Masuk“นี่ถ้าไม่รีบกลับแซมจะไปเป็นเพื่อน...จริงๆ นะ”
ชายหนุ่มยังคงไม่วายทำตาละห้อย โซเฟียได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอากับท่าทางเสแสร้งเกินจริงของเพื่อนหนุ่ม
วีรตาได้แต่ยิ้มยกมือโบกลาเพื่อนสนิท เห็นแซมแกล้งยกมือยีผมโซเฟียก่อนจะคว้าคอมากอดราวกับเป็นเพื่อนชาย หญิงสาวอดยิ้มขำพลางส่ายหน้าให้เพื่อนสองคนไม่ได้
วีรตาทราบมาบ้างว่าครอบครัวของแซมนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับเงินทุนหลักทรัพย์ร่ำรวยมหาศาล เห็นว่าพี่ชายคนโตดูแลสาขาอยู่ที่ลาสเวกัส วีรตาไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวของครอบครัวเขามากนักเพราะเห็นเป็นเรื่องไกลตัว ชาตินี้คงไม่ได้เกี่ยวข้องกันหรอก นอกเสียจากการเป็นเพื่อนกับแซมไปเช่นนี้เท่านั้นแหละที่วีรตาต้องการ
วีรตาใกล้จบคอร์สเทควันโดที่คุณแม่เคี่ยวเข็ญให้เรียนแล้ว ด้วยท่านเป็นคนรอบคอบเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวที่ยิ่งโตยิ่งสวย เกรงว่าจะถูกพวกผู้ชายลามกลวนลามเอา
วีรตาจึงเรียนเพื่อให้ท่านสบายใจและถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย ร่างเพรียวสูงเกือบร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตรของหล่อนจึงแข็งแรงและได้สัดส่วนน่ามอง หากถูกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งอย่างมิดชิด
เมื่อวีรตาเปิดประตูเข้าไปในอพาร์ตเม้นต์เป็นเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง เจอโน้ตแผ่นเล็กติดบนตู้เย็นจากพิชนีบอกว่าหล่อนไปงานปาร์ตี้วันเกิดของเพื่อนไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อ อาจจะกลับดึก
ซึ่งวีรตาก็ไม่แปลกใจอะไรเลยเพราะถือเป็นเรื่องปกติของเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ โดยเฉพาะช่วงหลังๆ มานี้วีรตาสังเกตว่าเจ้าพ่อมาเฟียอะไรนั่นไม่ค่อยได้มาหา พิชนีก็คบเพื่อนชายหลายคนลับหลัง บางครั้งยังพามาค้างที่ห้องเฉย แต่วีรตาก็ไม่ต้องการยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของใครอยู่แล้ว
หญิงสาวรู้สึกเพลียจากการฝึกเทควันโดจึงหาอะไรทานง่ายๆ แล้วอาบน้ำ แล้วคิดว่าจะนอนเลย หล่อนปิดไฟหมดเปิดผ้าม่านไว้ครึ่งหนึ่งให้แสงจากข้างนอกเข้ามาพอให้เห็นลางๆ
วีรตาเผลอหลับในเวลาต่อมาและต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูด้านนอก หญิงสาวงัวเงียลุกขึ้นนั่งเปิดปากหาวก่อนจะเดินสะโหลสะเหลออกจากห้อง ในใจคิดว่าคงเป็นพิชนี แต่ทำไมไม่รูด คีย์การ์ดเข้ามาเอง หรืออาจจะลืม เพราะมีบางครั้งเหมือนกันที่เพื่อนรุ่นพี่เจ้าของห้องลืมกุญแจเวลาออกไปข้างนอก
