“ถ้าอย่างนั้นให้เธอไปทำงานที่โรงพยาบาลผมก็ได้ครับ” เขาเสนอขึ้นแล้วหันไปพูดกับธาริกาโดยตรง ต้องการให้แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ “ถ้าเธอสนใจ เราสามารถเริ่มต้นด้วยตำแหน่งทดลองงานก่อนได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย แสตมป์ว่าไงลูก โรงพยาบาลของหมอไนล์ก็ไม่ไกลจากบ้านด้วย” มารินีหันไปถามลูกสาว
“ขอบคุณมากนะคะ”
จักรินทร์จับตามองที่ธาริกา และเขาสามารถบอกได้จากสีหน้าของเธอว่า เธอพูดจริง แม้จะอยู่ในสถานการณ์มัดมือชกแบบนี้ก็ตาม บางทีเธออาจกำลังอยากห่างจากพ่อแม่ของเธอ
“งั้นก็ตกลงแล้วนะ” บวรพจน์ยืนยันกับเพื่อนรุ่นน้อง
“ครับ” จักรินทร์รับคำ แล้วหันมาคุยกับหญิงสาวต่อ “มาที่โรงพยาบาลพรุ่งนี้เลย แล้วเราจะจัดการเรื่องเอกสารกัน”
จากนั้นเขาจะได้รู้ว่าเธอจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน เขาไม่อยากเสนองานที่โรงพยาบาลของเขาแก่ใครก็ได้ แม้ว่าเธอจะสวยหยาดเยิ้มแค่ไหนก็ตาม เขาใส่ใจลูกค้าและประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับ ตั้งแต่พนักงานต้อนรับไปจนถึงการดูแลของแพทย์แต่ละคน
แม้ว่าเขาจะไม่จริงจังกับหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เขาจริงจังกับงานของเขาอย่างมาก
“ขอบใจนายมากหมอไนล์” บวรพจน์เอ่ย ยิ้มพอใจ ดึงลูกสาวมาโอบไว้ข้างตัว “เราอยากเห็นเธอประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน”
“พ่อแม่ทุกคนก็เป็นแบบนี้แหละครับ”
จักรินทร์เอ่ยขอตัว แล้วหันหลังจากพวกเขา เขาอยากทำความรู้จักกับธาริกาให้มากกว่านี้ แต่ไม่ใช่ตอนที่เธออยู่กับพ่อแม่ของเธอ ถ้าเขาจะเล่นกับเธอ มันต้องเป็นตอนที่เธออยู่คนเดียว และก่อนที่เธอจะกลายเป็นลูกจ้างของเขา
**********
สายตาคมกวาดมองภายในงานเลี้ยง พยายามมองหาคนอื่น ๆ ที่อาจดึงดูดความสนใจของเขาได้ แต่แม้จะดื่มไปหลายแก้วแล้วก็ตาม ดูเหมือนว่าในตอนนี้ สมองของเขายังคงจดจ่ออยู่ที่ธาริกาเท่านั้น
ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสียทีเดียว เพราะอีกไม่นานเธอก็จะอยู่ในระยะที่เขาสามารถเข้าถึงได้ เขาคิดว่าการทำงานร่วมกับเธอเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็น่าจะทำให้เขาเบื่อกับความสวยงามและใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอได้
สิ่งเหล่านั้นสามารถดึงดูดเขาได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น และเขาก็สงสัยว่าเธอคงไม่มีอะไรที่น่าสนใจมากไปกว่านั้น
มีผู้หญิงหลายคนพยายามเข้ามาหาเขา แต่เขาก็ปฏิเสธพวกเธอไปทีละคน พวกหล่อนไม่น่าสนใจพอที่จะดึงความสนใจของเขาได้ และหลังจากความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดที่จบลงอย่างย่ำแย่ เขาก็ต้องการอะไรสนุก ๆ บ้าง
เมื่อเริ่มเหนื่อยล้าจากผู้คน เขาจึงขอปลีกตัวออกไป พร้อมกับถือแก้วไวน์อีกใบติดมือไปด้วย
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้มีพื้นที่กว้างขวางให้เขาได้เดินสำรวจ และมีทางเดินมากมายให้เขาได้หลบหนีหากจำเป็น
ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดการเข้าสังคม แต่บางครั้งเขาก็ต้องการเวลาสักพักเพื่อกลับมาเป็นตัวเองได้เต็มที่ โดยเฉพาะเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างค้างคาใจอยู่
ขณะที่กำลังเดินผ่านห้องแสดงภาพวาดบนชั้นสอง เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งผิดปกติ
ที่นั่น ธาริกากำลังยืนอยู่อย่างสบายใจราวกับเป็นเจ้าของบ้าน เธอกำลังพิจารณาภาพวาดเก่า ๆ บนผนังอย่างละเอียด เหมือนกับว่ามันมีเบาะแสลับบางอย่างซ่อนอยู่
“คุณมักจะชอบลอบเข้ามาสำรวจบ้านคนอื่นแบบนี้เป็นประจำหรือเปล่า” ร่างสูงเดินไปหยุด ยืนพิงผนังข้าง ๆ หญิงสาว ใกล้จนแทบจะชิด
“อุ๊ย!” ธาริกาสะดุ้ง กะพริบตาสองสามครั้ง จากนั้นก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้ “คุณมักจะชอบแอบเข้าหาแขกของคุณแบบหยาบคายแบบนี้เป็นประจำหรือเปล่าคะ”
“ถ้าจะมีใครหยาบคายที่นี่ ก็คงเป็นเธอ” เขาพูด พร้อมกับมองเธอจากหัวจรดเท้า คราวนี้เขาสามารถสังเกตเธอได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้นเพราะไม่มีสายตาของพ่อแม่เธอจับจ้องอยู่ “เธอแอบออกมาแบบบี้พ่อแม่เธอไม่ห่วงแย่เหรอ ดูเหมือนพวกเขาจะห่วงคุณมากนะ”
ธาริกาถอนหายใจ “พวกท่านดื่มไปสองสามแก้ว ตอนนี้กำลังคุยกับเพื่อนอยู่ ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะสังเกตว่าฉันหายไปสักพัก”
“อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นเราก็มีเวลาสักหน่อย”
จักรินทร์ก้าวเข้าไปใกล้เธออีกก้าวหนึ่ง และเธอก็ถอยหลังหนึ่งก้าว ปกติแล้วเขาคงไม่ทำอะไรเร็วขนาดนี้ แต่แอลกอฮอล์กำลังส่งผลต่อสมองของเขา
“คุณหมายความว่ายังไง”
ธาริกามองขึ้นมาที่เขาด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา...มันทำให้เขาอยากกดเธอเข้ากับผนังและจุมพิตเธอจนเธอสลบ อยากจะลูบมือขึ้นไปตามต้นขาของเธอ ค่อย ๆ ดันชายกระโปรงขึ้นจนเธอต้องร้องขอให้เขาหยุดเพราะกลัวจะมีคนมาเห็น
“นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เธอมาที่นี่เหรอ” เขามองเธอด้วยความสงสัย
“ฉันไม่รู้ว่าคุณหมายความว่ายังไง แต่คงไม่ใช่” เธอพูด พร้อมกับทำหน้าสับสนยิ่งขึ้น
“ถ้างั้น แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอสนใจภาพวาดเก่า ๆ ฝุ่นเขรอะนี่” เขารู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเริ่มไม่ชัดเจน จึงจิบไวน์ไปหนึ่งอึก “ฉันไม่เห็นเหตุผลดี ๆ อื่นใดนอกจากว่าเธอกำลังให้ท่าฉัน”ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และก้มหน้ามองลงไปที่เท้าของตัวเอง พร้อมกับประสานนิ้วเข้าด้วยกัน ภาพตรงหน้าเรียกความตื่นเต้นในสายตาชายหนุ่มมันจะต้องสนุกแน่ถ้าได้เล่นกับเธอ!“ไม่ใช่แน่นอน” ธาริการีบโพล่งคำปฏิเสธ“อ้อ ถ้าอย่างนั้น...แล้วอะไรล่ะ”“ฉันแค่...ได้ยินมาว่าที่นี่มีผี” เธอเงยหน้ามองสบดวงตาคมที่เป็นประกายกล้า และความอยากรู้อยากเห็นในสายตาของเธอก็สดใสจนจักรินทร์อยากหัวเราะออกมา“มีผี? จริงเหรอ?”“เพื่อนฉันได้ยินข่าวลือมาบ้าง”“ข่าวลือ? อืม...นั่นก็น่าเชื่อได้นะ”“อย่ามาทำเป็นดูถูกฉันนะคะ”“แล้วฉันควรทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้ล่ะ”เธอยักไหล่ “ฉันไม่รู้ มีอะไรแปลก ๆ ในบ้านหลังนี้บ้างไหมคะ”“เธอหมายถึงเรื่องไหนล่ะ” จักรินทร์หยอกล้ออย่างนึกสนุกมองหญิงสาวที่ยกมือขึ้นกอดอก“คุณรู้ดีว่าฉันหมายความว่ายังไง”“ฉันคิดว่าฉันรู้ ฉันไม่เห็นมีอะไรที่คล้ายกับผีในบ้านหลังนี้เลย ฉันว่าเพื่อนเธอ
