"เราลองมีเซ็กส์กันดูไหมคะ?"
"ครับ?"
"เมื่อกี้พูดเล่นไหมครับ?"
"ฉัน…"
"ผมตกลง"
...
...
"ถ้าไม่ใช่ที่ตรวจโควิดแล้วมันคือ…"
"ที่ตรวจครรภ์"
"ฮะ ฮ้ะ!?"
"ฉันท้อง…"
ฉันถูกแฟนเก่าหักหลังไปมีคนอื่น
ฉันวันไนท์แสตนด์กับใครก็ไม่รู้
ฉันมีลูกโดยไม่ทันตั้งตัว
ฉันได้พ่อของลูกเป็นท่านประธาน
ให้ตายเถอะ…แล้วชีวิตสาวน้อยธรรมดาแบบฉันจะตั้งรับอย่างไรไหว !?
(ไคเรน x เฌอแตม)
SET WICKED LOVE (เล่ห์รัก)
ไคเรน (Kairen) อายุ 26 ปี
คุณหมอหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและใจดี ทำงานเก่ง แต่เบื้องหลังเสื้อกาวน์สีขาว ยังมีอีกบทบาทหนึ่งที่เขารักไม่แพ้กัน ศิลปินผู้ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านงานศิลปะ และเจ้าของแกลเลอรี่ชื่อดังที่เป็นแหล่งรวมผลงานที่เต็มไปด้วยอารมณ์ละเมียดละไม
เขาเติบโตมากับความรักที่เต็มเปี่ยม จนกลายเป็นคนที่รู้จักการมอบความรักให้คนอื่นได้อย่างอ่อนโยน แต่ถึงจะมีทุกอย่างในชีวิตครบถ้วน เขาก็ยังคงเฝ้ารอใครสักคน…คนที่ "ใช่" สำหรับเขา คนที่จะไม่เพียงแค่เดินเข้ามาในหัวใจ แต่จะอยู่ในชีวิตของเขาตลอดไป
เฌอแตม (Chertam) อายุ 25 ปี
ภัณฑารักษ์สาวที่ดูเหมือนจะเป็นคนเรียบง่าย แต่ลึก ๆ แล้วซ่อนความเจ็บปวดจากการผิดหวังในความรักที่ยังไม่หายดี เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยเปิดใจให้ใคร เก็บความรู้สึกเอาไว้ลึกสุดใจเสมอ นิสัยภายนอกดูแข็งแกร่งแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความกลัวการถูก "ทิ้ง" และการถูกทำร้ายจากความรัก
เพียงแค่ค่ำคืนประชดชีวิตที่เธอคิดว่าไม่มีผลอะไรแต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อผลของคืนนั้นทำให้ชีวิตของเธอพลิกผันไปตลอดกาล
คนไลฟ์สไตล์เหมือนกันมาเจอกัน คุยกันถูกคอ และคงคุยกันไปหลายท่า อยู่ ๆ ก็มีพยานรักโผล่มาผูกมัดพวกเขาสองคนเสียอย่างนั้น
ถ้าคุณคิดว่าคนเป็นพ่ออย่างไคโรที่อบอุ่นมาก ๆ แล้วต้องมาเจอเฮียไคเรนคนนี้ค่ะ คนที่ได้รับความรักจากนาน่าเป็นอย่างดี เติบโตมาเป็นพ่อไมโครเวฟที่เรียกได้โคตรจะอบอุ่นและแสนดี อิอิ ไม่อยากสปอยไปมากกว่านี้แล้วอยากให้ทุกคนได้รู้จักพวกเขาผ่านตัวหนังสือที่กำลังจะบรรยายต่อไปนี้
ไคเรน (KAIREN)
รุ่นลูกของเรื่อง LOST IN LOVE พ่ายรักท่านประธานลูกติด (ไคโร x นานะ)
- SET WICKED LOVE (เซตเล่ห์รัก) -
1. พลาดรัก (ไคเรน x เฌอแตม)
2. สนาม(รัก)อันตราย (ไคเลอร์ x หมอเค้ก)
