บลองช์อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขามองไปมองพ่อร่างใหญ่ด้านหลังเขาอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้น เขาก็หันหลังกลับและส่ายหัวให้เบียงก้า “ไม่ครับ เราจะไปที่ห้างสรรพสินค้ากันครับ”“ห้างสรรพสินค้าเหรอคะ? ไปทำไมคะ?"ทันทีที่พูดแบบนั้น เบียงก้าจึงนึกขึ้นได้ทันทีว่าไม่มีน้ำแร่ในตู้เย็นอีกแล้ว เด็กน้อยอาจกังวลว่าเธอจะไม่มีน้ำให้ดื่มเมื่อรู้สึกกระหาย“เราไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ เดี๋ยวฉันจะต้มน้ำเองค่ะ”สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้คือให้พวกเขาสองคนจากไปโดยเร็วที่สุดอย่างไรก็ตาม เด็กชายส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “อืมคือ เอ่อ ผมกังวลว่าคุณจะไม่มีอะไรกินหรือดื่ม…”เบียงก้าทำอะไรไม่ถูก เธอส่งสายตาหาลุคราวกับการส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือ ในฐานะผู้ปกครองของเด็กน้อย เบียงก้าหวังในใจว่าเขาจะพาเด็กน้อยกลับไปลุคกลับลูบหัวลูกชายเบา ๆ แล้วพูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า “ลานี่กังวลมากจนเขาอาจจะยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่กับคุณคืนนี้เลยแหละ”เบียงก้า “...”ไม่มีอะไรที่เธอจะพูดต่อได้บอกตามตรงว่า ถ้าชะตากรรมของเธอต้องผูกติดอยู่กับตระกูลครอว์ฟอร์ดจริง ๆ เธอหวังอย่างมากว่าเธอจะได้พบกับ บลองช์ ครอว์ฟอร์ดทุกครั้ง เพื่อท
กลับมาที่โรงพยาบาลเบียงก้าจ้องที่ถุงช้อปปิ้งเป็นเวลานานก่อนที่เธอจะไปแปรงฟันพ่อและลูกชายอยู่เพียงครู่เดียวและกลับไปหลังจากนั้น หลังจากอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อย เบียงก้าเปลี่ยนชุดนอนและนอนบนเตียงเดี่ยวสีขาวของโรงพยาบาล เธอบีบหว่างนิ้วเป็นเวลานาน เพราะเธอหลับไม่ลงจริง ๆ เธอพลิกตัวพลิกตัวไปมา แต่กลับนอนไม่หลับเลย ดวงตาของเธอเบิกกว้าง เบียงก้ากำลังคิดว่านี่เป็นครั้งแรกในวัยยี่สิบสี่ปีที่มีคนสละเสื้อโค้ดให้แก่เธอโดยไม่ลังเลเมื่อเธอรู้สึกหนาวเธอคงโกหกเป็นแน่ถ้าบอกว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยลุคพาลูกชายออกจากโรงพยาบาลเตรียมขับรถกลับคฤหาสน์ พวกเขาหยุดรถลงเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงจากนั้นลุคก็เปิดกระจกรถเพื่อสูบบุหรี่ เขาคีบบุหรี่ไว้หว่างนิ้ว เขาหยิบเคาะขี้บุหรี่เป็นครั้งคราว ดวงตาลึกของเขาจ้องมองตรงไปข้างหน้าและค่อย ๆ หรี่ลง“พ่อครับ พ่อเคยสอนผมว่าการแอบฟังโทรศัพท์ของคนอื่นมันหยาบคายมากนิครับ” บริเวณเบาะนั่งนิรภัยด้านหลัง ลานี่คร่ำครวญขณะที่กัดริมฝีปากเล็ก ๆ ของเขา “แต่พ่อกลับบอกให้ผมรับสายคุณบี…” ลุคเคาะขี้บุหรี่แล้วไม่พูดอะไร ลานี่กล่าวต่อ “แต่เราทั้งคู
