บทที่ 1
ใครอีกคน
ราวกับความเจ็บปวดหายเป็นปลิดทิ้ง สองตาเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะเริ่มใช้มือลูบไปยังท้ายทอย แม้ส่วนหัวควรจะขาดออกจากร่างไปแล้ว ทว่าตอนนี้กลับไม่มีรอยแผลหรือแม้แต่เลือดสักหยด
เหมันต์เริ่มสังเกตรอบกายตนด้วยความว้าวุ่นใจ ก่อนจะรู้สึกเจ็บจี๊ดที่สมองราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
ภาพความทรงจำประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มไหลเข้ามาในหัว ใบหน้าของผู้คนซึ่งดูไม่คุ้นหน้ามากมายถูกบันทึกไว้ภายในสมอง รวมถึงเรื่องราว เหตุการณ์ หรือแม้กระทั่งหนังสือและอักขระแปลกตา
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตัวเขารับรู้ถึงมัน เสมือนกับได้เกิดขึ้นจริงกับตน
เจ็บปวด ท้อแท้ สิ้นหวัง เสียใจ ปวดร้าว ทุกสิ่งถาโถมเข้ามาภายในตัวเขาจนแทบชา ก่อนทุกอย่างจะจบลงด้วยภาพที่เขาเคยเห็นก่อนหน้า ชายที่ถูกใครบางคนเรียกว่าโนเอล ถูกศัตรูปลิดชีพด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียว
ทั้งที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับถูกดูดไปยังอีกโลกหนึ่ง เวลาในความทรงจำช่างแสนยาวนาน ราวกับได้สัมผัสชีวิตใหม่แต่นาฬิกาทรายข้างเตียงยังคงไหลลงอีกด้านได้เพียงน้อยนิด ทำให้ทราบว่าเวลาแห่งโลกความเป็นจริงกลับผ่านไปไม่กี่นาที
“อะไรกัน... เนี่ย... แล้วฉันอยู่ที่ไหนกัน” เหมันต์กวาดสายตาไปโดยรอบ บรรจงพินิจข้าวของเครื่องใช้ โดยหวังจะได้คำตอบ
น่าเสียดายที่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย
เหมันต์ยังคงปวดหัวอยู่เล็กน้อย จึงใช้มือคลายปวดบริเวณขมับ ก่อนจะบังเอิญสังเกตเห็นบานกระจก ซึ่งตั้งไว้ไม่ห่างจากเตียงมาก
เขาตัดสินใจจะลุกไปส่องกระจกเป็นอย่างแรก
“หึหึ... ฉันอายุยี่สิบหกแล้วนะเว้ย จะไปเชื่ออะไรอย่างว่าตัวเองจะได้ทะลุมิติมาเป็นใครก็ไม่รู้ได้ยังไง... แต่ฉันก็ตายไปแล้ว ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่ได้… หรือนี่จะเป็นโลกหลังความตาย แต่ชีพจรก็ยังเต็มอยู่” เขาลุกขึ้นจากเตียงพลางบ่นพึมพำไปด้วย
“แต่ โอ๊ย! อะไรวะเนี่ย! ช่างแม่งละ เหนื่อย” เขาเดินไปยังหน้ากระจก แล้วขมวดคิ้วพลางทำหน้าเหยเก
“ก็หน้าปกติ? ปะวะ ทำไมทำผมสีนี้อะ?” ใบหน้าในกระจกเหมือนกับใบหน้าดั้งเดิมของเขาทุกประการ เว้นเสียแต่สีผมที่เป็นสีน้ำตาลอัลมอนด์และดวงตาสีฟ้าอความารีน
