"นี่คุณ! แท็กซี่คันนี้ฉันเรียกก่อนนะ" พอหญิงสาวเปิดประตูด้านหลัง ก็มีผู้ชายอีกคนเปิดประตูด้านหน้าของแท็กซี่คันเดียวกันนั้น
"ใครเรียกก่อนกันแน่ครับคุณผู้หญิง"
"ฉันขอก่อนแล้วกันตอนนี้ฉันรีบมาก" ว่าแล้วฝ่ายหญิงก็ขึ้นไปนั่ง
"คุณรีบเป็นคนเดียวหรือไงครับ ผมก็รีบเหมือนกัน" อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้ ขึ้นไปนั่งด้านหน้าข้างคนขับแท็กซี่
"ตกลงพวกคุณจะไปไหนกันครับ ผมไปส่งสองที่พร้อมกันไม่ได้นะ"
"พี่ไปส่งฉันก่อนแล้วกันค่ะ ค่อยไปส่งเขา"
"ไปส่งผมก่อนครับแล้วค่อยไปส่งเธอ"
"ฉันจะไปร่วมงานแต่ง ถ้าช้ากว่านี้มีหวังไม่ทันแน่"
"ผมก็จะไปร่วมงานแต่งเหมือนกัน ไปส่งผมก่อนครับ"
"ตกลงจะให้ผมไปส่งใครก่อน" ช่วงที่เครื่องลงแบบนี้แท็กซี่ไม่ค่อยพอกับผู้โดยสาร ตอนนี้แท็กซี่คันอื่นก็มีผู้โดยสารกันหมดแล้ว
"ฉันจะไปโรงแรมโอเวอร์ไซส์ค่ะ"
"ผมก็จะไป..??" ชายหนุ่มหันมองกลับไปดูผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหลังทันที เพราะโรงแรมที่เธอจะไปเป็นโรงแรมเดียวกัน หวังว่าคงไม่ใช่งานแต่งเดียวกันด้วยนะ
รถแท็กซี่ก็ขับไปตามสถานที่ที่ทั้งสองบอก
"จอดตรงนี้แหละครับ" พอใกล้จะถึงหน้าโรงแรม ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างคนขับก็บอกให้จอด
"เดี๋ยวนะคุณ ทำไมไม่ไปลงที่เดียวกัน"
"ผมสะดวกลงตรงนี้"
"คุณจะชิ่งใช่ไหม"
"หือ?" ทีแรกเขาว่าจะจ่ายค่ามิเตอร์คนเดียว แต่พอได้ยินฝ่ายหญิงพูด.. "ผมคิดว่าคุณจะเป็นคนจ่ายเสียอีก"
"เรื่องอะไรฉันต้องจ่ายให้คุณด้วย หารครึ่งกันสิ"
ชายหนุ่มมองราคาค่ารถแท็กซี่ แล้วเขาก็ล้วงเอาเงินออกมาสองร้อยบาท ส่งให้กับลุงคนขับ
"นี่คุณมันครึ่งตรงไหน สี่ร้อยกว่าบาทแล้วเศษล่ะ"
"คุณนั่งเยอะกว่าผม คุณก็ต้องจ่ายเยอะกว่าสิ"
"ฉันนั่งเยอะตรงไหน อีกนิดเดียวก็ถึงหน้าโรงแรมแล้ว"
"เบาะหลังสองที่เป็นของคุณคนเดียว คิดเอาเองเถอะ" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เปิดประตูลงจากรถ
"!!!!" อยากจะว่าให้แต่ก็ไม่ทันแล้ว พอผู้โดยสารคนแรกลงจากรถ คนขับแท็กซี่ก็เลื่อนรถมาจอดที่หน้าโรงแรม ซึ่งห่างจากกัน 2-3 ร้อยเมตรได้
"งานแต่งจะไม่เลิกแล้วเหรอเนี่ย" ทีแรกเธอไม่รู้หรอกว่าจะมีงานแต่ง แต่พอรู้ว่าพ่อกับแม่มาร่วมงานแต่งลูกสาวและลูกชายเพื่อนสนิท ลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิเธอก็เลยต่อเครื่องมาที่นี่
"หวานใจทางนี้ลูก"
"แม่" สาวมั่นแบบหวานใจรีบเดินไปหาผู้หญิงที่เธอเรียกว่าแม่
