LOGIN‘ฮื้อๆ เจเจ็บ ฮื้อ พี่คินนิสัยไม่ดี แง’มือเล็กๆ ของยัยเด็กน้อยยกขึ้นถูที่ดวงตาของตัวเองเพราะถูกคนที่โตกว่านั้นผลักจนล้ม
‘สำออยน่า ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นางผีเสื้อสมุทรมาให้อุลตร้าแมนเคนจิจัดการซะดีๆ’ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้เลย แถมยังพยายามทำให้น้องลุกขึ้นมาเล่นกับตัวเองให้ได้ ‘ไม่เอา พี่คินเล่นแรง เจไม่เล่นด้วยหรอก อึก’ ‘โอ้ย ถ้าเธอจะไม่เล่นกับฉัน แล้วจะมาบ้านฉันทำไมทุกวันหะ’ อนาคินวัยเก้าขวบยกมือขึ้นเท้าเอวอย่างไม่พอใจ ‘คิน นี้ทำอะไรให้น้องเจนะ’คีรินพี่พึ่งช่วยพ่อพาน้องสาวของเขาเข้านอนกลางวันเดินเข้ามานั่งลงข้างเด็กหญิงก่อนจะพาน้องลุกขึ้น ‘ไม่ร้องนะ เดี๋ยวเราไปนอนกลางวันกันดีกว่า’ คีรินลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยนโดยมีอนาคินยืนมองอยู่อย่างขัดใจ ‘พี่คินไม่ดีเลย’เด็กหญิงฟ้องพลางชี้นิ้วไปที่คนต้นเรื่อง ‘งั้นคนดีไปกับพี่คีรินนะครับ’คีรินรีบจูงมือเด็กหญิงออกไป ‘ยัยตัวดี’ส่วนหนุ่มน้อยอีกคนก็ทำได้เพียงมองตาขวางใส่ทั้งคู่ ‘จะไปไหนยัยแว่น’ อนาคินวัยมหาลัยได้พาเพื่อมาดักรอเจย่าที่โรงเรียนมัธยมซึ่งพึ่งเลิกเรียนและกำลังจะกลับบ้าน ‘หลีกไปนะพี่คิน เจจะกลับบ้าน’ หญิงสาวถอยไปหนึ่งก้าวตอนที่พี่ชายจอมขี้แกล้งเดินเข้ามายืนใกล้ ‘ทำไมถึงได้พูดห่างเหินกับพี่ขนาดนั้นล่ะแว่น’ เขาพูดกวนพลางยื่นมือมาปลดแว่นหนาเตอะของน้องไป แล้วยกแขนที่ถือแว่นขึ้นสูงเกินเอื้อม ‘อะ! พี่คินเอาของเจคืนมาน่ะพี่!’ ‘อยากได้ก็มาแย่งเอาสิแว่นหรือจะเรียกเตี้ยดี’ เขายิ้มออกมาอย่างชอบใจที่ได้เห็นสีหน้าบูดบึ้งของเธอ ‘พี่คิน เจไม่ตลกด้วยนะ ว๊าย!!’ เด็กสาวที่มัวแต่สนใจแว่นในมืออนาคินทำให้ไม่ทันสังเกตเพื่อนของเขาที่เข้ามาแย่งหนังสือในมือของเธอไป ‘เอาคืนมานะ นั่นฉันยืมมาจากห้องสมุดนะ’เธอมองพวกผู้ชายเหล่านั้นที่จับหนังสือเธอไปแล้ววิ่งไปทั่วรอบตัวเธอจนน่าปวดหัว ‘พี่คินเอาแว่นเจมาแล้วบอกเพื่อนพี่คืนหนังสือเจเดี๋ยวนี้นะ’เจย่าหันมาโฟกัสตัวต้นเหตุ เธอกระโดดขึ้นลงเพื่อหวังแย่งแว่นในมือเขา อนาคินเอาแต่จ้องที่หน้าเธอจนเผลอทำแว่นหลุดมือตกพื้นแตก เด็กสาวถึงกับชะงักนิ่ง ‘แว่นที่พี่แจมซื้อให้’ เธอก้มหน้าน้ำตาตกทำอนาคินที่กำลังหัวเราะเงียบกริบ ฟังที่น้องพึมพำตัดพ้อให้ตัวเอง ‘คนนิสัยไม่ดี’ ‘เฮ้ย!! ขี้ขาดจังวะ’เพื่อนของเขาที่มาด้วยกัน เดินเข้ามาผลักไหล่เธอที่เอาแต่ก้มหน้าจนเธอล้มลง อนาคินหันไปมองค้อนพร้อมผลักเพื่อนคนนั้นกลับ ‘มึงทำอะไรเนี่ย’ ‘อ้าว ไหนมึงบอกว่าจะพาพวกกูมาแกล้งมันไง’เพื่อนของเขาดูจะไม่ชอบใจ ทั้งสองทิ้งหนังสือลงพื้นเต็มแรงจนเจย่าสะดุ้งก่อนจะเดินหนี ทิ้งให้อนาคินยืนมองเจย่าร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิด วินาทีนั้นเขาเหมือนกำลังจะก้มลงไปช่วยเธอเก็บของ แต่ดันเห็นว่าพี่ชายฝาแฝดเดินมาซะก่อนทำให้เขาหยุดชะงัก ‘คินนายทำอะไรให้น้องนะ!’คีรินเดินมานั่งย่อตัวลงข้างเจย่า ‘เมื่อไหร่นายจะเลิกแกล้งน้องด้วยอะไรที่ไม่เข้าเรื่องแบบนี้สักที’ และไม่ลืมเงยหน้าขึ้นมาต่อว่าน้องชาย อนาคินยืนนิ่งสีหน้าเรียบเฉยแต่พอเห็นว่าเธอหันไปกอดพี่ชายของเขาพลางร้องไห้ อนาคินก็คิ้วขมวดแล้วหันหลังเดินหนีด้วยความโมโห ‘ไม่ต้องร้องนะเจย่า เดี๋ยวพี่จะพาไปตัดแว่นใหม่เอง’ แล้วปล่อยให้ฮีโร่อย่างคีรินปลอบเธอให้สมใจ “ชิ!!”อนาคินในปัจจุบันที่นอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนห้องยกยิ้มมุมปากพลางขมวดคิ้วรู้สึกไม่พอใจ เมื่อมานอนนึกถึงเรื่องราวในอดีต “อะไรอะไรก็คีรินคีริน ถามจริงๆ เหอะ ถ้าไม่มีไอ้คินคนนี้มาเป็นผู้ร้ายให้ คีรินมันจะได้เป็นฮีโร่ของเธองั้นเหรอ โธ่เอ้ย!!”เขาเอามือลงมากอดอกก่อนจะหันนอนตะแคงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ส่วนคนที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในอาการแบบนี้ กลับกำลังนั่งอมยิ้มอยู่บนเตียงให้กับรูปภาพในอดีตของตนเอง เจย่าหยิบรูปออกมาจากกล่องสะสมของเธอ รูปแรกเป็นรูปที่พ่อแม่จับพวกเธอถ่ายรวมกันซึ่งในนั้นก็มีตั้งแต่ แจมมี่พี่สาวคนสวยของเธอคนที่โตสุดในรูป ถัดมาก็คือฝาแฝดลูกคุณหมออย่างพี่นีวายและพี่วิน่า เขาคนนั้นที่ชอบแกล้งคนอื่นให้ร้องไห้ก็คือพี่เจ้าไฟ ถัดมาคือพี่ชายคนหล่อจอนนี่กำลังยืนกอดคออยู่กับพี่เฟิร์ส ลูกของคุณลุงหนึ่งเดียว ต่อไปก็เขาคนที่ทำให้เธอยิ้มออกเพียงแค่เห็นรูป คีริน กำลังยืนข้างเขาอีกคนที่เธอเห็นแล้วต้องหุบยิ้ม อนาคิน ซึ่งในรูปเขายังดึงผมเปียของเธอที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เจ้าหญิงข้างลลิซและเนลินอยู่เลย เจย่าถอนหายใจแล้ววางรูปนั้นลง ก่อนปรายตาไปดูรูปอื่น ซึ่งหลายๆ รูปต่อจากนั้นตัวเธอก็เอาแต่ยืนข้างพี่คีริน