Home / รักโบราณ / พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก / บทที่9 การมาของอนุหลิว

Share

บทที่9 การมาของอนุหลิว

last update Last Updated: 2025-08-15 12:10:24

ในศาลบรรพชนยามวิกาล กัวรั่วชิงคุกเข่าอยู่หน้าแผ่นป้ายบรรพชนมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามแล้วท่ามกลางอากาศที่เย็นยะเยือก มีเพียงแสงสลัวจากเทียนไขที่ส่องสว่างอยู่ด้านข้าง กัวลี่ลี่ยืนเฝ้านายของตนอยู่ไม่ไกลด้วยแววตาเป็นห่วง นางจ้องมองแผ่นป้ายวิญญาณเบื้องหน้าด้วยแววตาที่สงบ ไม่มีแววตาของความรู้สึกผิดหรือความเจ็บปวดใดๆ

ไม่นานนัก ประตูศาลบรรพชนก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา หญิงสาวในอาภรณ์สีอ่อนสะท้อนแสงไฟ หลิวซิ่วเหยาเดินเข้ามาพร้อมสาวใช้ของนาง หลิวอิง นางถือตะเกียงในมือเดินตรงเข้ามาหานางเอกด้วยท่าทางที่ดูเป็นกังวล

“พี่สาวเจ้าขา... น้องสาว ได้ยินว่าท่านถูกซื่อจื่อลงโทษ จึงรีบมาดูว่าท่านเป็นอย่างไรบ้าง” หลิวซิ่วเหยากล่าวเสียงหวาน ทว่าแววตาของนางกลับมีความสะใจฉายออกมาอย่างชัดเจน

“ซื่อจื่อคงจะโกรธท่านมากจริงๆ ถึงได้ลงโทษท่านเช่นนี้”

กัวรั่วชิงไม่ได้ตอบอะไร นางยังคงคุกเข่าอย่างสงบ ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของหลิวซิ่วเหยาแม้แต่น้อย

“พี่สาว ท่านเป็นถึงฮูหยินซื่อจื่อ แต่กลับถูกลงโทษรุนแรงปานนี้... ถ้าผู้ใดรู้เข้า ท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ช่างน่าเวทนาจริงๆ”

กัวลี่ลี่ซึ่งยืนอยู่เงียบๆ ถึงกับทนไม่ไหวอีกต่อไป นางก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าวพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เจือด้วยความเคารพ แต่เต็มไปด้วยความนัย

“อนุหลิว หากท่านเป็นห่วงฮูหยินของเราจริง ท่านก็อยู่รับโทษเป็นเพื่อนเสียเลยสิ แล้วเรื่องที่ท่านบอกว่า 'ผู้ใดรู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด' นั้นคงไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ เพราะข้าจะช่วยป่าวประกาศให้ท่านเองว่าท่านเป็นอนุที่ดีตามมารับใช้ฮูหยินซื่อจื่อถึงที่นี่”

“แก! นังบ่าวชั้นต่ำ มีสิทธิ์อะไรมาสอดปาก” หลิวซิ่วเหยาตวาดเสียงแหลม ดวงตาเบิกกว้างด้วยความโกรธ

“แล้วอนุหลิวเล่า มีสิทธิ์อันใดมาก่อกวนฮูหยินถึงที่นี่ “กัวลี่ลี่พูดอย่างหนักแน่น “อีกอย่าง ถึงบ่าวจะเป็นแค่สาวใช้ แต่ก็มาจากจวนชิงผิงโหว มิหนำซ้ำยังเป็นคนของฮูหยินซื่อจื่อ เมื่อท่านที่เป็นเพียงอนุเสียมารยาทต่อฮูหยิน ข้าย่อมต้องเตือนความจำท่านสักหน่อย เพราะต่อให้ซื่อจื่อโปรดปรานท่านเพียงใด ผู้ที่เป็นอนุอย่างท่านก็ไม่มีสิทธิ์จะมากล่าววาจาล่วงเกินฮูหยินของเราได้”

เห็นดังนั้น หลิวซิ่วเหยาก็ยิ่งโกรธจัดจนตัวสั่นเทา นางมองกัวลี่ลี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพยาบาท ก่อนจะเอ่ยปากออกมาอย่างช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ “คอยดูเถอะ ข้าจะไปบอกซื่อจื่อให้มาจัดการเจ้า”