"กลับมาคราวนี้แม่ไม่ให้ไปแล้วนะ"
"ได้ไงแม่"
"อย่าบอกนะว่าจะไปอีก"
"อย่าเพิ่งพูดเรื่องนั้นเลย พาลูกเข้าไปในงานก่อน" คนเป็นพ่อพาภรรยาและลูกสาวเข้ามาในงาน
พอเข้ามาถึงเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวอยู่บนเวที กำลังกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน
"คุณต้องช่วยฉันพูดกับลูกนะ ถ้ากลับไปคราวนี้แล้วเมื่อไรลูกจะมาอีก" แก้วใจไม่ได้สนใจเจ้าบ่าวเจ้าสาวบนเวทีเลย ตอนนี้เธอสนใจอยู่เรื่องเดียวคือทำยังไงจะเหนี่ยวรั้งให้ลูกสาวไม่กลับไปต่างประเทศได้.. ใช่แล้วหวานใจก็คือบุตรสาวของเสนาธิการฉลามและแก้วใจ
"อยู่เมืองไทยไม่เห็นมีอะไรให้ทำเลยแม่ อยู่ที่นั่นยังมีงานให้ทำระหว่างเรียน"
"แต่ตอนนี้หนูเรียนจบแล้ว"
"จบแล้วก็ทำงานต่อได้นี่ค่ะ"
"แล้วแม่ล่ะ หนูไม่เป็นห่วงแม่เลยเหรอ"
"แม่คะ ถึงยังไงหนูก็ต้องกลับไป.."
"บอกเหตุผลแม่มาว่าทำไมหนูต้องกลับไปให้ได้"
"เพราะ..เออ..เพราะว่าา" เอาไงดีเรา "เพราะว่าอยู่ที่นั่นหนูมีแฟนแล้ว"
"ก็แค่แฟน ถ้าเขารักเราก็ให้เขา.."
"ไม่ใช่แค่แฟนสักหน่อยแม่ บอกตามตรงก็ได้ว่าเราอยู่กินด้วยกันแล้วหรือเรียกอีกอย่างว่าผัว" ด้วยความที่ได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่เรียนจบมัธยม หวานใจก็เลยไม่ได้ถือเรื่องพวกนี้
"คุณ" ฉลามเห็นภรรยาเงียบไปกลัวว่าจะช็อก "หายใจเข้าลึกๆ ก่อนนะคุณ"
"แกพูดอะไรออกมา!" แก้วใจเริ่มจะไม่เก็บอารมณ์แล้ว
"แสดงว่าแม่ไม่เชื่อใช่ไหม ถ้างั้นฉันจะเรียกเขามาแนะนำให้แม่รู้จักแล้วกัน" อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้ จังหวะที่หวานใจกำลังมองหาตัวช่วย ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาพอดี
อึบ! ขณะที่ผู้ชายคนที่นั่งแท็กซี่มาด้วยกันกำลังจะเดินผ่าน หวานใจเอื้อมมือไปคว้าแขนเขาไว้ก่อน ถ้าจะเรียกก็ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร
"?" ที่จริงเขาก็เห็นอยู่ว่าเธอยืนคุยกับผู้ใหญ่ แต่เขาไม่รู้จักเธอเป็นการส่วนตัว ก็เลยกำลังจะเดินผ่านไป
"คนนี้ไงคะคนที่ลูกพูดให้ฟังเมื่อกี้"
"??" เขาปลายหางตามองมาที่เธอเล็กน้อย แค่เรื่องค่าแท็กซี่ก็เอามาฟ้องแม่เลยเหรอ
"ที่รักคะ คุณอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ"
"....."
"คนนี้เหรอที่ลูกบอกว่าเป็น.."
"ใช่ค่ะคนนี้แหละ บอกพ่อไปสิว่าใช่"
"ใช่?"
"เห็นไหมคะพ่อเขาบอกว่าใช่แล้ว"
"รามิล..มาถึงตั้งแต่เมื่อไรลูก" ประโยคนี้ดังขึ้น คนที่ยืนคุยกันอยู่หันไปมองแทบจะพร้อมกัน..