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ธาริกาเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า เธอรวบผมขึ้นเป็นมวยเรียบง่าย ปล่อยปอยผมด้านข้าง ก่อนจะติดกิ๊บประดับเพชรเม็ดเล็ก ซึ่งเป็นของขวัญที่เธอได้รับเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเมื่อปีก่อน เธอสวมชุดเดรสเข้ารูปสีเหลืองอ่อนมีขลิบสีขาวซึ่งเน้นให้ดูภูมิฐานเป็นมืออาชีพ แล้วจึงเลือกรองเท้าหนังสีขาวแบบส้นเตี้ยคู่ใหม่เนื่องจากเธอยังไม่ต้องเริ่มงานในวันนั้น ธาริกาจึงไม่จำเป็นต้องสวมชุดพยาบาลสีอันเป็นเครื่องแบบส่วนหนึ่งในใจเธอปรารถนาที่จะสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่โรงพยาบาล แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ธาริกากลับต้องการพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างให้คุณหมอจักรินทร์เห็น ว่า ใช่ เธอสวยและแต่งตัวดี ทว่าเธอจะไม่แสดงอาการคลั่งไคล้เขา เพียงเพราะจูบเมื่อคืนความร้อนแล่นมาที่แก้มเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เธอหลับตาลงแล้วตบเบา ๆ ที่แก้มทั้งสองข้างเพื่อไล่ความทรงจำนั้นออกไปจากความคิดเธอเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ทาลิปกลอสที่เธอรู้ดีว่าจะต้องทาซ้ำแน่ ๆ จากนั้นก
เมื่อธาริกาเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก็มุ่งตรงไปยังแผนกที่คุณหมอจักรินทร์นัดหมายทันที ภายในแผนกดูเงียบสงบ ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา ขณะที่กำลังมองสำรวจโดยรอบ พลันร่างสูงสง่าของจักรินทร์ก็ปรากฏขึ้น วันนี้เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาวของแพทย์ ทำให้ดูน่าเคารพนับ ต่างกับภาพลักษณ์ที่ได้เจอเมื่อคืนลิบลับ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงเลย“มาแล้วเหรอ ฉันกำลังรอเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะมาเมื่อไหร่”“สวัสดีค่ะคุณหมอจักรินทร์” เธอเอ่ยทัก แล้วมองรอบ ๆ อีกครั้ง “ที่นี่ดูเงียบเหงาจังนะคะ”“วันนี้เรามีคนไข้น้อย แล้วเช้านี้ฉันไม่มีนัด เลยให้พนักงานพัก และกำลังรอเธออยู่” คุณหมอหนุ่มอธิบายน้ำเสียงของเขาทำให้ขนกายเธอลุกชันแปลก ๆ แต่เธออาจคิดมากไปเอง มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่บางอย่างในใจเธอกลับคิดว่าว่าคุณหมอจักรินทร์คนนี้ต้องการอยู่กับเธอตามลำพัง ความนัยน์ของประโยคมีมากมาก แต่หากเป็นเรื่องนั้นเธอจะไม่มีวันยอมให้มันสำฤ