“บ่าวก็อยากรู้เหมือนกันว่าซื่อจื่อจะสั่งลงโทษบ่าว เพื่ออนุที่มาหาเรื่องฮูหยินของเขาหรือไม่” กัวลี่ลี่รู้ดีว่าคนอย่างโจวจื่อหมิงจะไม่ทำอะไรที่สามารถกลายเป็นข้อครหาทีหลังได้แน่นอน คนเห็นแก่หน้าตาเยี่ยงนั้นไม่มีทางยอมให้เกิดข่าวลือประเภท ‘ได้ใหม่ลืมเก่า’ หรือ ‘หลงอนุ ทิ้งภรรยาเด็ดขาด’ ต่อให้เขาไม่โปรดปราณฮูหยินของตนแค่ไหนก็ตาม

“เจ้า!” หลิวซิ่วเหยาตวัดสายตามองกัวลี่ลี่อีกครั้ง “จำไว้! สักวันข้าจะทำให้เจ้าได้รับผลจากากรที่บังอาจมาต่อปากต่อคำกับข้า” นางขู่คำรามด้วยเสียงต่ำ

“อนุหลิว... หากเจ้าคิดไม่ออกข้าก็ยินดีสั่งสอนสักครา” กัวรั่วชิงพลันส่งสายตาเยียบเย็น กับรอยยิ้มหยันจางไปให้สตรีน่ารำคาญที่มายืนโหวกเหวกโวยวานไม่เลิก “ฟ้าสูงเพียงใด เจ้าก็ไม่มีวันเอื้อมถึง หรือต่อให้เจ้าพยายามเหยียบย่ำข้าแค่ไหน เจ้าก็ไม่มีวันลอยขึ้นไปสู่ฟากฟ้าได้ เช่นเดียวกันกับข้าที่ไม่อาจร่วงหล่นลงสู่ผืนดิน ด้วยความจริงเหล่านี้ ข้าจึงไม่เคยลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้า”

“พี่สาว... มันจะเกิดไปแล้วนะ!” หลิวซิ่วเหยาโกรธจนตัวสั่น แต่ก็ทำอะไรกัวรั่วชิงไม่ได้ เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงธิดาท่านโหว แตกต่างจากตนเองที่เป็นเพียงบุตรสาวของขุนนางขั้นหกเล็กๆ ในกรมพิธีการ

“มัวเอะอะอะไรอยู่อีก รีบไสหัวไปได้แล้ว” กัวรัวชิงหรี่ตามอง น้ำเสียงแสดงอำนาจเต็มที่

หลิวซิ่วเหยาเพิ่งเคยเห็นกัวรั่วชิงโกรธ นางจำต้องถอย “นะ...น้องสาวคงต้องไปแล้ว ขอให้ท่านสำนึกผิดให้สำเร็จนะเจ้าคะ” พอกล่าวจบด้วยน้ำเสียงตะกุตะกัก นางหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหลิวอิงที่รีบเดินตามหลังไปติดๆ

เมื่อเสียงฝีเท้าของหลิวซิ่วเหยาเงียบไป กัวลี่ลี่ก็รีบทรุดตัวลงข้างนายของตนทันที “ฮูหยินเจ้าขา... ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ”

กัวรั่วชิงยังคงคุกเข่าอยู่อย่างนั้น แต่แววตาที่เคยว่างเปล่ากลับเริ่มมีประกายบางอย่างฉายออกมา นางไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเจ็บปวด แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด นางหันไปมองกัวลี่ลี่พลางยื่นมือไปแตะที่ไหล่ของสาวใช้

“ลี่ลี่ เจ้าพูดถูกแล้ว” น้ำเสียงของนางเรียบสงบ หากแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ต่อให้โจวจื่อหมิงไม่เห็นค่าในตัวข้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าอนุเช่นหลิวซิ่วเหยาจะมีสิทธิ์มาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของข้า”

ในคืนนั้น กัวรั่วชิงตระหนักได้ว่าการทนรอให้ถึงวันหย่าขาดเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว นางต้องลุกขึ้นต่อสู้และทวงคืนศักดิ์ศรีที่สูญเสียไปทั้งหมดคืนมาให้ได้ด้วย

