Home / รักโบราณ / พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก / บทที่10 เผชิญหน้ากับโจวจื่อหมิงอีกครั้ง

Share

บทที่10 เผชิญหน้ากับโจวจื่อหมิงอีกครั้ง

last update Last Updated: 2025-08-15 12:11:35

โจวจื่อหมิงกำลังนั่งจิบชาและดูตำราพิชัยสงครามอยู่ในเรือนอย่างสงบ แต่แล้วประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง หลิวซิ่วเหยาในชุดที่ดูยับยู่ยี่เล็กน้อยวิ่งเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เปียกชื้นด้วยน้ำตา นางทำตัวน่าสงสารจนสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าห้องยังรู้สึกเห็นใจ

“นายท่านเจ้าขา... ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วยนะเจ้าคะ” หลิวซิ่วเหยาเข้าไปเกาะแขนโจวจื่อหมิงไว้ด้วยความน่าสงสาร “ข้าแค่เป็นห่วงท่านที่ต้องเผชิญหน้ากับฮูหยินที่น่ากลัว... ข้าจึงไปเยี่ยมฮูหยินที่ศาลบรรพชน แต่กลับถูกดุด่าอย่างรุนแรง ทั้งฮูหยินและบ่าวรับใช้ของนางไม่ไว้หน้าข้าเลยเจ้าค่ะ”

โจวจื่อหมิงขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ เขาปัดมือของหลิวซิ่วเหยาออกอย่างไม่ใยดี “ไปร้องไห้ที่อื่นเถอะ ข้ากำลังดูตำราอยู่”

หลิวซิ่วเหยาเบะปาก ทำท่าจะร้องไห้หนักกว่าเดิม “แต่ฮูหยิน... ฮูหยินถึงขั้นขู่จะลงโทษข้าเจ้าค่ะ ทั้งๆ ที่ข้าเป็นคนโปรดของท่าน”

โจวจื่อหมิงที่ได้ยินดังนั้นดวงตาก็พลันเย็นชาลง เขาแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมในใจ 'ช่างกล้าดียิ่งนัก... เจ้ากำลังเรียกร้องความตายจากข้า' เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วมองหลิวซิ่วเหยาด้วยสายตาที่เย็นชา “เจ้ากลับไปรอที่เรือนของเจ้า ข้าจะไปจัดการให้เอง”

หลิวซิ่วเหยามองตามหลังของโจวจื่อหมิงที่เดินออกไปอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้มที่เผยออกมาอย่างพอใจ คราวนี้นางมั่นใจว่ากัวรั่วชิงก็จะต้องถูกโจวจื่อหมิงลงโทษอย่างหนักแน่นอน

โจวจื่อหมิงเดินเข้ามาในศาลบรรพชนด้วยท่าทีที่ถมึงทึงกว่าตอนสั่งลงโทษกัวรั่วชิงเสียอีก แสงไฟจากตะเกียงส่องสว่างเพียงบางส่วน ทำให้เงาของเขาดูน่ากลัวและใหญ่โต กัวรั่วชิงยังคงคุกเข่าอยู่หน้าแผ่นป้ายบรรพชนในท่าทางที่สงบนิ่งและมั่นคง ราวกับไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาเลย

“เจ้ายังไม่สำนึกโทษอีกหรืออย่างไร ถึงได้ก่อกวนผู้อื่นไปทั่วเช่นนี้!” โจวจื่อหมิงเอ่ยเสียงต่ำ ขณะไปหยุดยืนอยู่ด้านหน้าของนาง “เจ้าทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ได้อย่างไรในที่ศักดิ์สิทธิ์ของบรรพชน!”