ห้าปีผ่านไปเวลาผ่านไปอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ฉันอายุเข้าเลขสามเจ้าฝาแฝดของฉันก็ได้ 7 ขวบพอดี วัยกำลังซุกซน สร้างเสียงหัวเราะ แต่ในขณะเดียวกันก็เหนื่อยหน่ายกับความดื้อของพวกเขาเหมือนกัน"ทำอะไรอยู่คะ?" ฉันโน้มกอดแผ่นหลังของคนที่ยืนหันหน้าเข้าหาเตา กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งในอากาศทั่วบ้านของเรา ยังเป็นฉันที่เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก มีสามีดี ๆ ที่ฟ้าส่งให้มาอยู่เคียงข้าง ไม่มีวันไหนที่ไม่มีความสุขเลย"มีแซนด์วิชทูน่า แล้วก็ข้าวผัดให้ลูกครับ""หอมจัง ~" ฉันไม่พูดเปล่า ว่าแล้วก็ฝังจมูกกับแผ่นหลังกว้างของเขา ความหอมที่ฉันหมายถึงไม่ได้หมายถึงข้าว แต่เป็นกลิ่นกายของเขาที่คุ้นเคยและชวนตกหลุมรักซ้ำไปซ้ำมา"ระวังจะไม่ได้ไปปิกนิกนอกบ้านนะครับ" ฉันหยุดการกระทำในทันที สุดสัปดาห์แบบนี้ก็ต้องออกไปใช้ชีวิตครอบครัวข้างนอกบ้าง วาดรูป อ่านหนังสือ และพาลูกวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะฉันรอวันนี้มาตั้งหลายวัน"ไม่แกล้งแล้วก็ได้" ฉันเป็นต้องผละใบหน้าออกเล็กน้อย กลัวสามีจะจับทำกิจกรรมในบ้านมากกว่าออกไปตามที่แพลนเอาไว้"หึ...ลูกล่ะครับ" คุณไคเรนกลั้วเสียงหัวเราะเบา ๆ ว่าไม่ได้เพราะหลังจากแต่งงานคนอบอุ่นของฉันค่อ
ณ คาเฟ่ในสวนกับบรรยากาศเขียวชอุ่มที่มีฉันคุณไคเรนและลูกน้อยฝาแฝดอีกสองคน กลิ่นกาแฟอ่อน ๆ และขนมที่เพิ่งออกจากตู้อบลอยฟุ้งมาถึงเราที่นั่งสูดอากาศอยู่ในสวนข้างนอกแต่ให้ความเป็นส่วนตัว"เสียดายจังยัยทอฝันมีธุระต่อ คนอื่นก็หนีกลับไปหมดแล้ว เราเลยต้องมาเลี้ยงฉลองกันแค่สี่คน" ท่านประธานป้ายแดงแบบฉันที่ตั้งใจจะพาทุกคนมาเลี้ยงกลับเหลือกันอยู่แค่นี้"ทุกคนคงเกรงใจน่ะครับ" ฉันก็คิดแบบนั้น หลังเลิกงานก็อยากให้เป็นเวลาครอบครัว ฉันจึงไม่ได้บังคับใคร ทว่างานเลี้ยงที่มีครอบครัวเล็ก ๆ พ่อแม่ลูกแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบเหมือนกัน"คิณห์หิวแล้ว" คิณห์แฝดพี่ชี้ไปที่เครปผลไม้ในจานตรงหน้า บ่งบอกว่าลูกอยากกินมากเพราะแววตาที่ลุกวาวทำฉันผุดยิ้มอย่างเอ็นดู"ริณหิว" ตามด้วยคาริณแฝดคนน้องที่คลานตามไม่กี่นาทีจากพี่ชาย รายนี้นอกจากจะคลอดตามเขาแล้ว ยังขยันลอกเลียนแบบพี่ชายเกือบทุกอย่าง ทั้งพูดตาม กินตาม ไหนจะเดินตาม เรียกว่าขาดกันไม่ได้สมกับเป็นฝาแฝดกันจริง ๆ"พ่อป้อน" คิณห์เขย่าแขนคนเป็นพ่ออย่างรีบร้อน ส่วนอีกข้างก็ถูกคาริณเขย่าแขนตามด้วย"พี่ก่อน" คิณห์จดจ้องน้องคิ้วขมวด เป็นเรื่องปกติที่บ้านเราจะประสบพบเจอในแต่ละวัน ฉั
"คุณภรรยาท่านประธานคะ คุณสามีเรียกพบค่า ~" ฉันเงยหน้ามองเลขาท่านประธานใหญ่ของแกลอรี่ WHITE COAT ที่เดินมาเรียกฉันถึงที่โต๊ะ ทั้งยังส่ายหัวแล้วอมยิ้มให้พี่เนยที่ใช้สรรพนามเย้าแหย่เข้าทุกวัน"พี่เนย...แตมแต่งงานมาสามปีแล้วนะคะ ยังไม่เลิกแซวอีก" สามปีผ่านไปบรรยากาศสุดแสนจะผ่อนคลายของออฟฟิศเราก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ความเป็นพี่น้อง ความเฮฮาสนุกสนานกับการทำงานยังไม่เปลี่ยนแปลง เว้นแต่ฉันที่ได้เลื่อนเป็นภัณฑารักษ์หลักเช่นเดียวกับพี่ใหม่แล้ว และรับน้อง ๆ ภัณฑารักษ์ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาอีกหลายคน ด้วยแกลอรี่ที่ขยายใหญ่ขึ้น สรรสร้างนิทรรศการที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นทุกปี กระทั่งตอนนี้ WHITE COAT ดังไกลไปถึงหลายประเทศ หลายคนแห่แหนกันมาเพื่อดูนิทรรศการของเราโดยเฉพาะ"เรารีบไปเถอะ ให้คุณสามีรอนาน ๆ มันไม่ดีน่า ~" พี่เนยฉีกยิ้มกว้างกระทั่งพนักงานคนอื่น ๆ ก็ช่วยกันสนับสนุนส่งเสียงกระเซ้ายกใหญ่"พอเลยนะทุกคน ได้เวลาเลิกงานแล้วรีบกลับก่อนฝนจะตกนะคะ" ฉันทิ้งท้ายพวกเขาก็รีบเดินหนีเข้าไปในห้องทันที ท้องฟ้าเมฆครึ้มมาแต่ไกลไม่เป็นอุปสรรคต่อการแกล้งฉันจริง ๆฉันดันประตูห้องคนที่ทำให้โดนแซวทั้งสำนักงาน จนเห็นเจ้าตัว
ในห้องทำงานที่แยกส่วนจากเพนท์เฮ้าส์เงียบสงบ มีเพียงเสียงเสียดสีของพู่กันบนกระดาษใบใหญ่ใบหนึ่ง และเสียงลมหายใจของคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาใส่ใจกับผลงานที่อยู่ตรงหน้าใช่แล้ว...ศิลปิน KR ผู้โด่งดังกำลังวาดรูปอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ใช่รูปคน ไม่ใช่ภาพวิวทิวทัศน์อย่างที่เขามักคุ้นเคย แต่มันคือม้าโยกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งที่เขาค่อย ๆ ลงสีด้วยความประณีตที่สุดเท่าที่เคยทำมาขาของมันทำจากไม้ ฐานเป็นทรงโค้ง และเบาะที่นั่งถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงตุ่น ๆ ถอดออกมาจากต้นแบบม้าโยกไม้ของจริง ที่ตั้งประดับเป็นความทรงจำของพวกเธอเกี่ยวกับเจ้าก้อนที่ไคเรนไม่เคยลืมสักวันรอบนอกของรูปภาพถูกล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่สองต้น แบ่งซ้ายและขวาข้างละต้นโดยมีกิ่งก้านทอดยาวโอบรอบม้าโยก เป็นตัวแทนของพ่อและแม่ที่ปกป้องลูกน้อยจากภัยอันตราย ใส่สีโทนเหลืองให้ความรู้สึกอบอุ่นกับภาพวาดภาพนี้ ทั้งยังสลักชื่อ 'คิณห์&คาริณ' แสดงถึงความตั้งใจของคนวาดภาพเพื่อจะมอบเป็นของขวัญให้กับอีกหนึ่งคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตภาพวาดที่เป็นดั่งตัวแทนของเจ้าก้อนลูกที่เธอและเขายังไม่มีโอกาสได้กอดออกมาเสร็จสมบูรณ์ในเวลาต่อมามือไคเรนเปื้อนไปด้วยสีวาด เช่นเดียวกับเสื
ในวันหยุดจากการทำงานเฌอแตมกำลังตั้งใจทำอาหารเพื่อรอให้ใครอีกคนกลับมาทานอาหารด้วยกัน โดยเมนูที่เลือกรังสรรค์ก็เจาะจงเป็นเมนูที่เขาโปรดปราน เอาใจคนทำงานหนักให้กลับมาจะได้สลัดความเหนื่อยล้าด้วยรสมือชั้นเลิศของแฟนสาวแบบเธอเสียงเปิดประตูทำให้คนตัวเล็กรีบวิ่งออกไปต้อนรับถึงที่ ฉีกยิ้มกว้างให้เขาแล้วยื่นมือรับเสื้อคลุมของคนรักมาถือให้"ขอบคุณครับ" ไคเรนรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง มีคนตั้งตารออยู่ที่บ้านมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง ว่าแล้วก็ประคองใบหน้าสวยจูบซับหน้าผากมนเป็นการรางวัล ชื่นใจทั้งคนมอบแบบเขาได้เห็นหน้าแฟนสาวเท่านี้ก็หายเหน็ดเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว"วันนี้ฉันทำต้มข่าไก่ของโปรดคุณด้วย" เฌอแตมภูมิใจนำเสนอ เมนูนี้สำหรับเธอแล้วค่อนข้างจะทำยาก กว่าจะมั่นใจว่ามันออกมาอร่อยถูกใจเขาทานก็ชิมแล้วชิมอีกเพื่อให้แน่ใจ"เหนื่อยไหมครับฮื้ม...วันหยุดทำไมไม่พักผ่อนให้สบายตัวล่ะครับ" เสียงนุ่มว่าพร้อมกับดึงเธอลงมานั่งด้วย แน่นอนว่าดีใจมากที่มีคนให้ความสำคัญกับตนถึงขนาดนี้ แต่เขาเองก็ไม่อยากทำให้เธอลำบาก แทนที่วันหยุดจะเป็นเวลาที่ควรพักผ่อนเอาแรงเพื่อสู้กับการทำงานวันต่อ ๆ ไป"ฉันพักผ่อนเต็มที่แล้ว อยากต
ร้านอาหารบรรยากาศอบอุ่นในย่านที่เป็นร้านประจำของทั้งสองเพื่อนสนิทสุดซี้ เสียงเพลงคลอเบา ๆ พอให้คนในร้านได้พูดคุย ให้บรรยากาศของความอบอุ่นเหมาะแก่การรับประทานอาหารเป็นครอบครัว ไคเรนเดินตามเฌอแตมเข้ามาด้วยสีหน้าอารมณ์ให้ดูสุภาพ ทั้งที่ในใจรู้ดีว่าคนที่กำลังจะได้เจอไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น 'ทอฝัน' เพื่อนสนิทที่เธอมักพูดถึงเสมอ และที่สำคัญกว่านั้นเธอคือคนที่เหลืออยู่ในฐานะครอบครัวของเธอเพียงคนเดียวหญิงสาวเจ้าของชื่อนั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่เดินควงแขนใครคนนั้นเธอก็ใช้สายตาไล่สแกนชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า"รอนานไหมแก" เฌอแตมทักทายอย่างเป็นกันเอง กำลังจะหย่อนตัวนั่งตรงกันข้ามทว่าทอฝันกลับพูดเสียงเรียบขึ้นมา"แกมานั่งฝั่งนี้สิ ให้คุณไคเรนนั่งฝั่งนั้น" ทอฝันมองที่นั่งข้างตัว เป็นการบอกกราย ๆ ว่าที่นั่งถูกต้องของเธอคือฝั่งนี้ ในขณะที่เฌอแตมกำลังจะแย่งขึ้นมาแต่เธอก็ส่ายหัวไม่อยากให้เฌอแตมถึงเงียบลง"คุณนั่งกับเพื่อนเถอะครับ" ไคเรนเผยยิ้มให้แฟนสาวยอมทำตาม แล้วเจ้าตัวก็รีบนั่งพร้อมยกมือเรียกบริกรขอเมนู"เล่นอะไรของแก" เฌอแตมกระซิบถามเพื่อนเสียงเบา ปกติก็ไม่ใช่คนที่จะมาเก๊กขรึมใส่ใคร