LOGINเมื่อประตูห้องถูกปิดลงก็ทำให้เกิดความเงียบและบรรยากาศชวนอึดอัดขึ้นมา ถึงจะใช้เวลานานประมาณสองเดือนกว่าในการเตรียมงานแต่ง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าคนรู้จักกันธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
เพียงพราวยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อชายหนุ่มยังคงจับมือเธอเอาไว้แบบนั้น ถึงจะเรียนที่ต่างประเทศมาหลายปีแต่เธอก็ไม่เคยที่จะไปค้างคืนห้องเดียวกันกับใครแบบนี้มาก่อนเลย จากความรู้สึกเฉยๆ ในตอนแรกจึงเกิดเป็นความประหม่าขึ้นมา เมื่อนึกถึงในช่วงเวลาที่ต้องเข้านอนด้วยกัน แต่บางทีเขาอาจจะไม่ได้นอนด้วยกันกับเธอก็ได้...เพียงพราวคิดแบบนั้นเพื่อให้กำลังใจตัวเอง หรือถ้าติณณภพเกิดไม่สนใจอะไรขึ้นมาจริงๆ ถ้าแบบนั้นเธอเองก็จะขอไปนอนที่โซฟาแทนก็แล้วกัน!
“ที่นี่มีห้องอาบน้ำห้องเดียว เธอจะอาบก่อนหรืออาบทีหลัง แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องสำคัญกัน” ติณณภพปล่อยมือออกจากการเกาะกุม แววตาที่เคยอ่อนโยนในตอนแรกกลับมาเป็นนิ่งเรียบอีกครั้ง เขาขยับเนคไทของตัวเองเล็กน้อยด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่าวันนี้มันทั้งเหนื่อยและน่าเบื่อมากขนาดไหน
“คุณอาบก่อนก็ได้ค่ะ...”
ติณณภพพยักหน้ารับอย่างไม่ปฏิเสธแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ทำให้เพียงพราวได้มีเวลาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ใจจริงของเธออยากจะเดินออกจากห้องไปตั้งแต่ในตอนนี้เพื่อไปหาโรงแรมนอนที่อื่น ทว่าก็กลัวว่าความพยายามทุกอย่างจะพังลงไม่เป็นท่าเมื่อทุกคนได้รับรู้ว่าเธอกับติณณภพไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนแรก
ชายกระโปรงของชุดเจ้าสาวตัวยาวค่อยๆ เคลื่อนไปสำรวจรอบห้องด้วยความระมัดระวัง ดูจากสไตล์ของที่ตกแต่งแล้วห้องนี้คงจะเป็นห้องนอนของติณณภพที่ใช้อยู่เป็นประจำ เพียงแต่ตอนนี้กลับมีของใช้ส่วนตัวของเธอแทรกเข้ามา ที่บ่งบอกว่าการแต่งงานของทั้งคู่ได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
“ไหนล่ะผลงานของเธอ” เพียงแค่ก้าวขาออกมาจากห้องแต่งตัวเสียงเข้มก็เอ่ยถามถึงเรื่องของเขาทันที เพียงพราวลอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงยังโซฟาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับติณณภพเพื่อเจรจาเรื่องสำคัญ
“ฉันหวังว่าเธอจะทำให้คุ้มค่ากับสินสอดของฉันนะ”
“ตอนแรกคุณกรจะปล่อยให้เช่าแทนค่ะ แต่คุณบอกว่าต้องการที่จะซื้อขาด ฉันเลยสามารถต่อรองมาได้แค่ครึ่งหนึ่งของที่ดินทั้งหมด เพราะที่ดินตรงนั้นมีส่วนที่เป็นมรดกจากรุ่นทวดของเขาด้วย ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางขายต่อเด็ดขาด”
“แล้วเรื่องราคา?” ติณณภพนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อใช้ความคิด ถึงจะไม่ได้ที่ดินมาทั้งหมดแบบที่ต้องการ แต่มันก็ดีกว่าที่จะไม่ได้อะไรเลยแบบในตอนแรก อย่างน้อยเขาก็ยังใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ได้มาได้
“คุณกรบอกว่าให้คุณไปคุยกับเขาเองค่ะในตอนที่เขากลับไทยแล้ว เพราะถ้าไปคุยกับคุณปู่ของเขาแบบครั้งก่อน ๆ ยังไงคุณก็ไม่มีทางได้ในสิ่งที่ต้องการ...ส่วนนี่นามบัตรที่ฉันได้มาค่ะ เพื่อนของฉันช่วยพูดให้แต่ถึงยังไงก็ดูเหมือนคุณต้องแลกกับอะไรบางอย่างที่มากกว่าเงินอยู่ดี”
“แค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องราคาและข้อตกลงฉันจะไปคุยกับเขาเอง” เพียงพราวพยักหน้ารับกับคำตอบของติณณภพ เป็นอันว่าหน้าที่ของเธอในการทำให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการนั้นจบลงแล้ว แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็คือเรื่องของคืนนี้ที่ว่าภายในห้องมีแค่เตียงอยู่เตียงเดียว แต่เธอกับเขาอยู่กันสองคน...
