‘ฮื้อๆ เจเจ็บ ฮื้อ พี่คินนิสัยไม่ดี แง’มือเล็กๆ ของยัยเด็กน้อยยกขึ้นถูที่ดวงตาของตัวเองเพราะถูกคนที่โตกว่านั้นผลักจนล้ม
‘สำออยน่า ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นางผีเสื้อสมุทรมาให้อุลตร้าแมนเคนจิจัดการซะดีๆ’ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้เลย แถมยังพยายามทำให้น้องลุกขึ้นมาเล่นกับตัวเองให้ได้ ‘ไม่เอา พี่คินเล่นแรง เจไม่เล่นด้วยหรอก อึก’ ‘โอ้ย ถ้าเธอจะไม่เล่นกับฉัน แล้วจะมาบ้านฉันทำไมทุกวันหะ’ อนาคินวัยเก้าขวบยกมือขึ้นเท้าเอวอย่างไม่พอใจ ‘คิน นี้ทำอะไรให้น้องเจนะ’คีรินพี่พึ่งช่วยพ่อพาน้องสาวของเขาเข้านอนกลางวันเดินเข้ามานั่งลงข้างเด็กหญิงก่อนจะพาน้องลุกขึ้น ‘ไม่ร้องนะ เดี๋ยวเราไปนอนกลางวันกันดีกว่า’ คีรินลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยนโดยมีอนาคินยืนมองอยู่อย่างขัดใจ ‘พี่คินไม่ดีเลย’เด็กหญิงฟ้องพลางชี้นิ้วไปที่คนต้นเรื่อง ‘งั้นคนดีไปกับพี่คีรินนะครับ’คีรินรีบจูงมือเด็กหญิงออกไป ‘ยัยตัวดี’ส่วนหนุ่มน้อยอีกคนก็ทำได้เพียงมองตาขวางใส่ทั้งคู่ ‘จะไปไหนยัยแว่น’ อนาคินวัยมหาลัยได้พาเพื่อมาดักรอเจย่าที่โรงเรียนมัธยมซึ่งพึ่งเลิกเรียนและกำลังจะกลับบ้าน ‘หลีกไปนะพี่คิน เจจะกลับบ้าน’ หญิงสาวถอยไปหนึ่งก้าวตอนที่พี่ชายจอมขี้แกล้งเดินเข้ามายืนใกล้ ‘ทำไมถึงได้พูดห่างเหินกับพี่ขนาดนั้นล่ะแว่น’ เขาพูดกวนพลางยื่นมือมาปลดแว่นหนาเตอะของน้องไป แล้วยกแขนที่ถือแว่นขึ้นสูงเกินเอื้อม ‘อะ! พี่คินเอาของเจคืนมาน่ะพี่!’ ‘อยากได้ก็มาแย่งเอาสิแว่นหรือจะเรียกเตี้ยดี’ เขายิ้มออกมาอย่างชอบใจที่ได้เห็นสีหน้าบูดบึ้งของเธอ ‘พี่คิน เจไม่ตลกด้วยนะ ว๊าย!!’ เด็กสาวที่มัวแต่สนใจแว่นในมืออนาคินทำให้ไม่ทันสังเกตเพื่อนของเขาที่เข้ามาแย่งหนังสือในมือของเธอไป ‘เอาคืนมานะ นั่นฉันยืมมาจากห้องสมุดนะ’เธอมองพวกผู้ชายเหล่านั้นที่จับหนังสือเธอไปแล้ววิ่งไปทั่วรอบตัวเธอจนน่าปวดหัว ‘พี่คินเอาแว่นเจมาแล้วบอกเพื่อนพี่คืนหนังสือเจเดี๋ยวนี้นะ’เจย่าหันมาโฟกัสตัวต้นเหตุ เธอกระโดดขึ้นลงเพื่อหวังแย่งแว่นในมือเขา อนาคินเอาแต่จ้องที่หน้าเธอจนเผลอทำแว่นหลุดมือตกพื้นแตก เด็กสาวถึงกับชะงักนิ่ง ‘แว่นที่พี่แจมซื้อให้’ เธอก้มหน้าน้ำตาตกทำอนาคินที่กำลังหัวเราะเงียบกริบ ฟังที่น้องพึมพำตัดพ้อให้ตัวเอง ‘คนนิสัยไม่ดี’ ‘เฮ้ย!! ขี้ขาดจังวะ’เพื่อนของเขาที่มาด้วยกัน