Masukยิ้มสิ
“แล้วแม่พริ้มเมียพี่ไหวหรือไม่ล่ะ” เพิ่มเอ่อน้ำเสียงกระเส่า “พอ…พอก่อนเถอะค่ะ พริ้มไม่ไหว” เธอรู้สึกเหนื่อยจริง ๆ จึงได้บอกเขาไป เพิ่มจึงขำออกมาเบา ๆ กับท่าทีของหญิงสาว “ขำอะไรคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นุ่งผ้านี้ไปก่อน เดี๋ยวพี่ค่อยพาไปซื้อใหม่” เขาส่งผ้าพับให้เธอสองผืน “ผ้าอะไรเหรอคะ ยังดูใหม่อยู่เลย” พริ้มพราวหยิบผ้าที่พับไว้กางออกอย่างงง ๆ “ผ้าแม่พี่เอง เก็บไว้นานโข” “แต่…ใส่ยังไงคะ” เธอจับผ้าไปมาอย่างเงอะงะ แต่คนที่มองกับยิ้มอย่างเอ็นดู “มาพี่จะสอนให้” เพิ่มจับตัวหญิงสาวให้อยู่นิ่ง ๆ เริ่มพันห่มสไบเฉียงสีหวานตัดกับผิดขาวเนียน แล้วยังสอนเธอนุ่งผ้านุ่งผ้าถุง โดยจับจีบไว้ด้านหน้า เมื่อเรียบร้อยแล้ว จึงได้ก้าวถอยหลังมายืนมอง “งามมากแม่พริ้มของพี่” พริ้มพราวเขินที่ชายหนุ่มชมจนตัวแทบบิด เพิ่มก้าวเท้ากลับมายืนเบื้องหน้าจับไหล่บางของเธอไว้ แล้วใช้นิ้วมือจับปอยผมทัดหลังใบหูให้หญิงสาว “งามจริง ๆ” เขายังชมเธอไม่หยุดปาก ก่อนจะใช้มือเชยคางให้ใบหน้าสวยของหญิงสาวแหงนขึ้นมาสบตา “ทำไมพี่เพิ่มถึงรู้วิธีห่มสไบของผู้หญิงคะ” เธอเอ่ยถามตาแป๋ว “เอ่อ..ก็มันไม่ได้ยากอะไร แค่มองดูพี่รู้แล้วว่าเขานุ่งอย่างไรกัน พับผ้าอย่างไรกัน” “ไม่จริงอ่ะ แค่มองจะรู้ได้เลยเหรอ หรือพี่มีเมียอยู่ก่อนแล้ว” หญิงสาวกล่าวอย่างสงสัย หน้าตาหล่อเหลาแบบนี้จะอยู่รอดมาได้ไง “พี่ไม่เคยมีเมีย พี่พูดจริง ๆ” เพิ่มพยายามอธิบาย ซึ่งเขาก็พูดความจริงทุกประการ “......” พริ้มพราวนิ่งเงียบ มองลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลของชายหนุ่ม “ที่พี่พูดเรื่องจริงทั้งหมด พี่ของสาบาน ถ้าพี่พูดเท็จของให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาหักคอให้…” ชายหนุ่มยังพูดไม่จบ พริ้มพราวรีบยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ไม่ให้เขา ได้พูดต่อ “พอแล้วค่ะ สาบ่งสาบานอะไร” “เชื่อพี่แล้วหรือไม่” เพิ่มเลือนมือขึ้นมาจับ มือคนตัวเล็กออก มืออีกข้างโอบเอวเล็กไว้ ดันร่างบางเข้าหาร่างใหญ่ เขาจงใจจับร่างเล็กมาบดเบียดแก่นกลางชายเขา หญิงสาวรู้สึกได้ถึงท่อนเนื้อที่แข็งตั้งอยู่ในกางเกงกำลังถูไถอยู่บริเวณหน้าท้อง “เชื่อแล้วค่ะ ออกไปด้านนอกกันเถอะ” หญิงสาวดันตัวชายหนุ่มออก ก่อนที่มันจะเลยเถิดไปอีกรอบ ซึ่งเขาก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ทั้งสองจึงเดินออกมาจากห้องพร้อมกัน “แล้วนี่จะไปไหนคะ” พริ้วพราวถามออกไปเพราะเธอ ก็อยากจะรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ชายเบื้องหน้าคนนี้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี แม้จะยังไม่ได้ตบแต่งกันก็ตาม แต่จะทำไงได้ล่ะเธอก็เป็นเมียเขาไปแล้วนี่ และดูท่าทางเขาก็ดีกับเธอมาก ก็คงจะรักเธออยู่ไม่น้อย “พี่จะไปหานางบัว” เพิ่มเอ่ยบอกหญิงสาว “นางบัว” บัวชื่อผู้หญิงนิ ใครกันเมื่อกี้ยังบอกไม่มีเมีย พริ้มพราวได้แต่คิดในใจ แล้วชายหนุ่มก็กุมมือเธอให้เดินตามเข้าไป เพิ่มพาหญิงสาวเดินมาด้านข้างเรือน เธอก็ต้องตะลึงงันเข้ากับ ควายตัวใหญ่ดูอ้วนท้วน ตัวใหญ่ผิวดำเทา ยืนมองมาทางทั้งสอง “คะ ควายเหรอ” พริ้มพราวเธอด้วยน้ำเสียงสั่น พร้อมกับรีบไปแอบด้านหลังชายหนุ่ม “เป็นกระไร กลัวรึ นางบัวมันไม่น่ากลัวดอกแม่พริ้ม” ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้ำเสียงนุ่ม เอียงหัวชำเลืองมองคนตัวเล็กที่แอบอยู่ด้านหลัง “ไม่ ๆ พริ้มกลัวค่ะ” หญิงสาวชะโงกหน้ามองนางบัวของเขา ก็ได้ยินเสียงลมหายใจของมันดังฟึดฟัด จึงยิ่งกำเสื้อเขาไว้แน่น “ที่ที่เจ้าอยู่ไม่มีควายแบบนางบัวหรือ” เพิ่มถามเพราะไม่เคยเห็นผู้ใดกลัวควายมาก่อน “ก็ ๆ มีค่ะ ตามต่างจังหวัด แต่พริ้มก็พึงจะเคยเห็นตัวเป็น ๆ แบบนี้ ดูสิ!! มันมองมาที่พริ้ม” เธออยากจะออกไปจากตรงนี้เสียเต็มที แต่ไม่กล้าแม้จะขยับตัว เคยเห็นแต่ในละครที่ควายมันชอบวิ่งไล่คน “สงบใจก่อนหนา แม่พริ้มของพี่ ไม่ต้องกลัวพี่จะจับมือไว้ พี่ขอรับรองว่านางบัวมันไม่มีทางทำอะไรให้แม่พริ้มของพี่ต้องกลัว” น้ำเสียงนุ่มทุ้มของเขาที่เอ่ยปลอบ ที่ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจคล้ายกับโดนเป่ามนต์อย่างไงอย่างงั้น เพิ่มเอ่ยบอกเธอพร้อมกับหันไปจับมือเธอไว้แน่น แล้วเดินไปปลดเชือกจูงนางบัว มันก็เดินตามออกมาอย่างว่าง่าย หญิงสาวทำได้แต่เกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่น แม้จะเบาใจกับคำพูดเขาเมื่อครู่แต่เธอก็ยังกลัวมันอยู่ดี เพิ่มเดินออกมาจนถึงบริเวณหน้าบ้าน เข้าก็หยุดเดินแล้วพาเธอหันหน้าเผชิญหน้ากับนางบัว หญิงสาวหลบเกาะแขนเพิ่มไว้แน่นโผล่มาแค่เพียงครึ่งใบหน้า เพื่อมองนางบัวตัวนี้ เพิ่มเอื้อมมือไปลูบที่หัวมันเบา ๆ “ดูเถิด มันนิสัยดีจริง ๆ พี่ไม่หลอกแม่พริ้มหรอก ลองลูบหัวมันดูสิ” “พะ…พริ้ม ๆ” “ทำแบบนี้” เพิ่มจับมือของเธอไปลูบที่หัวมันเบา ๆ “อ๊าย…” พริ้มพราวหลับตาปี๋ เกร็งมือสุด ๆ เเต่ก็ลูบหัวควายตัวนี้ไปตามแรงที่ชายหนุ่มนำพา เวลาผ่านไปไม่กี่วิ เปลือกตาสวยหลี่ตามองเจ้าควายตัวนั้น มันก็ยืนนิ่งเฉย เธอจึงค่อย ๆ คล้ายความกลัวเริ่มมองนางบัวเต็ม ๆ แบบไม่หลบภพรัก“พี่เพิ่ม..