ติณณภพหยิบโทรศัพท์มือถือข้างกายขึ้นมากดเข้าแอพพลิเคชันหนึ่งเพื่อส่งบอกกับเลขาของเขาในการเตรียมตัวเจรจาต่อรองซื้อที่ดินก่อนที่สายตาคมจะเหลือบขึ้นมาสบตากับหญิงสาวที่นั่งจ้องเขาอยู่ราวกับมีบางอย่างภายในใจ
“มีอะไร?” คิ้วเข้มเลิกคิ้วขึ้นถาม
“คืนนี้..เราจะนอนกันยังไงคะ” มุมปากหนากระตุกยิ้มขึ้นราวกับเจอเรื่องขบขัน เขายกแขนขึ้นมาพาดบนพนักโซฟาแล้วเอนกายลงเล็กน้อยด้วยท่าทีสบาย ๆ ต่างจากเพียงพราวที่เริ่มรู้สึกระแวงจากการไม่สามารถคาดเดาอะไรคนตรงหน้าได้เลย
“เธอคงไม่คิดว่าเราจะแยกห้องกันนอนแบบในละครหรอกใช่ไหม?”
“...เพราะถ้าอยากจะเล่นบทสามีภรรยาให้แนบเนียนเราก็ต้องนอนห้องเดียวกัน”
“ฉันก็พอจะเข้าใจเรื่องนั้นค่ะ แต่ว่า...”
“ที่นี่มีเตียงเดียว และฉันจะไม่นอนที่อื่นนอกจากบนเตียงเด็ดขาด ส่วนเธอก็หวังว่าจะไม่เล่นบทคนน่าสงสาหรอกนะ เพราะแบบนั้นมันก็จะดูตลกเกินไปเหมือนกัน”
“งั้นคุณจะให้ฉันนอนบนเตียงเหรอคะ?” เกิดมาเธอยังไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายคนไหนเลย ถึงจะรู้ว่าติณณภพไม่ได้พิศวาสตัวเอง แต่มันก็อดที่จะรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้อยู่ดี
“ฉันจะนั่งทำงานถึงตีหนึ่ง ถ้าเธอนอนหลับก่อนเธอจะไม่ต้องกังวลหรือเห็นอะไรที่ทำให้ฟุ้งซ่าน” เพียงพราวเม้มปากเข้าหากันอย่างชั่งใจเมื่อคนตรงหน้าลุกออกไปแล้ว ดวงตาเหนื่อยอ่อนมองโซฟาที่ดูจะขนาดเล็กกว่าร่างกายเธอเล็กน้อยด้วยความลังเล...หากเหนื่อยมากๆ แบบวันนี้ก็คงจะหลับได้ไม่ยากใช่หรือไม่?