“ฉันจบมาด้วยคะแนนสูงสุดของชั้น ตอนเรียนฉันเคยไปฝึกงาน แล้วก็ได้รับการประเมินในแง่ดีมาตลอด ถ้าคุณต้องการ ฉันจะให้เบอร์โทรของเจ้านายเก่าให้คุณโทรไปสอบถามดูก็ได้”“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเห็นความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทำงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการรู้ แต่เธอยังต้องพิสูจน์ตัวเอง”“ฉันทำได้ค่ะ ฉันสัญญา”“เราจะดูกัน” เขามองเธอจากหัวจรดเท้าอีกครั้ง “แต่มีบางอย่างที่ฉันยังสงสัยอยู่”“อะไรคะ?”“ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเลือกเรียนพยาบาล แล้วทำไมถึงอยากทำงานที่นี่”ธาริกาลังเล นี่เป็นคำถามที่ยากสำหรับเธอเสมอ ตอนแรกมันเป็นคำแนะนำของแม่ เมื่อเธอบอกว่าเธออยากเรียนอะไรสักอย่าง แม่บอกว่าการเป็นพยาบาลเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และมันยังเป็นการเตรียมเธอไว้สำหรับการมีลูกในอนาคต อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่แม่บอกแต่นั่นไม่
การถูกปฏิเสธไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาชอบ และมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยด้วยดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรเมื่อธาริการีบปฏิเสธและปิดกั้นต่อการเข้าหาของเขาอย่างหมดสิ้นเธอเดินออกจากไปด้วยบั้นท้ายที่กวัดแกว่งไปมา มันทำให้จักรินทร์อยากจะกักเธอไว้ในวงแขนแล้วถามให้รู้เรื่องว่า เธอไม่ได้สนใจเขาหรือ แล้วทำไมเมื่อคืนเธอถึงตอบรับจูบเขานี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก เขารู้ดีว่าจะต้องปัดตกเรื่องเธอโดยเร็วที่สุด แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบ นั่นคือการไล่ล่าเธอไม่ใช่สิ่งที่เขาควรไล่ล่า ไม่ใช่เลย แต่นั่นกลับทำให้มันน่าสนุกมากขึ้นเขาคิดว่าเธอจะมีสีหน้าอย่างไรเมื่อเขาสามารถสยบเธอได้ เธอจะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างไร และจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่เขาจะเบื่อเธอวันทั้งวันคุณหมอหนุ่มเอาแต่คิดถึงเรื่องหญิงสาวจนไม่เป็นอันทำงาน เขาจึงตัดสินใจว่า จะต้องการสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจเมื่อค
อิทธิพัทธ์หันมาสบตากับจักรินทร์“นี่ไงคือเหตุผลที่เจ้านี่มักจะโชคร้ายเรื่องผู้หญิง ถ้านายไม่รู้วิธีเลือกไวน์ดี ๆ แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนไหนเหมาะกับนายจริง ๆ”จักรินทร์หัวเราะออกมาในขณะที่ชัชชนคัดค้าน“ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของฉันไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่าง”“ฮ่า ๆ แต่มันก็ยังเลวร้ายอยู่ดี” อิทธิพัทธ์ตอกย้ำ“ไอ้หมอไนล์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอก” ชัชชนพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่จักรินทร์“แต่ฉันไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเหมือนนาย แล้วก็ไม่ได้เป็นบ้าสติแตกหลังจากจบกัน” จักรินทร์ยิ้มสบาย ๆอิทธิพัทธ์พยักหน้าเห็นด้วย “ไอ้หมอนายมันเป็นฝ่ายหักอกผู้หญิง ไม่เหมือนนายที่เป็นฝ่ายถูกหักอก”ชัชชนคว้าขวดไวน์จากจักรินทร์แล้วก้าวเดินฉับ ๆ ออกไปอย่างโกรธเคือง ท่าทางแง่งอนเหมือ
