มือเรียวยกป้องปากงาม หัวใจเต้นถี่ระรัว ทั้งโกรธ...ทั้งรัก ทั้งแค้นใจ! ไฟล์วิดีโอยังเล่นไปพร้อมๆ กับน้ำตาของเทียนหยดที่ไหลริน ริมฝีปากสั่นระริกเม้มแล้วเม้มอีก ดวงตาหลั่งสายธารออกมาราวกับน้ำตกผืนใหญ่ในฤดูฝนพรำ ยิ่งนั่งดู ยิ่งปวดใจ เฝ้ามองภาพคนรักของตัวเองกำลังนัวเนียกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหญิงอื่น ทั้งสองปล้ำถอดเสื้อผ้ากันจนเหลือเพียงชุดชั้นใน และวินาทีที่เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายจะหลุดออกจากสองร่าง เธอก็กดหยุดวิดีโอ ก่อนที่หัวใจจะแตกสลายเพราะการกระทำของชายที่เธอจงรักภักดี
เทียนหยดปิดพับหน้าจอกล้องถ่ายรูปเข้าหาตัว กล้องตัวนี้สมรรถภาพเยี่ยมยอด สามารถกดแชร์ภาพ แชร์วิดีโอลงแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กได้ทันที เธออยากทำใจจะขาด อยากประจานความชั่วร้ายของคนทั้งสอง แต่สุดท้าย...ก็เก็บมันเข้ากระเป๋าถือใบโต หักห้ามใจเอาไว้ ข่มความโกรธความเจ็บใจ ไว้รอวันเอาคืน ตอนนี้เธอยังมีสติไม่พอ เธอกำลังโกรธมาก! และทุกอย่างจะพังพินาศถ้าเธอสติแตก!
“อือ...เทียน...มาแล้วเหรอ”
เสียงถามดังอืออามาจากห้องนอน เทียนหยดรีบปาดน้ำตา หยิบเครื่องสำอางมาเติมแป้งเติมลิปสติก มิให้มีรอยพิรุธ ทว่าแต่งเติมอย่างไร ดวงตาที่แดงก่ำนั้นคนมองย่อมรู้อยู่ดีว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
“ค่ะ เอ่อ...เมื่อคืนหนักหรือคะ กลิ่นเหล้ายังติดเสื้ออยู่เลย” ถามเขาแต่ไม่หันหน้าไป ได้ยินเสียงจีรวัฒน์พลิกกายลุกจากเตียง เขาคงเข้าห้องน้ำ แว่วเสียงน้ำดังซู่ซ่าชั่วนาที ก่อนที่เขาจะเดินออกมาในชุดคลุมอาบน้ำที่เดาได้ว่าคงไร้กางเกงชั้นใน
“เหล้าหกใส่เสื้อน่ะ โอย...คิดถึงเทียนจัง” ว่าแล้วนั่งลงข้างๆ ใช้แขนวาดเอาร่างน้อย โอบหล่อนไว้หลวมๆ ทุกครั้งหากทำอย่างนี้ เทียนหยดจะทำขัดขืนแล้วดึงมือเขาออก แต่คราวนี้ไม่เป็นเช่นนั้น หล่อนกลับขยับเข้าหาอกเขา บดเบียดร่างอุ่นๆ ของหล่อนเข้ามา มันทำให้อารมณ์บางอย่างในกายลุกพรึบในบัดดล
“เทียนก็คิดถึงค่ะ เทียนเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลย จีอย่าทิ้งเทียนนะ” บอกเสียงเศร้าๆ ดวงตาที่เจือหยดน้ำตามีแววมุ่งมั่นบางอย่าง
จีรวัฒน์ผลักร่างบางออกห่างกาย จ้องมองสาวคนรักอย่างพิจารณา
“เป็นอะไรฮึ แล้วนี่ร้องไห้เหรอ ไม่เอานะไม่ร้อง เทียนร้องไห้ตาบวมเดี๋ยวไม่สวยนะ”
ว่าพลางช่วยเช็ดหยดน้ำตา เทียนหยดยิ่งน้ำตาร่วงพรู ดูเอาเถิด เขายังปฏิบัติต่อเธออย่างห่วงใยรักใคร่ราวกับว่าเมื่อคืนไม่ได้พาใครมาสนุกสุดเหวี่ยงบนโซฟาตัวนี้ ยิ่งนึกถึงยิ่งขยะแขยง ดีเท่าไหร่ที่เธอยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขา ไม่อย่างนั้นคงได้น้ำตาเช็ดหัวเข่า
“เทียนแค่...เอ่อ...ขอโทษ เทียนเครียดนิดหน่อยน่ะ”
“เครียดเรื่องอะไร”
“งานค่ะ เทียนทำแบรนด์เครื่องสำอาง จีก็รู้ ตอนนี้เทียนต้องการเงินลงทุน ไม่อยากยืมแม่แล้วค่ะ เลยต้องดิ้นหาหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้” ว่าแล้วทำหน้าเศร้าจนจีรวัฒน์นึกสงสาร
“แล้วเงินของเทียนล่ะ”
หญิงสาวส่ายหน้า “ลำพังเงินเดือนของเทียนไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แค่พอใช้จ่าย มีเหลือติดบัญชีบ้างนิดหน่อยแต่ไม่ใช่เงินก้อนใหญ่พอจะลงทุนอะไรได้ ส่วนเงินเก็บที่เทียนมี จีก็รู้ว่ามันหายไปไหน”
“จีขอโทษ จียังหามาคืนเทียนไม่ได้จริงๆ”
ชายหนุ่มร้อนตัว รีบหาคำแก้ต่างเรื่องเงินหกล้านที่หยิบยืมไป
“เทียนยื่นกู้แบงก์ไปแล้ว แต่เขาขอหลักทรัพย์ค้ำประกัน จีคะ...จีจะช่วยเทียนได้ไหม”
“ยังไง” ถามออกไปแล้วขยับออกห่างตัวแฟนสาวราวกับหล่อนเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ
“ก็...จีมีที่ดินไม่ใช่หรือคะ เทียนขอยืมหน่อยได้ไหม”
จีรวัฒน์หน้าเจื่อน มันจริงที่เขามีมรดกเป็นที่ดินผืนเล็กๆ กลางกรุงฯ ที่บิดามารดาผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้ แต่ไม่คิดว่าต้องเอามันมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันให้ใครนี่นา หลายปีมานี้เขาเองก็ไม่ค่อยเอ่ยถึงมันด้วย มีปัญหาเรื่องเงินทีไรก็ให้เทียนหยดช่วยทุกที
“อ่า...ใช้ได้หรือเทียน โฉนดเป็นชื่อจีนะ”
ท่าทางที่พยายามบ่ายเบี่ยงยิ่งทำให้เทียนหยดไม่พอใจ ความโมโหกลัดอยู่ในอก ทว่าสีหน้าที่แสดงออกมากลับมีแต่ร่องรอยของความกังวล
“ก็...เปลี่ยนเป็นชื่อเทียนสิคะ แค่ชั่วคราวเท่านั้น พอของล็อตแรกออกสู่ตลาด รอแค่ไม่กี่เดือนเทียนก็ได้กำไรแล้วค่ะ จริงๆ นะ จีเชื่อเทียนสิ หรือว่า...ถ้าจีกลัวเทียนจะฮุบสมบัติจีละก็ จียื่นกู้แทนเทียนก็ได้นะคะ” ชี้แจงด้วยเสียงราวประชด จีรวัฒน์โบกมือไหวๆ ส่ายหน้ารัวๆ เรื่องอะไรต้องหาหนี้มาให้ตัวเองเล่า ไม่มีทางหรอก
“ไม่ๆๆ อ่า...จีคงกู้ไม่ผ่านหรอก จีทำงานฟรีแลนซ์อย่างนี้ผ่านยาก เชื่อสิ” จีรวัฒน์รีบออกตัว เทียนหยดทำหน้าเง้า จะร้องไห้ในอีกไม่กี่นาที