ทันใดนั้น ฌองก็เดินไปที่ประตูห้องนอนและพยายามหมุนลูกบิดเขาหมุนลูกบิดสองสามครั้งแต่มันไม่ขยับณ จุดนั้น ลุคล็อคประตูจากด้านใน แต่ทว่านี่เป็นเพียงแค่ลูกประตูธรรมดา ไม่ได้แข็งแรงมาก หัวใจของเบียงก้าตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มและไม่อาจกลับมาอยู่จุดเดิมได้อีก ใบหน้าของเธอซีดเซียวจนบอกได้ว่าไม่มีเลือดไหลขึ้นมาเลี้ยงเลย...ริมฝีปากของเธอถูกผนึกด้วยจูบอันเร่าร้อนของชายคนนั้น เธอทำได้เพียงมองดูชายผู้นั้นด้วยความเศร้าโศกลึก ๆ ในดวงตา เธอสั่นศีรษะอย่างสิ้นหวังลุคจูบริมฝีปากของเธอนานเสียจนปล่อยใจไปกับจูบอันดูดดื่มนั้นขึ้นทุกที หลังจากหยุดชั่วครู่ เขาก็ดึงลิ้นของเขาออกจากปากของเธอ แววตาของเขาเจิดจ้าด้วยเปลวเพลิงแห่งราคะที่ไม่สิ้นสุดใบหน้าอันหล่อเหลาด้านหนึ่งกำลังแนบอยู่กับแก้มข้างหนึ่งของเธอ ความอบอุ่นในร่างกายของพวกเขาหลอมรวมเข้าด้วยกัน และมือขนาดใหญ่ของเขาไม่ได้ทำให้ข้อมือของเธอคลายลงเลย ในทางกลับกัน อีกมือของเขาวางไว้หว่างขาของเขาออกแรงกดตรงนั้นมากขึ้น“อย่านะคะ...”เบียงก้าไม่อาจควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นได้อีกเข่าของเธออ่อนแรง และเธอต้องพิงอะไรบางอย่าง แต่ในความงุนงงของเธอ เธอโผเข้ากอดแน่นซ
“เขาถามว่าคุณร้องไห้เหรอ?” เสียงแหบห้าวของลุคกดลงที่หลังของเธอ เขาจูบเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ริมฝีปากของเขาขยับไปตามกระดูกสันหลังและเอื้อมไปที่ติ่งหูของเธอ “บอกผมหน่อยสิว่าคุณกำลังร้องไห้อยู่รึเปล่า?”ทันใดนั้น ก็มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่น ตามมาด้วยแสงฟ้าแลบเบียงก้าฉวยโอกาสนั้นตะคอกใส่เขา “คุณมันไอ้อันธพาล!”"ก็ถูกของคุณนะ ในที่สาธารณะ ผมเป็นสุภาพบุรุษสำหรับทุกคน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมจะเป็นอันธพาลเฉพาะกับคุณ” ลุคกัดหูของเธอจากด้านหลังและเลียเธอไปมามือข้างหนึ่งของเขาเอื้อมไปรอบเอวเรียวของเธอพร้อม ๆ กันกับเอื้อมมือไปสัมผัสสะดือท้องที่ของเธอนิ้วโป้งที่หยาบกระด้างของชายคนนั้นลูบไล้สะดือของเธอไปมา…เบียงก้าทนไม่ได้กับวิธีที่เขาลูบไล้เธอเช่นนี้ และเธอก็ต่อสู้กับนิ้วของเขาที่สะดือของเธอตามสัญชาตญาณ นั่นคือเหตุผลที่เธอโค้งตัวกลับขึ้นมาและเงยศีรษะขึ้นด้วยวิธีนี้ เธอทำให้มันง่ายขึ้นมากสำหรับลุคที่จะกดร่างของเขากับเธอ…ฌองยังคงมอบความรักให้เธออยู่ข้างนอก “วันนั้นพี่ไม่มีเวลาว่างเลย เบียงก้า และพี่ไม่ควรพูด พูดเรื่องพวกนั้น พี่ขอโทษนะ แต่เธอไม่รู้หรอก ว่าแม่ต่อว่าพี่ในวันนั้นว่ายังไงบ้าง! ท่า
ความอัปยศอดสูของเบียงก้าพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยินฌองเรียกเธอว่า “นางแพศยา!”ลุคจับเข้าที่ข้อเท้าขาวดุจหิมะของเธอไม่ยอมปล่อย เธอพยายามหนีให้ห่างจากรสขมปร่าในปาก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหวาดกลัวนัยน์ตาแดงก่ำราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัวดิ้นรนอยู่ไม่นานนัก ข้อเท้าที่ถูกเขาจับเอาไว้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง“โอ๊ย…” เธอร้องออกมาปัง!ปัง!ฌองเตะเข้ามาที่ประตูสองสามครั้งประตูใกล้จะพังอยู่รอมร่อ เบียงก้าตกอยู่ในความกลัวจับขั้วหัวใจ เลือดหยดสุดท้ายไหลออกจากใบหน้าเธอไปจากใบหน้าซีดเผือดของเธอในขณะที่เบียงก้ารู้สึกอับจนหนทางอยู่เช่นนั้น ริมฝีปากของเธอก็ถูกชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาช่วงชิงเอาไปเสียงจากภายนอกยังคงดังอยู่โสตประสาทของเบียงก้าเต็มไปด้วยเสียงหอบอันเย้ายวนและลมหายใจที่ร้อนระอุของผู้ชายคนนี้ภายนอกห้องนอนฌองหันหลังกลับไปตามเสียงที่ได้ยินแล้วจึงเห็นชายในชุดเครื่องแบบตำรวจสี่คนอยู่ตรงหน้าเขา พ่วงมากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของระแวกนี้ พวกเขาเดินเข้ามาทางที่ประตูเปิดออก“โปรดมากับพวกเราด้วยครับ!”ฌองมองไปยังตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาเหลือบมองไ
หลังจากที่ลุคจากไป เบียงก้ายังคงยืนจ้องประตูอยู่พักใหญ่คำพูดของเขานั้นถูกต้อง เช่นเดียวกับการวินิจฉัยของแพทย์ ถึงกระนั้น เธอกลับไม่รู้ว่าเธอคิดถูกต้องไหม ทั้งร่างกายและความรู้สึกได้ทรยศเธอจนหมดจะมีผู้หญิงที่ไหนที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับผู้ชายที่หล่อเหลาและประสบความสำเร็จเช่นเขาถึงกระนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่เก่งกาจอย่างลุค ครอว์ฟอร์ด ใคร ๆ ก็ต้องพิจารณาตัวเองกันทั้งนั้น พิจารณาว่าตัวเองมีสิทธิ์จะคิดอะไรกับเขาไหม ไหนจะผลที่ตามมาอีกถ้าไม่ใช่ชาร์ล็อต ชอว์ ผู้หญิงคนไหนจะคู่ควรกับเขากันล่ะ?เบียงก้ารู้ตัวเองดี ดังนั้นเธอถึงต้องป้องกันตัวเองอยู่เสมอ จนกระทั่งวันนี้ที่เขาบังคับเธออย่างเอาแต่ได้ ร่างกายของเธอยอมแพ้และทรยศเธอ ราวกับว่าร่างกายของเธอไม่เป็นตัวของตัวเอง... “ถึงปากจะไม่พูด แต่ร่างกายจะเป็นคนบอกเอง” ช่างเป็นคำพูดที่เลือกปฏิบัติเสียจริง แต่วันนี้เธอต้องจำใจยอมรับว่ามันก็มีส่วนจริงเธอเกลียดตัวเองที่เป็นอยู่ในตอนนี้เธอเกลียดร่างกายของตัวเองที่ยอมจำนนต่อสัมผัสอันป่าเถื่อนของเขาอย่างง่ายดายอย่างนั้นคืนนั้น เบียงก้าหลับไม่ลงอย่างแรก เธอต้องทำความสะอาดผ้าปูที่นอนเส