วีรตาดึงประตูเปิดออกก็ต้องผงะตกใจเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่สวมเสื้อหนังสีดำกับกางเกงยีนส์ยืนตาปิดปรือครึ่งหนึ่ง ขายาวก้าวเข้ามาในห้องที่มืดสลัวแล้วคว้าเอวของวีรตาเข้าไปปะทะอกก่อนจะฉกหน้าลงมาหา ปากหนาบดจูบไปบนเรียวปากอิ่มทันที กลิ่นวิสกี้คละคลุ้งผสมกับลมหายใจร้อน วีรตาช็อกกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หัวใจกระโดดเต้นอย่างรุนแรงแทบทะลุออกมาภายนอกร่างแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก
สเตฟานเพิ่งกลับจากผับดื่มเหล้ากับเพื่อนฝูงหลังจากไปทานข้าวกับครอบครัวมาแล้ว พอดีอพาร์ตเม้นต์ของพิชนีเป็นทางผ่านเขาจึงตัดสินใจแวะมาหา หลังจากที่ไม่ได้มานานหลายเดือนแล้ว
กลิ่นหอมหวานอ่อนๆ จากร่างนุ่มอรชรในอ้อมแขนรู้สึกแปลกแตกต่าง อารมณ์ครึ้มอกครึ้มใจด้วยฤทธิ์วิสกี้ราคาแพงทำให้ยังไม่อยากปล่อย
ทำไมพิชนีถึงปิดไฟมืดไปทั้งห้องเช่นนี้ กลิ่นหอมกรุ่นไม่ใช่จากน้ำหอมราคาแพงที่เขาคุ้นเคย ชายหนุ่มดูดริมฝีปากนุ่มหวานอย่างติดใจดูเหมือนร่างในอ้อมแขนจะเกร็งแข็งทื่อ ก่อนที่สเตฟานจะสอดลิ้นเข้าไปชอนไชหารสหวานต่อก็ต้องผงะและตัวงอเมื่อเข่าแหลมของคนในอ้อมกอดกระแทกอย่างแรงเข้าให้ที่ขาอ่อนเสียงหนักแน่น ปั๊ก!
“โอ๊ย!”
ร่างเพรียวระหงรีบวิ่งเข้าไปในห้องเล็กแล้วล็อกประตูทันที วีรตายืนพิงประตูหัวใจเต้นสั่นรัวอย่างหาจังหวะไม่ได้ คุณพระ! ไอ้...ไอ้เจ้าพ่อมาเฟีย...มัน...มัน...ยี้...วีรตาขนลุกซู่ไปทั่วร่างรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วบ้วนปากแปรงฟันทันที รสวิสกี้ขมปร่ายังคงติดอยู่ในความรู้สึกจนต้องวิ่งกลับเข้าไปแปรงฟันใหม่อีกรอบหนึ่ง รู้สึกขยะแขยงเสียจนขนลุกขนชันไปหมด
ส่วนสเตฟานนั้นต้องสูดปากครางด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มเดินกะเผลกไปนั่งตรงโซฟา อาการเมาหายไปกว่าครึ่ง เขายกมือขึ้นเสยผมแล้วลูบหน้ายังคงรู้สึกมึนงงอยู่ หากก็มึนงงอยู่ได้ไม่นานเมื่อประตูอพาร์ตเม้นต์เปิดออกพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักที่เขาจำได้ว่าเป็นเสียงของพิชนี...คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที พิชนีเพิ่งเข้ามา? แล้วเมื่อตะกี้ที่เขาจูบคือใครกัน?...สเตฟานหันไปมองยังห้องเล็กอีกครั้ง
Oh, Shit! คนที่เขาจูบไม่ใช่พิชนี!