เดินเข้ามาผลักไหล่เธอที่เอาแต่ก้มหน้าจนเธอล้มลง อนาคินหันไปมองค้อนพร้อมผลักเพื่อนคนนั้นกลับ ‘มึงทำอะไรเนี่ย’ ‘อ้าว ไหนมึงบอกว่าจะพาพวกกูมาแกล้งมันไง’เพื่อนของเขาดูจะไม่ชอบใจ ทั้งสองทิ้งหนังสือลงพื้นเต็มแรงจนเจย่าสะดุ้งก่อนจะเดินหนี ทิ้งให้อนาคินยืนมองเจย่าร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิด วินาทีนั้นเขาเหมือนกำลังจะก้มลงไปช่วยเธอเก็บของ แต่ดันเห็นว่าพี่ชายฝาแฝดเดินมาซะก่อนทำให้เขาหยุดชะงัก ‘คินนายทำอะไรให้น้องนะ!’คีรินเดินมานั่งย่อตัวลงข้างเจย่า ‘เมื่อไหร่นายจะเลิกแกล้งน้องด้วยอะไรที่ไม่เข้าเรื่องแบบนี้สักที’ และไม่ลืมเงยหน้าขึ้นมาต่อว่าน้องชาย อนาคินยืนนิ่งสีหน้าเรียบเฉยแต่พอเห็นว่าเธอหันไปกอดพี่ชายของเขาพลางร้องไห้ อนาคินก็คิ้วขมวดแล้วหันหลังเดินหนีด้วยความโมโห ‘ไม่ต้องร้องนะเจย่า เดี๋ยวพี่จะพาไปตัดแว่นใหม่เอง’ แล้วปล่อยให้ฮีโร่อย่างคีรินปลอบเธอให้สมใจ “ชิ!!”อนาคินในปัจจุบันที่นอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนห้องยกยิ้มมุมปากพลางขมวดคิ้วรู้สึกไม่พอใจ เมื่อมานอนนึกถึงเรื่องราวในอดีต “อะไรอะไรก็คีรินคีริน ถามจริงๆ เหอะ ถ้าไม่มีไอ้คินคนนี้มาเป็นผู้ร้ายให้ คีรินมันจะได้เป็นฮีโร่ของเธองั้นเหรอ โธ่เอ้ย!!”เขาเอามือลงมากอดอกก่อนจะหันนอนตะแคงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ส่วนคนที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในอาการแบบนี้ กลับกำลังนั่งอมยิ้มอยู่บนเตียงให้กับรูปภาพในอดีตของตนเอง เจย่าหยิบรูปออกมาจากกล่องสะสมของเธอ รูปแรกเป็นรูปที่พ่อแม่จับพวกเธอถ่ายรวมกันซึ่งในนั้นก็มีตั้งแต่ แจมมี่พี่สาวคนสวยของเธอคนที่โตสุดในรูป ถัดมาก็คือฝาแฝดลูกคุณหมออย่างพี่นีวายและพี่วิน่า เขาคนนั้นที่ชอบแกล้งคนอื่นให้ร้องไห้ก็คือพี่เจ้าไฟ ถัดมาคือพี่ชายคนหล่อจอนนี่กำลังยืนกอดคออยู่กับพี่เฟิร์ส ลูกของคุณลุงหนึ่งเดียว ต่อไปก็เขาคนที่ทำให้เธอยิ้มออกเพียงแค่เห็นรูป คีริน กำลังยืนข้างเขาอีกคนที่เธอเห็นแล้วต้องหุบยิ้ม อนาคิน ซึ่งในรูปเขายังดึงผมเปียของเธอที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เจ้าหญิงข้างลลิซและเนลินอยู่เลย เจย่าถอนหายใจแล้ววางรูปนั้นลง ก่อนปรายตาไปดูรูปอื่น ซึ่งหลายๆ รูปต่อจากนั้นตัวเธอก็เอาแต่ยืนข้างพี่คีริน ตัวติดเขาไม่ห่างแทบทุกรูป “น่ารักมาก” เธอเอ่ยชมเขาเบาๆ ก่อนจะวางรูปวัยเด็กทั้งหลายลงแล้วจับขึ้นมาต่อด้วยรูปสมัยวัยใส เธอมีอาการแอบเสียดายเล็กน้อยที่ตอนนั้นตัวเธอเอาแต่ใส่แว่นหนาๆ แล้วก็แต่งตัว… “ไร้รสนิยมสิ้นดี รู้แบบนี้เราน่าจะแต่งตัวน่ารักๆ ทุกครั้งที่ถ่ายรูปกับพี่คีรินอะ จะได้เป็นความทรงจำดีๆ หากเขาเปิดรูปดู” หญิงสาวถอนหายใจยาว “แต่ไม่เป็นไรใส่แว่นเราก็น่ารักนี่น่า” เธอทำเป็นพูดเข้าข้างตัวเอง ก่อนจะหยิบเอาแค่รูปที่มีเธอกับคีรินขึ้นมา พร้อมนอนราบลงบนเตียงก่อนเปิดมันดูทีละรูป เจย่าคิ้วขมวดเธอพึ่งจะมาจำได้ว่าทุกรูปที่เธอถ่ายกับพี่คีรินนั้นมันมักจะถูกพับส่วนใดส่วนหนึ่งหลบไว้เสมอ เธอเปิดส่วนที่พับเอาไว้ออกดู แล้วก็ใช่! ทุกรูปที่เธอถ่ายคู่กับคีรินเพื่อจะให้มันเป็นแค่รูปคู่ของเธอและเขาน่ะ มันมักจะมีอนาคินเข้ามาแทรกและป่วนจนติดเขาเข้ามาด้วยเกือบทุกรูปไม่มากก็น้อย “คนบ้าเอ้ย” เธอบ่นถึงชายหนุ่มเบาๆ พลันใบหน้าเขาที่มองเธอวันนี้ก็แวบเข้ามาในหัว แม้ว่าเขาจะหน้าตาเหมือนกับคนที่เธอชอบทุกระเบียบนิ้ว แต่มันก็ยังมีสิ่งที่แตกต่างนั้นคือแววตา คีรินจะมีแววตาที่อ่อนโยนเวลาที่เขามองใคร ตรงข้ามกับอนาคินที่มองครู่เดียวก็รู้แล้วว่าเขานั้นมันตัวเจ้าชู้ตัวเพลย์บอยขนาดไหน พร้อมกับสีผิวที่มีส่วนต่างกันอยู่เล็กน้อย เพราะคีรินเป็นเด็กเรียนดี ส่วนอนาคินจะเป็นหนุ่มสายกิจกรรม ทำให้พี่คีรินของเธอมีผิวที่ขาวสว่างกว่าอนาคิน แต่อนาคินก็มีข้อได้เปรียบคือเขาดูแข็งแรงกว่า แต่กระนั้นหากไม่สังเกตดีๆ มองแค่ผ่านตาก็เกือบจะแยกไม่ออก คิดแล้วเจย่าก็เกิดอาการขนลุกซู่ ที่เธอเผลอเข้าไปกอดเขาเพราะคิดว่าเขาเป็นคนที่เธอมีใจให้ “มันจะเป็นครั้งสุดท้ายนั่นแหละที่เขาจะได้แตะต้องตัวเรา พร้อมหวังว่าต่อแต่นี้ไปเราจะสู้เขาได้” เธอมีแววตาแน่วแน่ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก “ถ้าเจได้เป็นพี่สะใภ้ของพี่ล่ะก็ เจจะเอาคืนพี่ให้สาสมเลยพี่คิน!” เธอมองรูปของอนาคินในมือด้วยแววตาคาดโทษในเวลาเดียวกันเจย่าก็กำลังเดินห้างกับพี่สาวก่อนที่คนเป็นพี่จะต้องพาลูกและสามีกลับบ้านต่างจังหวัด “เจน้องดูเสื้อผ้าร้านนี้สิสวยๆ ทั้งนั้นเลยพี่ว่าเราเข้าไปเลือกดูหน่อยดีไหม เดี๋ยวพี่จะซื้อให้สักสองสามชุด” หญิงสาวมองหน้าพี่ของเธอก่อนรีบส่ายหน้า “ไม่เอา พี่จะมาซื้อให้เจทำไมล่ะ” “ต้องซื้อสิ อาทิตย์หน้าน้องเจของพี่ต้องไปเป็นเลขาคนสวยของคีรินแล้วไม่ใช่เหรอ” เมื่อได้ยินคำถามแกมชมเช่นนั้นคนฟังก็เผยยิ้ม