รถเริ่มเคลื่อนตัวออกไปช้า ๆเจสันได้ตระเตรียมสิ่งจำเป็นทุกอย่างที่โรงแรมไว้เรียบร้อยแล้วเบียงก้านั่งตัวเธออยู่ในรถ เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองไปด้านหน้า เพราะเกรงว่าผู้ชายคนนี้จะเข้ามาอยู่ในสายตาของเธอ ดังนั้นเธอจึงเอาแต่มองข้างทางตลอดเวลา ลุคขี้เกียจจะอ่านหนังสือพิมพ์แล้ว นิ้วเรียวยาวได้รูปของเขาจับที่มุมของกระดาษ ไอความเย็นแผ่ออกมาจากตัวเขาราวกับตัวเขาถูกแช่แข็ง ทั้งที่ยังไม่พูดอะไรออกมา ในตอนนั้นเอง เบียงก้ารู้สึกกระหายทุกครั้งที่เธอวิตกกังวล เธอมักจะอยากดื่มน้ำเสมอ…เมื่อพวกเขามาถึงโรงแรม ซูไม่ได้รอให้เบียงก้าเดินมากับเธอ ในทางกลับกัน เธอได้แต่ทักทายคู่ค้าทั้งสามคนอย่างกระตือรือร้นและเดินเข้าไปในโรงแรมแทน ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นทหารท่ามกลางสนามรบ แน่นอนว่าเธอสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นชายเอาแต่ใจที่เบียงก้าพูดถึง ผู้ที่ไล่ตามเธอยังเอาแต่ใจบางทีอาจจะเป็นประธานของบริษัทที คอร์ปอเรชั่น หรือก็คือชายผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของบริษัทเธอยังมั่นใจว่าผู้ช่วยพิเศษของท่านประธาน เจสัน ดอยล์ เองก็รู้เรื่องนี้ดี เขาเดินอยู่หน้าเธอด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมอย่างที่สุดหลักฐานที่ว่าเจสันได้เตรียมการมา
เบียงก้าไม่คิดว่าไวน์เพียงแก้วเดียวจะทำให้เธอเมาได้เธอส่ายศีรษะก่อนจะเห็นใต้ผ้าปูโต๊ะที่คลุมทับโต๊ะกลมใหญ่ โต๊ะมันควรมีแปดขา และมีขาโต๊ะที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ตรงหน้าเธอ บางทีเธออาจจะบังเอิญสะดุดขาโต๊ะพวกนี้ล้มก็ได้เธอดันทำไวน์แดงหกใส่กางเกงของเจ้านาย แถมยังหกอยู่ตรงส่วนที่น่าอายที่สุดของผู้ชายด้วย กางเกงของเขาเปียกจนชุ่ม เบียงก้าได้แต่คิดว่าเธอสมควรตายสักหมื่นหนลุคคงจะคิดว่าเธอจงใจยั่วยวนเขา หลังจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ไม่สามารถจะสู้หน้าใครได้อีก“ยืนนิ่งอยู่ทำไมเล่า? ช่วยคุณครอว์ฟอร์ดเช็ดสิ!”ซูยืนกระดาษชำระให้หนึ่งห่อ ทั้งยังเร่งเบียงก้าให้รีบกว่าเดิมเบียงก้าไม่มีเวลาให้ไตร่ตรองอะไร สิ่งแรกที่เธอทำคือดึงทิชชูออกมา แล้ววางมือบนเป้าของเจ้านาย...กระดาษชำระเปียกชุ่มทันทีที่สัมผัสกับไวน์ มันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ไม่นานนัก เบียงก้าก็ตระหนักได้ว่านิ้วของเธอกำลังสัมผัสกับอะไรบางอย่าง ในตอนที่เธอเช็ดให้กางเกงเขาด้วยกระดาษชำระ มันย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่นิ้วของเธออาจจะปัดป่ายไปทั่วเรียวขาของเขาเธอสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวภายใต้กางเกงของเขา...ที่ตรงนั้นค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่
