวันแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนหลีหนิงหนิงผู้เป็นภรรยารักทั้งครรภ์อีกหน เขาคาดไว้ว่างอย่างไรก็ต้องเป็นบุตรสาวอย่างแน่นอนและทันทีที่หมอหญิงชราโอบอุ้มห่อผ้าออกมานั้นพลันบอกกล่าวว่าได้คุณหนูผู้หนึ่ง เขาในตอนนั้นมีความสุขสมดั่งใจหวังแม้ทารกจะตัวแดงผิวเหี่ยวย่นแต่ซ่งเสวี่ยนไม่เคยวางมือโอบอุ้มบุตรสาวไว้ตลอดช่างต่างจากบุตรชายคนแรกเหลือเกินอาจเป็นเพราะเขาเป็นบิดาอีกคนแล้ว“เหตุใดท่านไม่เคยอุ้มข้าบ้าง” ซ่งเหว่ยหยางเงยหน้าทักทวงบิดาแฝงความน้อยใจ ทว่าแท้จริงแล้วเขาเพียงแค่อยากโอบอุ้มน้องสาวบ้างซ่งเสวี่ยนหลุมตาต่ำมองบุตรชายที่บัดนี้จวนจะเจ็ดขวบแล้วแต่ยังสูงเพียงแค่ช่วงระหว่างขาเท่านั้น“หากเจ้าโตเมื่อไหร่ค่อยมาอุ้มบุตรสาวข้า”!!ซ่งเหว่ยฟังแล้วขมวดคิ้วงุนงงไม่เข้าใจ “สัญญากับข้า!”ในทุกปีล้วนมีเหตุการณ์พลิกผันเสมอและการเป็นตัวประกอบที่กลายเป็นมารดาทั้งยังมีสามีเ

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๒๙ ชีวิตคู่ราบรื่น

    ตอนแรกที่ซ่งเสวี่ยนพบเจอบุรุษที่คล้ายคลึงตนเองก็พลันไม่ชอบใจอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเด็กทารกที่คล้ายตามติดภรรยาของเขาอยู่ไม่ห่างเขายิ่งมีสีหน้าไม่สู้ดีทุกครั้งพอลอบสังเกตสีหน้าของบุรุษข้างกลายที่บึ้งตึงแล้ว หลีหนิงหนิงพลันหัวเราะชอบใจ“บอกแล้วอย่างไรบุตรในครรภ์ข้าต้องเป็นเด็กชาย”ในความคิดของหลีหนิงหนิงบุตรชายคนแรกสมควรเป็นผู้ชายหากถามหาเหตุผลนั้นไม่มี นางเพียงแค่อยากชื่อชมซ่งเสวี่ยนในวัยเด็กจนเติบโตเท่านั้นคำพูดหยอกเย้าของนางเช่นนี้ ซ่งเสวี่ยนไม่ชอบเลยยิ่งพอเวลาพอไปนานเข้าเด็กทารกน่าเกียจนั้นก็เติบโตจึ้นแต่ไฉนยังต้องคล้ายตามติดภรรยาข้าทุกฝีก้าว“พรุ่งนี้ให้เขาไปเรียนหนังสือได้แล้ว” ซ่งเสวี่ยนเอ่ย นัยน์ดุดันจ้องมางเด็กชายตรงหน้าด้วยความจริงจังเจ้าเด็กนี้สมควรออกไปพบเจอผู้นเสียบ้างมิใช่วัน ๆ อยู่แต่กลับภรรยาเขาไม่ห่าง“ท่านพ่อ!” น้ำเสียงของเด็กน้อยร้องตกใจ “ข้าไม่ไป!”หลีหนิงหนิงหรี่ตามองอย่างขุนเคือง “เขาพึงจะสี่ขวบเท่านั้นอาเสวี่ยน”ไฉนเลยนางจะไม่รู้เหตุผลของซ่งเสวี่ยนคราแรกที่ซ่งเหว่ยหยางถือกำเนิดออกมาเป็นทารกตัวแรกนั้นซ่งเสวี่ยนแทบจะไม่เข้าใจหรือโอบอุ้ม เพียงแค่มองเห็นเห็นผิวหนังที่เห

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๒๘ หากนางเอกไม่ได้คู่กับพระเอก