พลาดรักคุณสามี ตอนพิเศษหลังงานแต่งของทั้งสองจบลง.."ถ้างานคุณยุ่ง เรื่องฮันนีมูนเราก็เลื่อนออกไปก่อนก็ได้นี่คะ""ผมบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับคุณอีกแล้ว"ชีวิตหนึ่งเกิดมาแค่นี้ก็พอแล้ว ขอแค่มีชายคนรักที่เห็นว่าเธอสำคัญที่สุด"ก็ได้ค่ะ ฉันขอแค่ในประเทศนะ ถ้าเดินทางไปต่างประเทศมันเหนื่อยเกินไป" ที่จริงมันเป็นแค่ข้ออ้าง ถ้ายังอยู่ในประเทศเผื่อมีงานด่วนเขาจะได้จัดการงานนั้นง่ายหน่อย"แล้วคุณชอบภูเขาหรือทะเลล่ะ""ชอบปลาวาฬค่ะ""หือ?""ฉันชอบคุณ จะให้ฉันชอบอย่างอื่นได้ยังไง""ผมตั้งใจว่าจะเก็บแรงไว้ตอนฮันนีมูนกัน""ยังไงคะ""คุณเล่นอ้อนแบบนี้ผมก็ต้องได้เอาแรงออกมาใช้ก่อนน่ะสิ""คุณปลาวาฬ" ถึงแม้จะมีอะไรกับเขาหลายครั้งแล้ว แต่พอพูดถึงเรื่องนี้เธอก็มีความอายอยู่ดี"น่ารักจัง" มือหนาเอื้อมไปลูบไล้แก้มนวลของภรรยาด้วยความเอ็นดู "ถ้าคุณชอบปลาวาฬงั้นเราก็คงต้องไปทะเลกัน""ค่ะ" คนตัวเล็กแนบลำตัวลงกับอกแกร่งของผู้เป็นสามีหมาดๆ"นอนก่อนนะครับคนดี นอนเอาแรงไว้เยอะๆ พรุ่งนี้เราจะเดินทางกันแล้ว""พรุ่งนี้เลยหรือคะ..แล้วงานของคุณล่ะคะ""ตอนเช้าเดี๋ยวผมเข้าไปเคลียร์งาน เราจะเดินทางตอนบ่ายกัน""ค่ะ"
พลาดรักคุณสามี บทที่ 102 ตอนจบ"แม่อยากให้อยู่ด้วยกันไปก่อน" สโรชาอนุญาตให้ลูกไปทำงานได้ แต่พอวันต่อมาลูกสาวก็ขอออกไปอยู่คอนโดกับชายคนรัก"เกศดีขึ้นมากแล้วค่ะ ถ้าคุณแม่เป็นห่วงเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงแล้วค่ะ""แต่แม่กลัวคิดถึงเรา""ลูกโตแล้วนะคุณ แถมลูกกำลังจะออกเรือนด้วย ให้พวกเขาไปศึกษาดูใจกันเถอะ"สโรชาเป็นห่วงถ้าปล่อยให้ลูกไปอยู่ข้างนอกไกลหูไกลตา กลัวว่าเหตุการณ์แบบเดิมจะเกิดขึ้นอีก ถ้าเกศรินยังอยู่ที่บ้าน เธอคงสังเกตเห็นอาการลูกสาวแต่ทีแรกแล้ว"ถ้าเกศมีอาการผิดปกติ จะรีบบอกคุณแม่เลยค่ะ" เกศรินรู้ว่าท่านเป็นห่วงมาก ถ้าวันนั้นไม่เพราะท่านขอตรวจ..ป่านนี้มะเร็งคงลุกลามไปจนเกินเยียวยาแล้ว"ผมสัญญาครับว่าจะดูแลเธอ แทนคุณแม่เอง"สโรชามองไปดูหน้าสามีที่นั่งอยู่ด้วยกัน ก่อนที่โผลเข้าไปกอดท่าน เธออยากออกไปใช้ชีวิตครอบครัวกับเขา เรื่องศึกษาดูใจคงไม่ต้องศึกษาเขาแล้ว เพราะเธอเห็นหมดแล้วว่าเขามีความจริงใจให้มากแค่ไหน[คอนโด]"ผมว่าจะซื้อบ้านสักหลัง พักอยู่คอนโดมันไม่สะดวก""ไม่ต้องหรอกค่ะ ที่นี่ก็ดีมากแล้ว""ถ้าเรามีบ้าน คุณก็จะมีพื้นที่เยอะขึ้น อยู่แต่ในคอนโดอากาศไม่ปลอดโปร่ง""ที่ไหนมีคุณฉั