“ซื่อจื่อหมายถึงเรื่องใดหรือ” กัวรั่วชิงยังคงคุกเข่าอยู่เช่นนั้น แต่เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นสามีด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง ไร้ซึ่งความหวาดกลัวหรือความเคารพ น้ำเสียงของนางราบเรียบ ไม่มีขึ้นไม่มีลง

“เรื่องที่เจ้าไปอาละวาดใส่ซิ่วเหยา เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้รังแกผู้อื่นเช่นนี้ ถึงนางจะเป็นอนุแต่ก็เป็นคนโปรดของข้า เจ้าอิจฉานางจึงรังแกนาง เพราะอยากให้ข้าปวดใจงั้นรึ กัวรั่วชิงในหัวของเจ้ามีแต่ความริษยาอยู่หรือไร ได้แต่งข้าเป็นสามีแล้วก็ยังไม่พอ ยังก่อเรื่องให้ปวดหัวไม่หยุดหย่อน อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะเรียกร้องความสนใจ” โจวจื่อหมิงเริ่มมีโทสะ น้ำเสียงของเขาดังขึ้นเล็กน้อย ทำให้เสียงก้องไปทั่วศาลบรรพชนที่ว่างเปล่า

‘เรียกร้องความสนใจงั้นรึ โจวจื่อหมิงเจ้ามันลาโง่ มีค่าให้ข้าใส่ใจหรือ’ กัวรั่วชิงได้ฟังก็ได้แต่สบถภายในใจ

ฉับพลันกัวรั่วชิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “อาละวาด? ท่านคิดว่าการที่ฮูหยินอย่างข้าตักเตือนอนุที่ไร้มารยาทเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ สร้างเรื่องให้ท่านปวดหัวงั้นรึ ชื่อจื่อ... หรือท่านคิดว่าข้าควรจะปล่อยให้นางมากล่าววาจาดูหมิ่นข้าที่เป็นสะใภ้ตระกูลโจวต่อหน้าบรรพชนคือสิ่งที่ถูกต้อง”

“นะ...นางก็แค่หวังดีมาเยี่ยม ในเมื่อเจ้าบอกว่าตัวเองเป็นฮูหยินผู้มีเกียรติ เหตุใดต้องข่มขู่นางถึงเพียงนั้น” โจวจื่อหมิงรู้สึกว่านางไม่ได้พูดผิดแม้แต่น้อย แต่ศักดิ์ศรีค้ำคอจึงไม่ยอมลดละ

“หวังดีประสงค์ร้ายมากกว่ากระมัง” กัวรั่วชิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หรือท่านคิดว่าอนุที่ควรจะสำรวมตน กลับมาแสดงความยินดีที่ฮูหยินอย่างข้าถูกลงโทษถึงที่ คือความหวังดีจริงๆ”

โจวจื่อหมิงเงียบไปชั่วครู่ ปกติแล้วนางจะก้มหน้ารับผิดแต่โดยดี เพราะกลัวเขาจะโกรธไม่สนใจนางไม่ใช่หรืออย่างไร ไม่คิดว่าครานี้กัวรั่วชิงจะโต้ตอบกลับด้วยเหตุผลที่ทำเอาคนเถียงไม่ออกแบบนี้ได้

“ถึงอย่างไร เจ้าก็ไม่ควรไปต่อปากต่อคำกับนาง”

“แล้วเหตุใดข้าต้องยอมให้อนุต่ำต้อยมาต่อปากต่อคำกับข้าด้วยเล่าเจ้าคะ” กัวรั่วชิงยังคงคุกเข่าอยู่ แต่สายตาของนางกลับมองขึ้นไปในดวงตาของเขาอย่างไม่หลบเลี่ยง “ชื่อจื่อ สถานะของข้าคือฮูหยินเอกของท่าน ย่อมมีศักดิ์และสิทธิ์เหนือกว่าอนุทั้งปวง หากข้าไม่รักษาสถานะของตนเอง ปล่อยให้นางเฮิมเกริมแล้วข้าจะปกครองเรือนหลังของท่านให้สงบสุขได้อย่างไรกัน ยกเว้นว่าท่านอยากได้ชื่อว่า หลงใหลอนุ รังแกภรรยาเอก”

โจวจื่อหมิงรู้สึกราวกับถูกตบหน้า เขามองกัวรั่วชิงด้วยความไม่พอใจ “เจ้าเปลี่ยนไป”

“ข้ามิได้เปลี่ยนไป เพียงแต่เรื่องใดที่ไม่ควรปล่อย ข้าก็จะไม่ปล่อย” กัวรั่วชิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ไม่ได้มีความสุขอยู่เลย “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับศักดิ์และสิทธิ์ของข้าและท่าน”