“คอนแทคเลนส์ปะเนี่ย ของจริงปะวะ?” เขายังคงสงสัย จวบจนลองใช้นิ้วสัมผัสแล้วแสบถึงได้ประจักษ์ว่าเป็นของจริง
เป็นอีกครั้งที่เหมันต์ทำหน้าเหยเก
“เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ มันเกิดอะไรขึ้น... ฮะ... อะไร” ชายหนุ่มเริ่มสติแตก เดินวนอยู่ภายในห้องพลางทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ก่อนสายตาจะสะดุดอยู่กับบานประตู
หากต้องการพิสูจน์สถานการณ์ปัจจุบัน วิธีที่ดีที่สุดคือรับรู้ความเป็นไปภายนอก เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินออกไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เชิงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เจอ
เขาเปิดประตูออกไปเต็มแรง แล้วชะงักงันทันที
“ไม่เอาน่า... เอาจริงดิ” เขาเบิกตาโพลง หัวใจเริ่มสั่นไหว
เบื้องหน้าปรากฏให้เห็นทางเดินกว้าง ถัดไปเป็นบันไดสำหรับลงไปยังชั้นล่าง เครื่องใช้และเฟอร์นิเชอร์เป็นรูปแบบโบราณ ช่วงยุคกลางของยุโรป
“เหมือนเมื่อกี้เลย...” เหมันต์ไม่อยากจะเชื่อ เขาเคยเห็นบ้านหลังนี้มาก่อน
มันอยู่ในความทรงจำที่เขาได้ระลึกถึงเมื่อสักครู่
“นายน้อย เป็นอะไรหรือขอรับ?” ชายมีอายุในชุดสูทดูสุภาพและมีภูมิฐาน เดินเข้ามาถามไถ่เมื่อเห็นว่านายน้อยของตนแสดงสีหน้าตื่นตระหนก
“วอค? ... ?!” เหมันต์รู้สึกสับสนหนักกว่าเดิม เพราะดันเผลอหลุดเอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกไป แม้ว่าจะไม่เคยพบหน้าอีกฝ่ายในชาติก่อนเสียด้วยซ้ำ
“ครับ? ว่าอย่างไรขอรับนายน้อย มีอะไรให้ข้าช่วยหรือ” ชายสูงวัยตอบรับ
“ม... ไม่ ขอตัวก่อนนะครับ...” เขาว่าพลางส่งยิ้มเจื่อนให้ ก่อนจะรีบหันหลังกลับเข้าไปในห้อง
“รอเดี๋ยวก่อนขอรับนายน้อย” เขาพูดรั้งชายหนุ่มเอาไว้
เหมันต์เริ่มฉุกคิดได้ หากเรื่องราวทั้งหมดเป็นความจริง ถ้าเขาได้เข้ามาอยู่ในร่างของชายหนุ่มนามว่าโนเอลอย่างปริศนา และนี่เป็นเรื่องราวในอดีตของโนเอล ส่วนเขาก็มีหน้าที่ทำตามความปรารถนาที่ไม่อาจเป็นจริงของเจ้าตัวได้ก่อนที่ตัวตาย
ประโยคถัดไปที่อีกฝ่ายจะพูด และจะทำคือการเอาจดหมายจากพ่อของโนเอลมาให้
“จดหมายจากคุณท่าน ฝากมาให้นายน้อยครับ” วอคกล่าว แล้วยื่นกล่องไม้ขนาดเล็กมาให้
‘นั่นไง! จริงด้วย’
ถึงจะเชื่อได้ยากแต่มันก็เป็นไปแล้ว
“ขอบคุณครับ” เขาพนมมือแล้วก้มลงไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่เพราะความเคยชิน ทั้งยังกลั้นใจรับกล่องไม้นั้นไว้ เล่นเอาวอคงุนงงไปพักใหญ่สำหรับการกระทำประหลาดของเจ้าตัว
