เฉียวเนี่ยนชะงักฝีเท้า สายตากลับประจวบเหมาะสบเข้ากับสายตาของคนตระกูลเซียวที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดก็ได้ยินคำพูดของเซียวเหิงเมื่อครู่นั้นเช่นกันสายตาของแม่เซียวที่มองมายังเฉียวเนี่ยนเต็มไปด้วยความละอายใจนางไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ากับเฉียวเนี่ยนเช่นไรในตอนนั้น เป็นนางเองที่บอกให้เฉียวเนี่ยนออกไปแต่เฉียวเนี่ยนไม่เพียงรักษาโรคขาขอเซียวเหอจนหายดี วันนี้ยังช่วยดึงเซียวเหิงลับมาจากปากประตูนรกด้วยมือของนางเอง!นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดบททำนายจากมหาเถระฉือเอินถึงเป็นเช่นนั้นเฉียวเนี่ยนดูอย่างไรก็ไม่เหมือนดาวหายนะผู้อาภัพเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเซียว!แต่คำพูดพวกนี้ แม่เซียวไม่มีหน้าเอ่ยออกมาเซียวเหอตั้งสติได้เป็นคนแรก เขาตั้งใจไม่มองเฉียวเนี่ยน เดินตรงไปยังข้างเตียงของเซียวเหิง “เหิงเอ๋อร์ รู้สึกอย่างไรบ้าง?”เขาจงใจใช้ร่างของตนขวางไม่ให้เซียวเหิงมองเห็นเฉียวเนี่ยนเนี่ยนเนี่ยนช่วยชีวิตเซียวเหิงไว้ ทั้งยังยอมอยู่ดูแลเขาทั้งคืนโดยไม่ถือโทษโกรธเคือง นี่ก็มากเกินพอแล้ว!นางทำดีมามากพอแล้ว จะให้ต้องลำบากใจไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกพ่อเซียวก็เ
กลับคาดไม่ถึงว่า มือของเซียวเหิงจับกระโปรงของนางไว้ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้“อย่าไป…”เสียงอ่อนแรงนั้นเต็มไปด้วยความเว้าวอนเซียวเหิงในยามนี้ยังคงรู้สึกราวกับตนอยู่ในความฝัน มองเห็นคนที่เฝ้าคิดถึงทั้งยามหลับและตื่นกำลังจะหันหลังจากไปในอกพลันเจ็บร้าวขึ้นมา ไม่รู้ว่าเจ็บบาดแผล หรือเจ็บหัวใจเขาจึงทำได้เพียงรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดในกายเพื่อคว้าจับนางไว้แน่น“เนี่ยนเนี่ยน อย่าไป…”อย่าไปเลย อยู่กับข้าเถอะ ต่อให้เป็นแค่ความฝัน… ก็ขอแค่เจ้าอยู่ตรงนี้กับข้าก็พอคิ้วของเฉียวเนี่ยนขมวดเล็กน้อยนางเห็นหยดน้ำตาใสไหลลงจากหางตาของเซียวเหิงเวลาที่คนเราล้มป่วย ก็คือเวลาที่อ่อนแอที่สุดเฉียวเนี่ยนคิดว่าเวลานี้ เซียวเหิงก็คงอ่อนแอเช่นกันนางจึงไม่ได้ขยับไปไหน แค่ยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง ปล่อยให้เขาจ้องมองอยู่แบบนั้นโชคดีที่เซียวเหิงก็แค่มองอยู่เงียบ ๆ เท่านั้นเฉียวเนี่ยนคิดว่า เขาคงไข้ขึ้นจนสติเลอะเลือนนางพลิกผ้าที่วางบนหน้าผากเขา เปลี่ยนด้านที่เย็นขึ้น เอามือแตะท่อนแขนของเขา เมื่อสัมผัสได้ว่าไข้อ่อนลงบ้างแล้ว นางจึงเบาใจขึ้นเล็กน้อยสุดท้ายแล้ว เซียวเหิงก็อ่อนแรงไป แม้พยายามลืมตาจ้องเฉีย