ตั้งแต่มาถึงเธอก็ยังไม่ได้เจอพี่คีรินเลยนี้น่า ถ้าจะไปเจอกันครั้งแรกที่บริษัทเลยในรอบหลายปี เธอก็อยากจะดูดีที่สุดในสายตาเขาเช่นกัน “งั้นก็ได้ค่ะ พี่ช่วยดูให้เจด้วยนะว่าชุดไหนสวยชุดไหนเจใส่แล้วออร่าจับนะ” “ได้แน่นอน” พี่สาวเอ่ยพลางรีบพากันเข้าไปในร้าน แจมมี่จับชุดที่คิดว่าจะเข้ากับน้องสาวของเธอมาสี่ห้าชุด แล้วให้เจย่าเข้าไปเปลี่ยนทีละชุดออกมาให้เธอดู “พี่คินขาเนเน่หิวข้าวแล้วน่ะ พี่คินพาเนเน่ไปกินข้าวหน่อยสิ” ซึ่งทางด้านนอกอนาคินได้พาสาวคู่นอนของเขามาเดินห้างแก้เบื่อ สายตาคมเหลือบไปเห็นสาวสวยคุ้นตาแวบๆ จากที่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อกี้ก็เผยยิ้ม เขารีบหันมาบอกผู้หญิงข้างกาย “แล้วเธออยาก
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ในอาณาเขตเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษลาวาเลนเต้ “คุณพ่อเรียกหนูเหรอคะ?” หญิงสาวตัวเล็กผอมเจ้าของเรือนผมบลอนด์ทองยาวสวยโดยกำเนิดแบบหาได้ยาก เดินเข้ามาหาผู้เป็นบิดาในห้องทำงานด้วยท่าทีตื่นเต้น นี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาโทรหาลูกสาวแบบเธอให้มาพบ “ฉันได้ยินข่าวมาว่านายเจมส์ผู้บริหารของบริษัทศิลาที่นาย อศิร ศิลาหัตร์ทัยเป็นเจ้าของ มันประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาลทำกายภาพบำบัด….” กาเบรียลหัวหน้าแก๊งลาวาเลนเต้เอ่ย ทั้งที่ยังไม่ได้หันไปมองคนมาใหม่ ทำโซเฟียบุตรสาวที่ยืนฟังอยู่เกิดความฉงนสงสัย“คุณพ่อหมายถึงอะไรคะ?” กาเบรียลหันมาจ้องหน้าเธอพร้อมตอบกลับเสียงเข้ม“ฉันอนุญาตให้แกเรียกฉันว่าพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่” โซเฟียก้มหน้างุดในทันที เธอก็แค่ลูกนอกสมรสที่เขาไม่ต้องการ“เอาล่ะ แต่ฉันจะยอมรับแกเป็นลูกก็ได้หากแกทำงานนี้ให้ฉันสำเร็จ” โซเฟียเงยหน้าขึ้นมาจ้องบิดาทันที“นายอศิรส่งลูกชายของเขาที่อายุไล่เลี่ยกับแกมาบริหารงานแทนไอ้เจมส์ที่ต้องรักษาตัว” เขาพูดพร้อมเว้นช่วงเพื่อพิสูจน์ความหัวไวของคนตรงหน้า“คุณท่านจะให้หนูไปตีสนิทกับเขางั้นเหรอคะ” กาเบรียลเผยยิ้มอย่างชอบใจ“ไม่ใช่