“อืม...อย่าเพิ่งซิคะเดฟ...พีชขออาบน้ำก่อนคนดี”
“อาบด้วยกันดีกว่าที่รัก...ผมคิดถึงคุณใจจะขาด ไม่ได้นอนกับคุณตั้งหลายวัน” เสียงสองหนุ่มสาวนัวเนียปล้ำจูบคลุกวงในกันตรงประตู สเตฟานถอนหายใจก่อนจะเอื้อมไปกดสวิทช์ไฟจนเปิดสว่างจ้า เขาดีใจที่เขามาในคืนนี้
“ว้าย...ฟาน!” เสียงอุทานร้องด้วยความตกใจของพิชนีดังขึ้น ชายหนุ่มคู่ขาหน้าซีดเผือดเพราะรู้มาว่ามาเฟียร่างสูงตรงหน้าเป็นผู้มีเงินและอิทธิพลมากแค่ไหน และอพาร์ตเม้นต์นี้ก็เป็นเงินของผู้ชายคนนี้ที่เช่าให้พิชนีอยู่
“ฟานขา...เอ่อ...มัน...มันไม่ได้เป็นอย่างที่ฟานคิดนะคะ”
รีบพูดแก้ตัวจนลิ้นพันกัน สเตฟานจ้องมองหล่อนด้วยสายตาเย็นเยียบไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น พิชนีขนลุกตัวสั่นด้วยความกลัว เพราะเขาเคยพูดไว้แล้วว่าเขาเกลียดพวกร่านและสำส่อนแค่ไหน
“พรุ่งนี้เธอเก็บของออกจากอพาร์ตเม้นต์นี้ทันทีที่ฟ้าสว่าง ฉันจะให้คนของฉันมาดู ถ้าหากเธอไม่ออกไปหลังเก้าโมง ฉันจะส่งคนมาจัดการลากเธอโยนออกไปเอง ได้ยินไหม” พิชนีร้องไห้โฮทันที โผทรุดลงไปนั่งกอดขาแข็งแรงของสเตฟานไว้แน่น
“อย่าทำอย่างนี้กับพีช ฟานขา ได้โปรด พีชผิดไปแล้ว...ยกโทษให้พีชสักครั้งเถอะนะคะ...พลีส”
“ถ้าไม่ปล่อยขาฉันก็ไสหัวออกไปคืนนี้เลย...เฮ้ยแกอย่าเพิ่งไป” เสียงห้าวของสเตฟานเรียกเจ้าหนุ่มนามเดฟที่กำลังจะเผ่นแน่บออกประตูเอาไว้ทัน
“รอแฟนแกก่อน...ฉันเปลี่ยนใจแล้ว... เธอไปเก็บของเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะให้คนของฉันช่วย”
สเตฟานยกโทรศัพท์ถึงคนติดตามสองคนที่รออยู่ที่รถให้ขึ้นมา จากนั้นสมบัติของพิชนีก็ถูกโยนออกมาไว้ตรงหน้าห้อง เสียงร้องไห้โวยวายของหล่อนดังลั่นอย่างน่าอาย สเตฟานส่ายหน้าก่อนจะหันไปมองประตูห้องเล็กที่ยังคงปิดสนิทเงียบอยู่...
“เวลาเห็นดอกไม้ก็คิดถึงเขา...แต่ไม่กล้าซื้อให้”เสียงเจ้านายเป็นคนเอ่ยคราวนี้แถมทำตาลอยเคลิ้ม ทำให้ลูกน้องสองคนทำตาเหลือกหันมามองกัน“ทำไมไม่กล้าซื้อให้ล่ะครับ” เบนเอ่ยถาม เจ้านายทำท่ายิ้มกริ่มตาลอยต่อ“กลัวเสียฟอร์ม กลัวเขาหัวเราะเยาะเอาน่ะสิโว้ย” ตอนท้ายเสียงตวาดหน่อยเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังเหม่อลอย“ฟอร์มเยอะก็อาจจะต้องรับประทานแห้วเป็นอาหารจานด่วนนะครับเจ้านาย” เจมส์เอ่ย เห็นเจ้านายกำลังอยู่ในอารมณ์อยากมีเพื่อนระบาย คงปลอดภัยไม่โดนแจกของหนักแน่“แต่เขาไม่งอนกูนะมึง ผู้หญิงรักก็ต้องงอนบ้างอะไรบ้างถูกไหม แต่นี่ไม่งอนเลย... แม่งโคตรเข้าใจโลก... เขาจะใจแข็งไปถึงไหน” ตอนท้ายเหมือนรำพันกับตัวเอง“ผู้หญิงชอบผู้ชายเอาใจ พูดหวานๆ เพราะๆ”“กูเป็นของกูแบบนี้ ถ้ารับกูไม่ได้ก็อยู่กันไม่ได้...