ใบหน้าของเบียงก้าขึ้นสีผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเธอไม่ได้ระวังในหัวข้อที่เธอพูดกับเบียงก้าเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เธอกลับพูดทุกอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่สนใจว่าจะมีผู้ชายนั่งอยู่ใกล้ ๆ เลยแม้แต่น้อย“บอกฉันหน่อยสิ ฉันอยากรู้จริง ๆ!” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เบียงก้ามีสีหน้าเชิงคาดหวังเบียงก้าอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เมื่อพบว่าเรื่องเพศที่สังคมเคยรังเกียจเดียดฉันท์กลับกลายเป็นประเด็นพูดถึงอย่างเปิดเผยเช่นนี้ “เขาไม่ใช่…” เบียงก้าส่ายศีรษะ ยังไม่ทันทีเบียงก้าจะได้พูดจบประโยค ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเธอหันไปมองลุคด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยตัณหา ทันใดนั้นเอง หญิงสาวหันกลับมาที่เบียงก้า ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ “ยังไงเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ไอ้เรื่องอย่างว่าที่เราทำกับสามี ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเสียหน่อย เล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อยได้รึเปล่าล่ะ? พวกคุณทำกันอาทิตย์ละกี่ครั้งเหรอ? ฉันดูทรงสามีเธอแล้ว เขาน่าจะเก่งเรื่องพวกนี้นะ...”หญิงคนนั้นยังหันไปชื่นชมเรือนร่างของลุคอีกหน ซึ่งเขาไม่ได้นั่งอยู่ห่างไปสักเท่าไหร่ เธอพึมพำ “แค่เห็นร่างกายของเขา ก็ดูราวกับว่าจะทำให้สาว ๆ ถึงจุดสุดยอดได้ทุกที่ทุก
เบียงก้าต้องยอมรับว่าการมีผู้ชายคนนี้คอยปกป้องเธออยู่ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นเป็นเท่าตัวในโลกนี้ จะมีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ต้องการการปกป้องจากผู้ชายคนนี้บ้างล่ะ?แต่ถึงคุณจะคิดว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ใช่ หลายคนก็จะจบลงด้วยการทำตัวเองเจ็บอยู่วันยังค่ำ กว่าคุณจะรู้ตัวว่าความรักที่หวานปานน้ำผึ้งนั้นสามารถกลายเป็นคมมีดที่บาดลึกได้นั้น ร่างกายและจิตใจของคุณก็คงเต็มไปด้วยบาดแผลไปแล้วเธอไม่รู้เลยว่าในท้ายที่สุด ผู้ชายคนนี้จะทิ้งอะไรไว้ให้เธอบ้าง? เธอไม่รู้และไม่กล้าที่จะพนันเรื่องนี้เลยเบียงก้าไม่ได้พูดอะไรกับลุคในตอนที่พวกเขาเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าเธอไม่คิดที่จะชวนลุคเข้าไป เพราะเธอไม่ต้องการให้เขารู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ตึกไหนหรือชั้นไหน เพราะเกรงว่าวันหนึ่งเขาอาจจะมาปรากฏตัวพร้อมกับลูก ๆ ที่หน้าประตูของเธอและตอนนี้เธอเช่าบ้านร่วมกับนีน่าด้วยถ้านีนาเห็นว่าพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน เธออาจจะเข้าใจเรื่องนี้ผิดไปก็เป็นได้ที่ทำงาน เจสันและซูที่เข้าใจความสัมพันธ์ของเธอกับเจ้านายของพวกเขาผิดไปนั้น ก็สร้างความอึดอัดให้เธอมากพอแล้ว เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดอะไรในชีวิตเธอมากไปกว่านี้อีก
“เราไม่ควรต้องเจอกันอีก มันไม่เพียงแต่จะทำให้เธอต้องรู้สึกกระวนกระวายใจ แต่สุขภาพจิตของเธอก็จะแย่ลง แถมอาจจะแก่เร็วขึ้นอีกด้วย”ถ้อยคำเหล่านั้นพุ่งผ่านริมฝีปากของเบียงก้าก่อนที่จะตัดสินใจเดินจากไป“อย่าเพิ่งไปสิ...”