“...” โจวจื่อหมิงพูดไม่ออก

“หากไม่มีธุระอันใดแล้ว ก็ควรปล่อยให้ข้า ‘รับโทษ’ ที่ท่านต้องการให้ข้ารับอย่างสงบด้วย” นางยังคงคุกเข่าอยู่ แต่คำพูดของนางเหมือนเป็นการไล่เขาทางอ้อม

โจวจื่อหมิงยืนมองกัวรั่วชิงด้วยความโกรธและความสับสน ก่อนจะตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถทำให้นางหวาดกลัวได้เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เจ้าลุกขึ้น ไม่ต้องรับโทษแล้ว กลับไปที่เรือนของเจ้าเถิด”

เมื่อพูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกจากศาลบรรพชนไปด้วยความไม่พอใจ ปล่อยให้กัวรั่วชิงยิ้มเยาะอยู่ในใจกับชัยชนะเล็กๆ ในครั้งนี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่15 โจวจื่อหมิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? (1/2)

    ภายในห้องหนังสือที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่สง่างามของจวนจวงเซียงป๋อ โจวจื่อหมิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม มือเรียวยาวที่ถือพู่กันนิ่งสนิท ดวงตาเหม่อลอยคล้ายกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่รบกวนจิตใจเขามาตลอดทั้งวัน“ซื่อจื่อขอรับ” เสียงจากคนสนิทหน้าประตูทำให้เขากลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง“มีอะไร”“คนขับรถม้าที่พาฮูหยินไปข้างนอกวันนี้ มาขอพบขอรับ”“ให้เขาเข้ามา” โจวจื่อหมิงตอบโดยไม่ลังเล เขารู้ดีว่าหากคนขับรถม้ามาหาถึงที่เช่นนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญที่เขาต้องรับรู้พอเข้ามาด้านในคนขับรถม้าก็รีบโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “คารวะซื่อจื่อขอรับ”“ไม่ต้องมัวโอ้เอ้ รีบรายงานมา”“ขอรับ” คนขับรถม้ารับคำ แล้วรีบเล่าทุกอย่างที่ตนเองเห็นในวันนี้ “ฮูหยินไปที่ร้านเครื่องหอมตามปกติ แต่แทนที่จะรีบกลับจวน นางกลับสั่งให้ข้าไปส่งที่ร้านหอชมจันทร์ ข้าเห็นกับตาว่าแม่ทัพฉีหลิง รอนางอยู่ที่นั่นขอรับ”ดวงตาของโจวจื่อหมิงเบิกกว้างด้วยความไม่พอใจ ความจริงเขาไม่เคยสนใจว่ากัวรั่วชิงจะไปที่ใด แต่เขาสนใจว่ายามนี้นางถึงกลับกล้าไปกับชายอื่นที่ไม่ใช่เขา“ฮูหยินกับแม่ทัพฉีหลิงดูเหมือนจะสน

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่14 ข้าแค่เห็นดอกชิ่งกำลังยื่นออกนอกกำแพง

    ในขณะที่หวงเชียนเล่อออกไปข้างนอกอย่างเร่งรีบ กัวลี่ลี่สาวใช้คนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็รีบเข้ามาปรนนิบัติรินน้ำชาให้เจ้านาย“ฮูหยิน ท่านก็จิบน้ำชาสักนิดนะเจ้าคะ เดี๋ยวท่านแม่ทัพก็คงจะกลับมาในไม่ช้า” กัวลี่ลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกัวรั่วพยักหน้าพลางรับถ้วยชามา แล้วหันไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างสบายอารมณ์ “ดูสิ ลี่ลี่ ทำเลที่ตั้งของที่นี่ช่างดียิ่ง มองเห็นลำธารและภูเขา ยามเย็นก็จะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินอีกด้วย” “บ่าวก็ว่าสวยเจ้าค่ะ” กัวลี่ลี่ตอบรับในขณะแกะกางปลาใส่จานให้นายหญิงในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง ทว่าผู้มากลับไม่ใช่หวงเชียนเล่อ แต่เป็นหวังหลิง เหมยซิน รวมถึงหลินซูก็เดินเข้ามา ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด“หึ ไม่น่าเชื่อเลยว่าฮูหยินน้อยตระกูลโจวจะแอบนัดพบผู้ชายกลางวันแสกๆ” หวังหลิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความดูแคลน “ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าใบหน้าหน้าจิ้งจอกของเจ้ามียางอายอยู่บ้างหรือไม่”กัวรั่วชิงวางถ้วยชาในมือลงอย่างแผ่วเบา แล้วหันมามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าแววตาสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความหวาดห

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่13 ข้าแค่อยากเลี้ยงข้าวเจ้า

    หลังจากที่พันธมิตรของหวงเชียนเล่อและกัวรั่วชิงก่อตัวขึ้นแล้ว เพียงสามวัน เขาก็ได้ส่งสาส์นเชิญนางมาพบที่ร้านอาหาร 'หอชมจันทร์' ซึ่งเป็นร้านที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง ตัวร้านตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำที่กว้างใหญ่ สายน้ำทอประกายระยิบระยับรับแสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆ มีเรือน้อยใหญ่ล่องผ่านไปมาอย่างเนิบช้า ริมสองฝั่งน้ำมีต้นหลิวที่ทอดกิ่งก้านพลิ้วไหวตามสายลม เป็นภาพทิวทัศน์อันงดงามที่ทำให้รู้สึกสงบใจอย่างยิ่งในยามเซิน[1]ของวัน กัวรั่วชิงพร้อมกัวลี่ลี่มาถึงหอชมจันทร์ตามนัดหมาย นางในชุดสีชมพูกลีบบัวอ่อนที่ตัดเย็บอย่างประณีต แต่ยังคงความเรียบง่ายสง่างาม รถม้าของนางเพิ่งจะหยุดลงที่หน้าประตูร้าน และเมื่อนางก้าวลงมา หวงเชียนเล่อในชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มที่ดูสุขุมสง่างามก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้ว เขาผายมือเชื้อเชิญนางให้เดินเข้าไปในร้านด้วยสีหน้าอ่อนโยนที่พวกคุณหนูไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้หวังหลิงและเพื่อนๆ ซึ่งกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่บนโต๊ะริมหน้าต่างชั้นสองพากันกระซิบกระซาบด้วยความอิจฉาในความงามของนางและในท่าทางของเขา“สตรีผู้นั้นเป็นใครกัน” เหมยซินเอ่ยถามขึ้นและชี้ชวนให้สหายทั้งสองมอง “เหมือนว่านั่นจะเ

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่12 ความปรารถนาของหวงเชียนเล่อ

    ในที่สุดก็มาถึงวันที่กัวรั่วชิงนัดกับแม่ทัพฉีหลิงไว้ที่ร้านเครื่องหอมของนาง ภายในร้านจื่อชิงถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความสง่า มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรและดอกไม้อบอวลไปทั่ว เป็นสถานที่ที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวจนแทบไม่น่าเชื่อว่าตั้งอยู่ในย่านการค้าที่พลุกพล่านของเมืองหลวงกัวรั่วชิงในชุดสีฟ้าอ่อน ใบหน้าอันงดงามราวกับถูกสลักเสลามาอย่างประณีต ขนตางอนยาวทอดตัวเป็นเงาบนพวงแก้ม นางกำลังนั่งตรวจสมุดบัญชีอยู่ที่โต๊ะทำงานด้านหลัง ในขณะที่ลูกจ้างหญิงของร้านสองคนยืนจัดเครื่องหอมและเครื่องประทินผิวอยู่หน้าร้าน การที่นางเห็นตัวเลขในบัญชีมีแต่ผลกำไรทำให้ดวงตาหงส์ที่เคยหม่นหมองยามอยู่ในจวนของสามี บัดนี้กลับสุกใสมีประกายนางมีความสุขเสมอเมื่อได้มาตรวจตรากิจการ ที่นี่เปรียบเสมือนโลกส่วนตัว เป็นที่ที่นางสามารถเป็นตัวเองได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องสวมบทบาทภรรยาที่สามีคอยวางท่าห่างเหินเย็นชาให้ผู้อื่นนึกสงสารหรือหัวเราะเยาะนางเวลาที่เขามาหาเรื่องยามอู่[1]ของวันนั้น แม่ทัพฉีหลิงในชุดผ้าไหมสีเข้มที่ตัดเย็บอย่างประณีตก็มาถึงตามนัดหมาย ไม่มีการแห่แหนหรือผู้ติดตามใดๆ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เดินเข