อิทธิพัทธ์เหล่มองเพื่อน “โดนบ้าโดนบออะไรไอ้ชัช พูดแบบนี้แล้วทำให้นายดูแก่ฉิบ”“แต่ฉันยังไม่แก่โว้ย!”“เออ งั้นนายก็หยุดทำตัวเหมือนปู่หลุดโลกได้แล้ว”จักรินทร์ส่ายหัว “จริง ๆ นะ ชัช แบบนี้นายดึงดูดผู้หญิงได้ยังไงวะ”ชัชชนยืดตัวตรงแล้วยิ้ม “ก็ด้วยหน้าตาหล่อเหลากับรอยยิ้มมีเสน่ห์ของฉันไง”“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้นี่ ดึงดูดปัญหาละสิ” อิทธิพัทธ์หัวเราะกร๊าก ก่อนที่จะหันมาถามจักรินทร์อย่างจริงจัง “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ”“พวกนายต้องหัวเราะฉันแน่ ๆ เรื่องของเรื่องคือ...ฉันคิดว่าฉันโดนสาวปฏิเสธ”“โดนปฏิเสธ? นายเหรอ?” ชัชชนหัวเราะออกมา “เป็นไปได้ยังไงวะ เล่าให้พวกฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย”จักรินทร์เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนที่ผ่านมา และวันนี้ พย
เช้าวันนั้น ธาริกาตื่นขึ้นพร้อมความรู้สึกกังวลประหลาด เหตุผลกลใดมิทราบแน่ชัด แต่ความรู้สึกหนักอึ้งในใจกลับมิอาจสลัดให้หลุดพ้น พ่อแม่ของเธอยังไม่ตื่น เธอจึงลงมารับประทานอาหารเช้าเพียงคนเดียวเมื่ออิ่มท้อง ร่างระหงก็ก้าวออกจากบ้านไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ ในมือถือถุงผ้าบรรจุชุดพยาบาลสีขาวสะอาด ตั้งใจว่าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงพยาบาล การสวมชุดพยาบาลออกไปข้างนอกโดยไม่จำเป็น มิใช่วิสัยที่เธอชอบ อีกทั้งยังเป็นนโยบายของโรงพยาบาลที่ต้องการให้ชุดเครื่องแบบของบุคลากรสะอาดหมดจดอยู่เสมอหญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาประมาณสิบห้านาที ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม เธอยื่นเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ หล่อนยิ้มต้อนรับเธออย่างอบอุ่นหลังจากจัดการธุระเบื้องต้น ธาริการีบไปยังห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเครื่องแบบพยาบาล เมื่อแต่งกายเรียบร้อย จึงนำกระเป๋าสัมภาระเก็บไว้ในห้องพัก เสร็จแล้วก็ยืนหันรีหันขวางอย่างทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเริ่มอะไรตรงไหนดี จนกระทั่งพยาบาลคน
ธาริกากลับบ้านไปหลังจากทานอาหารเช้าร่วมกัน เธอสวมชุดลำลองที่เขาซื้อให้ จักรินทร์กำชับให้เธอแต่งกายให้สวยงามสำหรับค่ำคืนนี้ และย้ำว่าไม่ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้บิดามารดาทราบ ซึ่งธาริกาก็คงรู้อยู่แล้ว แม้เขาจะมิได้เอ่ยปากก็ตามจักรินทร์ยังคงครุ่นคิดหนักถึงเรื่องนี้ เขารู้ดีว่าหากความสัมพันธ์นี้ดำเนินต่อไป เขาจะต้องเผชิญหน้ากับบิดามารดาของเธอในสักวัน ซึ่งนั้นมิใช่ความคิดที่ชวนให้รื่นรมย์เลยสักนิดส่วนลึกในใจยังคงหวังว่าความรู้สึกของเขาจะจางหายไป และทุกอย่างจะจบลง ก่อนที่เขาจะต้องเข้าไปพัวพันกับครอบครัวของเธอเพื่อเบี่ยงเบนความคิด ก่อนถึงเวลานัดกับธาริกา จักรินทร์จึงโทรศัพท์หานายชัชชนและอิทธิพัทธ์อีกครั้งทั้งสองตอบรับคำชวน โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องสังสรรค์กันอยู่แต่ในบ้านเท่านั้นเพราะขี้เกียจออกไปข้างนอก แต่ถึงอยู่แต่ในบ้าน ก็ยังมีกิจกรรมมากมายให้ทำ และอิทธิพัทธ์เสนอให้พวกเขาประลองฝีมือหมากรุกกันอิทธิพัทธ์เพิ่งจะซื้อหมากรุกชุด