เหมันต์รีบเดินเข้าห้องอย่างไว ปิดประตูและล็อกกลอน
เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วถึงได้เดินไปที่เตียงอ้อยอิ่ง นั่งลง แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เอาไงดีต่อวะเนี่ย...” เขามองกล่องไม้ตาปริบ ๆ
ลักษณะกล่องไม้ไม่ต่างจากกล่องเก็บของทั่วไป เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่ามาก
“เอาเหอะ ตายมารอบหนึ่งแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถือว่าใช้ชีวิตหลังเกษียณ” เขาบรรจงเปิดมันอย่างเบามือ
ลูกไฟสีขาวขนาดจิ๋ว ส่องแสงสว่างตระการตา มันค่อย ๆ ลอยละล่องตามอากาศแล้วไหลมารวมกันเป็นกลุ่มก้อน เพียงไม่นานก็เผยโฉมของจดหมายที่เขาจำเป็นต้องทราบเนื้อหาด้านใน
“อย่างกับหนังแฟนตาซี...” เหมันต์กล่าว แล้วลองใช้มือสัมผัสกับกระดาษซึ่งกำลังลอยอยู่บนอากาศดู แต่มันกลับทะลุผ่านอย่างน่าเหลือเชื่อ
เขาเพ่งพินิจไปยังกระดาษ แล้วอ่านเนื้อความ
“ถึงโนเอล เจ้าต้องแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรอัชลิง...? เขียนมาแค่นี้เหรอ?” เขาขมวดคิ้วเข้าหากันแทบเป็นโบ
แม้จะพยายามย่อตัวลงเพื่อมองหลังกระดาษ แต่จดหมายก็ยังคอยลอยตามเขาไปทุกที่ และคอยอยู่ในระดับสายตาอยู่เสมอ
ดูท่าเนื้อความจดหมายของผู้จะเป็นพ่อ จะมีเพียงเท่านี้จริง ๆ
ก๊อก ก๊อก
“คุณหนูคะ เตรียมตัวพร้อมหรือยังคะ?” เสียงของหญิงสาวจากภายนอกประตูเรียกความสนใจให้เหมันต์หันไปหาเธอ
ดูเหมือนประตูห้องจะบางมากเสียจนได้ยินเสียงจากภายนอก
“หมายถึงอะไรนะครับ?”
“รถม้าจากอาณาจักรอัชลิงมารับแล้วค่ะ”
“???” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มทำสีหน้างุนงงออกมา เขาเพิ่งจะได้รับจดหมายที่เนื้อความสั้นกระชับจนแทบไม่รู้เรื่อง ผ่านไปไม่กี่นาทีกลับถามถึงความพร้อมแล้วงั้นเหรอ?
“ผมยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยนะครับ!”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณวอค ข้าและคนอื่น ๆ เตรียมของให้นายน้อยครบเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ท่านพร้อม ก็สามารถออกเดินทางได้แล้วค่ะ” เธอตอบกลับมาเสียงเรียบ
“แต่ผมยังไม่พร้อม!!” เหมันต์ตอบกลับทันควัน อย่างน้อยก็ขอเวลาให้เขาได้ตั้งสติหน่อยเถอะ ประสบการณ์ตายซ้ำตายซ้อนยังหลอกหลอนเขาไม่หาย
“แต่รถม้าจากทางอาณาจักรอัชลิงกำลังรอท่านอยู่นะคะ...” เธอพูดกดดันเขา
“ไม่ใช่ว่าจะรอให้ผมพร้อมก่อนเหรอครับ!?”