“จีกลัวเทียนโกงหรือคะ เงินเทียนอยู่กับจีตั้งหกล้านนะ ถ้าเทียนไม่รักจี เทียนจะให้จีขนาดนั้นเหรอ ทุกบาททุกสตางค์ที่เทียนได้มา จีอยากได้เท่าไหร่เทียนก็ให้ แล้วตอนนี้ตอนที่เทียนลำบาก แค่ที่แปลงเล็กๆ แปลงเดียว จีให้ไม่ได้เหรอ แค่ขอยืมนะคะ ไม่ได้เอาเลย”
เทียนหยดใช้ไม้ตาย น้ำตาไหลโดยไม่ต้องเสแสร้ง มันจริงทุกอย่างที่คร่ำครวญมา ในเวลาที่เขาลำบาก เธอช่วยเขาทุกอย่าง โดนมารดาด่ามาไม่รู้เท่าไหร่แต่ก็ยังช่วยเสมอ ไม่ว่าจะเอาไปจ่ายค่าปรับเรื่องงาน จ่ายค่าโน่นค่านี่ ซื้อคอนโดมิเนียม ซื้อรถ และอะไรต่อมิอะไรก็ตามแต่ที่จีรวัฒน์เอ่ยอ้าง เธอก็ช่วยเขาโดยไม่ได้ดูหลักฐานด้วยซ้ำว่าเขาเอาไปใช้อย่างที่ปากว่าหรือเปล่า พอหลายๆ ครั้งเข้า มันก็กลายเป็นเงินก้อนใหญ่ เงินก้อนที่ควรจะนอนนิ่งๆ อยู่ในบัญชีของเธอ
“เดี๋ยวก็เบื่อไปเองมั้งคะ”“ไม่...โอบว่าไม่เบื่อง่ายๆ หรอก พี่ต้องมีอีกสักโหลอ่า จริงๆ”“โอบ...” เทียนหยดครางเสียงต่ำ โหลหนึ่งเลยหรือ ไม่ไหวหรอก“แหะๆ โอบไปรอที่รถดีกว่า หิวแล้ว แม่ครับย่าครับ ไปขึ้นรถเร็วเข้า”โอบนิธิรีบเผ่นก่อนถูกพี่สาวเขกหัว มื้อค่ำวันนี้รอเขาอยู่ ก่อนที่สมาชิกทุกคนของบ้านจะทยอยกันไปขึ้นรถเพื่อไปฉลองงานวันเกิดให้กับเด็กหญิงตัวน้อยเด็กหญิงมัชฌาวี โสภณวิชญ์__________ทฤษฎีโลกกลมยังใช้ได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในระหว่างที่ครอบครัวโสภณวิชญ์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่นั้น ภายในร้านอาหารเดียวกันก็มีหนึ่งสตรีเฝ้ามองความอบอุ่นของพวกเขาด้วยสายตาแสนเสียดาย แม้ข้างกายมีหนุ่มใหญ่เคียงข้าง ทว่ามิใช่ในแบบปกตินานมากแล้วที่ราตรีมิได้เห็นสมัตถ์ มิได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจ มันทรมานยามเห็นพวกเขามีความสุข พอทนไม่ไหวก็รีบบอกให้คนข้างกายลุกกลับ เธอขอย้ายร้านด้วยไม่อยากทนมองความสุขของพวกเขาให้มันร้าวรานใจราตรีเดินออกจากร้านเงียบๆ พร้อมกับลูกค้าของตัวเอง ไม่ทันได้
-+- บทส่งท้าย -+-____________งานวิวาห์แสนหวานถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ถัดมา งานเล็กๆ แต่อบอุ่น สองสามีภรรยาหมาดๆ เลือกทะเลที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ เป็นสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ด้วยภาวะตั้งครรภ์ของเทียนหยดไม่ชวนให้สมัตถ์อยากนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศ ทริปฮันนีมูนสั้นๆ ไม่กี่วันของทั้งสอง เลยสรุปที่ชายทะเลที่สมัตถ์เคยมาคราวก่อน คลื่นลมยังแรงด้วยเข้าสู่ฤดูฝนพรำ คู่สามีภรรยาเดินจับมือกันเดินไปตามชายหาดที่ทอดยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาทั้งไทยและเทศ เดินกันขวักไขว่ ครึกครื้นไม่น้อย“ลมแรงจัง กลับโรงแรมดีไหม ฝนจะตกแล้วด้วย” สมัตถ์ว่าเทียนหยดส่ายหน้าดิก ซบศีรษะลงกับบ่าของสามี สองมือของทั้งสองจับกันไว้มั่น มีแหวนแต่งงานสวมไว้คนละวง“เดินต่ออีกนิดนะคะ สัก...