“ตกลงค่ะ ฉันจะลองดู”ที่จริง เธอเองก็ไม่ได้คิดจะคบใครอื่นอยู่แล้ว แต่คงไม่จำเป็นต้องบอกเขาให้ล่วงรู้ ปล่อยให้เขาคิดไปว่าเธอเองก็ยินดีที่จะเสียสละเช่นกันใบหน้าของจักรินทร์แย้มรอยยิ้มกว้าง เขารั้งร่างเธอเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง จูบเธออย่างหนักหน่วง“เธอสวยมาก” เขาพึมพำเธอรู้ดีว่ามันเป็นเพียงคำลวงแต่ก็ยินยอมปล่อยใจให้ล่องลอยไปในห้วงฝัน“ฉันรู้ค่ะ” ธาริกาหัวเราะคิกคัก จูบตอบเขาแผ่วเบา “คุณหมอน่ะโชคดีมากนะคะ”“ใช่ ฉันมันโชคดีจริง ๆ”**********ทั้งคู่ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน จักรินทร์โอบกอดหญิงสาวไว้ตลอดคืน ธาริกาไม่เคยรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้มาก่อน สัมผัสอบอุ่นจากมือแกร่งที่ทาบอยู่บนเอว และศีรษะเธอที่ซุกแนบอยู่ใต้คางแกร่งจนกระทั่งเช้า
จักรินทร์รักษาสัญญาของเขาเป็นอย่างดี ธาริกาถึงจุดสุดยอดสามครั้งก่อนที่เขาจะตัดสินใจพัก และลุกเดินไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ เขาถามว่าเธออยากจะไปด้วยกันไหม แต่เธอปฏิเสธ เธอต้องการเวลาคิดอะไรบางอย่าง และไม่มีทางที่เธอจะทำได้ถ้าจักรินทร์มีอะไรกับเธอใต้สายน้ำร้อนของห้องอาบน้ำสุดหรูเธอยังไม่เข้าใจว่า ตอนแรกเขาบอกให้เธอกลับไปใช้วิธีการช่วยตนเอง แต่แล้วทำไมสุดท้ายเขาถึงเข้ามา และดูจะข้ามขั้นตอนไปมากแล้วที่บอกว่าเธอเป็นของเขา แต่เขาหมายความแบบนั้นจริง ๆ หรือ หรือแค่เพราะอารมณ์ในตอนนั้นเธอมองลงไปที่รอยฟกช้ำบนขาของเธอที่เขาทิ้งไว้จากการกัดของเขา เธอทำผิดพลาดที่ใส่ชุดชั้นในชุดนี้หรือเปล่า เธอทำไปโดยตั้งใจ เธอแค่อยากรู้ว่าเธอจะยั่วยุเขาได้แค่ไหนแต่นั่นเป็นสิ่งที่เห็นแก่ตัว และไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นร่างกายของเธอยังคงร่ำร้องเขา แม้ว่าเขาจะให้เธอทุกอย่างแล้ว แต่หัวใจของเธอก็ยังร่ำร้องหาเขามากขึ้นไปอีก
ธาริกาค่อย ๆ สอดนิ้วเข้าไปใต้ขอบเอวของบ็อกเซอร์ และดึงรั้งมันให้หลุดล่นลงไปกองที่ข้อเท้าเหมือนกับกางเกงก่อนหน้าแก่นกายขนาดเขื่องของจักรินทร์ผงาดโผล่พ้นออกมาจากพันธนาการแห่งเนื้อผ้า ดวงตากลมจับจ้องมองมันอย่างตะลึงลานขณะที่ดึงรั้งเครื่องปกปิดให้หลุดล่นลงไปกองที่ข้อเท้า และจักรินทร์ก็เตะมันทิ้งไปให้พ้นทางอีกครั้ง“คุกเข่าลงสิ”เสียงบัญชาเปี่ยมไปด้วยอำนาจ ด้วยเขารู้ดีว่ามันจะเป็นผลดีต่อหญิงสาวมากยิ่งกว่าหากเขาหนักแน่นและมั่นคงในคำพูดของตนเอง เพราะในตอนนี้ธาริกาไม่รู้ว่าควรจะกระทำสิ่งใดต่อไป ด้วยเหตุนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องคอยชี้แนะนำทางเธอในทุก ๆ สิ่ง และดูเหมือนว่าเธอจะพึงใจในบทบาทนี้ของเขาเสียด้วยธาริกาปฏิบัติตามคำบัญชาของชายหนุ่มแต่โดยดี ทรุดกายคุกเข่าลงตรงหน้าร่างสูงอย่างว่าง่ายจักรินทร์แทบจะควบคุมตนเองไม่ได้อีกต่อไปภาพของธาริกาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ ในชุดชั้นในสีแดงเ