“...ข้าไม่ได้กล่าวเช่นนั้นเลยนะคะ...กรุณารีบออกมาเถอะค่ะ ไม่เช่นนั้นอาจถูกท่านเลวิกตำหนิได้นะคะ”
‘เลวิก... อ่า ใช่ พ่อของเจ้าของร่างนี้ ไม่คิดว่าจะรอส่งลูกชายไปอยู่กับคนอื่นด้วยนะเนี่ย... แถมคนอื่นที่ว่า ยังเป็นผู้ชายด้วยกัน...’ ไม่ใช่ว่าเหมันต์จะเหยียดเพศหรือไม่ยอมรับแต่อย่างใด เพียงแค่ที่ผ่านมาตัวเขาไม่เคยคบผู้ชายด้วยกันเลย
หากคิดดี ๆ แล้ว แม้แต่แฟนสาวสักคนก็ยังไม่มีเสียด้วยซ้ำ
“เข้าใจแล้วครับ” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ้อยอิ่งก่อนจะลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกไป
กระทั่งใบหน้าก็ยังไม่ได้ถูกน้ำล้างคราบน้ำลายออก อยากจะรู้จริง ๆ ว่าคนที่มาเร่งเขาหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมถึงได้จิตใจดำถึงเพียงนี้
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ เชิญล้างและเช็ดหน้าก่อนได้เลยนะคะ” หญิงสาวใบหน้าสวยโดดเด่นเรือนผมสีทองยาวสลวย พูดในขณะแบกถังน้ำขนาดเล็กเอาไว้ด้วยมือสองข้าง ข้างตัวเธอก็มีหญิงรับใช้อีกคนเช่นกัน
‘เมื่อกี้ขอถอนคำพูดครับ’
เขาวักน้ำมาล้างหน้า แล้วเช็ดด้วยผ้าขาวที่พาดไว้ตรงขอบถัง ก่อนจะโค้งขอบคุณเล็กน้อย
คนรับใช้หญิงผมทองส่งถังน้ำให้แก่คนรับใช้หญิงข้างกาย ก่อนจะโค้งเล็กน้อยแล้วผายมือไปทางบันได
เหมันต์เดินตรงไปอย่างจำใจ ก่อนสองขาเรียวยาวของเด็กหนุ่มจะค่อย ๆ ก้าวลงมาจากบันไดสูงด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย มารยาทและการวางตัวช่างดีเลิศสมกับที่มีศักดิ์เป็นลูกของอัศวินระดับผู้นำ พ่วงด้วยยศขุนนางที่ราชวงศ์ประทานให้
เพราะเป็นความเคยชินของร่างกาย เขาจึงเลียนแบบเจ้าของร่างได้ไม่ยากนัก เดิมทีก็เคยต้องปลอมตัวเป็นพวกคนรวยเพื่อทำภารกิจบ่อย ๆ จะทำได้ดีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ภายนอกห้องนอนจวบจนระเบียงถูกตกแต่งอย่างประณีตแม้จะไม่ได้หรูหราสักเท่าไรแต่มันก็ดูดีมาก ช่างน่าเสียดายที่เขาจะได้เห็นมันแค่ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายเสียแล้ว
สาวใช้หน้าตาดีมากมายเรียงรายเป็นแถวตรงทอดยาวตลอดทางเดิน ต่างคนต่างมีใบหน้าราวกับฟ้าประทานหรือหากอยู่ในโลกและยุคของเขา พวกหล่อนคงได้เป็นนางแบบเครื่องสำอางไม่ก็เสื้อผ้า หากสังเกตหน้าของสาวใช้ผมทองก่อนหน้า ดูท่าบ้านนี้จะคัดคนจากหน้าตา
ในมือของพวกเธอต่างถือของใช้จำเป็นสำหรับนายน้อยคนละอย่างสองอย่าง
“นายน้อย โปรดพกของสิ่งนี้ไว้ด้วยนะคะ พอดีข้าได้ยินมาว่าทางไปเมืองนั้นมีปีศาจอยู่ชุกชุม เพื่อที่นายน้อยจะได้เดินทางอย่างปลอดภัย ข้าอยากให้นายน้อยพกของสิ่งนี้ไว้ค่ะ” สองมือเล็กของหญิงสาวคนหนึ่งค่อย ๆ เอื้อมแขนมามอบเครื่องรางขนาดเล็กให้เขา