ต้นมะพร้าวต้นนู้น...ค่อยกลับ” ว่าที่คุณแม่ชี้ไปข้างหน้า เจ้าเล่ห์น้อยๆ เพราะต้นมะพร้าวที่ว่าอยู่ไกลโข“ไม่เหนื่อยหรือไง เดินมาตั้งไกลแล้วนะ”“ไม่ค่ะ ถ้าเหนื่อย จะขึ้นหลังคุณแล้วกัน”“หึๆๆ
“ฉันรู้ และขอโทษที่มัวแต่ทำใจในเรื่องนี้จนละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเธอ ฉันเสียใจที่แม่ต้องตาย แต่มันเสียใจมากกว่าเดิมที่รู้ว่าคนที่ทำให้ท่านต้องตาย...คือเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนผิดหวังระคนน้อยใจ ทำไมต้องเป็นเทียนหยดด้วยเล่า ทำไม“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคุณสมัตถ์ ขอโทษจริงๆ”“ชู่ว์...เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ พูดไปก็มีแต่เจ็บปวด ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ ลืมมันให้หมด ลืมว่าเราเคยเกลียดกัน ลืมว่าเราเคยทุกข์ทรมานเพราะความสูญเสีย เรามาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำไม่ใช่เหรอ เรามาทำมันไปพร้อมกันเถอะนะ”เทียนหยดน้ำตาซึม ถูกสมัตถ์ดึงตัวไปกอด และมันช่างอบอุ่นนัก นี่คืออ้อมกอดที่เธอโหยหา ช่างควรค่าแก่การเฝ้ารอเหลือเกิน“ฉันว่าเรากินมื้อค่ำดีกว่า ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”“อะไรคะ”“ไม่บอก เธอต้องรอดึกๆ และควรกินมื้อค่ำแล้วหลับสักงีบ ดึกๆ เดี๋ยวฉันปลุก”“แน่นะคะ&rd
[21]พรางรัก___________รุ่งเช้าเสียงกุกกักดังขึ้นที่ข้างเตียง เทียนหยดลืมตาขึ้นช้าๆ สมองหนักอึ้ง โพรงปากรสชาติฝืดเฝื่อน พอขยับลุกขึ้นนั่ง มืออุ่นๆ ของสมัตถ์ก็ช่วยพยุงให้เธอนั่งดีๆ“เป็นยังไงบ้าง อยากอ้วกไหม”หญิงสาวพยักหน้าเมื่อถูกถาม และพอเขาเอาถุงพลาสติกมารอใต้ปาก เธอก็โก่งคออาเจียน มันทรมานเมื่อไม่มีสิ่งใดออกมากับการสำรอกนอกจากน้ำลายเปรี้ยวๆ สมัตถ์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขายังช่วยลูบหลัง ช่วยเก็บถุงอาเจียนไปทิ้ง“ฉันจะไปทำงานแล้วนะ เอารถเธอไป”“เอ้า แล้วฉันล่ะ” เธอท้วง ถ้าให้นั่งแท็กซี่ช่วงนี้มีหวังได้อ้วกบนรถแท็กซี่แน่ๆ“เธอไม่มีรถก็ไม่ต้องไปสิ”“ได้ไง ฉันจะไป”“ฮื่อ...พูดไม่รู้ฟัง แพ้ท้องแทบจะยืนไม่ขึ้น ยังจะหาเรื่องอีก แล้วถ้าไปทำงานเผลอไปพะอืดพะอมให้พนักงานเห็น เดี๋ยวลูกน้องก็ได้นินทาพอดี” สมัตถ์หาทางเลี่ยงไม่ให้เทียนหยดไปทำงาน แต่เทียนหยดกลับคิดเป็นอื่น“ช่างสิ นินทาหรือ
