“โธ่เทียน...ก็...ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่แค่ห้าหกล้าน ถ้าขายจริงๆ มันอาจได้มากกว่านั้นเท่าตัวเลยก็ได้” จีรวัฒน์เริ่มหัวเสีย เทียนหยดปาดน้ำตา
“งั้นจีเอาเงินมาคืนเทียนสิคะ เทียนจะได้เอาไปหมุน จีพูดอย่างนี้เทียนเสียใจนะ เทียนช่วยเหลือจีมาตลอด แต่พอเทียนลำบาก จีกลับไม่อยากช่วย ถามจริงๆ เถอะ รักเทียนบ้างไหม...” เทียนหยดเม้มปากแน่น ร้องไห้ฟูมฟายออกมา หยดน้ำตาแห่งความแค้นคลั่งหลั่งออกมาพร้อมกับน้ำตาแห่งความเสียใจ
จีรวัฒน์นึกสงสารเลยดึงร่างน้อยมากอด กายหนุ่มสัมผัสกายสาวพาให้ความรุ่มร้อนบังเกิดอย่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา
“ขอโทษนะเทียน จีขอโทษ...ขอเวลาจีหน่อยนะคนดี” ว่าพลางลูบแผ่นหลังบางเรื่อยลงมาถึงเอวคอด
เทียนหยดตาเบิกโต รู้สึกได้ถึงฝ่ามือร้อนของอีกฝ่าย ได้แต่เม้มปากแน่น ดวงตาดุดันเพ่งมองไปข้างหน้าแต่ไม่ได้โฟกัสที่จุดใด แม้ในเวลาแห่งความทุกข์ จีรวัฒน์ก็ยังอยากทำบ้าๆ กับเธอ เอาสิจีรวัฒน์ ลองมาพนันกันดู!
“เอามือออกนะจี เราเครียดกันอยู่นะ” บอกเสียงเง้างอนไม่จริงจัง จะชนะคนชอบฉวยโอกาส มันต้องทำให้แนบเนียน
“ก็ไม่อยากให้เครียดนี่นา” เขาว่าแล้วดึงเทียนหยดออกจากอก ค่อยๆ ปาดน้ำตาให้ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหยดแก้มใสอ้อยอิ่ง ก่อนจะเลื่อนมาหยุดที่ริมฝีปาก ยิ่งดวงตาหล่อนชุ่มน้ำตายิ่งทำให้หล่อนดูเซ็กซี่อย่างประหลาด ตาแดงๆ นั่นช่างน่าสงสารน่าเอ็นดู ริมฝีปากสั่นๆ ก็ด้วย มันชวนให้เขามีอารมณ์ปรารถนาขึ้นมา และเมื่ออดใจไม่ไหว เขาก็โน้มใบหน้าเข้าหาเทียนหยด บรรจงวางริมฝีปากทาบทับริมฝีปากหล่อน ก่อนจะแทรกลิ้นร้อนชื้นเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากอุ่นจัดนั้น
เทียนหยดตัวแข็งทื่อแต่ยอมให้จูบแต่โดยดี ฝ่ามือเขาลูบไล้ลำคอเธอ ทั้งประคองท้ายทอยไว้ให้รองรับรสจูบ เขาจูบอยู่นานชั่วอึดใจ จูบเน้นๆ จนร่างเธอเริ่มอ่อนระทวย แต่ยังก่อน เธอไม่มีวันหลงไปกับรสจุมพิตที่เคลือบทายาพิษหรอกนะ
“อื้อ...จี...พอแล้ว พอแล้วนะจี”
“ไม่...เทียน จีอยาก...จีขอ...” เขาว่าแล้วซุกปลายจมูกเข้ากับซอกคออุ่น แต่ถูกเทียนหยดผลักออกสุดแรง มันทำให้ร่างแกร่งกระเด็นไปจนสุดโซฟา “เทียน! โธ่เว้ย! อย่างนี้ทุกที!”
“ก็เทียนเครียดนี่”
“แต่จีอยาก”
“เห็นแก่ตัว!”