สีหน้าของมาลีเปลี่ยนไปในทันที ท่าทางของเธออ่อนน้อมลง เธอเอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับที่แขนของเบียงก้า จากนั้นเธอก็เริ่มอ้อนวอน “ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันขอโทษ เธอจะตบตีฉันยังไงก็ได้ ทุกอย่างที่เธอต้องการได้เลย”เบียงก้าหันหลังกลับมามองเธอมือของมาลีวางอยู่บนไหล่ของเบียงก้า จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ เลื่อนมือไปจับที่มือของเบียงก้า มาลีกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสา “บี เธอรู้ไหมว่าตั้งแต่ที่ฉันเกิดมา ฉันก็ไม่เคยได้รับความรักจากพ่อเลย นั่นจึงเป็นเหตุที่ฉันอิจฉาที่เห็นว่าเธอมีพ่อ และตั้งแต่ที่ฉันได้เข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับเธอ ฉันก็รู้สึกไม่มีความสุขกับเธอมาตลอด ฉันอิจฉาที่เธอมีความสุขมากกว่าฉัน ฉันอาจจะทำอะไรลงไปโดยไม่คิด เพราะว่าตอนนั้นฉันยังไม่โตพอ ได้โปรดเชื่อฉันเถอะนะ ฉันไม่เคยคิดที่จะแย่งแฟนของเธอเลย...”เบียงก้าคุ้นเคยกับกลอุบายของมาลีมาตั้งแต่เด็กเบียงก้าไม่
ลุค ครอว์ฟอร์ดไปที่ร้านขายยาเพื่อซื้อยาสี่กล่องตามใบสั่งยาที่แพทย์ในชุมชนได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเขา ในการซื้อยาให้ผู้หญิงหลังจากนั้น เมื่อเขากลับมา เขามองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบเบียงก้า ...ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดในเวลาพลบค่ำบลองช์ ครอว์ฟอร์ดยังคงไม่นอน ร่างเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเขานั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำ“พี่ชาย เราจะไม่เข้านอนกันเหรอ?” เรนนี่กอดตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ของเธอเอาไว้ในขณะที่เธอนั่งลงบนโซฟา เธอถามบลองช์ด้วยความสงสัย“ถ้าเธอง่วงนอนก็ไปนอนก่อนเลย พี่จะรอเอง” บลองช์เองก็รู้สึกง่วงนอน แต่เขาพยายามบังคับไม่ให้ดวงตาของเขาปิดลง เขาตั้งใจจะรอจนกว่าพ่อของเขาจะกลับมา และพูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูดก่อนที่เขาจะเข้านอนเมื่อเรนนี่ได้ยินว่าพี่ชายของเธอจะรอต่อไป ดังนั้น เธอจึงรู้สึกว่า เธอควรเรียนรู้ในการเป็นคนเข้มแข็งดั่งพี่ชายของเธอแทนที่จะง่วงเหงาหาวนอนเช่นนี้อาหลุยส์เคยบอกเธอว่า สักวันหนึ่ง ถ้าหากว่าพ่อของพวกเขาแต่งงาน พวกเขาก็จะต้องมีแม่เลี้ยงทั้งพี่ชายของเธอและตัวเธอเองต่างก็ต้องการคำอธิบายว่า แม่ของพวกเขาอยู่ที่ไหน? เธอจะไปสวรรค์แล้ว หรือว่าเธอจะไปซ่อนตัวอย
เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กชายตัวเล็กไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแล้วตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ! ในตอนเช้า เด็กชายรีบวิ่งกลับไปยังห้องของเขา เขาหยิบแปรงสีฟันแท่งเล็ก ๆ ออกมาและเริ่มล้างหน้า เด็กชายมีฟันที่ขาวสะอาดและเรียงกันอย่างสวยงาม เมื่อล้างหน้าเสร็จ เขาก็วิ่งไปหาเรนนี่ เขารีบเปิดประตูในขณะที่เขาพูดกับเธอว่า “แม่ของเรายังมีชีวิตอยู่”ผมของเรนนี่ถักเป็นเปียอย่างประณีต เธอเอียงศีรษะไปด้านข้างและกล่าวว่า “พี่ชาย พี่กำลังพูดเรื่องอะไรเหรอคะ?”“พี่บอกว่าแม่ของเรายังมีชีวิตอยู่!” บลองช์พูดอีกครั้งในขณะที่เดินเข้าไปและคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อช่วยน้องสาวของเขาสวมรองเท้าก่อนที่เขาจะพาเธอไปที่อาคารหลังอื่นภายในคฤหาสน์พี่เลี้ยงของพวกเขาไม่ได้ขัดขวางการกระทำของเด็ก ๆบลองช์ให้น้องสาวของเขาคอยเฝ้าประตู ในขณะที่เขาแอบเข้าไปในห้องของคุณอาหลุยส์อย่างเงียบ ๆ เขาหยิบโทรศัพท์ของอามาและรีบแอบออกจากห้องไป...“ได้มาไหม พี่ชาย?” เรนนี่เบิกตากว้างในขณะที่เธอเอ่ยถามบลองช์พยักหน้า จากนั้นสองพี่น้องก็ไปยังมุมที่เงียบสงบและใช้โทรศัพท์เพื่อกดโทรออกในเวลาเดียวกันนั้น โทรศัพท์ของชาร์ลส์ ฟินน์ก็ดังขึ้นที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง
ลานี่พูดกับเรนนี่ว่า “คุณปู่ชาร์ลส์บอกว่า คุณแม่มีแฟนใหม่ไปแล้ว และคงจะไม่มีโอกาสได้กลับมาคบกับคุณพ่อด้วย”เรนนี่พยักหน้าตอบรับโดยที่ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พี่ชายเธอพูดหมายถึงอะไร“เรามาหาแฟนใหม่ให้พ่อกันเถอะ พี่คิดว่าคุณบีเป็นตัวเลือกที่ดีเลย” บลองช์ตัดสินใจยอมแพ้ เขาครุ่นคิด 'ไม่ใช่เพราะว่าคุณพ่อไม่ต้องการคุณแม่ แต่เพราะว่าคุณแม่มีแฟนใหม่ไปแล้ว’ ...ในช่วงเวลาอาหารเช้าอลิสัน แทนเนอร์เดินลงมาจากชั้นบน เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยผู้คน จากนั้น เธอก็พูดขึ้นว่า “คุณพ่อคะ หนูมีธุระ ขอตัวไปก่อนนะ”ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดเงยหน้าขึ้นและกำลังจะพูดกับเธอว่า 'ตกลง' แต่แล้ว ซูซาน อาร์มสตรองก็ขัดจังหวะในทันที เธอเลิกคิ้วพร้อมหัวเราะ “ดูสิ แต่งตัวซะสวยเชียว ดูปากสิ แดงอย่างกับเพิ่งไปเลือดของเด็กเป็น ๆ มาอย่างนั้นแหละ ออกไปหาผู้ชายเหรอจ๊ะ?”ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดจะไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจกับการพูดจาประชดประชันกันที่เกิดขึ้นทุกวันมานานกว่า 10 ปีอลิสันยังคงสงบนิ่ง “ซูซาน ไม่ต้องห่วงหรอกจ่ะ ฉันไม่ใช่เธอนะ ฉันไม่จำเป็นต้องหาผู้ชายคนอื่นเพียงเพราะว่าฉันทนความเหงาไม่ไหว ถึง
รถไฟใต้ดินวิ่งผ่านสถานีก่อนหน้านี้มาจนถึงอีกหนึ่งสถานี เบียงก้าครุ่นคิดว่า ร่างกายของเธอที่กำลังแนบชิดกับลุคนั้นมีความรู้สึกที่แปลกไป...หน้าต่างบานใหญ่ของตู้โดยสารรถไฟใต้ดินสะท้อนให้เห็นภาพของผู้โดยสารภายในรถไฟในตอนแรก เบียงก้าไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองได้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าที่เขินอายของเธอก็จางลงอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอพยายามเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองไปยังภาพสะท้อนที่อยู่บนหน้าต่างร่างสูงกำยำของลุคยืนอยู่ด้านหลังเธอ ชายผู้นั้นจับราวด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งได้ปกป้องเธอเอาไว้ด้วยการโอบกอดเบียงก้าตัวเล็กเกินไป แต่เธอก็ยังอยากเห็นสีหน้าของเขา ความสูงของชายผู้นั้นทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขา ดังนั้น เธอจะต้องเงยหน้าขึ้น ถ้าหากว่าเธออยากเห็นใบหน้าของเขา เพียงเพราะว่าชายวัยกลางคนได้ฉวยโอกาสจากเธอก่อนหน้านี้ด้วยการสัมผัสมือของเธออย่างจงใจ เหตุการณ์นั้นทำให้ลุคแสดงความเป็นเจ้าของและโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาแน่น เมื่อผู้โดยสารชายคนอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงได้ยินชายผู้นี้เรียกเธอว่า 'ภรรยา' ดังนั้น พวกเขาจึงถอยออกจากเบียงก้าโดยอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี
“ฉันเปล่า…” เบียงก้ารีบปฏิเสธทันที “เธอกล้าโกหกฉันเหรอ? ถ้าเธอไม่ได้แอบชอบเขา แล้วใครกันล่ะที่ชอบซุ่มอยู่หลังกำแพงและแอบมองออกไปที่สนามเด็กเล่นของโรงเรียนมัธยมที่อยู่ติดกันอย่างกับคนบ้านั่นน่ะ?” คลอเดียหยอกล้อเธอถึงเรื่องของอดีตเบียงก้ายังจำเหตุการณ์ในสมัยมัธยมของเธอได้ดี เธอมักจะชอบจ้องมองทิวทัศน์ที่สวยงามและผู้คนอย่างโง่เขลาสมัยเรียนมัธยม และคนที่เธอให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ รุ่นพี่ครอว์ฟอร์ด จากโรงเรียนมัธยมที่อยู่ติดกันคลอเดียคาดเดาได้ว่า เบียงก้าอาจจะกำลังเขินอายอยู่ เธอจึงพูดต่อว่า “เขาหล่อเหล่ามากขนาดนั้น! และยังน่าเกรงขามอีกด้วย! มีใครบ้างล่ะที่จะไม่ตกหลุมรักเขา? เธอไม่เห็นจะต้องอายเลย”เบียงก้าสำลักเล็กน้อย ใบหน้าของเธอเริ่มแดง จากนั้น ใบหน้าของรุ่นพี่ครอว์ฟอร์ดที่อยู่ภายในใจก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของลุค ครอว์ฟอร์ดโดยไม่รู้ตัวมีข่าวลือว่า ลุคมีน้องชายที่ชื่อ หลุยส์ และทั้งสองพี่น้องก็มีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของรูปลักษณ์ และเบียงก้าก็ยังไม่เคยเห็นหลุยส์เป็นการส่วนตัวมาก่อนถ้าหากว่า หลุยส์ คือรุ่นพี่ครอว์ฟอร์ด แต่ลุค คือคนที่อยู่ในใจของเธอตลอดเวลา ดังนั้น มันคงจะ