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่11 นางเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใด

    ยามรุ่งสาง โจวจื่อหมิงตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ ภาพของกัวรั่วชิงในศาลบรรพชนยังคงติดอยู่ในหัวของเขา การโต้ตอบที่แข็งกร้าวของนางเมื่อวานนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกท้าทายตลอดเวลา หลังจากจัดการธุระยามเช้าเสร็จ เขาก็เดินทอดน่องไปตามทางเดินอันเงียบสงบ มุ่งหน้าไปยังเรือนของกัวรั่วชิงอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเดินมาถึงเรือนของนาง โจวจื่อหมิงไม่ได้ก้าวเข้าไปด้านใน เขาเดินไปยังทางเดินเชื่อมที่ทอดยาวเลียบสวน และเลือกที่จะหลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ ที่สามารถมองเห็นสวนด้านในได้อย่างชัดเจน ในใจนึกว่าตนเองจะได้เห็นภาพฮูหยินกำลังร้องไห้หรือเศร้าซึมอย่างที่ควรจะเป็นแต่ภาพที่โจวจื่อหมิงเห็นกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างรุนแรง กัวรั่วชิงในชุดสีชมพูอ่อนที่ดูสดใส กำลังนั่งจิบชาอยู่บนศาลา นางมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังออกมาอย่างร่าเริงขณะพูดคุยกับสาวใช้ โจวจื่อหมิงมองเห็นภาพที่นางยื่นมือไปเด็ดดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่ในสวนมาดมด้วยความเพลิดเพลิน ใบหน้าที่เคยบูดบึ้งของนางในความทรงจำของเขาถูกแทนที่ด้วยความสดใส และแววตาที่เคยหม่นหมองก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข“ฮูหยินเจ้า

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่10 เผชิญหน้ากับโจวจื่อหมิงอีกครั้ง

    โจวจื่อหมิงกำลังนั่งจิบชาและดูตำราพิชัยสงครามอยู่ในเรือนอย่างสงบ แต่แล้วประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง หลิวซิ่วเหยาในชุดที่ดูยับยู่ยี่เล็กน้อยวิ่งเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เปียกชื้นด้วยน้ำตา นางทำตัวน่าสงสารจนสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าห้องยังรู้สึกเห็นใจ“นายท่านเจ้าขา... ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วยนะเจ้าคะ” หลิวซิ่วเหยาเข้าไปเกาะแขนโจวจื่อหมิงไว้ด้วยความน่าสงสาร “ข้าแค่เป็นห่วงท่านที่ต้องเผชิญหน้ากับฮูหยินที่น่ากลัว... ข้าจึงไปเยี่ยมฮูหยินที่ศาลบรรพชน แต่กลับถูกดุด่าอย่างรุนแรง ทั้งฮูหยินและบ่าวรับใช้ของนางไม่ไว้หน้าข้าเลยเจ้าค่ะ”โจวจื่อหมิงขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ เขาปัดมือของหลิวซิ่วเหยาออกอย่างไม่ใยดี “ไปร้องไห้ที่อื่นเถอะ ข้ากำลังดูตำราอยู่”หลิวซิ่วเหยาเบะปาก ทำท่าจะร้องไห้หนักกว่าเดิม “แต่ฮูหยิน... ฮูหยินถึงขั้นขู่จะลงโทษข้าเจ้าค่ะ ทั้งๆ ที่ข้าเป็นคนโปรดของท่าน”โจวจื่อหมิงที่ได้ยินดังนั้นดวงตาก็พลันเย็นชาลง เขาแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมในใจ 'ช่างกล้าดียิ่งนัก... เจ้ากำลังเรียกร้องความตายจากข้า' เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วมองหลิวซิ่วเหยาด้วยสายตาที่เย็นชา “เจ้ากลับไปรอที่เรือนของเจ้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status