ตัวติดเขาไม่ห่างแทบทุกรูป “น่ารักมาก” เธอเอ่ยชมเขาเบาๆ ก่อนจะวางรูปวัยเด็กทั้งหลายลงแล้วจับขึ้นมาต่อด้วยรูปสมัยวัยใส เธอมีอาการแอบเสียดายเล็กน้อยที่ตอนนั้นตัวเธอเอาแต่ใส่แว่นหนาๆ แล้วก็แต่งตัว… “ไร้รสนิยมสิ้นดี รู้แบบนี้เราน่าจะแต่งตัวน่ารักๆ ทุกครั้งที่ถ่ายรูปกับพี่คีรินอะ จะได้เป็นความทรงจำดีๆ หากเขาเปิดรูปดู” หญิงสาวถอนหายใจยาว “แต่ไม่เป็นไรใส่แว่นเราก็น่ารักนี่น่า” เธอทำเป็นพูดเข้าข้างตัวเอง ก่อนจะหยิบเอาแค่รูปที่มีเธอกับคีรินขึ้นมา พร้อมนอนราบลงบนเตียงก่อนเปิดมันดูทีละรูป เจย่าคิ้วขมวดเธอพึ่งจะมาจำได้ว่าทุกรูปที่เธอถ่ายกับพี่คีรินนั้นมันมักจะถูกพับส่วนใดส่วนหนึ่งหลบไว้เสมอ เธอเปิดส่วนที่พับเอาไว้ออกดู แล้วก็ใช่! ทุกรูปที่เธอถ่ายคู่กับคีรินเพื่อจะให้มันเป็นแค่รูปคู่ของเธอและเขาน่ะ มันมักจะมีอนาคินเข้ามาแทรกและป่วนจนติดเขาเข้ามาด้วยเกือบทุกรูปไม่มากก็น้อย “คนบ้าเอ้ย” เธอบ่นถึงชายหนุ่มเบาๆ พลันใบหน้าเขาที่มองเธอวันนี้ก็แวบเข้ามาในหัว แม้ว่าเขาจะหน้าตาเหมือนกับคนที่เธอชอบทุกระเบียบนิ้ว แต่มันก็ยังมีสิ่งที่แตกต่างนั้นคือแววตา คีรินจะมีแววตาที่อ่อนโยนเวลาที่เขามองใคร ตรงข้ามกับอนาคินที่มองครู่เดียวก็รู้แล้วว่าเขานั้นมันตัวเจ้าชู้ตัวเพลย์บอยขนาดไหน พร้อมกับสีผิวที่มีส่วนต่างกันอยู่เล็กน้อย เพราะคีรินเป็นเด็กเรียนดี ส่วนอนาคินจะเป็นหนุ่มสายกิจกรรม ทำให้พี่คีรินของเธอมีผิวที่ขาวสว่างกว่าอนาคิน แต่อนาคินก็มีข้อได้เปรียบคือเขาดูแข็งแรงกว่า แต่กระนั้นหากไม่สังเกตดีๆ มองแค่ผ่านตาก็เกือบจะแยกไม่ออก คิดแล้วเจย่าก็เกิดอาการขนลุกซู่ ที่เธอเผลอเข้าไปกอดเขาเพราะคิดว่าเขาเป็นคนที่เธอมีใจให้ “มันจะเป็นครั้งสุดท้ายนั่นแหละที่เขาจะได้แตะต้องตัวเรา พร้อมหวังว่าต่อแต่นี้ไปเราจะสู้เขาได้” เธอมีแววตาแน่วแน่ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก “ถ้าเจได้เป็นพี่สะใภ้ของพี่ล่ะก็ เจจะเอาคืนพี่ให้สาสมเลยพี่คิน!” เธอมองรูปของอนาคินในมือด้วยแววตาคาดโทษบริษัท ศิลาทรัพย์ ช่วงเวลาที่พนักงานเริ่มทยอยกลับเพราะเป็นเวลาเลิกงานของบริษัทแล้ว ในขณะเดียวกันห้องทำงานของรองประธานบริษัทกลับปิดสนิทพร้อมติดป้ายด้วยตัวหนังสือตัวโตๆ ว่า ห้ามรบกวน เนื่องจากด้านในเจ้าของห้องกำลังให้คุณเลขาคนสวยนั่งตัก เพื่อสกินชีพกันอยู่ “พี่คิน