จากสัมผัสและการเสียดสีนั้น ฝ่าเท้าที่อ่อนนุ่มของหญิงสาวก็รู้สึกราวกับถูกความร้อนจากมืออันใหญ่โตของชายตรงหน้าแผดเผา...เธอไม่รู้ว่าลุคปล่อยเท้าของเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งหมดที่เธอจำได้คือความเจ็บปวดบริเวณท้องน้อยที่ซัดมาเป็นระลอก จนเม็ดเหงื่อบาง ๆ ผุดขึ้นที่หน้าผากของเธอ...อาการมึนงงจากไวน์และตะคริว ทำให้เธอได้แต่ขดตัวอยู่บนเตียงใหญ่ที่แสนอบอุ่นและหนานุ่ม กว่าที่เธอจะรู้ตัว เธอก็ผล็อยหลับไปเสียแล้วลุคมักจะมาพักที่ห้องพักส่วนตัวที่โรงแรมนี้เสมอมันเป็นโรงแรมในเครือของบริษัทที คอร์ปอเรชั่นนับตั้งแต่วันที่เขากลับมายังครอว์ฟอร์ดอย่างเป็นทางการ และเริ่มงานที่บริษัทที คอร์ปอเรชั่น ห้องพักนี้ก็เป็นของเขา และมีเพียงแค่คนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะสามารถเข้ามาที่นี่ได้หลังจากที่เธอผล็อยหลับไป ลุคก็จัดการปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ และนำผ้ามาห่มให้เธอด้วยความระมัดระวังช่วงเวลาล่วงเลยไปจนเบียงก้าตื่นขึ้น บรรยากาศภายนอกนั้นก็มืดไปเสียแล้วเธอมองไปรอบ ๆ ห้องพักที่ไม่คุ้นเคยของโรงแรมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเธอพยุงตัวเองขึ้น และแน่ใจว่าตัวเธอในตอนนี้มีสติดีแ
ใบหน้าของเบียงก้าขึ้นสีผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเธอไม่ได้ระวังในหัวข้อที่เธอพูดกับเบียงก้าเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เธอกลับพูดทุกอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่สนใจว่าจะมีผู้ชายนั่งอยู่ใกล้ ๆ เลยแม้แต่น้อย“บอกฉันหน่อยสิ ฉันอยากรู้จริง ๆ!” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เบียงก้ามีสีหน้าเชิงคาดหวังเบียงก้าอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เมื่อพบว่าเรื่องเพศที่สังคมเคยรังเกียจเดียดฉันท์กลับกลายเป็นประเด็นพูดถึงอย่างเปิดเผยเช่นนี้ “เขาไม่ใช่…” เบียงก้าส่ายศีรษะ ยังไม่ทันทีเบียงก้าจะได้พูดจบประโยค ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเธอหันไปมองลุคด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยตัณหา ทันใดนั้นเอง หญิงสาวหันกลับมาที่เบียงก้า ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ “ยังไงเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ไอ้เรื่องอย่างว่าที่เราทำกับสามี ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเสียหน่อย เล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อยได้รึเปล่าล่ะ? พวกคุณทำกันอาทิตย์ละกี่ครั้งเหรอ? ฉันดูทรงสามีเธอแล้ว เขาน่าจะเก่งเรื่องพวกนี้นะ...”หญิงคนนั้นยังหันไปชื่นชมเรือนร่างของลุคอีกหน ซึ่งเขาไม่ได้นั่งอยู่ห่างไปสักเท่าไหร่ เธอพึมพำ “แค่เห็นร่างกายของเขา ก็ดูราวกับว่าจะทำให้สาว ๆ ถึงจุดสุดยอดได้ทุกที่ทุก