เทียนหยดตะโกนด่า หน้าตาดุดัน อยากจับจีรวัฒน์บีบคอเสียให้รู้แล้วรู้รอด
จีรวัฒน์สะอึก ก็นี่เทียนหยดมิใช่ราตรี ที่จะสนองเขาได้ทุกที่ทุกเวลายามปรารถนาเรื่องอย่างว่า เขาถอนหายใจแรงๆ ทำหน้าบึ้งแต่ตีเนียนขยับเข้าไปหาเทียนหยดอีกครั้ง จับมือบางมาบีบเบาๆ
“ขอโทษครับ อย่าโกรธนะ จี...เอ่อ...รักเทียนนะ มันอดไม่ได้ เทียนน่า...”
“จี!”
“ครับๆ ไม่พูดแล้ว จีขอโทษ ไม่ให้ก็ไม่เอาหรอกน่า จีรอได้ รอเทียนมาตั้งหลายปีนี่นา” ใช่...เขารอเพราะไม่นิยมเสียงกรี๊ดๆ ของผู้หญิงยามอยู่บนเตียง มันสนุกกว่าเยอะยามเจ้าหล่อนยินยอมพร้อมใจขึ้นเตียงกับเขาแต่โดยดี
เทียนหยดหันมองหน้าจีรวัฒน์ ก่อนจะทุ่มทุนสร้าง จับมือเขามาวางแหมะบนหน้าอกของตน จีรวัฒน์ตาเบิกโตเชียวล่ะ
“โธ่จี...เทียนขอโทษที่ให้จีต้องรอนะ ความจริง...เราก็คบกันมานาน เทียนก็ไม่ใช่นักเรียนนักศึกษา เทียนโตแล้ว ถ้าจี...ต้องการ เทียนจะให้ แต่ว่า...ขอให้เรื่องกู้เงินกับแบงก์ผ่านไปก่อน พอมีเรื่องยุ่งแล้วมันไม่อยากทำอะไร มันเครียด” เอ่ยจบก็ดึงมือแกร่งคืนเจ้าของ ไม่ทันให้จีรวัฒน์ได้บีบขยำหน้าอกอันอวบอัดด้วยซ้ำ
จีรวัฒน์ลอบกลืนน้ำลาย นึกเสียดายไม่น้อย
“จริงนะเทียน”
“จริง...แต่ยังไม่รู้นะว่าเมื่อไหร่ บอกแล้วว่าเครียด” อธิบายแล้วซับน้ำตาที่ยังหลงเหลือ รู้ว่ายิ่งทำแบบนี้จีรวัฒน์ยิ่งปรารถนาในตัวเธอ มันเข้าแผนเชียวล่ะ “แล้วตกลงจีจะให้เทียนยืมโฉนดไหม”
คราวนี้จีรวัฒน์อึ้งไป ไม่อยากเสียที่แปลงนั้น มันเสี่ยงเกินไปกับการโอนโฉนดเป็นชื่อหล่อนแล้วค่อยโอนกลับมา แต่มันยิ่งเสี่ยง หากเขาเป็นคนกู้เงินกับแบงก์แทนหล่อน เขากำลังตกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เทียนหยดผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาได้อย่างไรนะ หล่อนยอมให้เขาหยิบยืมเงินง่ายๆ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งได้อย่างไร หรือว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นแค่เพราะว่าหล่อนรักเขา น่าเวทนาไหมเล่าที่ความรักที่เขามีให้หล่อนนั้นมันน้อยไปกว่าความรักที่เขามีให้ตัวเอง
“จี...เอ่อ...ขอเวลา” เขาบอกปัดอย่างสุภาพที่สุด
เทียนหยดทำเป็นพยักหน้า เม้มปากแน่นๆ แล้วยิ้มอย่างยอมรับชะตากรรม
“ค่ะ...เทียนเข้าใจ ที่แปลงนั้นมันแพง และจียังไม่ไว้ใจเทียน”
“โธ่เทียน อย่าพูดแบบนั้นสิ จีรู้สึกผิดยังไงไม่รู้”