“หรือจะนอนบนโซฟาดี...” แต่จะให้ติณณภพนอนบนเตียงนุ่มๆ อย่างสุขสบายแล้วผู้หญิงอย่างเธอมานอนบนโซฟาเนี่ยนะ! และเพียงพราวเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะพรุ่งนี้เธอก็ต้องไปทำงานด้วยเหมือนกัน จะให้มานั่งเฝ้าเขาตลอดทั้งคืนอย่างนั้นหรือไง? ถ้าจะอันตรายก็คงอันตรายเหมือนกันหมดทั้งบนเตียงและบนโซฟานั่นแหละ เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างอรชรจึงลุกขึ้นแล้ววิ่งไปยังที่นอนของตนเองโดยไม่ลืมที่จะหยิบเครื่องมือสื่อสารติดมือไปด้วย เผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นเธอจะได้ตามคนมาช่วยได้ทัน
มือเรียวปัดกลีบดอกกุหลาบสีแดงสดออกจากบนผ้าห่มโดยไม่ได้ถามไถ่ผู้เป็นเจ้าของห้อง ก่อนจะหยิบหมอนข้างในตู้มาวางไว้ตรงกลางอย่างเสร็จสรรพเป็นการแบ่งเขตชัดเจน จากนั้นจึงแทรกตัวลงในผ้าห่มผืนหนาที่ปกปิดไปจนถึงลำคอระหง
กลิ่นหอมอ่อนๆ บนเครื่องนอนช่วยให้คนที่เหนื่อยล้าสะสมพล็อยหลับไปได้ไม่ยาก ไม่นานเจ้าสาวป้ายแดงก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด
ครืด ครืด...
แรงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้ติณณภพต้องละสายตาจากตัวหนังสือมากมายตรงหน้า เขาเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะเห็นว่าบนหน้าจอปรากฏเป็นชื่อของ“แพรไหม” จึงกดรับสายโดยที่ไม่พูดอะไร
(คุณติณ...แพรคิดถึงคุณ..คุณมาหาแพรได้ไหมคะ)
เสียงสะอื้นไห้จนฟังแทบไม่ได้ศัพท์เป็นสิ่งแรกที่ติณณภพได้ยิน และดูเหมือนว่าตอนนี้แพรไหมเองก็กำลังอยู่ในอาการที่ไม่มีสติอยู่ด้วยเท่าไรนัก
“อยู่ที่ไหน?”
(แพร..อึก..แพรมาดื่มที่ผับใกล้คอนโดค่ะ เพราะคุณติณบอกว่าให้แพรอยู่เงียบๆ)
“กลับห้องได้แล้ว หรือถ้ากลับเองไม่ไหวฉันจะให้คนไปรับ”
(คุณติณมาหาแพรไม่ได้เหรอคะ? คืนนี้แพรอยากนอนกอดคุณ)
เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอมั่นใจได้ว่าติณณภพเลือกเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่น
“เหมือนเธอจะลืมไปนะว่าวันนี้ฉันแต่งงาน”
“กลับห้องไปซะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปหา” ติณณภพไม่ปล่อยให้บทสนทนายืดยาวไปมากกว่านั้น เขากดวางสายจากแพรไหมแล้วส่งข้อความไปบอกผู้ช่วยของตัวเองทันทีว่าให้ไปรับหญิงสาวกลับมาที่ห้องคอนโดที่เขาซื้อไว้
เมื่อรอจนมั่นใจว่าลูกน้องคนสนิทได้ไปรับแพรไหมกลับมาส่งถึงที่ห้องแล้ว ติณณภพจึงเดินออกมาเพื่อดูสมาชิกคนใหม่ของบ้านในช่วงเวลาตีหนึ่ง สายตาของเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาถึงแม้จะเห็นว่าเพียงพราวได้หลับไปแล้ว แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะปิดไฟด้านในห้องนอนและเดินกลับเข้าไปที่ห้องทำงานของตัวเองต่ออีกครั้งจนถึงเช้า