ยามราตรียิ่งล่วงเลยไป ท้องฟ้ายิ่งมืดสนิทที่จวนอ๋องผิงหยาง เหล่าองครักษ์พยัคฆ์กำลังดื่มสุราเบา ๆ กับฉู่จืออี้“เนี่ยนเนี่ยนยังไม่กลับมาอีกหรือ?” จู่ ๆ เจ้าห้าถามขึ้นวันนี้พวกเขาได้ข่าวเรื่องเซียวเหิงบาดเจ็บ ก็รู้ว่าเฉียวเนี่ยนไปกับหมอหลวงเซวียที่ลานฝึก แต่หมอหลวงเซวียกลับมาตั้งนานแล้ว ส่วนเฉียวเนี่ยนกลับยังไม่กลับมาเจ้าแปดกล่าวขึ้นว่า “ก็โตมาด้วยกัน จะห่วงกันบ้างก็ไม่แปลก เนี่ยนเนี่ยนอยู่ที่นั่นต่อก็ไม่ผิดอะไร”ทุกคนพยักหน้าเบา ๆ อย่างเข้าใจ แต่เจ้าสิบเอ็ดกลับเบะปากอย่างไม่พอใจ “กลัวก็แต่แม่หนูนั่นจะใจอ่อน พอเห็นเซียวเหิงใกล้ตาย ก็เกิดเวทนาให้เขาได้โอกาสขึ้นมาน่ะสิ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็คิดว่ามีความเป็นไปได้อยู่มากจนเจ้ารองถึงกับหันไปมองฉู่จืออี้ “พี่ใหญ่จะไม่ไปดูสักหน่อยหรือ?”แต่ฉู่จืออี้กลับขมวดคิ้ว “ไปดูอะไร?”พอได้ยินคำตอบนี้ เหล่าองครักษ์พยัคฆ์ก็หันมามองหน้ากัน แต่สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหัวพร้อมกัน โดยไม่มีใครพูดอะไรอีกในอีกด้านหนึ่ง ที่ลานฝึกเฉียวเนี่ยนเอนตัวพิงเก้าอี้ อ่านวิชาแพทย์ที่หมอประจำจวนให้มา นางเงยหน้าขึ้นมองเซียวเหิงเพื่อสังเกตอาการเป็นระยะใบหน้าข
แม้จะเรียกชื่อออกมาแล้ว แต่นางกลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเฉียวเนี่ยนดีเฉียวเนี่ยนย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดีนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าขอเข้าไปป้อนยาก่อนนะเจ้าคะ”พูดจบก็เดินเข้าห้องไปภายในห้อง มีเพียงแพทย์ทหารคนหนึ่งคอยดูแลอยู่เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนเข้ามา เขาก็แสดงความแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเฉียวเนี่ยนอธิบายถึงจุดประสงค์ของตน แพทย์ทหารก็รีบถอยให้ “ข้าน้อยได้ยินมานานแล้วว่าคุณหนูเฉียวเป็นศิษย์ของหมอเทวดา ข้าน้อยเองก็อยากเห็นกับตานัก”ข่าวที่เซียวเหอหายดีนั้น แพร่ไปทั่วในหมู่ผู้รักษาต่างก็อยากรู้จักหมอเทวดาผู้นั้นวันนี้แม้จะไม่ได้พบตัวหมอเทวดา แต่ได้เห็นยารักษาชีวิตจากมือของเขา ก็นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งเฉียวเนี่ยนจึงก้าวเข้ามา หยิบยาเม็ดหนึ่งออกจากขวด เมื่อมองใบหน้าของเซียวเหิงที่ไร้เลือดฝาด นางก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วค่อย ๆ ใช้อีกมือหนึ่งแง้มริมฝีปากของเซียวเหิงออก แล้วสอดยาเข้าไปไม่มีปฏิกิริยาใดเลยเฉียวเนี่ยนยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง ไม่ไหวติงเช่นกันผ่านไปครู่หนึ่ง แพทย์ทหารจึงเอ่ย “คิดว่ายาของหมอเทวดาก็คงไม่ใช่ยาวิเศษ คงต้องใช้เวลา”แพทย์ทหารนายนั้นมองฟ้า พลางกล่าวต่อ “ดึก