    หากไม่ได้ต้องอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันทุกวันเช่นนี้ จื่อรุ่ยหยางก็ยังคงไม่กระจ่างแจ้งว่าแท้จริงแล้วหลีหลินว่านมีนิสัยเช่นไรตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปีปีที่แล้วจนกระทั่งวนเวียนพบใหม่ อีกครา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลีหลินว่านพังพินาศตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้จื่อรุ่ยหยางทุกข์ใจไม่รู้จะหันหน้าไม่พึงผู้ใดได้“ข้าเซ็นหนังสือหย่าได้แล้ว”“บอกแล้วอย่างไรข้าไม่หย่า!”พอได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง หลีหลินว่านพลันโมโหไม่มีที่สิ้นสุด “เพื่อให้ได้แต่งงานกับข้าที่ผ่านมาท่านล้วนกีดกันบุรุษอื่นออกไป…” นางยกยิ้ม “พอได้แล้วจึงอยากจะทิ้งข้าหรือ!”เรื่องไปกันใหญ่แล้ว จื่อรุ่ยหยางขมวดคิ้ว “ไม่ใช่หลินว่าน มันเพราะที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยดีต่อข้าเลย”ในในยามนี้เข้าใจแล้วมีบุพเพ…มีวาสนา..แต่ไร้รัก“เหอะ!” หลีหลินว่านยืนกอดอกมองด้วยความสายตาแข็งกร้าว “ท่านไม่มีหากหนีไปจากข้าพ้น!” นางกระแทกเสียงหากจื่อรุ่ยหยางยังไม่ตายก็ไม่มีทางแยกจากนางไปได้ หลีหลินว่านไม่ยอมตกเป็นขี้ปากของพวกคนนางรังเกียจเหล่า นั่นแน่ ชีวิตที่ผ่านมาของนางล้วนเป็นไปดั่งใจหวังแล้วเหตุใดครั้งรี้มันถึงกลับเป็นไปไม่ได้กันซ่งเสวี่ยน!พอนึกถึงบุรุษชื่อของบ

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๒๗ บิดามารดา

    สำหรับซ่งเสวี่ยนแล้วพอเข้าสู่ฤดูเหมันต์เขามักจะปลีกตัวออกไปหลบซ้อนตัวอยู่เพียงผู้เดียวบรรยากาศที่หนาวเย็นจนสั่นสะท้าน หิมะที่โปรยปรายตลอดเวลาโดยไม่มีทีท่าจะหยุดจนทั่วบริเวณโพลนขาว เพียงแวบหนึ่งซ่งเสวี่ยนพลันเห็นเหตุการณ์ในตอนที่ตนเองสามขวบอีกครั้ง“ข้าเกลียดฤดูหนาว” น้ำเสียงทุ้มสถบออกไปหลีหนิงหนิงเอี่ยงใบหน้ามองบุรุษข้างกาย ใบหน้าที่โผล่พ้นออกมานอกเสื้ออุ่นที่ทำจากขนสัตว์และแก้มนวลที่ขึ้นสีระเรื่อทำให้มองดูน่าเอ็นดูไม่น้อย“ข้าอยากโอบกอดอาเสวี่ยนคลายหนาว พอฤดูใบไม้ผลิข้าอยากดูดอกไม้บานพร้อมกัน” ดวงตาเมล็ดซิ่งวูบไหว“แต่ข้าชอบ” ก่อนที่สายตาจะปรายไปมองหิมะที่ยังคงตกอยู่นอกหน้าต่างมุมปากหนาพลันยกยิ้ม “นับวันยิ่งเกียจคร้าน”ความจริงแล้วนางไม่ได้ชมชอบความหนาวสักนิด เพียงแต่พออากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ที่ไม่ต้องทำอันใด นอกจากนั่งขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมหรืออาภรณ์ขนสักอุ่น ๆ สักผืน“ให้ข้าปิดโรงเตี๊ยมดีหรือไม่” ซ่งเสวี่ยนเสนอ ใบหน้าหล่อเหล่าเต็มไปด้วยความยียวนทั้งสิ้น “พอเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ข้าว่าพวกเราอยู่จวนตลอดไปคงไม่น่าเบื่อนัก”“ไม่” หลีหนิงหนิงปฏิเสธ “ ท่านจะเอาเงินที่มาให้ข้าใช้”นางยอมไม่ได้เ

