Share

บทที่ 7 เชื่อฟัง

last update Last Updated: 2025-11-03 22:54:15

“อื้อ...” เสียงอู้อี้ดังขึ้นในลำคอของคนที่นอนหลับอยู่พร้อมกับการขยับตัวเล็กน้อย เพียงพราวลืมตาขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือก่อนจะเบิกตากว้างตอนนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้นอนอยู่ที่บ้านของตัวเองแบบทุกวัน

“จะตื่นพรุ่งนี้เลยหรือไง?”

เสียงของติณณภพที่นั่งอยู่บนโซฟาทำให้เพียงพราวที่กำลังไล่สำรวจร่างกายของตัวเองต้องเลื่อนสายตาขึ้นไปมอง ตอนนี้เขาอยู่ในชุดทำงานเรียบร้อยแล้วโดยที่ในมือยังคงถือไอแพดเอาไว้คล้ายกับกำลังอ่านบางอย่างอยู่เพื่อคั่นเวลา

“ไปอาบน้ำแต่งตัว จะได้ลงไปกินข้าว”

“คุณรอฉันอยู่เหรอคะ...”

“ตอนนี้พ่อกับแม่ของฉันคงนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว แต่ถ้าเธออยากเดินลงไปคนเดียวก็ตามใจ”

“ไม่ค่ะ!...ฉันจะรีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละ” เพียงพราวรีบลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรวดเร็วหลังจากได้ยินคำขู่ของอีกคน ในขณะที่ติณณภพเมื่อเห็นว่าหญิงสาวลุกออกไปเตรียมตัวแล้วเขาจึงก้มอ่านเอกสารการประชุมตรงหน้าต่อระหว่างที่รอ

“พ่อกำลังจะให้แม่บ้านขึ้นไปตามพอดีเลย” ภูวนาถวางมือจากอาหารตรงหน้าแล้วหันมายิ้มทักทายสองหนุ่มสาวที่เพิ่งลงมาจากชั้นบนอย่างใจดี ท่าทางเก้ๆ กังๆ ของลูกสะใภ้ชวนให้หนุ่มมากวัยอดที่จะรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ ถึงปกติเพียงพราวจะดูเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองแต่พอต้องมาอยู่คนเดียวในที่ที่ห่างจากครอบครัวแบบนี้มันก็คงจะรู้สึกประหม่าไม่น้อย ซึ่งเขาก็เข้าใจเธอดี

“มานั่งกันก่อนสิ วันนี้มีข้าวต้มนะ แต่ถ้าอยากกินอะไรเพิ่มก็สั่งกับแม่บ้านได้เลย”

“ถ้าให้เดาติณคงรอเธอแต่งตัวอยู่ใช่ไหม? ขนาดแค่วันแรกยังทำให้ลูกชายฉันเป็นขนาดนี้เลย”

“นี่คุณจะว่าลูกให้เสียบรรยากาศทำไม คนเราตัดสินกันแค่วันสองวันไม่ได้หรอกนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะพราวก็ตื่นสายเองจริงๆ...พราวขอโทษนะคะ”

เพียงพราวยอมรับไปตามตรงแล้วยกมือไหว้เพื่อขอโทษคนที่กำลังมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจไปด้วย อย่างน้อยถ้าเธอไม่ทำให้อาภัสราต้องเกลียดไปมากกว่านี้ก็คงจะมีข้อดีต่อตัวเธอเองไม่น้อย เพราะเพียงพราวมาที่นี่ก็เพื่อที่จะทำให้จารุเดชสบายใจและมีกำลังใจในการรักษาตัว แต่หากเกิดเขารู้เกี่ยวกับความบาดหมางระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ที่เกิดขึ้นมา ก็คงจะมีปัญหาหลายๆ อย่างตามมาไม่น้อย

ถึงอาภัสราจะไม่ชอบเธอแต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตที่เพียงพราวยังพอจะทนได้อยู่ ดังนั้นช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งปีที่อยู่ที่นี่ หญิงสาวคิดว่าตัวเองก็คงจะยังพอทำตัวเป็นคนว่านอนสอนง่ายต่อไปได้

ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะได้ผลเมื่อคนที่ตำหนิเธอเมื่อสักครู่ไม่ได้ต่อว่าอะไรต่อ จะมีก็แค่สีหน้าที่ดูไม่พอใจเท่านั้นที่ยังคงปรากฏให้เห็น

