ฌองหรี่ตาลงอย่างเหนื่อยหน่าย เขากวาดตาดูเบียงก้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “เมื่อตอนที่คุณอายุสิบหกสิบเจ็ด เนื้อตัวของเธอนุ่มนิ่มและน่ากอด แต่ในตอนนี้เนื้อตัวเธอราวกับมีหนาบแหลมปกคลุมเต็มไปหมด หนามแหลมพวกนั้นโผล่ขึ้นมาเพื่อป้องกันพร้อม ๆ กับตอนที่ธาตุแท้ของเธอปรากฏขึ้นมาอย่างชัดสินะ”เบียงก้าฟังคำดูถูกของฌอง เธอตระหนักถึงข้อกล่าวหาที่ไร้สาระทั้งหมดที่เขาเหวี่ยงใส่เธอเมื่อวานน้ำเสียงของเขาฟังดูแหลมคมตอนเวลาต้องการพูดจาถากถางคนอื่นมันทิ่มแทงเข้าไปภายในหัวใจของเบียงก้าหลายพันรูจนเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดในตอนนี้ เธอยอมจำนนทุกอย่างแล้ว“ใกล้จะถึงเวลาทำงานแล้ว” เบียงก้ากล่าวอย่างใจเย็นในขณะที่เธอเดินผ่านเขาไปอย่างไรก็ตาม ฌองคว้าข้อมือของเธอไว้แน่นและดึงเธอกลับอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาแดงก่ำในขณะที่เขาคร่ำครวญ “เรายังไม่ได้เคลียร์กันเรื่องนี้เลย แล้วเราจะไปทำงานได้ยังไง!?”ทันใดนั้น นีน่าก็รีบวิ่งเข้ามา “พี่ฌอง พี่กำลังทำอะไร? ปล่อยบีเดี๋ยวนี้!”เบียงก้าสวมใส่รองเท้าส้นสูงมาทำงาน แม้ว่าส้นรองเท้าของเธอจะไม่สูงมากนัก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะมั่นคง การฉุดยื้อของฌองทำให้ข้อเท้าซ้ายของเธ
เบียงก้ากลับไปยังแผนกออกแบบเธอทิ้งฌองเอาไว้ที่ด้านล่าง แต่เธอก็ยังได้เห็นใบหน้าของเขาที่แผนกของพวกเขาโชคดีที่ที่นั่งของพวกเขาห่างกันซู คาร์เตอร์มองดูเบียงก้าที่กำลังนั่งลง จากนั้นเธอก็มองดูตัวเองในกระจก เธอรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย “เบียงก้า เราทั้งคู่ต่างก็ออกไปทำงานข้างนอกหามรุ่งหามค่ำเหมือนกัน แต่ทำไมขอบตาฉันดำอย่างกับหมีแพนด้าแต่เธอกลับไม่เลยอ่ะ?”“เบียงก้า เธอใช้ครีมยี่ห้ออะไรลบรอยคล้ำใต้ดวงตาอ่ะ?” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเบียงก้าเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างประหม่าเล็กน้อย “ฉันไม่ได้ใช้อะไรเลย…”“ไม่เลยเหรอ?!” เพื่อนร่วมงานคนนั้นตกใจ “นางฟ้ามาเกิดรึเนี้ย? อดหลับอดนอนทั้งคืนโดยที่ตาไม่เป็นหมีแพนด้าได้ไงอ่ะ! เห้อ…เราควรโยนงานกะดึกให้เธอดีกว่าล่ะมั้ง…”ซูวางกระจกของเธอไว้ข้างตัว จากนั้นเธอก็แซวว่า “อย่ารังแกเบียงก้าสิ ฌอง แฟนของเธอก็อยู่ตรงนั้นคอยปกป้องเธออยู่นะ!”ทุกคนต่างก็รู้สึกอิจฉาเบียงก้าอีกครั้ง!หลังจากการแซวนั้น ซูก็ตื่นตัวมากพอที่จะสังเกตเห็นว่าเบียงก้าและฌองดูไม่ค่อยดีเมื่อเบียงก้ารู้สึกอ่อนล้า เธอจึงไปชงกาแฟมาดื่ม ซูเดินตามเธอเข้าไป เม