รุ่งเช้าวันต่อมา “อ้าว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ” คีรินที่พึ่งเดินลงมาจากบ้านเห็นน้องชายฝาแฝดนั่งหัวโด่รออยู่ที่โต๊ะทานข้าว เขาก็มองไปที่เจ้าตัวด้วยคิ้วขมวด อนาคินเองก็เหลือบหางตามามองพี่ชายฝาแฝดของเขาเล็กน้อย “ก็เห็นว่าคุณพ่อมีเรื่องด่วนนี้ นี่คินก็รีบมาสุดๆ แล้วนะ” คนพูดยักไหล่ในขณะที่ทำคนฟังส่ายหน้า “นี่ขนาดรีบนะ ปล่อยให้พี่กับพ่อรอกันทั้งคืน” คีรินบ่นเบาๆ พลางหันไปหยิบแก้วกาแฟจากแม่บ้านขึ้นมาจิบ “ทำไมถึงได้ทำตัวเถลไถลแบบนี้ล่ะคิน นายควรจะแยกแยะได้แล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็จะสามสิบแล้ว” อนาคินถอนหายใจยาวให้การบ่นแกมสั่งสอนของพี่ชาย “ก็เพราะรู้ว่าเรื่องอะไรไง คินถึงไม่อยากมา” เขาตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะได้ยินเสียงของพ่อแทรกขึ้น “แต่เพราะยังต้องใช้เงินพ่ออยู่ใช่ไหม ถึงจำเป็นต้องมานะ” สองหนุ่มหันไปมองหน้าพ่อที่เดินมานั่งตรงหัวโต๊ะ คีรินที่ยืนจิบกาแฟอยู่ก็หาที่นั่ง “เมื่อไหร่จะเป็นผู้เป็นคนสักทีอนาคิน ลูกก็ 28-29 แล้วน่ะ ลูกชายของพ่อมีกันสามคนและลูกคือคนที่พ่อเป็นห่วงที่สุด ขนาดน้องสาวลูกพ่อยังไม่เห็นว่าต้องห่วงอะไรขนาดนี้เลย” เสี่ยโอมบ่นความในใจของเขาออกมาพลางจ้องคนที่เขาบ่นใ
‘ฮื้อๆ เจเจ็บ ฮื้อ พี่คินนิสัยไม่ดี แง’มือเล็กๆ ของยัยเด็กน้อยยกขึ้นถูที่ดวงตาของตัวเองเพราะถูกคนที่โตกว่านั้นผลักจนล้ม ‘สำออยน่า ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นางผีเสื้อสมุทรมาให้อุลตร้าแมนเคนจิจัดการซะดีๆ’ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้เลย แถมยังพยายามทำให้น้องลุกขึ้นมาเล่นกับตัวเองให้ได้ ‘ไม่เอา พี่คินเล่นแรง เจไม่เล่นด้วยหรอก อึก’ ‘โอ้ย ถ้าเธอจะไม่เล่นกับฉัน แล้วจะมาบ้านฉันทำไมทุกวันหะ’ อนาคินวัยเก้าขวบยกมือขึ้นเท้าเอวอย่างไม่พอใจ ‘คิน นี้ทำอะไรให้น้องเจนะ’คีรินพี่พึ่งช่วยพ่อพาน้องสาวของเขาเข้านอนกลางวันเดินเข้ามานั่งลงข้างเด็กหญิงก่อนจะพาน้องลุกขึ้น ‘ไม่ร้องนะ เดี๋ยวเราไปนอนกลางวันกันดีกว่า’ คีรินลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยนโดยมีอนาคินยืนมองอยู่อย่างขัดใจ ‘พี่คินไม่ดีเลย’เด็กหญิงฟ้องพลางชี้นิ้วไปที่คนต้นเรื่อง ‘งั้นคนดีไปกับพี่คีรินนะครับ’คีรินรีบจูงมือเด็กหญิงออกไป ‘ยัยตัวดี’ส่วนหนุ่มน้อยอีกคนก็ทำได้เพียงมองตาขวางใส่ทั้งคู่ ‘จะไปไหนยัยแว่น’ อนาคินวัยมหาลัยได้พาเพื่อมาดักรอเจย่าที่โรงเรียนมัธยมซึ่งพึ่งเลิกเรียนและกำลังจะกลับบ้าน ‘หลีกไปนะพี่คิน เจจะกลับบ้าน’ หญิงสาวถอยไปหนึ