"แน่ใจนะว่าคุณต้องการแรงกว่ามดกัด แต่มดตัวนี้กัดเจ็บนะครับ ถ้าแรงกว่าคุณจะรับไหวเหรอ" ที่จริงเขายังไม่เร่งเครื่องเลย แค่กำลังอุ่นเครื่องก่อนเฉยๆ แต่เกศรินคิดว่าเขาคงกลัวเธอเจ็บแผล ก็เลยทำแค่เบาๆ ถ้าทำแบบนี้เมื่อไรจะเสร็จล่ะ"ฉันเคยถูกมดกัดนี่คะ แค่เกาก็หายคันแล้ว""จัดให้ครับ แต่ถ้าเจ็บคุณบอกผมเลยนะ" ฟังเธอพูดก็อยากจะขำอยู่หรอก แต่ถ้าขำตอนนี้คงหมดอารมณ์แน่"อื้อ อ " เกศรินอยากให้เขามีความสุขกับเรือนร่างของเธอให้มากที่สุด เธอก็เลยขอให้เขาเพิ่มความแรงขึ้นมาหน่อย ถึงแม้จะมีลูกให้เขาไม่ได้ ช่วยให้เขามีความสุขกับเรือนร่างของเธอได้ก็คงดี"อ้าา ผมรักคุณนะเกศริน" ความรักนี้ไม่รู้ว่ามีให้เธอตั้งแต่เมื่อไร แต่พอรู้ตัวก็รักเธอมากจนแทบคลั่ง"ฉันก็รักคุณค่ะ อื้อ อ" มือเรียวโอมร่างคนตัวโตไว้ในจังหวะที่เขากำลังซอยสะโพกเร็วขึ้น"ซี๊ดด ผมปล่อยข้างในได้เลยไหม"ที่จริงคุณหมอก็บอกไว้ว่ายังไม่อยากให้มีลูกกันตอนนี้ แต่เธอคิดว่ามันคงไม่เร็วขนาดนั้น เพราะส่วนที่รับน้ำเชื้อยังไม่แข็งแรงพอ หญิงสาวพยักหน้าให้เห็นว่าเธออนุญาตชายหนุ่มก็ไม่อดกลั้นอีก ขยับสะโพกเพื่อให้ความแข็งแกร่งเสียดสีกับเนื้อบางๆ เร็วขึ้น ก่อน
"คุณยังไม่ดื่มน้ำอีกเหรอ" ปลาวาฬมองดูน้ำที่สั่งให้ลูกน้องนำมาให้เธอ "ฉันไม่อยากดื่มน้ำของคนที่ชื่อกำพลค่ะ" "ใครเอามาให้นะ" สายตาชายหนุ่มเหลือบไปมองกำพล จนคนที่ถูกมองรีบหลบสายตานั้น "รอผมอยู่นี่เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้" พูดจบปลาวาฬก็รีบเดินไปตรงจุดบริการน้ำ เขาไม่ได้เอาน้ำที่เย็นจัด "เราดูดีกว่าตั้งเยอะ และทำงานมาด้วยก็หลายปี ทำไมถึงเลือกแม่บ้านแบบนั้นได้" "อืมใช่" เอ็มม่าและตุ๊กตาไม่เคยพูดกันดีเลยตั้งแต่กำพลหันมามองเอ็มม่า ก็มีครั้งนี้แหละที่ทั้งสองดูจะลงรอยกัน"แต่ฉันยังสงสัยเรื่องคุยธุรกิจ" "คงไม่ใช่หรอกมั้ง คุณเชษฐาคงจำคนผิด""เกศ" "คุณพ่อ" เกศรินได้ยินคนเรียกก็เลยหันไปมอง ไม่คิดว่าคนที่เรียกก็คือพ่อ "พ่อเห็นคุณเชษฐาตรงโน้นบอกว่าลูกก็มาร่วมงานด้วย""คุณพ่อก็มาร่วมงานด้วยเหรอคะ"ที่จริงรามสูรก็ไม่ชอบมางานอะไรแบบนี้ แต่ที่มาเพราะว่าอยากมาร่วมงานของว่าที่ลูกเขย "พ่อต้องมาสิ เพราะเป็นงานคนสำคัญของลูกนี่""พ่อ?!" ทำไมคนที่ทำงานในโชว์รูมจะไม่รู้จักนักธุรกิจที่ชื่อรามสูร เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย จนถึงบัดนี้ สาวๆ ครึ่งค่อนประเทศอิจฉาภรรยาอันเป็นที