เบียงก้าต้องยอมรับว่าการมีผู้ชายคนนี้คอยปกป้องเธออยู่ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นเป็นเท่าตัวในโลกนี้ จะมีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ต้องการการปกป้องจากผู้ชายคนนี้บ้างล่ะ?แต่ถึงคุณจะคิดว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ใช่ หลายคนก็จะจบลงด้วยการทำตัวเองเจ็บอยู่วันยังค่ำ กว่าคุณจะรู้ตัวว่าความรักที่หวานปานน้ำผึ้งนั้นสามารถกลายเป็นคมมีดที่บาดลึกได้นั้น ร่างกายและจิตใจของคุณก็คงเต็มไปด้วยบาดแผลไปแล้วเธอไม่รู้เลยว่าในท้ายที่สุด ผู้ชายคนนี้จะทิ้งอะไรไว้ให้เธอบ้าง? เธอไม่รู้และไม่กล้าที่จะพนันเรื่องนี้เลยเบียงก้าไม่ได้พูดอะไรกับลุคในตอนที่พวกเขาเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าเธอไม่คิดที่จะชวนลุคเข้าไป เพราะเธอไม่ต้องการให้เขารู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ตึกไหนหรือชั้นไหน เพราะเกรงว่าวันหนึ่งเขาอาจจะมาปรากฏตัวพร้อมกับลูก ๆ ที่หน้าประตูของเธอและตอนนี้เธอเช่าบ้านร่วมกับนีน่าด้วยถ้านีนาเห็นว่าพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน เธออาจจะเข้าใจเรื่องนี้ผิดไปก็เป็นได้ที่ทำงาน เจสันและซูที่เข้าใจความสัมพันธ์ของเธอกับเจ้านายของพวกเขาผิดไปนั้น ก็สร้างความอึดอัดให้เธอมากพอแล้ว เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดอะไรในชีวิตเธอมากไปกว่านี้อีก
“เราไม่ควรต้องเจอกันอีก มันไม่เพียงแต่จะทำให้เธอต้องรู้สึกกระวนกระวายใจ แต่สุขภาพจิตของเธอก็จะแย่ลง แถมอาจจะแก่เร็วขึ้นอีกด้วย”ถ้อยคำเหล่านั้นพุ่งผ่านริมฝีปากของเบียงก้าก่อนที่จะตัดสินใจเดินจากไป“อย่าเพิ่งไปสิ...”สีหน้าของมาลีเปลี่ยนไปในทันที ท่าทางของเธออ่อนน้อมลง เธอเอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับที่แขนของเบียงก้า จากนั้นเธอก็เริ่มอ้อนวอน “ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันขอโทษ เธอจะตบตีฉันยังไงก็ได้ ทุกอย่างที่เธอต้องการได้เลย”เบียงก้าหันหลังกลับมามองเธอมือของมาลีวางอยู่บนไหล่ของเบียงก้า จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ เลื่อนมือไปจับที่มือของเบียงก้า มาลีกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสา “บี เธอรู้ไหมว่าตั้งแต่ที่ฉันเกิดมา ฉันก็ไม่เคยได้รับความรักจากพ่อเลย นั่นจึงเป็นเหตุที่ฉันอิจฉาที่เห็นว่าเธอมีพ่อ และตั้งแต่ที่ฉันได้เข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับเธอ ฉันก็รู้สึกไม่มีความสุขกับเธอมาตลอด ฉันอิจฉาที่เธอมีความสุขมากกว่าฉัน ฉันอาจจะทำอะไรลงไปโดยไม่คิด เพราะว่าตอนนั้นฉันยังไม่โตพอ ได้โปรดเชื่อฉันเถอะนะ ฉันไม่เคยคิดที่จะแย่งแฟนของเธอเลย...”เบียงก้าคุ้นเคยกับกลอุบายของมาลีมาตั้งแต่เด็กเบียงก้าไม่