ฝากกดติดตามนามปากกา และนิยายเรื่องอื่นๆ ของไรค์ด้วยนะคะ รับรองว่าสนุกไม่แพ้นกันแน่นอนนน
สองปีต่อมา (บ้านพัชรเทพพิพัฒน์) “ตายจริง น่ารักจังเลยหลานย่า ดูสิปากนิดจมูกหน่อยแถมตายังโตเหมือนแม่อีก ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้นะ” อาภัสราที่ตอนนี้กลายเป็นคุณย่าอย่างเต็มตัวเอ่ยชมหลานสาวคนแรกอย่างไม่หยุดปากระหว่างที่กำลังเลือกชุดที่เข้าเซ็ตให้กับ “เพียงขวัญ” ไปด้วย ตั้งแต่ที่รู้ว่ากำลังมีหลานคนแรกจนถึงตอนนี้เธอก็เห่อหลานของตัวเองไม่หยุด จนไม่ว่าจะทำอะไรตอนนี้ต่างมีแค่เด็กหญิงเพียงขวัญเท่านั้นที่เธอจะนึกถึงเพียงขวัญ...ที่แปลว่าของขวัญที่ล้ำค่าสำหรับพ่อและแม่“ยา~”“ขาว่ายังไงลูก ชอบหมวกสีนี้เหรอคะ?” คนเป็นย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดีเมื่อหลานรักตอบเสียงใสกลับมา ขณะที่ภูวนาถได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยกับความเห่อหลานของภรรยา“เก็บของตัวเองเสร็จหรือยังถึงได้มาวอแวกับหลานอยู่น่ะ” ชายมากวัยอดไม่ได้ที่จะกระแนะกระแหนภรรยาของตัวเอง เพราะวันนี้ทั้งครอบครัววางแผนกันว่าจะพาเพียงขวัญไปทะเลครั้งแรกรวมถึงไปพักผ่อนช่วงวันหยุดของครอบครัวด้วยกัน แต่อาภัสรานี่สิ! ห่วงแต่มาเล่นกับหลานจนเขาต้องเป็นคนจัดกระเป๋าให้เธอ แถมยังไปขโมยลูกของลูกชายและลูกสะใภ้มาที่ชั้นล่างก่อนอีก“ก็ลูกชายกับลูกสะใภ้ของเรากำลังจัดขอ
สองเดือนต่อมา“ทำไมหน้าบวมแบบนี้เนี่ย” เพียงพราวมุ่ยหน้าตอนที่กำลังส่องกระจกและเห็นว่าใบหน้าของตัวเองเริ่มมีการเปลี่ยนไป ช่วงหลังมานี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารที่อาภัสราพยายามทำให้เธอกินทุกวันหรือว่าการที่ติณณภพดูแลเธอดีมากเป็นพิเศษเลยทำให้หญิงสาวดูมีน้ำมีนวลมากกว่าเดิมหลังจากวันนั้นเพียงพราวก็ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของแพรไหมอยู่ตลอดเพื่อคอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับเธอและลูกที่อยู่ในท้อง หญิงสาวไม่ได้ตามไปหาหรือพยายามพูดคุยให้อีกฝ่ายรู้สึกรำคาญใจ แต่เพียงพราวแค่คอยทำหน้าที่ในส่วนของเธอเงียบๆ เช่น การดูแลความปลอดภัยต่างๆ หากแพรไหมต้องอยู่บ้านคนเดียว หรือการให้แพทย์ที่ดีที่สุดในการดูแลเธอกับลูกซึ่งแพรไหมที่รู้ว่าทุกอย่างมาจากอำนาจของติณณภพที่มีเพียงพราวเป็นคนอยู่เบื้องหลัง เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีแบบเมื่อก่อน เพราะทุกอย่างที่เพียงพราวทำให้ล้วนจำเป็นต่อเธอและลูกในท้องทั้งหมด จึงทำให้นานวันแพรไหมเริ่มยอมให้เพียงพราวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดก็มีส่วนมาจากเจษที่เป็น ‘คนรัก’ ของแพรไหมในตอนนี้ที่คอยเป็นคนกลางให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันเจษได้เป็นคนมาดูแลแพรไหม