ช่างเป็นเด็กที่เจ้าเล่ห์เสียจริงใบหน้าหวานแหงนเงย เหยเกไปด้วยความสุขสมในยามที่เธอค้นพบจังหวะที่พึงพอใจเสียงหวานละมุนเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม เสียงครางแผ่วเบาอันแสนสุขสมเกินบรรยาย ช่างคล้ายคลึงกับเสียงอ้อนวอนเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มรีบก้าวเข้าไปหาและมอ ความสุขสมให้แก่เธออย่างแท้จริงจักรินทร์พยายามอย่างยิ่งที่จะฝืนสะกดกลั้นตนเองต่อไป ทว่าในที่สุด เขาก็มิอาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไปช่างน่าขันเสียจริง ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังคงต้องการในตัวเธออยู่ดีและเขาต้องการเธอเดี๋ยวนี้ด้วย!ถึงแม้ว่า ในภายภาคหน้าเขาอาจจะหมดสิ้นความสนใจในตัวเธอไปจนหมดใจแล้วก็ตามที แต่ในโมงยามนี้เขากลับตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเสพสุขกับเธอให้ถึงขีดสุดจนกว่าจะถึงวันนั้นธาริกาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจระคนงุนงง ในยามที่ร่างสูงเดิมข้ามห้องมาหาเธอด้วยสองก้าวยาว ๆ
จักรินทร์แทบจะควบคุมตนเองไม่ได้ในระหว่างที่ขับรถ ทว่าเขาก็ตระหนักดีว่าเขาไม่ควรที่จะแตะต้องเนื้อต้องตัวเธออีกเป็นอันขาด เพราะในตอนนี้ ธาริกากำลังรู้สึกไม่สบายใจและยังเริ่มก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เขาไม่ควรได้รับจากเธอยิ่งไดสัมผัสใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น สิ่งต่าง ๆ ก็จะยิ่งเลวร้ายลงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น และนั่นก็คือสิ่งสุดท้ายที่เขาปรารถนาที่จะจัดการในโมงยามนี้ด้วยเหตุนั้นจักรินทร์จึงไม่แม้แต่จะหันไปมองหญิงสาวเลยในระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันเขาจำเป็นที่จะต้องสร้างระยะห่างที่เหมาะสมขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง ทว่าก็ต้องไม่มากจนเกินไป จนอาจจะทำให้เธอเกิดความสงสัยในพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเขาเพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง และถ้าสมมติเธอเริ่มมีความรู้สึกพิเศษให้เขาขึ้นมาจริง ๆ เขาก็ไม่อยากที่จะปล่อยให้เธอต้องมีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับความสัมพันธ์ครั้งนี้เมื่อกลับมาถึงบ้าน จักรินทร์ลงมาเปิดประตูรถให้หยิงสาว
“ฉันก็ไม่ได้จะให้เธอแสร้งทำสักหน่อย นี่เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อจริง ๆ หรือ ใช่…พวกเราจำเป็นที่จะต้องรักษาระยะห่างที่เหมาะสมในสถานที่ทำงาน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะต้องหลบหน้าฉันถึงขนาดนี้”“ฉัน…ไม่แน่ใจว่าคุณหมอเข้าใจความรู้สึกของฉันจริง ๆ หรือเปล่านะคะ”ในใจของธาริกายังคงไม่ปรารถนาที่จะเอื้อนเอ่ยออกไปว่า เธอเริ่มคิดว่าตนเองกำลังมีความรู้สึกพิเศษให้เขา เพราะมั่นใจว่า หากเขาล่วงรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ เขาจะต้องผละถอยห่างจากเธอไปอย่างแน่นอนและนั่นก็คือสิ่งสุดท้ายที่เธอปรารถนาจะให้เกิดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายให้ฉันฟังหน่อย” น้ำเสียงของจักรินทร์อ่อนลง“เอ่อ...