ลุค ครอว์ฟอร์ดไปที่ร้านขายยาเพื่อซื้อยาสี่กล่องตามใบสั่งยาที่แพทย์ในชุมชนได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเขา ในการซื้อยาให้ผู้หญิงหลังจากนั้น เมื่อเขากลับมา เขามองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบเบียงก้า ...ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดในเวลาพลบค่ำบลองช์ ครอว์ฟอร์ดยังคงไม่นอน ร่างเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเขานั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำ“พี่ชาย เราจะไม่เข้านอนกันเหรอ?” เรนนี่กอดตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ของเธอเอาไว้ในขณะที่เธอนั่งลงบนโซฟา เธอถามบลองช์ด้วยความสงสัย“ถ้าเธอง่วงนอนก็ไปนอนก่อนเลย พี่จะรอเอง” บลองช์เองก็รู้สึกง่วงนอน แต่เขาพยายามบังคับไม่ให้ดวงตาของเขาปิดลง เขาตั้งใจจะรอจนกว่าพ่อของเขาจะกลับมา และพูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูดก่อนที่เขาจะเข้านอนเมื่อเรนนี่ได้ยินว่าพี่ชายของเธอจะรอต่อไป ดังนั้น เธอจึงรู้สึกว่า เธอควรเรียนรู้ในการเป็นคนเข้มแข็งดั่งพี่ชายของเธอแทนที่จะง่วงเหงาหาวนอนเช่นนี้อาหลุยส์เคยบอกเธอว่า สักวันหนึ่ง ถ้าหากว่าพ่อของพวกเขาแต่งงาน พวกเขาก็จะต้องมีแม่เลี้ยงทั้งพี่ชายของเธอและตัวเธอเองต่างก็ต้องการคำอธิบายว่า แม่ของพวกเขาอยู่ที่ไหน? เธอจะไปสวรรค์แล้ว หรือว่าเธอจะไปซ่อนตัวอย
เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กชายตัวเล็กไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแล้วตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ! ในตอนเช้า เด็กชายรีบวิ่งกลับไปยังห้องของเขา เขาหยิบแปรงสีฟันแท่งเล็ก ๆ ออกมาและเริ่มล้างหน้า เด็กชายมีฟันที่ขาวสะอาดและเรียงกันอย่างสวยงาม เมื่อล้างหน้าเสร็จ เขาก็วิ่งไปหาเรนนี่ เขารีบเปิดประตูในขณะที่เขาพูดกับเธอว่า “แม่ของเรายังมีชีวิตอยู่”ผมของเรนนี่ถักเป็นเปียอย่างประณีต เธอเอียงศีรษะไปด้านข้างและกล่าวว่า “พี่ชาย พี่กำลังพูดเรื่องอะไรเหรอคะ?”“พี่บอกว่าแม่ของเรายังมีชีวิตอยู่!” บลองช์พูดอีกครั้งในขณะที่เดินเข้าไปและคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อช่วยน้องสาวของเขาสวมรองเท้าก่อนที่เขาจะพาเธอไปที่อาคารหลังอื่นภายในคฤหาสน์พี่เลี้ยงของพวกเขาไม่ได้ขัดขวางการกระทำของเด็ก ๆบลองช์ให้น้องสาวของเขาคอยเฝ้าประตู ในขณะที่เขาแอบเข้าไปในห้องของคุณอาหลุยส์อย่างเงียบ ๆ เขาหยิบโทรศัพท์ของอามาและรีบแอบออกจากห้องไป...“ได้มาไหม พี่ชาย?” เรนนี่เบิกตากว้างในขณะที่เธอเอ่ยถามบลองช์พยักหน้า จากนั้นสองพี่น้องก็ไปยังมุมที่เงียบสงบและใช้โทรศัพท์เพื่อกดโทรออกในเวลาเดียวกันนั้น โทรศัพท์ของชาร์ลส์ ฟินน์ก็ดังขึ้นที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง