ในเช้าวันรุ่งขึ้น ธาริกาเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า เธอรวบผมขึ้นเป็นมวยเรียบง่าย ปล่อยปอยผมด้านข้าง ก่อนจะติดกิ๊บประดับเพชรเม็ดเล็ก ซึ่งเป็นของขวัญที่เธอได้รับเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเมื่อปีก่อน เธอสวมชุดเดรสเข้ารูปสีเหลืองอ่อนมีขลิบสีขาวซึ่งเน้นให้ดูภูมิฐานเป็นมืออาชีพ แล้วจึงเลือกรองเท้าหนังสีขาวแบบส้นเตี้ยคู่ใหม่
เนื่องจากเธอยังไม่ต้องเริ่มงานในวันนั้น ธาริกาจึงไม่จำเป็นต้องสวมชุดพยาบาลสีอันเป็นเครื่องแบบ
ส่วนหนึ่งในใจเธอปรารถนาที่จะสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่โรงพยาบาล แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ธาริกากลับต้องการพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างให้คุณหมอจักรินทร์เห็น ว่า ใช่ เธอสวยและแต่งตัวดี ทว่าเธอจะไม่แสดงอาการคลั่งไคล้เขา เพียงเพราะจูบเมื่อคืน
ความร้อนแล่นมาที่แก้มเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เธอหลับตาลงแล้วตบเบา ๆ ที่แก้มทั้งสองข้างเพื่อไล่ความทรงจำนั้นออกไปจากความคิด
เธอเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ทาลิปกลอสที่เธอรู้ดีว่าจะต้องทาซ้ำแน่ ๆ จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่าง
ณ ห้องรับประทานอาหาร บิดามารดาของธาริกากำลังรออยู่ บนโต๊ะอาหารมีข้าวต้มร้อน ๆ ซึ่งเป็นอาหารเช้าฝีมือแม่ครัวประจำบ้าน
“ลูกจะกินข้าวก่อนออกไปใช่ไหม” แม่ถามพร้อมกับยิ้ม
“ค่ะแม่ วันนี้มีข้างต้มทรงเครื่องโบราณด้วย หนูไม่พลาดหรอกค่ะ”
เธอนั่งลงยังที่นั่งของตัวเอง จากนั้นแม่บ้านก็นำข้าวต้มทรงเครื่องร้อน ๆ ควันลอยหอมฉุยมาเสิร์ฟตรงหน้าพร้อมกับน้ำส้มค้นสดที่คุณหนูของบ้านจะต้องดื่มทุกเช้า
ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารเช้าแสนอร่อย พ่อวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วพูดขึ้น “วันนี้ลูกต้องไปโรงพยาบาลเพื่อที่จะรายงานตัวให้ถูกต้องใช่ไหม”
ธาริกากลืนอาหารลงคอก่อนตอบ “ค่ะ หนูจะไปหลังกินข้าวเช้าเสร็จ”
“พ่อไปด้วยได้นะ ถ้าลูกต้องการ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด” บวรพจน์เสนอ
“ไม่เป็นไร่ค่ะ” เธอตอบ พยายามเก็บซ่อนความตื่นตระหนกที่คิดถึงเรื่องเมื่อคืน ถ้าหากพ่อรู้ คงไม่ยอมให้เธอทำงานที่นั่นแน่ แล้วอิสระนิดหน่อย ๆ ที่จะได้รับก็จะหายไปด้วย นอกจากนี้ เธอจะไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นคงจะไม่เป็นปัญหาอะไร
“แน่ใจนะ ให้พ่อกับแม่ไปคุยให้ก่อนก็ได้นะ” มารินีถามย้ำ
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ หนูว่าหนูควรหัดทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง”
“จ้ะ แต่ก็ไม่ต้องอายที่จะขอความช่วยเหลือหรือการสนับสนุนนะ” แม่พูด
“หนูรู้ค่ะ” ธาริกากินอาหารเช้าให้เสร็จ จากนั้นก็ไปหยิบกระเป๋าและกุญแจรถ “หนูไปแล้วนะคะ”
“ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรมาบอกพ่อกับแม่นะ” มารินีย้ำกับลูกสาวอีกที
ธาริกาโบกมือลาพ่อกับแม่ก่อนที่จะขึ้นรถแล้วขับออกมา เธอถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ตอนแรกคิดแน่นอนว่าพ่อจะยืนกรานที่จะไปกับเธอ แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาเริ่มให้อิสระกับเธอมากขึ้น