พวกเขามาถึงในเมืองแล้วเจสันเอ่ยถามชาร์ล็อตในขณะที่เขาจับพวงมาลัยไปด้วย “คุณชอว์ครับ ให้ผมไปส่งคุณที่โรงแรมหรือว่าคุณอยากจะไปเดินศูนย์การค้าดีครับ?”"ไม่เอาทั้งคู่นั่นแหละ ฉันชวนเพื่อนออกมาทานหารกลางวันแล้ว” ชาร์ล็อตกล่าวขณะที่เก็บลิปสติกเข้ากระเป๋าถือหลังจากแต่งหน้าเสร็จเจสันเข้าใจและถามว่า “ถ้าเช่นนั้น คุณจองร้านอาหารเอาไว้รึยังครับ? ถ้าคุณยังไม่ได้ทำการจองร้านไหนเอาไว้ ทางเราสามารถทำการจองให้กับคุณได้ทุกเมื่อนะครับ”หากเปรียบว่า ที คอร์ปอเรชั่น เป็นจักรวรรดิในโลกของธุรกิจ ลุคก็คงเป็นองค์ราชาแห่งจักรวรรดิและในฐานะผู้ช่วยผู้ซื่อสัตย์ เจสันก็คงจะเป็นนายกรัฐมนตรีเสียกระมั้ง เจสันมีหน้าที่เชื่อฟังนายท่านของเขาแต่เพียงผู้เดียวและคอยควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาที่เหลือทั้งหมดแน่นอนว่าชาร์ล็อตจะรู้สึกเย่อหยิ่งเมื่อผู้ชายที่มีตำแหน่งเช่นนั้นปฏิบัติต่อเธอด้วยความยำเกรง “อื้ม จองไว้แล้ว” ชาร์ล็อตบอกเขาว่าเธอจะไปรับประทานอาหารที่ไหนจากนั้น รถก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางของเธอสิบนาทีต่อมา เจสันก็มาหยุดรถที่ทางเข้า “ถึงแล้วครับ คุณชอว์”"ขอบใจ!" ชาร์ล็อตคว้ากระเป๋าแล้วสะบัดผมสีน้ำตาลหยั
มาลีตกตะลึง “แต่…เธอเป็นน้องสาวของฉัน…”เจนนิเฟอร์อาบน้ำร้อนมาก่อนและก็เธอได้เห็นสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ที่ผู้หญิงทำต่อกันมานักต่อนักแล้ว ทันทีที่ชาร์ล็อตเงยหน้าขึ้น เธอก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวกำลังวางแผนอะไรชาร์ล็อตพึมพำกับมาลีอย่างเย็นชาว่า “หยุดปกป้องนางนั่นเถอะ! มันเป็นเหมือนเนื้องอกที่ควรกำจัดโดยเร็วที่สุด เธอกับแม่ก็พยายามฉุดกระชากมันขึ้นมาแล้ว คุณหญิงให้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศและใช้เงินมากมายไปกับเธอและเธอก็ให้มันมามากเกินพอแล้ว เป็นความผิดของมันเองที่ไม่รู้อะไรเลยนอกจากการยั่วยวนผู้ชายไม่เลือกหน้า!“ฉันบอกเลยนะ มันไม่มีค่าอะไรในสายตาฉันเลย และฉันจะต้องทำแบบนี้เพื่อปกป้องความรักของฉันเอง!” จากนั้น ชาร์ล็อตก็เดินกลับไปยังที่นั่งของเธอมาลีแสร้งทำเป็นขัดแย้งกับเธออยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งชาร์ล็อตขมวดคิ้วและเริ่มจะหมดความอดทน จึงทำให้มาลีตกลงที่จะทำตามแผนของเธอ …หลังจากที่มาลีออกจากห้องมา เธอก็เหลือบมองไปทางห้องน้ำเมื่อเธอแน่ใจว่าทางปลอดโปร่งแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปในมุมที่ลับตาคนและกดโทรออกเสียงการโทรดังอยู่นานก่อนที่จะมีใครบางคนรับสาย มาลีพูดอย่างรำคาญใจ “ทำไมนายถึงรับสายช้าขนาดนี