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๒๖ เทียบเชิญมงคล

    ในขบวนแห่เกี้ยวเจ้าสาวเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่เอิกเกริก โดยมีเจ้าบ่าวควบนั่งม้านำหน้าไป ผู้คนมากมายต่างมาชื่นชมมุ่งดูด้วยความรื่นเริงและยินดีให้กับคู่บ่าวสาวที่จัดว่ามีขมวบสินเดิมที่ยาวเหยียดสมศักดิ์คุณหนูหลีจากภรรยาเอกและบุตรชายผู้เดียวของสกุลจื่อมีสมรสมงคลก่อนที่ขบวนจะสิ้นสุดลงเมื่อถึงหน้าประตูจวนสกุลจื่อที่ถูกตกแต่งประณีตด้วยสีแดงที่สื่อถึงความมงคลจื่อรุ่ยหยางสวมชุดอาภรณ์สีแดงลวดลายมังกรจากนั้นจึงกระโดดลงจากหลังมาด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ทั้งที่วันมงลงเช่นนี้สมควรจะยิ้มแย้มเบิกบานแต่ใบหน้ากับหมองคล้ำไม่เป็นมงคลเสียเลย“จับมือข้า” เขาพูดขึ้นแผ่วเบาหลีหนิงหนิงสวมใส่อาภรณ์สีแดงเช่นกันเย็บปักด้วยความประณีต เรือนผมถูกมวยขึ้นเป็นทรงอย่างงดงามถูกประดับความมงกุฎหงษ์ที่แสดงถึงสัญญาณเคียงข้างมังกรแม่สื่อตะโกนร้องก้องบอกพิธีการทั่วจวนหนึ่งคำนับฟ้าดินสองคำนับบิดามารดาสามคำนับกันและกันทว่าช่างเป็นงานมงคลที่ไม่รับรู้ถึงบรรยากาศของความมงคลเลยแม้น้อย นี่เป็นเคราะห์กรรมของพระเอกผู้นี้หรือไร บนใบหน้าของจื่อรุ่ยหยางไม่หลงเหลือความสุขเลยเป็นงานมงคลที่บรรยากาศหดูจริง ๆช่างไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ หลีห

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๒๕ เถ้าแก่เนี้ย

    พอเข้าสู่ช่วงฤดูชิวเทียนหรือฤดูใบไม้ร่วง โรงเตี๊ยมและบริเวณโดยรอบที่เป็นร้านอาหารพลันครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่ออกมาท่องเที่ยวหรือจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ใกล้จะมาถึงนี้ในห้อง ๆ หนึ่งยังชั้นสองของร้านมีสตรีผู้หนึ่งนั่งเท้าคางทอดสายตาลงไปมองชั้นหนึ่งเดียวใบหน้าเบิกบานหากโรงเตี๊ยมมีผู้คนครึกครื้นตลอดทั้งปีเช่นนี้ นางคงได้ร่ำรวยเป็นแน่!หลีหนิงหนิงแอบลอบยิ้มในใจ พลางพลิกสมุดรายการของกิจการไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่แท้จริงแล้วเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของซ่งเสวี่ยนที่ต้องตรวจสอบนางเพียงอยากทำตัวเป็นภรรยาที่ดีเท่านั้นซ่งเสวี่ยนที่เห็นการกระทำของภรรยาจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เถ้าเนี้ยว่าอย่างไรกิจการของข้าขาดทุนหรือไม่”หลีหนิงหนิงได้ยินแล้วจึงหันไปถลึงตาใส่เขา บุรุษผู้นี้รู้ทั้งรู้ว่านางไม่เข้าใจแต่กลับเยาะเย้ยกันหรอกหรือ “ไปให้ไกล” นางเอ่ยปากไล่พอวันเวลาผ่านไปนานเข้า พระรองผู้นี้ก็เปบี่ยนไปราวกันคนละคน“เจ้านี่ฉลาดจริง ๆ” เมื่อเห็นเป็นภรรยาหน้างอไม่พอใจ ผู้เป็นสามีอย่างซ่งเสวี่ยนนั้นก็ต้องสมควรเข้าใจใช่หรือไม่ ว่ากันตามตรงเขาเป็นสามีผู้อื่นคราแรกซ้ำยังดีต่อผู้อื่นไม่เป็นแม้ว่าจะ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status