“จากนี้ไป... ข้าจะไม่ยอมเป็นฮูหยินที่น่าเวทนาอีกแล้ว” เสียงของนางแผ่วเบา หากแต่เต็มไปด้วยพลังที่หนักแน่นราวกับคำปฏิญาณ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่21 วันนี้เปิ่นจวิ้นจู่ได้เห็นของดีเข้าแล้ว

    กัวรั่วชิงบอกความต้องการของตัวเองกับหวงเชียนเล่อซึ่งตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เขามองใบหน้างามสะคราญ พลางคิดถึงคำนินทาว่าคนตรงหน้าว่าเป็นสตรีร้ายกาจมากแผนการ ก็ให้นึกขันในใจ บางทีข่าวลืออาจจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้ เพราะยามนี้กัวรัวชิงในแบบที่พวกนั้นต้องการเห็นได้ตื่นขึ้นแล้ว และเขายินดีจะเป็นเครื่องมือให้นาง เพื่อแผ่วทางอุปสรรคทั้งหลาย และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมเขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังความรู้สึกที่มีต่อนางอีกต่อไปเมื่อการสนทนาจบลง หวงเชียนเล่อก็ยื่นป้ายทองคำสลักลายพยัคฆ์ให้กัวรั่วชิงพร้อมเอ่ยว่า “พกไว้อย่าให้ห่างกาย หากเกิดปัญหากับเจ้าที่ใด ก็ให้ใช้สิ่งนี้”“ข้าจะเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีเจ้าค่ะ” กัวรั่วชิงรับป้ายหยกมา โดยไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของมัน รู้แต่เพียงว่านี่คือหยกพกของสตรีมิใช่บุรุษ“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน นางกำนัลที่ไปเอาเสื้อให้เจ้าที่รถม้าคงใกล้กลับมาถึงแล้ว” หวงเชียนเล่อกล่าวลาแล้วเปิดประตูออกไป แต่ก็ต้องชะงักด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นจ้าวกุ้ยอินที่ยืนอยู่หน้าประตูเรือนรับรอง “ท่านหญิงกุ้ยอิน!”“อะไรนะ ท่านเรียกนางทำไม” กัวรั่วชิงที่อยู่ด้านในพลันเดินออกมา ก็เห็นสตรีสูง

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่20 งานเลี้ยงของเต๋อเฟยเริ่มแล้ว

    เหยาหลิงเจินซึ่งอยู่ข้างๆ สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดรอบกายกัวรั่วชิงจึงจับแขนนางไว้แน่น แล้วเขย่าแรงๆ "ชิงชิง ทำไมเงียบไป พี่สาวตกใจแล้วนะ"กัวรั่วชิงจึงได้สติกลับคืนมา นางสูดหายใจลึกๆ แล้วหันกลับมามองเหยาหลิงเจินที่อยู่ในอาการตกใจไม่แพ้กัน“ข้า... ข้าไม่เป็นไร”“แต่หน้าตาเจ้าน่ากลัวมากเลย” เหยาหลิงเจินดูหวาดๆ มองกัวรั่วชิงอย่างไม่ไว้ใจ“ข้าทำเจ้าตกใจสินะ ขอโทษๆ” กัวรั่วชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วจูงมือสหายไปห้องน้ำ “ตอนนี้เรารีบไปเถอะ อีกเดี๋ยวงานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว”เมื่อทั้งสองเดินออกมาจากจุดนั้นไปจนถึงที่หมาย จู่ๆ เหยาหลิงเจินก็เอ่ยถามคล้ายกับเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมา “เจ้าจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ ให้พี่สาวช่วยไหม”ชั่ววินาทีนั้นกัวรั่วชิงพลันคิดว่าเหยาหลิงเจินไม่เหมือนคนปัญญาอ่อนสักนิดเลย แต่ก็ยอมเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ แล้วตอบคำถาม “ไว้ข้าแน่ใจแล้วจะเล่าให้ฟังนะ”เหยาหลิงเจินส่งยิ้มโง่ๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปใช้เวลาไม่นานนักหญิงสาวทั้งสองก็เดินกลับมายังที่นั่งของตนในงานเลี้ยงอีกครั้งในขณะนั้นเอง ฮ่องเต้และเต๋อเฟยก็เสด็จมาพอดี ทำให้แขกเหรื่อต่างก็ลุกขึ้นยืนแล้วทำความเคารพ แล้วฮ่องเต้จึงทรงกล่าว