“ขอบคุณครับ” ถึงพ่อของโนเอลจะไม่ได้ดูแลเอาใจใส่เขามากเท่าที่ควร แต่หากพูดกันในวงเหล่าคนใช้แล้ว โนเอลมักจะเป็นที่ชื่นชอบของคนเหล่านั้น
ด้วยนิสัยที่มักจะใจดีพร่ำเพรื่อและทำอะไรเพื่อคนอื่นเสมอ อีกทั้งยังไม่เคยมองมาด้วยสายตาเหยียดหยามเลยสักครั้ง จึงทำให้ไม่ว่าใครก็ต่างรักและเอ็นดูเด็กหนุ่มมากเป็นพิเศษ และเมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันเฉกเช่นคราวนี้คงจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่ไม่น้อย
“ดาบคู่กายนายน้อย ข้าเก็บไว้ในห้องโดยสารแล้ว... นายน้อยโปรดระวังตัวด้วยนะขอรับ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ข้าและคนอื่น ๆ จะคอยช่วยเหลือนายน้อยเอง” วอคเดินมาส่งเขาด้วยท่าทีห่อเหี่ยว ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่รักและเอ็นดูโนเอลจากใจจริง ชายหนุ่มยิ้มรับความปรารถนาดีก่อนจะรีบมองหาเลวิก ทว่ากลับไม่เจอ น่าแปลกหากเขาจะไม่อยู่ในเวลาแบบนี้
เขาสะบัดความคิดนั้นทิ้งไปแล้วรีบเดินออกจากคฤหาสน์ใหญ่ ถึงอย่างไรชายคนนั้นก็ไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของเขา ไม่จำเป็นจะต้องสนใจ
ถึงจะกล่าวเช่นนั้นแต่ภายในใจลึก ๆ กลับยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่มาก คงเพราะเป็นความคิดจากเจ้าของร่างเก่า
ทันทีที่ก้าวขาเดินสายลมก็ตีที่หน้าและพัดผ่านราวกับต้อนรับเขาสู่โลกใบใหม่ และจากนี้ไป เขาต้องใช้ชีวิตในฐานะ โนเอล เฟอแนล
บทที่ 4สนามฝึกซ้อมของเหล่าพลทหาร“ท่านโนเอล! พยายามเข้า!!”“อึก... สี่สิบห้า... สี่สิบหก... สี่สิบเก้า”“สี่สิบเจ็ดต่างหากเพคะ”“อืม... สี่สิบเจ็ด... สี่สิบแปด... สี่สิบเก้า…”“สี่สิบ!!”“สี่สิบ... ส... สี่สิบเอ็ด... เดี๋ยวนะ... โอ๊ย” โนเอลนอนแผ่อยู่กับพื้น ขณะที่ร่างกายส่วนบนเปลือยเปล่า ไร้สิ่งใดคลุม“เธอแกล้งฉันเหรอ?” โนเอลถามด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก“เปล่านะเพคะ หม่อมฉันเพียงบอกกล่าวจำนวนตามจริง”“เฮ้อ...” โนเอลถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เลวี่ชอบแกล้งเขาอยู่เป็นประจำนับจากเหตุการณ์ที่เขาเสียชีวิตจากชาติก่อน แล้วมาเกิดใหม่ในร่างของโนเอล มันก็ผ่านมาราว ๆ หนึ่งเดือนเต็มโชคยังดีที่ระหว่างนั้นไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นแน่นอนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ชายหนุ่มไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด เขาใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการเรียนรู้วัฒนธรรม เรียนรู้ศาสตร์เวท และการต่อสู้โดยมีเลวี่เป็นคู่มือคราแรกเขาคิดว่าเธอจะเป็นสาวใช้ธรรมดา แต่ฝีมือที่แท้จริงกลับแข็งแกร่งมาก แม้จะน้อยกว่าเดวิก็ตามเธอคอยเป็นอาจารย์สอนและคู่ประลองให้ จนเริ่มปรับตัวเข้ากับโลกใหม่ได้อย่างราบรื่น กระทั่งหลังออกกำลังกายเสร็จ โนเอลก็ยังต้อง