พี่เพิ่มจริง ๆ ด้วย” หญิงสาวเงยหน้าเอ่ยมองใบหน้าชายหนุ่ม แววตาเขาที่มองเธอก็คือเพิ่มไม่มีผิดเพี้ยน“ผมชื่อพอร์ชครับ”ชายหนุ่มเอ่ยบอกเธอ พริ้มพราวหัวใจไหววูบชาไปทั้งตัว เสมือนร่างร่วงลงสู่ก้นเหวลึก หัวใจเธอแทบหยุดเต้น แววตาที่แสดงว่าดีใจเมื่อครู่วูบหายไปจากใบหน้าทำไม..ทำไมถึงไม่ใช่พี่เพิ่ม หน้าเหมือนราวกับเป็นคนคนเดียว หญิงสาวคิดในใจ เธอปล่อยจากการโอบกอดชายหนุ่ม ก้าวเท้าถอยหลังมองเขาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย“ขอ..ขอโทษด้วยค่ะ ฉัน…” ยังพูดไม่ทันจบก้อนสะอื้นก็ตีขึ้นมาจนพูดอะไรไม่ออก“อึก ๆ … คุณหน้าเหมือนคนที่ฉันตามหา..ขอโทษด้วยนะคะ” พริ้มพราวก้มหน้าขอโทษชายหนุ่ม ก่อนจะรีบก้าวเดินเลี่ยงสวนเขาออกมา หยดน้ำตาก็ไหลร่วงปลิวตามแรงลม“แม่พริ้ม….”ฝ่าเท้าหยุดชะงัก เมื่อได้ยินคำเรียกที่คุ้นเคย ร่างสวยรีบหันกลับไปอีกครั้ง ก็ยังเป็นชายคนนั้นที่เขาบอกว่าตนชื่อพอร์ช ยืนมองเธออยู่ ทั้งสองสบตากัน“แม่พริ้ม…” คำ ๆ นี้ออกมาจากปากพอร์ชอีกครั้งหญิงสาวยืนนิ่งเสมือนรอบตัวทุกสิ่งทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว เธอจ้องมองไปที่พอร์ชด้วยความรู้สึกสับสนพริ้มพราวมึนงงจนคิดว่าตนเองคิดถึงเพิ่มมากจนหูแว่วไป ทั้
“ถ้าไม่มีพี่อยู่ พริ้มก็ต้องกลับมาโดดเดี่ยวตัวคนเดียวเหมือนเดิม พริ้ม...ขอไม่อยู่ซะยังดีกว่า เราไปเจอกันชาติหน้านะ.......”มิ่งหันกลับมามองทั้งสองอีกครั้ง เขาเห็นพริ้มพราวกำมีดสั้นง้างมือจนสุด…“อย่า!!!” มิ่งตะโกนสุดเสียง แต่ก็ไม่ทันอยู่ดีพริ้มพราวแทงมีดสั้นเข้าที่อกข้างซ้ายด้วยมือของเธอเองอย่างแรง จนปักค้างอกอยู่แบบนั้น ใบหน้าสวยเริ่มนิ่งสงบ รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นแม้มันจะแฝงไปด้วยความเศร้าโศก เลือดสีแดงสดไหลชุ่มกาย ร่างเล็กค่อย ๆ หมดแรงลง เธอเอนกายไปซบที่อกของชายที่รักพร้อมกับลมหายใจที่หมดไป….“เฮือก!!!”หญิงสาวรู้สึกตัวสะดุ้งตื่นเพราะความตกใจจากบางอย่าง ร่างกายรู้สึกปวดหนึบไปทั้งตัว สภาพรอบตัวมันมืดไปหมด“นี้คือโลกหลังความตายใช่ไหม” เธอพึมพำกับตนเอง“แล้วพี่เพิ่มล่ะ พี่อยู่ไหน” พริ้มพราวพยายามมองหา แต่มันมืดจนเธอมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น“ฮึก ฮึก ฮือ ๆ ฮือ ๆ” ภาพความทรงก่อนหน้ายังฉายเวียนซ้ำอยู่ในหัว สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือร้องไห้ เธอรู้สึกเคว้งคว้างแตกสลาย นี้ขนาดตายแล้วยังไม่ได้อยู่กับคนที่รักเลยหรือเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ หญิงสาวร้องไห้อยู่นานจนหลับไป กระทั่งรู้สึกตัวตื่นข