พี่คีรินจะแต่งงานจริงๆเหรอคะ” เจย่าเอ่ยถามพร้อมกับใช้ส้อมป้อนแอปเปิ้ลให้กับเขา อนาคินรับแอบเปิ้ลของเธอเข้าปากไป พร้อมสองแขนกอดร่างเล็กเอาไว้แน่น “เห็นคุณพ่อบอกว่าอย่างนั้นนะ ทำไมเหรอ เจอยากแต่งบ้างเหรอครับ” เขาเอาหน้าแนบแก้มของเธอ “ไม่เอาหรอก” “อ้าว~ ทำไมไม่ล่ะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง เจย่ากัดแอปเปิ้ล ไม่ได้หันไปสนใจเขา “เจ เจไม่อยากแต่งงานกับพี่บ้างเหรอ” เขาอ้อน เธอจึงหลุดยิ้มพลางวางจานแอปเปิ้ลในมือลง แล้วหันหน้าไปจ้องเขา “พี่อยากแต่งงานกับเจเหรอคะ” เขายักคิ้ว หอมเบาๆ ที่ซอกคอ “อยากแต่งสิ อยากแต่งมากๆ ไม่อยากทำเป็นหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้แล้วน่ะ” เสียงเขาดูงอแงพร้อมกับสูดดมซอกคอของคนตรงหน้าแรงขึ้น ก่อนจะขยับลงมาเรื่อยๆ ตามเสื้อคอเหลี่ยมของเธอ พลันจูบเข้าที่เนินอก จนเจ้าของร่างดันเขาออก “อยากแต่งหรืออยากมีอะไรด้วยกันแน่ เห็นมา
“เหนื่อยไหมครับ” คีรินถามไถ่เมื่อเห็นว่าโซเฟียเดินออกมาจากร้านขายเสื้อผ้าที่เธอทำงาน หญิงสาวตอนแรกมีสีหน้าเหนื่อยๆ เงยหน้าขึ้นยิ้มให้ “ไม่เหนื่อยเลยค่ะ แค่เห็นหน้าพี่คีรินมารับฉันก็หายเป็นปลิดทิ้งแล้ว” เธอตอบอย่างร่าเริงสดใส “เหรอ แต่ถ้าเหนื่อยต้องบอกนะ ถ้าเหนื่อยไม่ทำก็ได้ คุณท้องอยู่นี้” โซเฟียมองเขาด้วยความซึ้งใจก่อนรีบส่ายหน้า “แค่นี้สบายมากน่า คนในท้องยังไม่เป็นตัวอ่อนเลยมั้งคะ” เธอตอบ เขาก็ยิ้มให้ แววตาของเขาดูเป็นห่วงเธอจริงๆ โซเฟียคิดพร้อมกับความภาคภูมิใจเล็กน้อยที่เธอหาคนแบบเขาเจอ “แต่สายตาโซเฟียมันฟ้องว่าเหนื่อยมากนะครับ” เขาเดินมาโอบเธอที่ตอนนี้ชะงักนิ่งไปแล้ว “ไม่ต้องทำตัวเก่งตลอดเวลาก็ได้ อยู่กับพี่ไม่ต้องฝืน ถ้ามีอะไรไม่สบายใจขอแค่ให้บอก” เธอยิ้มนัยน์ตาแดงๆ “ค่ะ!!ฉันเหนื่อยมากเลย แต่แค่กลับไปทานข้าวแล้วก็นอนกอดกันทั้งคืนคงจะหายแล้วแหละ” เธอคล้องแขนของเขา “งั้นเย็นนี้กินอะไรดีครับ พี่ซื้อของทำอาหารมาเต็มรถเลยนะ” เขาเดินนำเธอมาที่รถพลางถามถึงมื้อเย็นของพวกเขา “วันนี้พี่โชว์ฝีมือทำอาหารไทยให้ทานหน่อยสิคะ” “ได้สิครับ” ทั้งสองขึ้นรถและขับกลับบ้านไปด้วยกัน โซเฟียนั