บทที่ 3อาณาจักรไม่รู้ร้อนเถาวัลย์พาดตามไม้สูงระโยงระยาง พืชมากสี พรรณไม้ต่างพันธ์ุมองดูชวนรู้สึกแปลกตา ทั่วทั้งผืนป่าถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาภูมิอากาศหนาวเหน็บจนทั่วตัวสั่นไหว แม้กระทั่งน้ำจากทะเลหากได้ไหลผ่านที่นี่แล้วต่างก็กลายเป็นทะเลน้ำแข็งไปเสียหมด สภาพแวดล้อมช่างดูปั่นป่วนน่าประหลาดนี่คือป่าแถวล่างเขา อันเป็นจุดหมายหลังวาร์ปจากดาเลียมายังอัชลิงอัชลิงถูกเล่าขานกันโดยทั่วถึงเรื่องความเย็นยะเยือก ครั้นเมื่อสมัยราชินีวิโอล่ายังคงอยู่ สภาพอากาศสามารถแปรเปลี่ยนไปตามการควบคุมด้วยพลังของพระองค์เอง แต่หลังสิ้นพระชนม์ ชาวอัชลิงก็ไม่เคยได้สัมผัสถึงความอบอุ่นอีกเลยกระทั่งถนนหนทางบางสายก็ยังมีน้ำแข็งประดับ หรือถูกใช้แทนไม้กั้นเนื่องด้วยความพิเศษบางประการ หากน้ำแข็งถูกปั้นแต่งโดยนักเวทของทางราชวงศ์ ก็จะไม่มีทางละลายได้โดยง่าย และสะพานของที่นี่เองก็ยังถูกปั้นแต่งโดยนักเวท‘มันจะแตกไหมเนี่ย?’ โนเอลหวาดหวั่นในใจ ขบวนรถม้ามีน้ำหนักไม่น้อย เกรงว่าผ่านไปไม่ถึงครึ่ง มันจะแตกเอาเสียก่อนขบวนรถม้าขนาดเล็กค่อย ๆ ข้ามผ่านสะพานเคลือบเงากลางป่าใหญ่ เสียงล้อรถดังเอี๊ยดอ๊าดทำเอาสัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันคอย
บทที่ 2ภัยร้ายกำลังคืบคลานเหมันต์ซึ่งปัจจุบันอยู่ในร่างของโนเอล หลังจากออกมาจากคฤหาสน์ เขายังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไปตามทางเดินที่สาวใช้กำหนดไว้ให้ ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงเมื่ออยู่ต่อหน้าหน้าใครบางคนเขาโค้งคำนับ แล้วเริ่มกล่าว“ข้ามีนามว่าเดวิ เป็นองครักษ์ส่วนตัวขององค์ชาย ยินดีที่ได้พบขอรับ” ทางฝ่ายนั้นเริ่มแนะนำตัวก่อน ทางด้านหลังของเขามีรถม้าแกะสลัก สีขาวเงาวับอยู่สองถึงสามคัน มาพร้อมกับเหล่าทหารของราชวงศ์อีกราว ๆ ห้าสิบคนชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มเปรียบดั่งเมล็ดกาแฟค่อย ๆ คุกเข่าลง ก่อนจะประทับริมฝีปากที่หลังมือของโนเอลเพื่อแสดงถึงการให้เกียรติและยกย่องโนเอลไม่คุ้นชินกับวัฒนธรรมของที่นี่จนเผลอทำหน้าเหยเกออกมาอย่างไม่ตั้งใจ พอรู้ตัวก็รีบเก็บสีหน้าทันทีพอเดวิลุกขึ้น ก็รับรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายมีขนาดตัวแตกต่างจากเขามากเพียงใด รูปร่างสูงโปร่งพร้อมกับร่างกายกำยำ ยิ่งเทียบกับทหารคนอื่น ๆ แล้วก็ดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงต่อให้เจ้าตัวจะไม่แนะนำว่าตนเป็นใคร โนเอลก็สามารถรับรู้ได้ว่าคนคนนี้ไม่มีทางเป็นเพียงลิ่วล้ออย่างแน่นอน“ผมทราบแล้วขอรับ... เอ้ย ข้าทราบแล้ว แล้วก็อยากรู้เรื่องอะไรนิดหน่อย ช่วยรบก