“มึงปล่อยเมียกูเดี๋ยวนี้นะ” เพิ่มใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห ใช่แรงที่มีพยายามดิ้นให้หลุดจากลูกน้องของศักดิ์แต่ก็ไม่เป็นผลพริ้มพราวร้องไห้ด้วยความกลัวและเป็นห่วงเพิ่ม พยายามจะเข้าไปหาเพิ่มแต่ถูกศักดิ์ยึดไว้ตลอด“มานี่ไปอยู่กลับพี่ พี่จะเลี้ยงดูเอ็งอย่างดี”ศักดิ์โอบเอวพริ้มพราวไว้จากด้านหลัง พูดที่ข้างหูเธอและจงใจให้เพิ่มได้ยินด้วยพริ้มพราวสะบัดหน้าไม่ยอม เธอร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร เพิ่มเองก็ไม่ต่างกันเห็นเมียรัก กำลังจะถูกศักดิ์เอาตัวไป เขาก็เจ็บปวดราวกับเหมือนมีดมากรีดที่หัวใจ“ไม่ ๆ ปล่อยฉันนะ ปล่อย!!!” พริ้วพราวไม่ยอมท่าเดียว เธอดิ้นหนีเลยถูกศักดิ์ยื้อยุดฉุดกระชาก จนข้อมือและแขนแดงไปหมด“ฤทธิ์เยอะนักว่ะ จัดกันมันสิ” ศักดิ์ตะโกนบอกลูกน้อง แล้วพยักหน้าไปทางเพิ่ม ลูกน้องก็เข้าใจในทันที มันหยิบท่อนไม้ขนาดพอดีมือ ฟาดเข้าไปที่หัวเพิ่มอย่างแรง เลือดสีแดงฉากไหลอาบหน้า จนมองแทบไม่เห็น“กรี๊ด!! พี่เพิ่ม อย่าทำนะ พอแล้ว” พริ้มพราวตกใจจนสติแทบหลุด มองดูชายคนรักถูกตีหัวเลือดไหลอาบหน้า“ถ้าไม่อยากให้มันเจ็บตัวก็ไปกับพี่ดี ๆ สิจ๊ะคนสวย” ศักดิ์บีบไปที่ปลายคางเล็ก ๆ พริ้มพรายให้หันมาสบตาเขา เธอยั
วันต่อมากาหลงกับศักดิ์ และลูกน้องมาที่บ้านเพิ่ม โดยที่กาหลงกับสาวใช้มาก่อนส่วนศักดิ์กับลูกน้องเขาเดินเล่นอยู่ในละแวกนั้น เพื่อที่จะตามหาพริ้มพราวหญิงสาวที่ตนเองนั้นถวิลหา “พี่เพิ่มคงรู้แล้วล่ะว่ามันถูกรุมโทรมมา พี่เพิ่มคงต้องเขี่ยมันทิ้งแน่ ๆ” กาหลงเดินมาอย่างมาดมั่น กะว่าจะมาสมน้ำหน้าพริ้มพราวเต็มที่ “พี่เพิ่มจ๊ะ” กาหลงมายืนอยู่หน้าเรือนเรียกเพิ่มเสียงหวาน เพิ่มได้ยินจึงเดินมายืนที่ชานเรือนมองกาหลง ด้วยสายตาขึงขังแต่กาหลงยังส่งยิ้มหวานให้อย่างยั่วยวน แต่แล้วจู่ ๆ พริ้มพราวก็เดินออกมายืนเคียงข้างเพิ่ม แล้วเขาก็โอบไหล่ของเธอไว้ กาหลงจึงหุบยิ้มทันที สีหน้าและแววตาของกาหลงบ่งบอกได้ว่าเธอรู้สึกแปลกใจ “ทำไมเหรอ แปลกใจมากไหมที่ยังเห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้” พริ้มพราวพูดน้ำเสียงแข็ง “มึง…ทำไมมึงยังอยู่” กาหลงกัดฟันเค้นเสียงอย่างแค้นเคือง สายตามมองจิกเริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่มือแน่น “กลับไปเถอะกาหลง พี่ไม่อยากจะเอาเรื่องเอ็ง” เพิ่มพูดแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นเขาไม่อยากที่จะมองหน้าหญิงคนนี้ด้วยซ้ำ “พี่เพิ่ม..กาหลงทำเพื่อพี่นะ” น้ำเสียงพยายามออดอ้อน ขอความเห็นใจ เพิ่มคงล่วงรู้ถึงสิ่งที่เธอทำแล้ว