ที่บ้านอีกหลัง วันนี้อนาคินอารมณ์ดีเขาลงจากรถเตรียมเดินเข้าบ้าน เพราะแม่ส่งข้อความตามให้มาทานข้าวพร้อมหน้า แต่ก่อนที่เขาจะก้าวเดินขึ้นบันไดหน้าบ้าน ก็ดันเหลือบไปเห็นน้องสาวคนเดียวที่เดินลงรถอีกคันซึ่งขับตามกันเข้ามาเมื่อครู่ เขาชะงักเล็กน้อยพลางเปลี่ยนทิศทางเดิน “ลลิซ!!” อนาลิน หรือ ลลิซ หันมาจ้องหน้าพี่ชายก่อนรีบหลบหน้ายกกระเป๋าขึ้นปิดเธอพยายามจะเดินหนีไปทางหลังบ้านแต่ก็โดนพี่ชายคว้าแขนเอาไว้ “นี่ไปตีกับใครมาเนี่ย” “พี่คินปล่อยนะ หนูจะขึ้นห้องก่อน” “ไม่ได้มากับพี่เดี๋ยวนี้” อนาคินจับแขนน้องสาวแน่นพลางลากเดินเข้ามาในบ้านด้วยกัน ซึ่งรู้ว่าตอนนี้ทุกคนน่าจะรวมตัวอยู่ที่โถงห้องนั่งเล่น “อ้าว~ พี่ไฟก็มาด้วยเหรอ?นึกว่าต้องเฝ้าเมียที่รีสอร์ท” อนาคินทักเมื่อเจอพี่ชายสุดรักนั่งอยู่ในบ้าน “เห็นหน้าก็กวนตีนเลยนะคิน จะเอาเหรอ” “อ่าๆ พี่น้องคู่นี้” แม่รีบเข้ามาปราม “พี่เขาแค่มาประชุมด่วน เห็นข้อความแม่ว่ามีเรื่องคุยก็เลยแวะมาหา พรุ่งนี้พี่เขาก็ต้องกลับแล้ว” ครีมหอมว่าพลางจ้องหญิงสาวที่มากับอนาคิน “ใคร ลลิซเหรอลูก” หญิงสาวเอาแต่ปิดหน้าจนแม่จำแทบไม่ได้ “ก็ลูกสาวคุณแม่น่ะแหละครับ” อนาคินด
“พวกแกกลับไปได้แล้ว ท่านสั่งให้ฉันมาดูแลคนข้างในแทน” ด้านนอกมีชายร่างสูงผอมเดินเข้ามาบอกกับการ์ดหน้าบ้าน พวกนั้นมีท่าทีลังเลแต่พอชายหนุ่มชูการ์ดขององค์กรให้ดู พวกการ์ดก็มองหน้ากันแล้วเดินหนีไป ชายหนุ่มผู้มาใหม่รีบพุ่งเข้ามาในบ้าน “แม่ แม่เป็นยังไงบ้างสบายดีไหม พวกมันไม่ได้ทำอะไรแม่ใช่ไหม” นาตาเลียได้ยินเสียงเธอก็หันมามองหน้าเขาน้ำตาคลอ “เลย์ นี่แกยังไม่ตายเหรอ แกมาได้ยังไงนะ แกพาฉันหนีไปทีพาฉันหนีไปทีนะ” นาตาเลียกระวนกระวายใจจับแขนลูกชายบุญธรรมและขอร้องเขา “ใจเย็นๆ นะครับแม่! ผมยังพาแม่ไปตอนนี้ไม่ได้” “ทำไม” เลย์ก้มหน้างุด “ผมเป็นลูกน้องกาเบรียล” นาตาเลียยกมือฟาดแขนลูกชายทันที “ไอ้เลย์!! นี่แกเอาตัวไปผูกมัดกับมันเหรอ! แกอยากตายมากหรือไง” คนเป็นแม่มองลูกด้วยท่าทีผิดหวัง เลย์รีบส่ายหน้า “ไม่ใช่อย่างนั้นนะแม่ แม่ฟังผมก่อน….” เลย์เล่าเรื่องวันนั้นให้แม่ของเขาฟัง ‘นายพาฉันมาที่นี่ทำไม นึกว่าจะรีบมารับฉันไปงานเลี้ยงซะอีก!’ วันนั้นเลย์ได้ขอให้ซาเวียร์พาโซเฟียน้องสาวมาเจอที่โรงแรม ‘มีคนอยากเจอเธอไง’ ซาเวียร์เอ่ยพลางจูงมือเธอไปที่ห้องลับซึ่งเลย์กำลังนั่งรออยู่ ‘พี่เลย์ ฉันนึกว่าพี่ถ