“ร้อน ร้อนจริง ๆ...“ทำไมถึงรู้สึกแย่แบบนี้? ฮึม…"เบียงก้าพยายามควบคุมสติพลางกระแทกปุ่มลิฟต์ และในที่สุดประตูลิฟต์ก็เปิดออก จากนั้นเธอก็เข้าไปด้านในโชคดีที่มีเพียงเธอคนเดียวที่นี่!เบียงก้าซ่อนตัวอยู่ในลิฟต์ที่กำลังเลื่อนลงมา ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างแปลกประหลาด เธอไม่สามารถหยุดเสียงคร่ำครวญซึ่งผ่านออกมาทางริมฝีปากของเธอได้ ลิฟต์ค่อย ๆ เลื่อนลงมาถึงชั้นเจ็ดและหยุดอยู่ที่นั่นเบียงก้าเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในลิฟต์ เขาดูเหมือนเพิ่งจะอายุ 18 หรือ 19 ปี เขาสูงมากกว่า 170 เซนติเมตร เขาแต่งกายสบาย ๆเขาอาจจะกำลังเป็นนักศึกษา“คุณ…คุณไหวไหมครับ?” เขาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเบียงก้า จึงทำให้เขาตกใจและพูดตะกุกตะกัก“ฉัน… ฉันสบายดี” เบียงก้าขมวดคิ้ว “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน”ความรู้สึกนั้นยากเกินกว่าจะระงับได้ เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังลอยอยู่ในทะเลและแกว่งไปมาบนคลื่นอย่างไม่มั่นคง ซึ่งตอนนี้เธอต้องการสมอเรือเป็นอย่างมากด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเธอมองดูเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าของเธอ เธอจึงคิดว่าเขาเป็นสมอเรือนั้น…สายตาที่เร่าร้อนของผู้หญิงคนนี้ทำให้ใบหน้าของเ
ทั้งร่างกายและจิตใจของลุคสั่นสะท้าน สัมผัสแห่งความคุ้นเคยบริเวณหว่างขาของเขาแผ่ซ่านทั่วร่างกาย และความรู้สึกนี้ก็ทำให้จังหวะใจของชายหนุ่มระรัวยิ่งขึ้นความงามอันแสนอ่อนหวานของเธอดึงดูดสายตาของเขามาโดยตลอด“อ่า!”วินาทีถัดมา เขาอุ้มเธอในทันที เท้าของเบียงก้าลอยขึ้นจากพื้นอีกครั้งเขาอุ้มเธอขึ้นชิงช้าสวรรค์ ลุคต้องอดทนต่อการยั่วยวนจากมือเล็ก ๆ ที่ซุกซนไปมารวมถึงความรู้สึกของริมฝีปากนิ่ม ๆ ที่ซักไซร้อยู่ที่คอ…. และยังจูบไปที่บริเวณไหปลาร้าของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเบียงก้าไม่รู้ว่าชายผู้นี้เป็นใคร เธอลืมแม้กระทั่งว่าตัวเธอเป็นใคร สัญชาตญาณความกระหายของร่างกายกำลังครอบงำเธอให้ทำเช่นนี้ เพราะนี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้ร่างกายเธอรู้สึกดีขึ้น มิฉะนั้น ความกระหายอันเร่าร้อนนี้จะแผดเผาทรมานเธอจนทำให้เธอปรารถนาที่จะหมดไหม้ไปพร้อมกับมันเธอรู้สึกทรมานแสนสาหัสได้โปรด ใครก็ได้ช่วยเธอทีมือของเธอกำลังเสาะแสวงหาสิ่งที่เธอต้องการ เธอปลดกระดุมเม็ดที่สามบนเสื้อเชิ้ตของชายคนนั้นอย่างง่ายดาย…กระดุมสองเม็ดบนของเสื้อลุคถูกปลดออกตั้งแต่แรกแล้ว และตอนนี้เม็ดที่สามก็ถูกปลดเช่นกัน ไม่สิ แทนที่จะบอกว่าเธอปลด