ไม่ว่าเขาทั้งคู่จะเป็นคน ๆ เดียวกันหรือไม่ เบียงก้าก็ยังต้องไปงานเลี้ยงนี้อยู่วันยังค่ำไม่ใช่เพื่อเพื่อนร่วมชั้นหรือรุ่นพี่ที่เธอแทบจะจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้เลย แต่เพื่อคุณครูที่รักและห่วงใยเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นก่อนหน้าที่เธอได้คราวข่าวของคุณครูคลินตันเลย จึงไม่ได้ไป แต่ตอนนี้ที่เธอรับรู้แล้วจะไม่ไปคงไม่ได้…เที่ยงวัน ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดในตอนที่ลุคเดินเข้าประตูไป ชายอาวุโสเดินตามหลังหลานชายคนโตเข้ามา “หลานโตแล้วนะ บางทีหลานควรจะคิดเรื่องคู่ชีวิตได้แล้ว บอกปู่มา ว่าหลานชอบผู้หญิงแบบไหนกัน?”ลุคเดินขึ้นชั้นบนไปโดยไม่ปิปากพูดอะไรชายอาวุโสเดินตามเขาขึ้นไปด้วยไม้เท้า เขาได้แต่สาปแช่งในใจที่หลานชายไม่แยแสทั้งที่เขาต้องขึ้นบันได เจ้าหลานคนนี้ไม่ได้ชอบทั้งแม่สาววัยละอ่อนหรือพวกรุ่นเก๋าเกมเสียด้วย“หลานชอบพวกอวบอ้วนไหม? ตอบปู่มาตามตรงนะ” ชายอาวุโสกดดัน เขาคิดว่านี่เป็นแบบที่หลานชายคนโตของเขาชอบลุคเดินเข้าไปในห้อง เขาถอดเสื้อคลุมและเนคไทค์ออกไปแขวนไว้ใกล้ ๆ กันชายอาวุโสยังกล่าวต่อ “ปู่ได้ยินว่าลูกสาวของประธานชอว์อยู่ที่เมืองนี้ ทำไมหลานไม่พาเธอมาพบปู่หน่อยล่ะ? ถ้าประธานชอว์ไม
แอนนาละทิ้งเหตุผลของเธอไปอย่างสิ้นเชิง เธอยื้อยุดเบียงก้ากลับไปกลับมา ทั้งยังทำผมของเบียงก้ายุ่งเหยิงและฝากรอยข่วนมากมายไว้บนคอ หากแต่ใบหน้าของเธอยังคงอยู่ดี แอนนาจิกผมของเบียงก้าไว้ไม่ยอมปล่อย “ผู้หญิงอย่างเธอนะต้องถูกประจาน! นี่เธอต้องการเงินมากอย่างนั้นเหรอ? หิวเงินจนยอมทิ้งศักดิ์ไปแล้วเหรอ? ถ้าเธออยากจะมีเสี่ยเลี้ยง ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก แต่อย่ามาดึงลูกชายฉันลงนรกไปกับเธอด้วย! อย่างเธอจะชดใช้ช่วงเวลาห้าปีที่ลูกชายฉันสูญเสียไปกับเธอได้ยังไง?!” เบียงก้าไม่อาจทนได้อีก เธอสะดุ้งเพราะความเจ็บปวด เบียงก้าดึงผมของตัวเองออกจากเงื้อมือของแอนนา แล้วผลักเธอออกไปอย่างแรง “พอได้แล้ว!”แอนนาถูกออกไปไกลกว่าหนึ่งเมตร ใบหน้าและลำคอของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ ทั้งยังชี้นิ้วมายังเบียงก้า “เธอทั้งหยาบคายและน่ารังเกียจที่สุด! กล้าดีอย่างไรถึงทำเหมือนกับว่าตัวเองไม่ผิด!” ผู้คนเริ่มเข้ามามุงดูพวกเธอ หญิงสูงวัยคนหนึ่งเข้ามาห้ามโดยรั้งเธอไว้จากข้างหลัง “อย่าโกรธไปเลยค่ะคุณ คุณไม่ควรจะฟังความข้างเดียวแล้วตัดสินลูกสะใภ้ของคุณว่าเธอนอกใจนี่ จริงไหม?”แอนนารู้จักผู้หญิงที่กำลังห้ามเธอเธอเป็นหนึ่งในพวกผู