บทที่ 1ใครอีกคนราวกับความเจ็บปวดหายเป็นปลิดทิ้ง สองตาเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะเริ่มใช้มือลูบไปยังท้ายทอย แม้ส่วนหัวควรจะขาดออกจากร่างไปแล้ว ทว่าตอนนี้กลับไม่มีรอยแผลหรือแม้แต่เลือดสักหยดเหมันต์เริ่มสังเกตรอบกายตนด้วยความว้าวุ่นใจ ก่อนจะรู้สึกเจ็บจี๊ดที่สมองราวกับถูกไฟฟ้าช็อตภาพความทรงจำประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มไหลเข้ามาในหัว ใบหน้าของผู้คนซึ่งดูไม่คุ้นหน้ามากมายถูกบันทึกไว้ภายในสมอง รวมถึงเรื่องราว เหตุการณ์ หรือแม้กระทั่งหนังสือและอักขระแปลกตาทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตัวเขารับรู้ถึงมัน เสมือนกับได้เกิดขึ้นจริงกับตนเจ็บปวด ท้อแท้ สิ้นหวัง เสียใจ ปวดร้าว ทุกสิ่งถาโถมเข้ามาภายในตัวเขาจนแทบชา ก่อนทุกอย่างจะจบลงด้วยภาพที่เขาเคยเห็นก่อนหน้า ชายที่ถูกใครบางคนเรียกว่าโนเอล ถูกศัตรูปลิดชีพด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียวทั้งที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับถูกดูดไปยังอีกโลกหนึ่ง เวลาในความทรงจำช่างแสนยาวนาน ราวกับได้สัมผัสชีวิตใหม่แต่นาฬิกาทรายข้างเตียงยังคงไหลลงอีกด้านได้เพียงน้อยนิด ทำให้ทราบว่าเวลาแห่งโลกความเป็นจริงกลับผ่านไปไม่กี่นาที“อะไรกัน... เนี่ย... แล้วฉันอยู่ที่ไหนกัน” เหมันต์กวาดสายตาไป
บทนำประสบการณ์เสมือนจริงร่างกายล่องลอย มองไม่เห็นแม้กระทั่งแสงสว่าง ข้อสงสัยที่คนมักจะถามกันเองอยู่บ่อย ๆ ว่าตายแล้วไปไหน เป็นสิ่งเดียวที่วกวนเข้ามาภายในโสตประสาทขณะนี้เหมันต์วัยยี่สิบหกปี เจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ ตายอย่างมีเกียรติระหว่างทำภารกิจทว่าเขาไม่ได้โดนลูกปืนฝังหรือโดนมีดแทงจนเกิดแผลสาหัส ไร้หนทางรักษา การตายของเขามันน่าทึ่งกว่านั้นมากและนั่นคือ การตกบันไดตายระหว่างวิ่งตามหมาตำรวจว่ากันว่า ก่อนตาย ความทรงจำอันแสนสำคัญในอดีตจะหวนกลับเข้ามาให้นึกถึง เหมันต์เองก็มีความทรงจำแบบนั้นเช่นกัน แต่สิ่งที่เขาปรารถนาอย่างแรงกล้า คือขอให้รุ่นน้องคนสนิททำลายแล็ปท็อปของเขาให้สิ้นซากไปเสียชีวิตนี้ เขาขอเพียงเท่านั้นก็เป็นอันสุขใจแล้วหลังจากประสาทสัมผัสทั้งห้าดับสิ้นลง ร่างกายของเขาก็เวิ้งว้างอยู่ในโลกซึ่งไร้แสงสว่างทว่าความทรงจำประหลาดและน้ำเสียงไม่คุ้นหูกลับปรากฏขึ้นมา ทลายบรรยากาศอันน่ามัวหมอง บทสนทนาระหว่างสองฝ่ายชวนให้นึกถึงซีรีส์อังกฤษย้อนยุค ติดป้ายฮิตอันดับหนึ่งในแอปสตรีมมิ่ง หรืออาจเป็นคอมมิคสุดโปรดของพวกเด็กวัยรุ่นเสียมากกว่าอะไรอย่างเช่น ตัวเอกหลุดเข้าไปอยู่