เพราะฉะนั้นเธอแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง
**********
เมื่อธาริกาเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก็มุ่งตรงไปยังแผนกที่คุณหมอจักรินทร์นัดหมายทันที ภายในแผนกดูเงียบสงบ ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา ขณะที่กำลังมองสำรวจโดยรอบ พลันร่างสูงสง่าของจักรินทร์ก็ปรากฏขึ้น วันนี้เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาวของแพทย์ ทำให้ดูน่าเคารพนับ ต่างกับภาพลักษณ์ที่ได้เจอเมื่อคืนลิบลับ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงเลย“มาแล้วเหรอ ฉันกำลังรอเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะมาเมื่อไหร่”“สวัสดีค่ะคุณหมอจักรินทร์” เธอเอ่ยทัก แล้วมองรอบ ๆ อีกครั้ง “ที่นี่ดูเงียบเหงาจังนะคะ”“วันนี้เรามีคนไข้น้อย แล้วเช้านี้ฉันไม่มีนัด เลยให้พนักงานพัก และกำลังรอเธออยู่” คุณหมอหนุ่มอธิบายน้ำเสียงของเขาทำให้ขนกายเธอลุกชันแปลก ๆ แต่เธออาจคิดมากไปเอง มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่บางอย่างในใจเธอกลับคิดว่าว่าคุณหมอจักรินทร์คนนี้ต้องการอยู่กับเธอตามลำพัง ความนัยน์ของประโยคมีมากมาก แต่หากเป็นเรื่องนั้นเธอจะไม่มีวันยอมให้มันสำฤ
“ฉันจบมาด้วยคะแนนสูงสุดของชั้น ตอนเรียนฉันเคยไปฝึกงาน แล้วก็ได้รับการประเมินในแง่ดีมาตลอด ถ้าคุณต้องการ ฉันจะให้เบอร์โทรของเจ้านายเก่าให้คุณโทรไปสอบถามดูก็ได้”“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเห็นความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทำงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการรู้ แต่เธอยังต้องพิสูจน์ตัวเอง”“ฉันทำได้ค่ะ ฉันสัญญา”“เราจะดูกัน” เขามองเธอจากหัวจรดเท้าอีกครั้ง “แต่มีบางอย่างที่ฉันยังสงสัยอยู่”“อะไรคะ?”“ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเลือกเรียนพยาบาล แล้วทำไมถึงอยากทำงานที่นี่”ธาริกาลังเล นี่เป็นคำถามที่ยากสำหรับเธอเสมอ ตอนแรกมันเป็นคำแนะนำของแม่ เมื่อเธอบอกว่าเธออยากเรียนอะไรสักอย่าง แม่บอกว่าการเป็นพยาบาลเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และมันยังเป็นการเตรียมเธอไว้สำหรับการมีลูกในอนาคต อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่แม่บอกแต่นั่นไม่
การถูกปฏิเสธไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาชอบ และมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยด้วยดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรเมื่อธาริการีบปฏิเสธและปิดกั้นต่อการเข้าหาของเขาอย่างหมดสิ้นเธอเดินออกจากไปด้วยบั้นท้ายที่กวัดแกว่งไปมา มันทำให้จักรินทร์อยากจะกักเธอไว้ในวงแขนแล้วถามให้รู้เรื่องว่า เธอไม่ได้สนใจเขาหรือ แล้วทำไมเมื่อคืนเธอถึงตอบรับจูบเขานี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก เขารู้ดีว่าจะต้องปัดตกเรื่องเธอโดยเร็วที่สุด แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบ นั่นคือการไล่ล่าเธอไม่ใช่สิ่งที่เขาควรไล่ล่า ไม่ใช่เลย แต่นั่นกลับทำให้มันน่าสนุกมากขึ้นเขาคิดว่าเธอจะมีสีหน้าอย่างไรเมื่อเขาสามารถสยบเธอได้ เธอจะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างไร และจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่เขาจะเบื่อเธอวันทั้งวันคุณหมอหนุ่มเอาแต่คิดถึงเรื่องหญิงสาวจนไม่เป็นอันทำงาน เขาจึงตัดสินใจว่า จะต้องการสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจเมื่อค
อิทธิพัทธ์หันมาสบตากับจักรินทร์“นี่ไงคือเหตุผลที่เจ้านี่มักจะโชคร้ายเรื่องผู้หญิง ถ้านายไม่รู้วิธีเลือกไวน์ดี ๆ แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนไหนเหมาะกับนายจริง ๆ”จักรินทร์หัวเราะออกมาในขณะที่ชัชชนคัดค้าน“ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของฉันไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่าง”“ฮ่า ๆ แต่มันก็ยังเลวร้ายอยู่ดี” อิทธิพัทธ์ตอกย้ำ“ไอ้หมอไนล์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอก” ชัชชนพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่จักรินทร์“แต่ฉันไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเหมือนนาย แล้วก็ไม่ได้เป็นบ้าสติแตกหลังจากจบกัน” จักรินทร์ยิ้มสบาย ๆอิทธิพัทธ์พยักหน้าเห็นด้วย “ไอ้หมอนายมันเป็นฝ่ายหักอกผู้หญิง ไม่เหมือนนายที่เป็นฝ่ายถูกหักอก”ชัชชนคว้าขวดไวน์จากจักรินทร์แล้วก้าวเดินฉับ ๆ ออกไปอย่างโกรธเคือง ท่าทางแง่งอนเหมือ
อิทธิพัทธ์เหล่มองเพื่อน “โดนบ้าโดนบออะไรไอ้ชัช พูดแบบนี้แล้วทำให้นายดูแก่ฉิบ”“แต่ฉันยังไม่แก่โว้ย!”“เออ งั้นนายก็หยุดทำตัวเหมือนปู่หลุดโลกได้แล้ว”จักรินทร์ส่ายหัว “จริง ๆ นะ ชัช แบบนี้นายดึงดูดผู้หญิงได้ยังไงวะ”ชัชชนยืดตัวตรงแล้วยิ้ม “ก็ด้วยหน้าตาหล่อเหลากับรอยยิ้มมีเสน่ห์ของฉันไง”“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้นี่ ดึงดูดปัญหาละสิ” อิทธิพัทธ์หัวเราะกร๊าก ก่อนที่จะหันมาถามจักรินทร์อย่างจริงจัง “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ”“พวกนายต้องหัวเราะฉันแน่ ๆ เรื่องของเรื่องคือ...ฉันคิดว่าฉันโดนสาวปฏิเสธ”“โดนปฏิเสธ? นายเหรอ?” ชัชชนหัวเราะออกมา “เป็นไปได้ยังไงวะ เล่าให้พวกฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย”จักรินทร์เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนที่ผ่านมา และวันนี้ พย
เช้าวันนั้น ธาริกาตื่นขึ้นพร้อมความรู้สึกกังวลประหลาด เหตุผลกลใดมิทราบแน่ชัด แต่ความรู้สึกหนักอึ้งในใจกลับมิอาจสลัดให้หลุดพ้น พ่อแม่ของเธอยังไม่ตื่น เธอจึงลงมารับประทานอาหารเช้าเพียงคนเดียวเมื่ออิ่มท้อง ร่างระหงก็ก้าวออกจากบ้านไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ ในมือถือถุงผ้าบรรจุชุดพยาบาลสีขาวสะอาด ตั้งใจว่าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงพยาบาล การสวมชุดพยาบาลออกไปข้างนอกโดยไม่จำเป็น มิใช่วิสัยที่เธอชอบ อีกทั้งยังเป็นนโยบายของโรงพยาบาลที่ต้องการให้ชุดเครื่องแบบของบุคลากรสะอาดหมดจดอยู่เสมอหญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาประมาณสิบห้านาที ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม เธอยื่นเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ หล่อนยิ้มต้อนรับเธออย่างอบอุ่นหลังจากจัดการธุระเบื้องต้น ธาริการีบไปยังห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเครื่องแบบพยาบาล เมื่อแต่งกายเรียบร้อย จึงนำกระเป๋าสัมภาระเก็บไว้ในห้องพัก เสร็จแล้วก็ยืนหันรีหันขวางอย่างทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเริ่มอะไรตรงไหนดี จนกระทั่งพยาบาลคน
แม้จะเป็นพยาบาล แต่ธาริกายอมรับว่าไม่พิศวาสกับอะไรแบบนี้ เธอไม่ชอบให้อะไรเข้าไปในจุดนั้น โดยเฉพาะเครื่องมือทางการแพทย์ที่เย็นเฉียบแต่วิธีที่จักรินทร์ปฏิบัติต่อผู้ป่วยช่างอ่อนโยนมาก นิ้วของเขานุ่มนวล และเขาทำให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เขาสวมถุงมือ ทาครีมหล่อลื่นบนนิ้วสองนิ้ว แล้วค่อย ๆ สอดเข้าไปในช่องคลอดของคนไข้ มืออีกข้างกดลงบนท้องของเธอ เพื่อหาสิ่งผิดปกติการได้เห็นวิธีที่คุณหมอหนุ่มปฏิบัติกับคนไข้ทำให้ธาริการู้สึกเหมือนถูกปลุกเร้า แม้จะรู้ว่าการตรวจนี้ไม่ได้มีเกี่ยงข้องกับเรื่องทางเพศใด ๆ แต่กลับอดคิดไม่ได้จะรู้สึกอย่างไรหากนิ้วเรียวนี้เข้าไปอยู่ในตัวเธอ เขาจะจัดการกับเธออย่างไร เขาจะค่อย ๆ นำเธอไปสู่จุดสุดยอดอย่างไรหลังจากตรวจเสร็จจักรินทร์ก็ช่วยประคองให้คนไข้ลุกขึ้นนั่ง“โอเคไหมครับ” เขาถามเพราะรู้ว่าคนไข้รายนี้กลัวการตรวจภายใน“ยิ่งกว่าโอเคอีกค่ะ คุณหมอมือเบาม
จักรินทร์จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า ธาริกาดูอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด จนเขานึกสงสัยว่านี่เป็นภาพที่ไม่คุ้นตาเธอมาก่อนกระนั้นหรือ แม้เขาจะพูดในเชิงทีเล่นทีจริง หากแต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าปฏิกิริยาของเธอจะแสดงออกถึงความกระอักกระอ่วนถึงเพียงนี้เขาเพียงต้องการสาธิตให้เธอประจักษ์ว่าเขาสามารถอ่อนโยนได้เพียงใด...และปรารถนาจะอ่อนโยนกับเธอมากเพียงไหน อีกทั้งยังเป็นการทดสอบกลาย ๆ ว่าเธอพร้อมแล้วจริงหรือที่จะเป็นพยาบาลในแผนกสูตินรีเวชแห่งนี้“ธาริกา เธอไม่เคยเข้ารับการตรวจภายในมาก่อนเลยหรือ” เขาเอ่ยถามใบหน้าของเธอแดงปลั่ง และก้มหน้างุดลง“ไม่ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยินด้วยปัญหาสุขภาพของมารดาธาริกา เขาย่อมคาดหมายว่าบิดามารดาของเธอคงจะกระตือรือร้นมากกว่านี้ในการพาบุตรีเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ“เธอไม่เคยเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีเลยหรือ” เขาซักถามธาริกาส่ายหน้าปฏิเสธ “ตรวจคะ ยกเว้นการตรวจภายใน”“ไม่เคยสักครั้งเลยหรือ” เขายังคงถามต่อด้วยความสงสัย“ไม่ค่ะ ประจำเดือนของดิฉันมาสม่ำเสมอ และ เอ่อ…ฉันไม่เคยมีความจำเป็นต้องใช้ยาคุมกำเนิด พ่อแม่ของฉันไม่ต้องการให้ฉันใช้ยาเหล่านั้น”“เช่นนั้นก็หมายความว่าเ