"ไม่ต้องหรอกลูก""ครับ" ปลาวาฬยอมรับในการตัดสินใจของท่าน"อ้าวแล้วนั่นเราจะไปไหน" พอเขาตอบรับ ปลาวาฬก็ลุกขึ้นกำลังจะออกจากบ้านท่านไป"พรุ่งนี้ผมจะรีบมาแต่เช้าครับ""ไหนบอกอยากอยู่ดูแลน้องไง""ครับ?" ชายหนุ่มที่ใบหน้าสิ้นหวังมากหันกลับมามอง"ที่แม่พูดหมายถึงไม่ต้องนอนข้างนอกหรอก ก็เข้าไปดูแลกันในห้องเลย มีอะไรจะได้ช่วยกัน""ผมนอนข้างในได้เหรอครับ""ได้สิจ๊ะ ถึงยังไงพวกเราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว""ขอบพระคุณมากครับ" ยังไม่ทันได้เอามือที่ไหว้ท่านลงเลย เขาก็เดินไปถึงหน้าห้องของเธอแล้ว"คุณยิ้มอะไรคะ" สโรชาหันกลับมาเห็นสามีกำลังยิ้มแป้น"คุณทำถูกแล้วล่ะ เด็กๆ เขารักกันก็ปล่อยให้เขาดูแลกันไป""ฉันก็ไม่ได้ว่าจะห้ามสักหน่อย แล้วเมื่อไรคุณจะขึ้นนอนไม่ง่วงหรือไง""เอ้า..เลขมาออกที่เราจนได้" รามสูรรีบเดินตามภรรยาขึ้นบ้านไป"คุณราม!" สามีที่เดินตามมาอยู่ดีๆ ก็โอบกอดภรรยาจากทางด้านหลัง"จะเดือนแล้วนะ" ตั้งแต่เดินทางทั้งสองไม่ได้เข้าใกล้กันเลย"คุณไม่เหนื่อยหรือไงคะ เพิ่งมาถึง""คุณรู้ไหม ว่ามันเป็นการเพิ่มกำลังอีกทาง""ไม่ใช่วัยรุ่นแล้วนะคะ ที่จะมาเพิ่มกำลังกับอะไรแบบนี้""คุณว่าผมแก่เหรอ""ใช่ค่ะ"
มือหนายื่นไปสัมผัสที่ผมบนศีรษะของเธอเบาๆ"คุณ?" พอเขาสัมผัสที่อื่นที่ไม่ใช่มือ.. เธอถึงกับสะดุ้ง "คุณไม่ใช่คนในมโนของฉันเหรอ?"ปลาวาฬส่ายหน้าตอบไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาช่างมีความอบอุ่น"ฉันกลับมาประเทศแล้วเหรอ" ที่เธอคิดว่าไม่ใช่เขาก็เพราะเธอมารักษาตัวที่ต่างประเทศ ถึงแม้เขาจะรู้และอยากตามมา แต่คงต้องใช้เวลา เพราะไม่ใช่ว่าจะเข้าประเทศนี้ได้ง่ายๆ"คุณอย่าไล่ผมไปไหนอีกเลย ถึงไล่ผมก็จะไม่ไป" ทีแรกก็อยากให้เธอเห็นว่าเขาเป็นแค่ภาพลวงตาที่เธอสร้างขึ้นมา เพราะถ้าเป็นภาพลวงตาเธอคงจะคุยกับเขานานกว่านี้"คุณปลาวาฬ คุณมาได้ยังไง?" เขาไม่ใช่แค่ภาพที่เธอสร้างขึ้นมาแล้วมันคือเขาจริงๆ"พอผมรู้ทุกอย่างก็รีบตามคุณมาที่นี่""เป็นคุณจริงๆ ด้วย โอ๊ย" หญิงสาวกำลังจะขยับตัวถอยห่าง จนลืมไปว่าร่างกายของเธอไม่ได้เต็มร้อย"คุณอย่าผลักไสผมไปไหนอีกเลยนะ ผมบอกแล้วไง ถึงไล่ผมก็จะไม่ไป""คุณไปหาคนที่ร่างกายแข็งแรงพร้อมที่จะเป็นภรรยาให้คุณดีกว่าค่ะ ฉันไม่พร้อม""ทำไมหรือครับ กับอีแค่ที่คุณจะมีลูกให้ผมไม่ได้ คุณต้องผลักไสไล่ส่งผมถึงขนาดนี้เลยเหรอ""คุณรู้เรื่องนี้แล้วเหรอคะ" หญิงสาวที่หลบสายตาเขา ค่อยๆ หันมองมาอีกที"