“ก็มันจริงนี่คะ ตอนจียืมเงินเทียน เทียนเซ็นเช็คให้ทันที ไม่มีสัญญาเงินกู้อะไรด้วยซ้ำ เพราะอะไรรู้ไหมคะ เพราะจีคือคนที่เทียนรัก คือคนที่เทียนไว้ใจและมั่นใจว่าไม่มีวันทรยศเทียนยังไงล่ะ” ยิ่งพูดยิ่งเหมือนตอกย้ำความผิดของจีรวัฒน์ แต่หัวใจเขาคงกระด้างเกินเยียวยา เพราะแม้เธอจะเอ่ยแทงใจดำแต่เขาก็ไม่สะทกสะท้าน ไม่มีเผยพิรุธให้เธอจับได้เลย
“แน่นอนครับ เทียนไว้ใจจีได้เสมอ จีรักเทียนคนเดียว” เขายืนยันคำพูดนั้นด้วยการจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากหล่อนอย่างอ่อนโยนจนเทียนหยดหลับตาพริ้มรับสัมผัสนั้น
“ช่วงนี้เทียนอาจแวะมาบ่อยๆ นะคะ งานที่บริษัทของคุณลุงก็มีคนดูแลแล้ว งานของเทียนเองก็ทำที่ไหนก็ได้ เทียนอยากมาอยู่กับจีบ้าง อยู่ห่างจีมากๆ เทียนกลัวจีไปมีคนอื่น”
ชายหนุ่มส่ายหน้ารัวๆ “ไม่มีทาง จีรักเทียนคนเดียว สาบาน” เขาว่าแล้วยกมือชูขึ้นสามนิ้วสาบถสาบาน เทียนหยดมิได้ห้ามแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวก็เบื่อไปเองมั้งคะ”“ไม่...โอบว่าไม่เบื่อง่ายๆ หรอก พี่ต้องมีอีกสักโหลอ่า จริงๆ”“โอบ...” เทียนหยดครางเสียงต่ำ โหลหนึ่งเลยหรือ ไม่ไหวหรอก“แหะๆ โอบไปรอที่รถดีกว่า หิวแล้ว แม่ครับย่าครับ ไปขึ้นรถเร็วเข้า”โอบนิธิรีบเผ่นก่อนถูกพี่สาวเขกหัว มื้อค่ำวันนี้รอเขาอยู่ ก่อนที่สมาชิกทุกคนของบ้านจะทยอยกันไปขึ้นรถเพื่อไปฉลองงานวันเกิดให้กับเด็กหญิงตัวน้อยเด็กหญิงมัชฌาวี โสภณวิชญ์__________ทฤษฎีโลกกลมยังใช้ได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในระหว่างที่ครอบครัวโสภณวิชญ์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่นั้น ภายในร้านอาหารเดียวกันก็มีหนึ่งสตรีเฝ้ามองความอบอุ่นของพวกเขาด้วยสายตาแสนเสียดาย แม้ข้างกายมีหนุ่มใหญ่เคียงข้าง ทว่ามิใช่ในแบบปกตินานมากแล้วที่ราตรีมิได้เห็นสมัตถ์ มิได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจ มันทรมานยามเห็นพวกเขามีความสุข พอทนไม่ไหวก็รีบบอกให้คนข้างกายลุกกลับ เธอขอย้ายร้านด้วยไม่อยากทนมองความสุขของพวกเขาให้มันร้าวรานใจราตรีเดินออกจากร้านเงียบๆ พร้อมกับลูกค้าของตัวเอง ไม่ทันได้
-+- บทส่งท้าย -+-____________งานวิวาห์แสนหวานถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ถัดมา งานเล็กๆ แต่อบอุ่น สองสามีภรรยาหมาดๆ เลือกทะเลที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ เป็นสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ด้วยภาวะตั้งครรภ์ของเทียนหยดไม่ชวนให้สมัตถ์อยากนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศ ทริปฮันนีมูนสั้นๆ ไม่กี่วันของทั้งสอง เลยสรุปที่ชายทะเลที่สมัตถ์เคยมาคราวก่อน คลื่นลมยังแรงด้วยเข้าสู่ฤดูฝนพรำ คู่สามีภรรยาเดินจับมือกันเดินไปตามชายหาดที่ทอดยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาทั้งไทยและเทศ เดินกันขวักไขว่ ครึกครื้นไม่น้อย“ลมแรงจัง กลับโรงแรมดีไหม ฝนจะตกแล้วด้วย” สมัตถ์ว่าเทียนหยดส่ายหน้าดิก ซบศีรษะลงกับบ่าของสามี สองมือของทั้งสองจับกันไว้มั่น มีแหวนแต่งงานสวมไว้คนละวง“เดินต่ออีกนิดนะคะ สัก...ต้นมะพร้าวต้นนู้น...ค่อยกลับ” ว่าที่คุณแม่ชี้ไปข้างหน้า เจ้าเล่ห์น้อยๆ เพราะต้นมะพร้าวที่ว่าอยู่ไกลโข“ไม่เหนื่อยหรือไง เดินมาตั้งไกลแล้วนะ”“ไม่ค่ะ ถ้าเหนื่อย จะขึ้นหลังคุณแล้วกัน”“หึๆๆ
“ฉันรู้ และขอโทษที่มัวแต่ทำใจในเรื่องนี้จนละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเธอ ฉันเสียใจที่แม่ต้องตาย แต่มันเสียใจมากกว่าเดิมที่รู้ว่าคนที่ทำให้ท่านต้องตาย...คือเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนผิดหวังระคนน้อยใจ ทำไมต้องเป็นเทียนหยดด้วยเล่า ทำไม“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคุณสมัตถ์ ขอโทษจริงๆ”“ชู่ว์...เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ พูดไปก็มีแต่เจ็บปวด ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ ลืมมันให้หมด ลืมว่าเราเคยเกลียดกัน ลืมว่าเราเคยทุกข์ทรมานเพราะความสูญเสีย เรามาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำไม่ใช่เหรอ เรามาทำมันไปพร้อมกันเถอะนะ”เทียนหยดน้ำตาซึม ถูกสมัตถ์ดึงตัวไปกอด และมันช่างอบอุ่นนัก นี่คืออ้อมกอดที่เธอโหยหา ช่างควรค่าแก่การเฝ้ารอเหลือเกิน“ฉันว่าเรากินมื้อค่ำดีกว่า ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”“อะไรคะ”“ไม่บอก เธอต้องรอดึกๆ และควรกินมื้อค่ำแล้วหลับสักงีบ ดึกๆ เดี๋ยวฉันปลุก”“แน่นะคะ&rd
[21]พรางรัก___________รุ่งเช้าเสียงกุกกักดังขึ้นที่ข้างเตียง เทียนหยดลืมตาขึ้นช้าๆ สมองหนักอึ้ง โพรงปากรสชาติฝืดเฝื่อน พอขยับลุกขึ้นนั่ง มืออุ่นๆ ของสมัตถ์ก็ช่วยพยุงให้เธอนั่งดีๆ“เป็นยังไงบ้าง อยากอ้วกไหม”หญิงสาวพยักหน้าเมื่อถูกถาม และพอเขาเอาถุงพลาสติกมารอใต้ปาก เธอก็โก่งคออาเจียน มันทรมานเมื่อไม่มีสิ่งใดออกมากับการสำรอกนอกจากน้ำลายเปรี้ยวๆ สมัตถ์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขายังช่วยลูบหลัง ช่วยเก็บถุงอาเจียนไปทิ้ง“ฉันจะไปทำงานแล้วนะ เอารถเธอไป”“เอ้า แล้วฉันล่ะ” เธอท้วง ถ้าให้นั่งแท็กซี่ช่วงนี้มีหวังได้อ้วกบนรถแท็กซี่แน่ๆ“เธอไม่มีรถก็ไม่ต้องไปสิ”“ได้ไง ฉันจะไป”“ฮื่อ...พูดไม่รู้ฟัง แพ้ท้องแทบจะยืนไม่ขึ้น ยังจะหาเรื่องอีก แล้วถ้าไปทำงานเผลอไปพะอืดพะอมให้พนักงานเห็น เดี๋ยวลูกน้องก็ได้นินทาพอดี” สมัตถ์หาทางเลี่ยงไม่ให้เทียนหยดไปทำงาน แต่เทียนหยดกลับคิดเป็นอื่น“ช่างสิ นินทาหรือ