หลายวันต่อมา“เดินไหวไหม?” ติณณภพประคองภรรยาสาวขณะที่เธอกำลังเดินเข้าไปในซอยแคบของหมู่บ้านที่ติดทะเลแห่งหนึ่งที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งทันทีที่กลับมาถึงกรุงเทพ เพียงพราวก็ได้ให้คนของเขาสืบข้อมูลเกี่ยวกับแพรไหมในตอนนี้ทันทีว่าเธอมีความเป็นอยู่อย่างไร รวมถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นกับเธอก่อนที่ทั้งคู่จะมาที่จังหวัดนี้เพื่อมาพบกับหญิงสาว“ไม่ต้องมาทำดีกับพราวเลยค่ะ เฮียทำทุกวันเช้าเย็นแบบนี้จะให้พราวเดินปกติได้ยังไง ขนาดพราวพยายามอ้อนวอนแล้วยังฉุดพราวเข้าไปทำในห้องน้ำเลย”ติณณภพหัวเราะให้กับคำพูดน่าสงสารที่เพียงพราวพูดออกมา ท่าทีของเธอตอนนี้คล้ายกับกำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองอยู่ที่ถูกเขาเอาเปรียบทุกวัน“ก็พราวตกลงกับเฮียเองว่าเราจะมีลูกด้วยกัน เพราะฉะนั้นเฮียก็ต้องเป็นคนทำสิ”“แต่ทำแบบนี้มันเอาเปรียบพราวนะคะ!”สองสามีภรรยาเดินเถียงกันมาตลอดทางตามประสาโดยมีติณณภพที่คอยจับมือกับเพียงพราวไม่ห่าง ก่อนทั้งคู่จะมาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านไม้แห่งหนึ่ง เธอรู้ดีว่าแพรไหมเป็นคนที่มีฐานะปานกลางและไม่ได้ยากจนเท่าไรนักซึ่งทุกอย่างที่ทำให้หญิงสาวมีวันนี้ได้ก็มาจากเงินและสิ่งของที่ติณณภพมอบใ
“อยากให้พราวขึ้นให้เหรอ?” เพียงพราวลูบที่ใบหน้าหล่อในตอนที่ติณณภพนั่งลงบนโซฟาโดยมีเธอนั่งทับแก่นกายใหญ่อยู่ด้านบน ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรแต่เขาเลือกที่จะขยับใบหน้าเข้ามาแนบริมฝีปากอีกครั้ง ขณะที่มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามเอวคอดก่อนจะบังคับให้ร่างบางขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ“อาา...ร้อนแรงจังเลยนะ” ติณณภพยอมผละริมฝีปากออกมาเมื่อคนที่นั่งอยู่เริ่มเร่งจังหวะหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เพียงพราวใช้มือดันไปที่แผงอกแกร่งแล้วหมุนควงสะโพกไปด้วย เขาปล่อยให้เธอเป็นคนคุมเกมเองในรอบนี้ และดูเหมือนว่าเพียงพราวเองจะทำได้ดีเป็นอย่างมาก“อีกหน่อยลูกคงมาแย่งเฮียแล้วสินะ” ฝ่ามือหยาบกอบกุมเต้าใหญ่ที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการเคลื่อนไหวก่อนจะครอบริมฝีปากลงไปฉกชิมปลายถันอีกครั้ง“ยังไม่ทันมีลูกก็น้อยใจแล้วเหรอคะ” เพียงพราวไม่ได้ถือสาคนหื่นที่ฉวยโอกาสสัมผัสเธออย่างลึกซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวยังคงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจของตัวเอง เช่นเดียวกับเธอที่ขณะนี้ยังคงปรนเปรอว่าที่พ่อของลูกให้มีความสุขเช่นเดียวกันเพียงพราวจัดการผลักร่างกำยำให้ลงไปนอนราบกับโซฟาจากนั้นจึงควบคุมเกมรักครั้งนี้ด้วยตัวเอง ก่อนหญิงสาวจะเชิ