“คุณบอกว่าคุณชอบมันเหรอ?” ลุคถามเธอด้วยน้ำเสียงต่ำก่อนที่จะดึงเธอขึ้นมานั่งในบนบัลลังก์ของเขาในคราวเดียว การกระทำของเขาเร่งรีบและรุนแรงราวกับพายุ เธอรู้สึกถึงบัลลังก์ราวกับว่ากำลังจะถูกเขาพิพากษา ร่างกายของเธอชนเข้ากับกำแพงกล้ามเนื้อของเขา เขาตรึงตัวเธอไว้ดั่งเชลยเธอใช้เวลาครู่หนึ่งจึงรู้ว่าเธอตกอยู่ในอ้อมกอดอันแนบแน่นของชายผู้นี้“ผมจะทำให้คุณชอบมันมากขึ้นกว่านี้อีก!” ด้วยคำพูดเหล่านั้น ลุคกดเธอเข้ากับกระจกหน้าต่างภายในห้องกระเช้าอีกครั้ง สูงขึ้นไปในอากาศ เขาจุมพิตริมฝีปากอันอ่อนโยนและเป็นสีดอกกุหลาบของเธอ สัมผัสที่นุ่มนวลและเยือกเย็นถูกฉาบลงบนผิวของเธอ“อืม…” เธอรู้สึกว่าเขากำลังดูดดื่มริมฝีปากของเธออยู่ ด้วยความเย้ายวนชวนฝัน เธอเอื้อมมือไปโอบรัดเอวอันแข็งแกร่งของเขา…เมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาเอื้อมมาใกล้ เขาเปิดปากและใช้ริมฝีปากอันเบาบางของเขาและเชื้อเชิญเธอไปมือน้อย ๆ ของเบียงก้าจับเอวของชายคนนั้นก่อน จากนั้นจึงปีนขึ้นไปบนไหล่ที่กว้างและแข็งแรงของชายคนนี้ ร่างกายของเธอตอบสนองอย่างตรงไปตรงมา เห็นได้ชัดว่าเธอชอบร่างชายที่ทรงพลังนี้เหลือเกินลิ้นเล็ก ๆ ของเธอ
เบียงก้ามองไปที่นีน่า เสียงของเธอเบาจนแทบจะกระซิบ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังกลัวอยู่ในขณะนี้ แล้วพูดว่า “ฉัน…ฉันได้ทำอะไรที่มันไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้รึเปล่า?”“แล้วฉัน ได้เจอผู้ชายบ้างไหม?”“ฉันไม่รู้เลย” นีน่าพูดอย่างเคืองใจ “ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นตอนที่เธอถูกวางยา แพทย์โทรหาฉันอีกที หลังจากที่พวกเขาควบคุมผลข้างเคียงของมันได้แล้ว” เบียงก้าเริ่มจับประเด็นได้ผลข้างเคียงอยู่ภายในความควบคุมของแพทย์นั่นหมายถึงมีคนโทรหาหมอให้เธอเบียงก้าถอนหายใจและใช้มือกุมหัวไว้ ขณะที่เธอคิดทบทวนอย่างรอบคอบ หลังจากนั้นไม่นาน เธอพูดว่า “ฉันจำได้ว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในลิฟต์ ฉันคิดว่าเขาบอกว่า… เขาต้องการพาฉันไปโรงพยาบาล?”“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น”นีน่ารู้สึกกังขากับคำตอบนั้น “ฉันกังวลว่าจะมีคนที่หาประโยชน์จากอาการของเธอ ฉันเลยโทรไปเบอร์นั้นอีกครั้ง แต่คนที่รับสายคือแพทย์ เธอเป็นแพทย์หญิงด้วยนะ!”ในที่สุด ความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมของนีน่าก็ทำให้หัวใจของเบียงก้าสงบในที่สุด“ขอดื่มน้ำหน่อยสิ?”"แน่นอนสิ!" นีน่ารีบหยิบแก้วน้ำมาป้อนที่ริมฝีปากของเบียงก้าหลังจากนั้น เธอเอื้อมมือไปหาผลไม้น