สมัตถ์อมยิ้ม ยักไหล่ใส่คนที่ร้องขอ “ทำไมล่ะ”“กลัวลูกได้ยินมั้ง ฉันนี่ร้ายกาจจริงๆ”“ถึงร้ายก็รักนะ”“คะ?” ประโยคที่ออกจากปากสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดตื่นตะลึง นี่เธอหูฝาดหรือเปล่า “อะไร ฉันไม่ได้ยิน”“เธอได้ยิน ฉันรู้”“ก็มันไม่แน่ใจนี่นา พูดอีกทีซิ”“ไม่”“น่านะ พูดอีกที” คนสวยร้องขอสมัตถ์เบะปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่ก็แอบมองเทียนหยดเป็นครั้งคราว เรียวปากคลี่ยิ้มบางๆ บางเสียจนเทียนหยดไม่ทันสังเกต“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถาม“ก็หาอะไรกิน แล้วพากลับบ้าน”“ไม่กลับ ฉันจะกลับคอนโดฯ ถ้าไม่ไปส่งฉันที่นั่น ก็เชิญคุณลงไปโบกแท็กซี่กลับเอง” เธอยืนยัน แล้วสมัตถ์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่แม่ของลูกบัญชา_________เวลา 21:30 นาฬิกากลิ่นนมหอมๆ ลอยอวลทั่วห้อง เทียนหยดผลักประตูเข้าไปแล้วสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด ผู้ช่วยคนเก่งของเธอยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าเตา เจ้า
เธอพยักหน้า จีรวัฒน์เคลื่อนกายออกจากโต๊ะตัวสูงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในนั้น“โชคดีนะจี ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”จีรวัฒน์มองเทียนหยดอย่างอาลัยอาวรณ์“ขอกอดสักทีได้ไหม ครั้งสุดท้าย...”เทียนหยดยิ้มน้อยๆ ดวงตามีหยาดน้ำใสไม่แพ้จีรวัฒน์ การจากกันด้วยดีย่อมน่าพิศสมัยกว่าการลาจากแบบโกรธเคือง อ้อมกอดของจีรวัฒน์อบอุ่นเสมอ ทว่าเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากมิได้อ้อมกอดของสมัตถ์มาครอบครอง เธอก็ขอแค่กอดตัวเองตลอดไปหวืด! โครม!ความโกลาหลเกิดขึ้นชั่วขณะ อะไรสักอย่างพุ่งมาทางด้านหลังเทียนหยดแล้วจับแยกหญิงสาวกับจีรวัฒน์ออกจากกัน จีรวัฒน์ถูกผลักจนล้มหงายหลัง ชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้โครมคราม แต่คนต้นเหตุยังไม่สาแก่ใจ ตามไปประเคนหมัดใส่จีรวัฒน์อีกสามทีซ้อนพลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!“คุณสมัตถ์!? หยุดนะ! คุณสมัตถ์ฉันบอกให้หยุด!”พลั่ก!หมัดสุดท้ายกระแทกใบหน้าจีรวัฒน์จนเลือดกบปาก ด้วยว่าไม่นิยมออกกำลังกาย ร่างกายจึงมิใช่หุ่นนักกีฬา ไม่มีลวดลายพอจะต่อกรกับหมัดแกร่งของอีกฝ่ายสมัตถ์ลุกจ