ผิดตัวหลายวันนี้เพิ่มต้องไปนา เพื่อเตรียมที่จะเกี่ยวข้าวในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า พริ้มพราวไม่ได้ตามไปด้วย เธอคอยชายหนุ่มอยู่ที่บ้าน โดยมีมะลิมาอยู่เป็นเพื่อนบ้างเป็นครั้งคราว มะลิสอนเธอทำกับข้าวได้หลายอย่างเธอจึงได้เตรียมกับข้าวให้เพิ่มไว้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ตอนที่อยู่ตัวคนเดียว ชายหนุ่มก็จะไม่กลับเรือนเขาจะนอนที่เถียงนาเลยแต่บัดนี้มีเมียรักรออยู่ แถมยังเตรียมกับข้าวกับปลาไว้ให้ เขาจึงต้องรีบกลับเรือนทุกวันจนมิ่งเอ่ยแซว วันนี้ก็เช่นกัน เพิ่มกับมิ่งไปนาตั้งแต่เช้า มะลิก็มาอยู่เป็นเพื่อนพริ้มพราวเหมือนเช่นเคย สองสาวต้องหานู่นหานี้มาทำ กันอย่างเพลิดเพลิน พอบ่ายคล้อยมะลิจึงได้กลับเรือนตนเองไป เพื่อเตรียมกับข้าวกับปลาไว้รอมิ่งกลับมา พริ้มพราวเองก็เช่นกันเธอก็เข้าครัวไปจัดเตรียมหุงหาอาหารรอเพิ่มบ้างอีกมุมหนึ่งไม่ไกลจากเรือน แก้วรอโอกาสนี้มาหลายวันแล้ว แก้วคอยมาสังเกตพอรู้ว่าช่วงนี้เพิ่มต้องไปนา พริ้มพราวอยู่คนเดียวแต่พี่สาวเธอก็มักจะมาอยู่เป็นเพื่อนอีก จึงได้รอโอกาส และนัดแนะกับกาหลงไว้ แล้ววันนี้โอกาสก็มาถึง เมื่อมะลิกลับเรือนไป แก้วก็มาหาหญิงสาว พริ้มพราวที่กำลังง่วนอยู่ในครัว ได้ยิ
สิ่งที่กลัวที่สุดหลายวันผ่านไป พริ้มพราวมานั่งเล่นที่ริมน้ำ หญิงสาวนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ นึกถึงสาเหตุว่าสิ่งใดหรือใครกันที่ทำให้เธอมาอยู่ที่นี้ได้ จะเรียกว่าย้อนเวลาได้ไหม หรือเป็นแค่ฝันฉากหนึ่งแต่ถ้าเป็นความฝันจริง เธอก็ไม่อยากจะตื่นอีกแล้ว ถ้าต้องตื่นไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริงอย่างโดดเดี่ยว เธอขออยู่ในฝันนี้ตลอดไปกับชายคนที่รักเธอแบบนี้ดีกว่าพรึ่บ!! “ว้ายพี่เพิ่ม…ตกใจหมด”เพิ่มเดินมาหาพริ้มพราว หลังจากที่เธอบอกเขาว่าจะมานั่งเล่นที่ท่าน้ำตั้งแต่เมื่อเย็น นี้ก็โพล้เพล้และตะวันใกล้จะตกดิน ยังไม่เห็นเมียรักกลับมา จึงได้เดินมาดูเห็นเธอนั่งเหม่อคิดอะไรอยู่เพิ่มมองแผ่นหลังบางนั้น ใจก็กระตุกวูบกลัวว่าหญิงสาวจะหายไป ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งอยู่ ๆ เธอหายวับไปเหมือนเมื่อครั้งแรกที่อยู่ ๆ พริ้มพราวก็ปรากฏกายขึ้นมา ตัวเขาคงจะทำใจมีชีวิตต่อ ในที่ที่ไม่มีเธอได้ยังไงเพิ่มค่อย ๆ ย่องลงน้ำเงียบ ๆ เขาดำน้ำไปแล้วโผล่ขึ้นใกล้ ๆ ตรงที่พริ้มพราวนั่งอยู่จนเธอสะดุ้งตกใจ“พี่เพิ่ม..เล่นอะไรพริ้มตกใจหมดเลย” เธออยากจะฟาดชายหนุ่มสักที เล่นโผล่มาแบบนี้ตกใจแทบตาย“แม่พริ้มนั่งคิดกระไรอยู่” เพิ่มลอยตัวในน้ำ