ธาริกากลับบ้านไปหลังจากทานอาหารเช้าร่วมกัน เธอสวมชุดลำลองที่เขาซื้อให้ จักรินทร์กำชับให้เธอแต่งกายให้สวยงามสำหรับค่ำคืนนี้ และย้ำว่าไม่ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้บิดามารดาทราบ ซึ่งธาริกาก็คงรู้อยู่แล้ว แม้เขาจะมิได้เอ่ยปากก็ตามจักรินทร์ยังคงครุ่นคิดหนักถึงเรื่องนี้ เขารู้ดีว่าหากความสัมพันธ์นี้ดำเนินต่อไป เขาจะต้องเผชิญหน้ากับบิดามารดาของเธอในสักวัน ซึ่งนั้นมิใช่ความคิดที่ชวนให้รื่นรมย์เลยสักนิดส่วนลึกในใจยังคงหวังว่าความรู้สึกของเขาจะจางหายไป และทุกอย่างจะจบลง ก่อนที่เขาจะต้องเข้าไปพัวพันกับครอบครัวของเธอเพื่อเบี่ยงเบนความคิด ก่อนถึงเวลานัดกับธาริกา จักรินทร์จึงโทรศัพท์หานายชัชชนและอิทธิพัทธ์อีกครั้งทั้งสองตอบรับคำชวน โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องสังสรรค์กันอยู่แต่ในบ้านเท่านั้นเพราะขี้เกียจออกไปข้างนอก แต่ถึงอยู่แต่ในบ้าน ก็ยังมีกิจกรรมมากมายให้ทำ และอิทธิพัทธ์เสนอให้พวกเขาประลองฝีมือหมากรุกกันอิทธิพัทธ์เพิ่งจะซื้อหมากรุกชุด
“ตกลงค่ะ ฉันจะลองดู”ที่จริง เธอเองก็ไม่ได้คิดจะคบใครอื่นอยู่แล้ว แต่คงไม่จำเป็นต้องบอกเขาให้ล่วงรู้ ปล่อยให้เขาคิดไปว่าเธอเองก็ยินดีที่จะเสียสละเช่นกันใบหน้าของจักรินทร์แย้มรอยยิ้มกว้าง เขารั้งร่างเธอเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง จูบเธออย่างหนักหน่วง“เธอสวยมาก” เขาพึมพำเธอรู้ดีว่ามันเป็นเพียงคำลวงแต่ก็ยินยอมปล่อยใจให้ล่องลอยไปในห้วงฝัน“ฉันรู้ค่ะ” ธาริกาหัวเราะคิกคัก จูบตอบเขาแผ่วเบา “คุณหมอน่ะโชคดีมากนะคะ”“ใช่ ฉันมันโชคดีจริง ๆ”**********ทั้งคู่ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน จักรินทร์โอบกอดหญิงสาวไว้ตลอดคืน ธาริกาไม่เคยรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้มาก่อน สัมผัสอบอุ่นจากมือแกร่งที่ทาบอยู่บนเอว และศีรษะเธอที่ซุกแนบอยู่ใต้คางแกร่งจนกระทั่งเช้า
จักรินทร์รักษาสัญญาของเขาเป็นอย่างดี ธาริกาถึงจุดสุดยอดสามครั้งก่อนที่เขาจะตัดสินใจพัก และลุกเดินไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ เขาถามว่าเธออยากจะไปด้วยกันไหม แต่เธอปฏิเสธ เธอต้องการเวลาคิดอะไรบางอย่าง และไม่มีทางที่เธอจะทำได้ถ้าจักรินทร์มีอะไรกับเธอใต้สายน้ำร้อนของห้องอาบน้ำสุดหรูเธอยังไม่เข้าใจว่า ตอนแรกเขาบอกให้เธอกลับไปใช้วิธีการช่วยตนเอง แต่แล้วทำไมสุดท้ายเขาถึงเข้ามา และดูจะข้ามขั้นตอนไปมากแล้วที่บอกว่าเธอเป็นของเขา แต่เขาหมายความแบบนั้นจริง ๆ หรือ หรือแค่เพราะอารมณ์ในตอนนั้นเธอมองลงไปที่รอยฟกช้ำบนขาของเธอที่เขาทิ้งไว้จากการกัดของเขา เธอทำผิดพลาดที่ใส่ชุดชั้นในชุดนี้หรือเปล่า เธอทำไปโดยตั้งใจ เธอแค่อยากรู้ว่าเธอจะยั่วยุเขาได้แค่ไหนแต่นั่นเป็นสิ่งที่เห็นแก่ตัว และไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นร่างกายของเธอยังคงร่ำร้องเขา แม้ว่าเขาจะให้เธอทุกอย่างแล้ว แต่หัวใจของเธอก็ยังร่ำร้องหาเขามากขึ้นไปอีก
ธาริกาค่อย ๆ สอดนิ้วเข้าไปใต้ขอบเอวของบ็อกเซอร์ และดึงรั้งมันให้หลุดล่นลงไปกองที่ข้อเท้าเหมือนกับกางเกงก่อนหน้าแก่นกายขนาดเขื่องของจักรินทร์ผงาดโผล่พ้นออกมาจากพันธนาการแห่งเนื้อผ้า ดวงตากลมจับจ้องมองมันอย่างตะลึงลานขณะที่ดึงรั้งเครื่องปกปิดให้หลุดล่นลงไปกองที่ข้อเท้า และจักรินทร์ก็เตะมันทิ้งไปให้พ้นทางอีกครั้ง“คุกเข่าลงสิ”เสียงบัญชาเปี่ยมไปด้วยอำนาจ ด้วยเขารู้ดีว่ามันจะเป็นผลดีต่อหญิงสาวมากยิ่งกว่าหากเขาหนักแน่นและมั่นคงในคำพูดของตนเอง