จบ คนรักกันจริงก็ต้องยอมรับตัวตนที่แท้จริงของกันและกันได้ จริงมั้ยวะ”เสียงห้าวเอ่ยโต้พร้อมกับใส่อารมณ์เต็มที่เหมือนหงุดหงิดใครบางคนอยู่ในใจ หล่อนชอบว่าเขาพูดไม่เพราะน่ะสิ...“อันนี้ผมเห็นด้วยเต็มที่ครับ นายหญิงเขาก็ไม่ได้ว่าจะรับเจ้านายไม่ได้นี่ครับ ผมเห็นเธออดทนและยังยิ้มได้เวลาเจ้านายตวาดใส่” เบนกล่าว“กู
“กฎอะไร?”“ก็กฎที่ว่า ห้ามคุณมีใครในระหว่างหนึ่งปีนี้ ระหว่างที่คุณมีฉันอยู่ไง” หล่อนขยายความ สเตฟานจ้องมองหน้างามนิ่งๆ“ใจดีจัง” เสียงห้าวเอ่ยประชด“ฉันพูดจริงๆ” วีรตากล่าว ในส่วนลึกอยากลองใจเขาดู“นับเวลารอขนาดนั้นเลยเหรอ เหลืออีกกี่เดือนล่ะ” น้ำเสียงเคร่งขรึมลงไปเอ่ยถาม หันหน้ากลับไปจ้องมองเพดานต่อ“เก้าเดือน” หล่อนตอบแล้วก็เงียบไป ต่างคนต่างนอนนิ่งเงียบครุ่นคิด“หลังจากหนึ่งปีแล้ว เธอคิดจะทำอะไรต่อ”เขาเอ่ยถาม ไม่สนใจเรื่องแหกกฎที่หล่อนใจดีนำเสนอ สเตฟานเห็นใบหน้างามทำท่าคิด หล่อนเป็นคนชอบวางแผน อยากรู้เหมือนกันว่าหล่อนคิดการอะไรไว้หลังจากหนึ่งปี“คิดไว้หลายอย่าง บางทีอาจจะเรียนต่อ หรือไม่ก็เดินทางรอบโลก” หล่อนพูดอย่างนั้นแหละ อันที่จริงไม่ได้วางแผนอะไร แต่ที่แน่ๆ คิดไว้อย่างเดียวว่าจะต้องไปอยู่ห่างไกลจากเขาให้มากที่สุดเท่านั้นเอง รู้สึกใจหายขึ้นมาอย่างประหลาด... หันไปมองโครงหน้าคมสันด้านข้างที่ไร้ที่ติของเขา...รักเขาหรืออย่างไร... รักเข้าไปแล้วหรือยังไงนี่ เสียงหนึ่งเอ่ยถามตัวเองอยู่ในใจรักเข้าไปแล้วเต็มๆเลยล่ะไวน์ เธอโดนศรรักปักอกซ้ายเข้าอย่างจัง... เสียงหนึ่งตอบออกมาอย่างซื่อต
“อะไรคะ”เสียงกังวานใสถามเมื่อเขาใช้มือผลักประตูเข้าไปภายใน ห้องกว้างสว่างโล่งจากแสงที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่างทรงฝรั่งเศสยาวจรดพื้น ผ้าม่านยาวถูกรวบเก็บไว้ด้านข้าง ห้องแกลอรี่นั่นเอง... รอบห้องจัดแขวนภาพวาดขนาดต่างๆ ไว้รายรอบ แต่ละภาพสวยงาม เป็นภาพวาดธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่“สวยจัง” วีรตาเดินเข้าไปดูตรงมุมของแต่ละภาพมีลายเซ็นต์ของศิลปิน...S.F.M.C หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนจะหมุนตัวหันมามองคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง“อย่าบอกนะว่า...