“เฮียชอบนะเวลาที่พราวเรียกชื่อเฮียเวลาเสร็จ” คนหื่นยอมผละริมฝีปากออกหลังจากตักตวงน้ำหวานของภรรยาสาวจนหมด สายตาที่เขามองเธอเต็มไปด้วยความรักและความเสน่หาจนเพียงพราวรู้สึกวูบวาบไปทั่วทั้งเรือนร่าง ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าติณณภพกำลังกลั่นแกล้งเธออยู่แต่เพียงพราวก็ไม่สามารถที่จะห้ามหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองได้เลย ทั้งคำพูดและการกระทำของเขาล้วนมีผลต่อหัวใจดวงน้อยเป็นอย่างมาก“หยุดแกล้งพราวได้แล้วค่ะ”“ไม่ได้แกล้งแต่ชอบจริงๆ”“วันนี้สดนะ จะทำลูกสาว”“มั่นใจเหรอคะว่าจะได้?”“ก็พ่อกับแม่ตั้งใจขนาดนี้ ยังไงลูกก็คงไม่ใจร้ายกับเราหรอก”เพียงพราวมองท่าทางจริงจังของติณณภพด้วยความเอ็นดู เธอยกมือขึ้นมาลูบหัวของชายหนุ่มเบาๆ ในจังหวะที่เขาโน้มใบหน้าลงมาหยอกเย้ากับหน้าอกใหญ่ ยอดปทุมถันถูกขบเม้มสลับกับดูดดุนจนคนโดนกระทำเบ้หน้าในบางจังหวะทว่ามันกลับปลุกเร้าอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดี“อึก...อย่าดูดแรงค่ะ”“อืม~” ติณณภพไม่ได้สนใจคำห้ามปรามของคนด้านบน เขายังคงหยอกล้อกับร่างกายสาวตามอารมณ์ดิบของตัวเอง ยังไงคืนนี้เขาก็ต้องเต็มที่ที่สุด! เพื่อให้ได้ในสิ่งที่หวังไว้“อ๊าาาา...ค่อยๆ ดันเข้ามานะคะ...อึก...อื้อ!” นิ้วเรี
ติณณภพวางตัวของเพียงพราวลงบนพื้นด้วยความแผ่วเบาเมื่อเข้ามาที่ด้านในแล้ว ก่อนจะดันร่างของหญิงสาวให้แนบชิดกับผนังโดยที่ริมฝีปากยังคงบดขยี้กันอย่างดูดดื่มฝ่ามือใหญ่ลูบไปตามเรือนร่างของเธอด้วยความหลงใหลก่อนที่ชุดนอนสายเดี่ยวจะถูกกระตุกให้ร่วงลงกับพื้นอย่างง่ายดาย“เฮีย! ทำไมต้องกระชากด้วย สายมันขาดหมดแล้ว” เพียงพราวต่อว่าคนป่าเถื่อนในตอนที่เขาฉีกกระชากชุดของเธออย่างแรงจนมันขาดแบบที่ไม่สามารถจะใส่ต่อได้ เธอรู้ว่าเขามีเงินจนสามารถซื้อชุดใหม่มาให้ได้อีกมากมาย แต่ชุดนี้เพียงพราวเพิ่งจะใส่ได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ! ทำไมติณณภพถึงได้เป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้“เฮียอยากเห็นตอนที่ชุดมันหลุดออกจากตัวของพราวไง” ภาพที่ชุดตัวบางกำลังร่วงหล่นลงไปจนเผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าปลุกเร้าอารมณ์ของติณณภพได้เป็นอย่างมาก และมันมากกว่าการถอดแบบธรรมดาเสียอีก ซึ่งเพียงพราวเองถ้าดูจากช่วงล่างของเขาตอนนี้ก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่าเขามีอารมณ์มากขนาดไหน“ถ้าอยากได้ลูกสาวก็ต้องแลกหน่อย”“เฮียอยากมีลูกสาวเหรอคะ”“เปล่า มีหลานผู้หญิงคนแรกแม่จะได้หลงแล้วเอาสมบัติให้” ติณณภพพูดหยอกล้อทำให้โดนเพียงพราวหยิกไปหนึ่งทีกับความคิดชั่วร