เพราะในตอนนี้ธาริกาไม่รู้ว่าควรจะกระทำสิ่งใดต่อไป ด้วยเหตุนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องคอยชี้แนะนำทางเธอในทุก ๆ สิ่ง และดูเหมือนว่าเธอจะพึงใจในบทบาทนี้ของเขาเสียด้วยธาริกาปฏิบัติตามคำบัญชาของชายหนุ่มแต่โดยดี ทรุดกายคุกเข่าลงตรงหน้าร่างสูงอย่างว่าง่ายจักรินทร์แทบจะควบคุมตนเองไม่ได้อีกต่อไปภาพของธาริกาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ ในชุดชั้นในสีแดงเ
ช่างเป็นเด็กที่เจ้าเล่ห์เสียจริงใบหน้าหวานแหงนเงย เหยเกไปด้วยความสุขสมในยามที่เธอค้นพบจังหวะที่พึงพอใจเสียงหวานละมุนเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม เสียงครางแผ่วเบาอันแสนสุขสมเกินบรรยาย ช่างคล้ายคลึงกับเสียงอ้อนวอนเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มรีบก้าวเข้าไปหาและมอ ความสุขสมให้แก่เธออย่างแท้จริงจักรินทร์พยายามอย่างยิ่งที่จะฝืนสะกดกลั้นตนเองต่อไป ทว่าในที่สุด เขาก็มิอาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไปช่างน่าขันเสียจริง ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังคงต้องการในตัวเธออยู่ดีและเขาต้องการเธอเดี๋ยวนี้ด้วย!ถึงแม้ว่า ในภายภาคหน้าเขาอาจจะหมดสิ้นความสนใจในตัวเธอไปจนหมดใจแล้วก็ตามที แต่ในโมงยามนี้เขากลับตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเสพสุขกับเธอให้ถึงขีดสุดจนกว่าจะถึงวันนั้นธาริกาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจระคนงุนงง ในยามที่ร่างสูงเดิมข้ามห้องมาหาเธอด้วยสองก้าวยาว ๆ
จักรินทร์แทบจะควบคุมตนเองไม่ได้ในระหว่างที่ขับรถ ทว่าเขาก็ตระหนักดีว่าเขาไม่ควรที่จะแตะต้องเนื้อต้องตัวเธออีกเป็นอันขาด เพราะในตอนนี้ ธาริกากำลังรู้สึกไม่สบายใจและยังเริ่มก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เขาไม่ควรได้รับจากเธอยิ่งไดสัมผัสใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น สิ่งต่าง ๆ ก็จะยิ่งเลวร้ายลงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น และนั่นก็คือสิ่งสุดท้ายที่เขาปรารถนาที่จะจัดการในโมงยามนี้ด้วยเหตุนั้นจักรินทร์จึงไม่แม้แต่จะหันไปมองหญิงสาวเลยในระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันเขาจำเป็นที่จะต้องสร้างระยะห่างที่เหมาะสมขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง ทว่าก็ต้องไม่มากจนเกินไป จนอาจจะทำให้เธอเกิดความสงสัยในพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเขาเพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง และถ้าสมมติเธอเริ่มมีความรู้สึกพิเศษให้เขาขึ้นมาจริง ๆ เขาก็ไม่อยากที่จะปล่อยให้เธอต้องมีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับความสัมพันธ์ครั้งนี้เมื่อกลับมาถึงบ้าน จักรินทร์ลงมาเปิดประตูรถให้หยิงสาว