คุณวาดทั้งหมดนี่?”วีรตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาดใจเต็มที่ สเตฟานแกล้งทำหน้ามุ่ยรวบร่างบางมากอดไว้หลวมๆ“ทำไม คนอย่างฉันนี่เธอคิดว่าไม่มีศิลปะในหัวใจเลยหรือยังไง”“เปล่าค่ะ เพียงแต่แปลกใจเท่านั้นเอง ที่เพนต์เฮาส์ไม่เห็นมีภาพแบบนี้” หล่อนตอบเสียงอ่อน สเตฟานก้มหน้ามาหอมแก้ม“ฉันชอบวาดภาพ พวกนี้วาดนานแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียน” เสียงห้าวเอ่ยเล่า ท่าทางสบายอารมณ์“คุณเก่งจัง มันสวยทุกภาพเลย แล้วทำไมคุณถึงไม่วาดต่อละคะ” วีรตาไล้ปลายนิ้วไปตามสันจมูกโด่งของเขา“ฉันเป็นคนเบื่อง่าย...ตอนอยากวาดก็จะวาดอยู่นั่น ไม่ทำอะไรเลย พอเบื่อก็ทิ้งทั้งหมด”เขาตอบ วีรตามองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน.
“พามาให้แม่ดูตัวเหรองั้น ไวน์อย่าถือสานะ แม่ชอบพูดอะไรตรงๆ แบบนี้” มารดาของเขาหันมาพูดกับวีรตา หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มให้ท่านอย่างเข้าใจ... สเตฟานได้นิสัยส่วนนี้มาจากมารดากระมัง“ไวน์ชินแล้วค่ะ”วีรตากล่าวยิ้มๆ สเตฟานหันมาส่งยิ้มหล่อให้ เวลานี้เขาดูผ่อนคลายและอารมณ์ดีเหมือนหนุ่มน้อย ทำให้วีรตานึกถึงแซมน้องชายของเขา แซมมีมุมนี้เยอะ แต่หล่อนเพิ่งเห็นคนตัวโตเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่รู้จักกันดูเหมือนเขาเลือกที่จะแสดงออกแต่ด้านร้ายกาจกับหล่อนอยู่เกือบตลอดเวลาดังคำกล่าวที่ว่า เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์อะไรๆ ได้ดีที่สุด ไม่ควรด่วนตัดสินหนังสือจากปกของมัน...เพราะปกหนังสือเล่มที่ชื่อ สเตฟาน แม็คเคนซี่ นั้นเป็นรูปปีศาจในร่างซาตานหน้าถมึงทึงแดงก่ำดวงตาวาวแสง บนหัวสวมเขาควายอีกต่างหาก เห็นแล้วให้ผวาน่าฝันร้าย ต้องรีบโยนเข้ากองไฟเผาอย่างเดียวเท่านั้น...แต่ถ้าหากทนรูปหน้าปกได้และกลั้นใจเปิดอ่าน อาจจะเจออะไรที่...อื่ม... ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าจะเจออะไร ก็คงต้องลองให้โอกาสหนังสือเล่มนั้นต่อไปอีกหน่อยกระมัง“โชคดีไปงั้น ฟานเขาเหมือนพ่อมากในเรื่องความใจร้อนและปากจัด” เสียงมารดาเอ่ยต่อ ท่านเหมือนจะถอนหายใจออกม
สเตฟานใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเดินทางออกจากลาสเวกัสแต่เช้า บ้านตึกหลังใหญ่ของมารดาอยู่นอกเมืองบอสตัน เมื่อไปถึงคนของเขาเอารถมาจอดไว้ให้แล้ว เบนรับหน้าที่พลขับตามเคยรถแล่นมาถึงบริเวณรั้วคอนกรีตยาวโอบรอบบริเวณภายในประมาณห้าเอเคอร์ที่ร่มรื้นเต็มไปด้วยต้นไม้และสวนสวย ประตูรั้วเปิดด้วยระบบอัตโนมัติ รถแล่นไปตามถนนกว้างทอดตัวไปสู่ตึกทรงยุโรปสองชั้นหลังใหญ่ทาสีขาวแจ็คคิวลีน แม็คเคนซี่ยืนมองร่างสูงใหญ่ของบุตรชายคนโตที่กำลังก้าวลงจากรถเก๋งคันยาว ร่างสูงยืนรอใครบางคนที่กำลังก้าวออกมาต่อจากเขา ผู้เป็นแม่เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นสเตฟานผู้ยะโสและห้าวห้วนไม่เกรงกลัวใครกำลังเอื้อมมือไปรับมือเล็กของสาวน้อยนางหนึ่งอย่างอ่อนโยน หญิงสาวร่างเพรียวระหงใบหน้าสวยหวานอุ้มสุนัขตัวเล็กพันธุ์ยอร์กเชอร์ แทริเออร์ ผู้เป็นแม่คลี่ยิ้มออกมา... ลูกชายพาผู้หญิงมาหาเป็นครั้งแรก... สงสัยโลกกำลังจะแตก แจ็คคิวลีนคิดบอดี้การ์ดสองคนที่เธอคุ้นเคยหันมาโค้งคำนับให้ก่อนจะจัดการนำรถไปเก็บที่โรงจอดรถ ด้านข้างตึกใหญ่มีเรือนพักสำหรับแขกที่ถ้าหากสเตฟานมา เบนกับเจมส์กับจะพักอยู่ที่นั่นทุกครั้งร่างสูงเงยหน้าขึ้นยิ้ม
“สวยจัง”วีรตาพิงร่างไปกับอกกว้าง เขาเหยียดขายาวไปกับพื้นให้หล่อนเหยียดซ้อนอยู่ข้างบน ร่างเปลือยเปล่าแนบสัมผัสกันไปทุกส่วน มือใหญ่อ้อมโอบมาบีบกลึงยอดถันและเนินเนื้ออูมระหว่างขาเล่น“สวยมาก...”เขาก้มมากระซิบฝังจูบตรงซอกคอลากลิ้นเลียหยดน้ำที่เกาะพราวตรงลำคอระหง“ไม่เหนื่อยเหรอคะ...อย่าเริ่มสิ”หล่อนร้องท้วงเบาๆ เพราะมันดึกแล้ว น้ำค้างก็เริ่มลงแรง“ขออีกรอบ แบบเร็ว...นะ นะ นะ”เขาทำเสียงร้องขอ ไม่ใช่เสียงสั่งในคราวนี้...วีรตาหันไปจูบปลายคางบึกบึน มือเล็กเอื้อมไปลูบไล้ลำปืนใหญ่ที่ตั้งชี้โด่ขึ้นมาอีกครั้งโผล่ตรงระหว่างขาของหล่อน หญิงสาวขยับเท้าไปวางบนพื้นข้างๆ จับเจ้าอาวุธร้ายเขี่ยสัมผัสกับดอกกุหลาบฉ่ำน้ำของตัวเอง ได้ยินเสียงครางต่ำในลำคอจากคนตัวโต“อ่าส...ดีมากไวน์...เอาหัวเข้าไปหน่อย...ชอบให้เธอตอดหัวเล่น...สุดเสียวแบบนั้น...ซี้ด”เขากระซิบขอ วีรตาจึงยกสะโพกขึ้นจับเจ้าปืนใหญ่จ่อไปตรงเป้าหมายแล้วค่อยนั่งกดลงจนหัวเห็ดบานใหญ่หลุบเข้าไปในช่องธารร้อน เสียงครางเสียวดังขึ้นพร้อมกัน“โอว พระเจ้า...ตอดรัดแน่นจนฉันเสียวไปทั้งดุ้น...โอว ไม่ไหวแล้วไวน์...ขย่มเลยดีกว่า...ซี้ด”เขาร้องบอกเมื่อทนความเ