รถหรูคันหนึ่งแล่นมาจอดในรั้วบ้านศิลาแดง อนาคินกำลังจะกดรีโมตปิดประตูรั้ว แต่เผลอทำกุญแจหล่นเพราะฤทธิ์เมาที่พึ่งดื่มมากับสาว “โอ๊ย มืดก็มืด แล้วกุญแจจะตกไปทำไมเนี้ย” เขาก้มลงหาแถวหน้ารถ และไม่ทันสังเกตว่ามีรถอีกคันขับเข้ามาจอดที่ข้างรั้วบ้านเช่นกัน “อ้าว ประตูเปิดอยู่นี่ ให้พี่ขับเข้าไปเลยไหม?” จอนนี่ถาม เจย่าหันมาปฏิเสธทันที “อย่าเลยค่ะ ตอนนี้เขาคงหลับกันหมดแล้ว แต่เมื่อกี้เจเห็นพี่คีรินแวบๆ ขอเจไปทักทายแป๊บเดียว แล้วเราค่อยกลับนะ พี่รออยู่ตรงนี้แหละ” พูดจบเธอก็รีบเปิดประตูรถวิ่งไปทันที ทิ้งให้พี่ชายนั่งงงๆ กับความไวของน้อง ที่เขาจะเอ่ยห้ามก็ไม่ทัน “พี่คีริน!” หญิงสาวรีบวิ่งเข้ากอดชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้อยู่ เธอกอดเขาแน่นอย่างไม่เขินอายเพราะด้วยแรงคิดถึงที่มีมากโข ในขณะเดียวกันที่คนเมายืนชะงักนิ่งอย่างแปลกใจ “พี่คีรินเจคิดถึงพี่ที่สุดเลยค่ะ” ชายหนุ่มเริ่มคุ้นกับน้ำเสียงพลางรู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกตอนที่เขาคิดว่าอ้อมกอดนี้คงเป็นของเธอแน่ๆ เจย่า อนาคินรีบหันหน้ามามองเจ้าของเรียวแขนสวย มุมปากของเขากระตุกยิ้มตอนที่เธอเงยขึ้นมาจ้องหน้า “อะ! พี่คิน!!” เมื่อได้สบตากันเจย่าก็รีบดั
ศิลาแดง ร่างใหญ่สองร่างนั่งอยู่ที่โซฟาตรงมุมทางเข้าบ้าน พวกเขาหันจ้องหน้ากันซ้ำแล้วซ้ำอีก ราวกับรอใครบางคนที่กำลังจะผิดนัด “อ้าว สองพ่อลูกคู่นี้ยังไม่ไปเตรียมตัวเข้านอนกันอีกเหรอ?” คุณหญิงครีมหอมที่ลงมาหาน้ำดื่ม เอ่ยทักเมื่อเห็นทั้งสองนั่งเงียบอยู่ข้างล่าง “ก็เจ้าคินน่ะสิคุณ ผมอุตส่าห์โทรนัดให้กลับมาคุยกันที่บ้านวันนี้ แถมมันยังรับปากผมซะดิบดี แต่สุดท้ายเวลานี้แล้วยังไม่ยอมโผล่หน้ามาเลย!” เสี่ยโอมถอนหายใจหนักมองเข็มนาฬิกาบนผนังอย่างไม่สบอารมณ์ “แบบนี้คงไม่กลับมาแล้วมั้งคะ สงสัยคงไปเมาอยู่ที่ไหนสักที่" ครีมหอมตอบ ขณะเดินเข้าไปลูบไหล่คีรินที่นั่งไม่ห่างจากตรงที่เธอยืน “อืม ผมว่าคุณแม่คงพูดถูกแล้วแหละครับ” คีรินพึมพำ “เราไปอาบน้ำเข้านอนกันเถอะครับคุณพ่อ” เขาหันไปบอกกับบิดาเนื่องจากเห็นว่าวันนี้ทำงานหนัก คนเป็นพ่อก็คงจะเหนื่อยมากแล้ว “แล้วเรื่องงานล่ะลูก?” เสี่ยโอมที่เรียกลูกชายอีกคนกลับมาเพราะมีเรื่องด่วนที่ต้องสะสางให้เสร็จภายในวันนี้ เขาเอ่ยถามออกมาอย่างหัวเสีย ก็คนที่นั่งข้างกันดันไปหน้าเหมือนกับคนที่ผิดนัดอีก “ไว้วันหลังค่อยคุยเถอะครับคุณพ่อ ที่คินไม่มาวันนี้ คงเพราะเร