“ฉัน.....ท้องค่ะ” ราวแก้วบาดทิ่มลงกลางอก คีรินยืนแน่นิ่งน้ำตาคลอ ในหัวเขาเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่ได้พูดออกมา คำถามที่กำลังผลักอกเขาแรงๆ ว่า ‘มันเป็นลูกของใคร’ แต่พอเห็นเธอกอดเขาแน่นเหมือนจะหลุดลอยไป เขากลับกลืนมันลงคอไม่ใช่เพราะเขาไม่สงสัย แต่เพราะเขารักเธอมากพอที่จะไม่ถาม หรือว่าไอ้หมอนั่น ภาพของโซเฟียที่อยู่กับซาเวียร์ผุดขึ้นมาในหัว น้ำตาของเขาคลอเบ้า “ฉันจะทำยังไงดีคะ พี่คีริน” เมื่อเห็นเขาเงียบไปนาน เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามองเขา คีรินยังนิ่งเขาดันตัวเธอออกจนหญิงสาวชะงักรู้สึกใจหวิว “พี่ขอถามอะไรหน่อย!มันคือเรื่องจริงใช่ไหม” ประโยคหลังเขาพูดมันเสียงแผ่ว “คะ?” คนฟังใจหวั่นไหวราวหวาดกลัวในคำถาม ของคนที่ก้มหน้าหลบตาอยู่ “เธอรักพี่จริงใช่ไหมโซเฟีย” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาแววตาของเธอสายชัดว่าคำที่จะเอ่ยต่อไปนี้เป็นความจริงแท้ “รัก มันไม่ใช่แค่รักแต่ฉันชอบที่ได้อยู่กับพี่ ฉันอยากจะอยู่กับพี่ แบบที่เราอยู่กันทุกวันแบบนี้ได้ตลอด อึก” เธอเอ่ยพลางสะอึกราวกำลังก่ำกลืนอะไรบางอย่างลงคอไป คนฟังก็เหมือนจะเป็นเช่นเดียวกัน คีรินยิ้มรับสิ่งที่เขาตัดสินใจภายในเสี้ยววิและกลืนค
ก๊อกๆ พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงเคาะประตูพร้อมบิดที่ลูกบิดก็ดังขึ้น “ท่านรองคะ เอาเอกสารมาให้ค่ะ” สองร่างสะดุ้งอนาคินรีบวิ่งไปเปิดม่านแบบลวกๆ ส่วนเจย่าวิ่งวุ่นหาที่หลบ ชายหนุ่มชี้นิ้วไปที่ใต้โต๊ะทำงานของเขา ก่อนที่เขาจะรีบไปเปิดประตู “สวัสดีครับคุณวาเนีย” “นึกว่าท่านรองไม่อยู่ซะอีกเห็นล็อกประตูไว้” หญิงสาวผู้มาใหม่มองเขาด้วยสีหน้างงๆ “สงสัยตอนเข้ามามือผมคงเผลอไปโดนล็อกนะ” “ค่ะ ฉันเอาเอกสารมาให้ท่านรองเซ็นให้ค่ะ เซ็นด่วนนะคะ” อนาคินมองหน้าวาเนียพร้อมโต๊ะทำงานเลิ่กลั่กเล็กน้อย ก่อนเขาจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ เหลือบมองคนใต้โต๊ะที่นั่งขดอยู่ “นี่ค่ะ” วาเนียวางเอกสารลง เขาก็รีบตรวจสอบ “อะ!” เสียงของคนใต้โต๊ะที่นั่งผิดท่าจนรู้สึกปวดตัว แต่วาเนียดันหูดีซะนี่ “เสียงอะไรคะ!!” เจย่ารีบยกมือปิดปากด้วยกลัวว่าเพื่อนจะรู้ “เสียงอะไรครับ คุณวาเนียหูฝาดหรือเปล่า เวลาทำงานอย่าเอาแต่นินทาเพื่อนนะครับเดี๋ยวจะหูแว่วเอา” “คะ?” คำตอบของอนาคินทำวาเนียหลุดโฟกัสได้เป็นอย่างดี หญิงสาวยืนเกร็งเพราะกลัวโดนด่า อนาคินรีบเซ็นเอกสารแล้วส่งคืนให้เธอ ชายหนุ่มถอนหายใจแรงเมื่อเห็นเธอพ้นประตูห้องออกไปแล้ว