สมัตถ์อมยิ้ม ยักไหล่ใส่คนที่ร้องขอ “ทำไมล่ะ”“กลัวลูกได้ยินมั้ง ฉันนี่ร้ายกาจจริงๆ”“ถึงร้ายก็รักนะ”“คะ?” ประโยคที่ออกจากปากสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดตื่นตะลึง นี่เธอหูฝาดหรือเปล่า “อะไร ฉันไม่ได้ยิน”“เธอได้ยิน ฉันรู้”“ก็มันไม่แน่ใจนี่นา พูดอีกทีซิ”“ไม่”“น่านะ พูดอีกที” คนสวยร้องขอสมัตถ์เบะปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่ก็แอบมองเทียนหยดเป็นครั้งคราว เรียวปากคลี่ยิ้มบางๆ บางเสียจนเทียนหยดไม่ทันสังเกต“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถาม“ก็หาอะไรกิน แล้วพากลับบ้าน”“ไม่กลับ ฉันจะกลับคอนโดฯ ถ้าไม่ไปส่งฉันที่นั่น ก็เชิญคุณลงไปโบกแท็กซี่กลับเอง” เธอยืนยัน แล้วสมัตถ์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่แม่ของลูกบัญชา_________เวลา 21:30 นาฬิกากลิ่นนมหอมๆ ลอยอวลทั่วห้อง เทียนหยดผลักประตูเข้าไปแล้วสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด ผู้ช่วยคนเก่งของเธอยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าเตา เจ้า
เธอพยักหน้า จีรวัฒน์เคลื่อนกายออกจากโต๊ะตัวสูงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในนั้น“โชคดีนะจี ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”จีรวัฒน์มองเทียนหยดอย่างอาลัยอาวรณ์“ขอกอดสักทีได้ไหม ครั้งสุดท้าย...”เทียนหยดยิ้มน้อยๆ ดวงตามีหยาดน้ำใสไม่แพ้จีรวัฒน์ การจากกันด้วยดีย่อมน่าพิศสมัยกว่าการลาจากแบบโกรธเคือง อ้อมกอดของจีรวัฒน์อบอุ่นเสมอ ทว่าเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากมิได้อ้อมกอดของสมัตถ์มาครอบครอง เธอก็ขอแค่กอดตัวเองตลอดไปหวืด! โครม!ความโกลาหลเกิดขึ้นชั่วขณะ อะไรสักอย่างพุ่งมาทางด้านหลังเทียนหยดแล้วจับแยกหญิงสาวกับจีรวัฒน์ออกจากกัน จีรวัฒน์ถูกผลักจนล้มหงายหลัง ชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้โครมคราม แต่คนต้นเหตุยังไม่สาแก่ใจ ตามไปประเคนหมัดใส่จีรวัฒน์อีกสามทีซ้อนพลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!“คุณสมัตถ์!? หยุดนะ! คุณสมัตถ์ฉันบอกให้หยุด!”พลั่ก!หมัดสุดท้ายกระแทกใบหน้าจีรวัฒน์จนเลือดกบปาก ด้วยว่าไม่นิยมออกกำลังกาย ร่างกายจึงมิใช่หุ่นนักกีฬา ไม่มีลวดลายพอจะต่อกรกับหมัดแกร่งของอีกฝ่ายสมัตถ์ลุกจ