ฉันว่าเราไปนั่งคุยกันได้ไหมคะ” ธาริกาเสนอ“ไปสิ”จักรินทร์ตอบรับในทันที เขาผุดลุกขึ้น และดึงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ให้หญิงสาว จากนั้นจึงค่อยเลื่อนเก้าอี้ของตนเองมาข้าง ๆ เพื่อจะได้น
มันเป็นความรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องไปทำงานในวันรุ่งขึ้น ธาริการู้ว่าการที่เธอกับจักรินทร์ลางานพร้อมกันไม่ได้เป็นที่สงสัย แต่เธอก็ยังอดกังวลไม่ได้มีสิ่งหนึ่งคือปฏิกิริยาของเธอในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม จะต้องปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นแน่ แค่การที่เขาเป็นผู้ชายคนแรก ก็ถือเป็นเหตุผลที่มากเพียงพอแล้วเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่ประการใด ประสบการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา ช่างยอดเยี่ยมเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้ทั้งหมด และจักรินทร์ก็อ่อนโยนต่อเธออย่างน่าประทับใจทว่าในใจของธาริกากลับมีความกังวลขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะจริงจังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากการใกล้ชิดกันถึงเพียงนั้นเธอสงสัยว่าเธออาจจะกำลังเริ่มหลงรักเขาเข้าให้แล้วจริง ๆ ก็เป็นได้และหากมันเป็นเช่นนั้นจริง มันก็คงจะเป็นหายนะครั้งใหญ่ในชีวิตของเธออย่างแน่นอนเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะจัดการกับสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วน
จักรินทร์วางของลงกับพื้น พลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ และยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจเหนือศีรษะในขณะเดียวกันอิทธิพัทธ์ก็เตรียมพร้อมที่จะยิงธนูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขากำลังขึ้นสายธนูและเล็งไปยังเป้าที่ตั้งอยู่ไกลที่สุด จากนั้นก็ปล่อยมือ ลูกธนูวิ่งฝ่าอากาศออกไป ทว่ามิได้เข้าเป้าตรงกลางเป้าตามที่หวัง แต่ก็ยังคงโดนเป้าอยู่ดี นับว่าเป็นการยิงที่น่าประทับใจไม่น้อย“แล้วตกลงว่านายมีเรื่องอะไรจะพูดหรือไอ้หมอ” อิทธิพัทธ์เอ่ยถาม หันหน้ามามองจักรินทร์จักรินทร์หยิบลูกธนูขึ้นมา และถือคันธนูในท่า เตรียมพร้อมยิง“ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี”“ก็เริ่มเล่าจากตรงที่แกค้างเอาไว้นั่นแหละ” ชัชชนเสนอแนะ พลางยกยิ้ม เขาใช้เวลานานเป็นพิเศษในการเล็งเป้าที่ตั้งอยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นจึงค่อยปล่อยลูกธนูออกจากคันธนู และลูกธนูก็ปักเข้าไปในเป้า...ทว่ากลับเป็นเพียงแค่บริเวณขอบนอกของเป้าเท่านั้น“ก็...ดีมากแล้วนี่” อิทธิพัทธ์เอ่ย