“ฉันก็ไม่ได้จะให้เธอแสร้งทำสักหน่อย นี่เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อจริง ๆ หรือ ใช่…พวกเราจำเป็นที่จะต้องรักษาระยะห่างที่เหมาะสมในสถานที่ทำงาน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะต้องหลบหน้าฉันถึงขนาดนี้”“ฉัน…ไม่แน่ใจว่าคุณหมอเข้าใจความรู้สึกของฉันจริง ๆ หรือเปล่านะคะ”ในใจของธาริกายังคงไม่ปรารถนาที่จะเอื้อนเอ่ยออกไปว่า เธอเริ่มคิดว่าตนเองกำลังมีความรู้สึกพิเศษให้เขา เพราะมั่นใจว่า หากเขาล่วงรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ เขาจะต้องผละถอยห่างจากเธอไปอย่างแน่นอนและนั่นก็คือสิ่งสุดท้ายที่เธอปรารถนาจะให้เกิดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายให้ฉันฟังหน่อย” น้ำเสียงของจักรินทร์อ่อนลง“เอ่อ...ฉันว่าเราไปนั่งคุยกันได้ไหมคะ” ธาริกาเสนอ“ไปสิ”จักรินทร์ตอบรับในทันที เขาผุดลุกขึ้น และดึงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ให้หญิงสาว จากนั้นจึงค่อยเลื่อนเก้าอี้ของตนเองมาข้าง ๆ เพื่อจะได้น
มันเป็นความรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องไปทำงานในวันรุ่งขึ้น ธาริการู้ว่าการที่เธอกับจักรินทร์ลางานพร้อมกันไม่ได้เป็นที่สงสัย แต่เธอก็ยังอดกังวลไม่ได้มีสิ่งหนึ่งคือปฏิกิริยาของเธอในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม จะต้องปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นแน่ แค่การที่เขาเป็นผู้ชายคนแรก ก็ถือเป็นเหตุผลที่มากเพียงพอแล้วเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่ประการใด ประสบการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา ช่างยอดเยี่ยมเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้ทั้งหมด และจักรินทร์ก็อ่อนโยนต่อเธออย่างน่าประทับใจทว่าในใจของธาริกากลับมีความกังวลขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะจริงจังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากการใกล้ชิดกันถึงเพียงนั้นเธอสงสัยว่าเธออาจจะกำลังเริ่มหลงรักเขาเข้าให้แล้วจริง ๆ ก็เป็นได้และหากมันเป็นเช่นนั้นจริง มันก็คงจะเป็นหายนะครั้งใหญ่ในชีวิตของเธออย่างแน่นอนเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะจัดการกับสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วน
จักรินทร์วางของลงกับพื้น พลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ และยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจเหนือศีรษะในขณะเดียวกันอิทธิพัทธ์ก็เตรียมพร้อมที่จะยิงธนูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขากำลังขึ้นสายธนูและเล็งไปยังเป้าที่ตั้งอยู่ไกลที่สุด จากนั้นก็ปล่อยมือ ลูกธนูวิ่งฝ่าอากาศออกไป ทว่ามิได้เข้าเป้าตรงกลางเป้าตามที่หวัง แต่ก็ยังคงโดนเป้าอยู่ดี นับว่าเป็นการยิงที่น่าประทับใจไม่น้อย“แล้วตกลงว่านายมีเรื่องอะไรจะพูดหรือไอ้หมอ” อิทธิพัทธ์เอ่ยถาม หันหน้ามามองจักรินทร์จักรินทร์หยิบลูกธนูขึ้นมา และถือคันธนูในท่า เตรียมพร้อมยิง“ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี”“ก็เริ่มเล่าจากตรงที่แกค้างเอาไว้นั่นแหละ” ชัชชนเสนอแนะ พลางยกยิ้ม เขาใช้เวลานานเป็นพิเศษในการเล็งเป้าที่ตั้งอยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นจึงค่อยปล่อยลูกธนูออกจากคันธนู และลูกธนูก็ปักเข้าไปในเป้า...ทว่ากลับเป็นเพียงแค่บริเวณขอบนอกของเป้าเท่านั้น“ก็...ดีมากแล้วนี่” อิทธิพัทธ์เอ่ย