เฉียวเนี่ยนจงใจหันหลังให้ฮูหยินหลินนางไม่อยากเห็นสายตาไม่รู้เรื่องรู้ราวและสับสนของฮูหยินหลินอีกราวกับพวกเขาไม่เคยทำผิดอะไรต่อนางเลยแม้แต่น้อยเนี่ยน ที่แปลว่าความคิดถึง?เนี่ยน ที่แปลว่าคะนึงหา?น่าขันนัก!ตลอดสามปีนั้น หากแม้เพียงมีใครสักคนที่เคย "คิดถึง" หรือ "คะนึงหา" นางบ้าง นางคงไม่ต้องมาถึงจุดที่สายสัมพันธ์เลือดเนื้อขาดสะบั้นเช่นนี้!เมื่อหมอประจำจวนมาถึง ก็เห็นเฉียวเนี่ยนหายใจถี่รัว พยายามข่มความเศร้าไว้เต็มที่เมื่อนึกได้ว่าตอนที่เดินผ่านมาเห็นฮูหยินหลินเข้า ท่านหมอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาเอ่ยเบา ๆ “คุณหนูใหญ่”เฉียวเนี่ยนจึงหันกลับมา สูดลมหายใจลึก แล้วฝืนยิ้มให้หมอประจำจวนหมอประจำจวนก้าวเข้ามา แล้วยื่นขวดยาให้ “นี่คือยาที่ข้าได้มาจากสำนักราชาโอสถ มีทั้งหมดห้าลูก ตอนนั้นข้ากินไปหนึ่งลูก ฮูหยินเฒ่าก็กินไปหนึ่งลูก ตอนที่คุณหนูใหญ่กลับมาจากเฉิงซีก็ใช้ไปอีกหนึ่งลูก ตอนนี้เหลืออยู่สองลูก ข้าหวังว่ายานี้จะช่วยชีวิตแม่ทัพเซียวไว้ได้”เมื่อครั้งนั้น หมอประจำจวนร่อแร่ใกล้ตาย ก็ได้ยานี้ช่วยชีวิตไว้สำหรับฮูหยินเฒ่ายิ่งไม่ต้องกล่าวถึงส่วนเฉียวเนี่ยนเอง ตอนที่ก
ฮูหยินหลินที่พูดถึง "ฮูหยินเฒ่า" แน่นอนว่าย่อมหมายถึง ท่านย่าของเฉียวเนี่ยนพอได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าหน้านางคล้ายท่านย่า น้ำตาเฉียวเนี่ยนก็คลอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวดังนั้นนางจึงพยักหน้าเล็กน้อยฮูหยินหลินก็ถอนหายใจ “ฮูหยินเฒ่าของพวกเราออกไปเล่นกับลูกสาวข้า! หากเจ้าได้พบฮูหยินเฒ่าล่ะก็ ช่วยบอกนางให้กลับเร็วหน่อยเถอะ ลูกสาวข้าเพิ่งจะสองขวบ อีกเดี๋ยวฟ้าก็มืดแล้ว เด็กน้อยอยู่ข้างนอกนาน ๆ ไม่ดีเลยจริง ๆ”เฉียวเนี่ยนสูดลมหายใจลึก พยายามข่มความรู้สึกประหลาดในใจลง แล้วตอบรับด้วยเสียงขรึม “เจ้าค่ะ”ไม่ทันไร ฮูหยินหลินก็เข้ามาใกล้ แล้วจับมือนางไว้ “ลูกสาวข้าหน้าตาน่ารักมาก! ถึงแม้ว่าตานางจะไม่ค่อยเหมือนข้า แต่ผิวกลับขาวยิ่งกว่าข้าอีก! หน้ากลมนิด ๆ ปากก็เล็กหวานหยดย้อย น่ารักน่าเอ็นดูที่สุดเลยล่ะ! เจ้ารู้ไหมว่าลูกสาวข้าชื่ออะไร? ชื่อว่า เนี่ยนเนี่ยน เนี่ยนที่มาหมายความว่าคิดถึงคะนึงหา! นางน่ะ เป็นดวงใจของทุกคนในครอบครัวเลย!”หัวใจเฉียวเนี่ยนเจ็บแปลบนางอยากจะตะโกนบอกฮูหยินหลินออกไปเหลือเกิน ว่านางไม่ใช่ดวงใจของใครทั้งนั้น! พวกเขาไม่เคยคิดถึงหรือโหยหานางเลยด้วยซ้ำ!แต่เมื่อมองดูสายตาของฮูหยินหลิน