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่19 ที่แท้ท่านก็เป็นนางงูพิษ

    อีกด้านหนึ่ง ในขณะที่กัวรั่วชิงปลีกตัวจากโจวจื่อหมิงมาได้ และกำลังมองหาเหยาหลิงเจินอยู่นั้น ก็บังเอิญได้พบกับฉินหวางเฟยซึ่งกำลังเดินสนทนาอยู่กับคุณหนูถางซือเซียน และหลี่จื่อเหยาฮูหยินของคหบดีที่มั่งคั่งแห่งแคว้นอยู่พอดี“คารวะฉินหวางเฟย” กัวรั่วชิงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสง่างาม “คุณหนูถาง หลี่ฮูหยิน”“ไม่ต้องมากพิธี” เยี่ยนเยว่ฉีเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ได้พบกันไม่เท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ฮูหยินจะได้รับความสนใจจากผู้คนในงานไม่น้อยเลยนะ”“หวังเฟยกำลังกล่าวถึงอะไรอยู่หรือ” กัวรั่วชิงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ“ก็ซื่อจื่อจวงเซียงป๋อของเจ้าอย่างไรเล่า” ฉินหวางเฟยพูดพร้อมกับชี้ไปที่โจวจื่อหมิง “เขาดูเอาใจใส่และหวงแหนเจ้าเป็นพิเศษเลยในวันนี้”กัวรั่วชิงไม่ได้ตอบอะไร แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ นางเองก็ตกใจที่โจวจื่อหมิงปฏิบัติกับตนเองดีขึ้นจนผิดหูผิดตา ขนาดในรถม้ายังพยายามเข้ามานั่งใกล้จนนางต้องแสร้งบ่นว่าร้อน เขาถึงได้ขยับถอยไป คงเป็นเพราะเขากำลังคิดแผนให้นางใจอ่อนแล้วยอมตกเป็นของเขาแน่ๆ แต่ฝันไปเถอะ!ในจังหวะที่บทสนทนาของสตรีทั้งสี่กำลังดำเนินไป กัวรั่วชิงก็เหลือบไปเห็นเหยา

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่18 กัวจิ้งอีโดนดี

    หลายทิวาราตรีผ่านไป ในที่สุดก็ถึงงานเลี้ยงชมสวนของเต๋อเฟย เสียงเครื่องดนตรีดังประสานกันอย่างไพเราะราวกับกำลังขับกล่อมเหล่าเซียนในสรวงสวรรค์ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของบุปผาและเครื่องหอมราคาแพง ภายในพระราชวังชั้นในที่ประดับประดาอย่างหรูหราสมฐานะของ เต๋อเฟย หวงซูเยี่ยน หนึ่งในสี่อัครชายาของฮ่องเต้ เหล่าขุนนางและสตรีชั้นสูงต่างก็มาร่วมงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้กัวรั่วชิงก้าวเข้ามาในงานในชุดกระโปรงผ้าไหมสีฟ้าอ่อนปักลายดอกโบตั๋นสีขาวอย่างประณีต แขนเสื้อโปร่งแสงเผยให้เห็นผิวขาวเนียน และรอบเอวคอดถูกรัดด้วยเข็มขัดผ้าแพรสีเดียวกันที่ปักลายอย่างงดงาม ผมยาวสลวยของนางถูกเกล้าขึ้นประดับด้วยปิ่นทองสลักลายหงส์ที่หวงเชียนเล่อมอบให้ แสงจากโคมไฟสะท้อนบนพื้นผิวของปิ่นทำให้มันเปล่งประกายเจิดจ้า นางเดินเคียงข้างมากับโจวจื่อหมิงพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่สายตาของนางกลับเรียบสนิทและเต็มไปด้วยความระแวดระวัง ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปของสามีที่วันนี้ดูจะใส่ใจนางเกินเหตุในทันทีที่ทั้งคู่ปรากฏตัว สายตาและเสียงซุบซิบนินทาก็ดังขึ้นอย่างหนาหู แม้โจวจื่อหมิงจะยังคงมีท่าทีเย็นชา แต่เขากลับกุมมือนางไว้

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่17 ท่านแม่ทัพได้โปรดช่วยฮูหยินของบ่าวด้วย

    หลังจากโจวจื่อหมิงจากไปแล้ว กัวรั่วชิงยังคงนั่งอยู่ที่พื้นห้องด้วยความรู้สึกที่ปะปนกันไป น้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งบ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่นางได้รับจากคำพูดและการกระทำของเขา แต่ในขณะเดียวกัน จิตใจที่เคยหวาดหวั่นก็ถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว เพราะยามนี้นางตระหนักได้แล้วว่าโจวจื่อหมิงที่ไร้ซึ่งความสนใจในตัวนางมาตลอดได้เปลี่ยนไปแล้วกัวรั่วชิง เงยหน้าขึ้นมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกทองเหลืองที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ใบหน้าที่ซีดเซียว ดวงตาที่บวมช้ำ และรอยแดงบนลำคอที่เกิดจากแรงกดของปิ่นหยกทำให้หัวใจของนางปวดร้าว นางไม่อาจปล่อยให้เรื่องราวเลวร้ายในคืนนี้เกิดขึ้นอีกได้ นางต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไปจากที่นี่ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปเสียงกรีดร้องของกัวรั่วชิงที่กัวลี่ลี่ได้ยินนั้นยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของนางอยู่เลย “ฮูหยินเจ้าคะ ชื่อจื่อ... ซื่อจื่อเขาทำอะไรกับท่าน” นางตะโกนเสียงหลงขณะพุ่งตัวเข้ามาประคองกัวรั่วชิงด้วยน้ำตาที่ไหลริน และยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเมื่อเห็นแผลที่คอนายหญิงกัวรั่วชิงสะบัดหน้าหนี “เจ้าไม่ต้องร้องไห้ ข้าไม่เป็นอะไร เขายัง... ทำไม่สำเร็จ” นางพูดด้วยเสียงที่

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่16 โจวจื่อหมิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?  (2/2)

    “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเรื่องพวกนี้หรือ! ใบสั่งซื้อก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ ถ้าเจ้าวางตัวดีมีหรือที่ใครจะกล่าวหา ต้องเป็นเพราะเจ้าเอาแต่ยั่วยวนหวงเชียนเล่อตลอดเวลาจนผู้อื่นทนมองไม่ไหว ต้องมาตักเตือนเจ้าให้ไว้หน้าสามีอย่างข้า เจ้า...เจ้าทำให้ข้าต้องอับอายขายหน้า แต่กลับไม่สำนึก!” เขาไม่สนใจเหตุผล“ข้าไม่จำเป็นต้องให้ค่าคำพูดเหลวไหลเหล่านั้น ข้าไม่ใช่ดอกชิ่งนอกกำแพง ยิ่งไม่ได้ทำสิ่งใดให้ท่านต้องมัวหมองอับอาย แล้วเหตุใดต้องสำนึก” กัวรั่วชิงเถียงกลับอย่างเหลืออด“เจ้ากล้าต่อปากต่อคำกับข้า เพราะคิดว่ามีหวงเชียนเล่อให้ท้ายเจ้าอยู่ใช่หรือไม่”“เกี่ยวอะไรกับท่านแม่ทัพ ข้ากับเขาเป็นเพียงสหายกัน”“สหายงั้นรึ ข้าเพิ่งรู้ว่าพวกเจ้าสองคนสนิทสนมกันจนเรียกว่าสหายได้ด้วย เจ้าไปรู้จักมักจี่กันตอนไหน ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้กัวรั่วชิง” โจวจื่อหมิงสาวเท้าเข้ามาใกล้นาง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “ดูท่าเจ้าไม่รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ตัวเองเป็นของใคร ข้าจะทำให้เจ้ารู้ซึ้งเอง”โจวจื่อหมิงกระชากกัวรั่วชิงขึ้นจากเก้าอี้แล้วลากนางเข้าไปในห้องนอนทันที กัวรั่วชิงตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ใบหน้าท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status