"จริงๆ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว พราวทำตัวสบายๆ ได้เลยนะ พ่อไม่ถือหรอก อยู่เป็นครอบครัวจะต้องมีพิธีรีตองเยอะทำไม" เขาว่าให้ภรรยาที่นั่งอยู่ด้านข้างในประโยคหลัง

"ส่วนเรื่องของบ้านเราปกติที่นี่ก็จะกินมื้อเช้ากันเวลานี้อยู่แล้ว และอาหารเช้าส่วนมากก็จะเป็นเมนูเดิมๆ ไม่เหมือนกับมื้อเย็นหรือมื้อกลางวัน แต่ถ้าลูกอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกกับแม่บ้านไว้ได้เลย และทุกเย็นวันศุกร์กับวันเสาร์จะเป็นวันที่ทุกคนใช้เวลาครอบครัวร่วมกัน น้องๆ ของติณก็จะกลับมาค้างที่บ้านในช่วงสองวันนี้แหละ"ในขณะที่ติณณภพนั้นส่วนมากจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว เรื่องนั้นเพียงพราวน่าจะรู้ดี ส่วนเรื่องอื่นๆ ภูวนาถก็ได้บอกให้ลูกสะใภ้ของเขาเข้าใจไปหมดแล้วเช่นกัน

ใบหน้าเรียวพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ เธอจะจดจำเอาไว้เกี่ยวกับข้อมูลของบ้านหลังนี้ และพยายามทำตัวให้ถูกใจทุกคนมากที่สุด

“คุณพ่อคะ แล้ว...ถ้าช่วงนี้พราวจะขออนุญาตกลับไปที่บ้านบ่อยๆ ได้ไหมคะ?” คิดถึงคนที่บ้านก็ส่วนหนึ่ง แต่ยิ่งกว่านั้นคือเธอเป็นห่วงจารุเดชเสียมากกว่า อย่างน้อยก็ขอกลับไปดูแลด้วยตัวเองบ่อยๆ เพื่อความสบายใจน่าจะดีกว่า

“ได้สิ พ่อเข้าใจว่าเราก็คงต้องคิดถึงคนที่บ้านเป็นธรรมดา ถ้าพราวอยากกลับไปเยี่ยมที่บ้านเมื่อไหร่ก็ไปได้เลยนะ หรือจะให้คนขับรถของที่นี่ไปส่งก็ได้”

“ขอบคุณนะคะ” เพียงพราวยิ้มตอบเมื่อได้รับอนุญาตจากประมุขของบ้าน อย่างน้อยก็ขอให้ทุกคนได้รับรู้ตั้งแต่ตรงนี้และตอนนี้ จะได้ไม่ต้องมีข้อครหาในภายหลังให้เธอรำคาญใจ

“ถ้างั้นวันนี้พราวขอ...”

“วันนี้ผมกับเพียงพราวไม่ได้กลับมาบ้านนะครับ”

ติณณภพแทรกก่อนที่เพียงพราวจะได้พูดจบราวกับรับรู้ความคิดของเธอ เขาถือโอกาสนี้เพื่อที่จะให้ทุกคนไม่สงสัยเรื่องที่เขาไปหาแพรไหมด้วยเลย...และมันก็เหมือนจะได้ผลเมื่อเห็นรอยยิ้มพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของภูวนาถ

"ได้สิ พ่อเข้าใจ"

คู่รักข้าวใหม่ปลามันย่อมต้องการเวลาส่วนตัวเป็นเรื่องธรรมดา เขาไม่ขัดเลยถ้าติณณภพและเพียงพราวจะไม่กลับบ้านและไปใช้เวลาอยู่ร่วมกันสองต่อสองในช่วงนี้ แต่ว่าทั้งสองคนก็ต้องมีของบางอย่างมาแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกัน...เช่นหลานคนแรกอะไรแบบนี้

@บ้านกัลยาภัค

หมับ!

แรงกอดรัดจากทางด้านหลังทำให้กมลทิพย์ที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ในห้องครัวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่แก้มของเธอจะถูกหญิงสาวด้านหลังขโมยหอมไปฟอดใหญ่ด้วยความมันเขี้ยว

เพียะ!

“โอ๊ย! แม่ตีพราวทำไมคะเนี่ย” เพียงพราวแสร้งร้องออกมาแล้วลูบที่แขนของตัวเองเล็กน้อย แรงของกมลทิพย์ไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกเจ็บได้ เพียงแต่หญิงสาวแค่อยากงอแงกับแม่ของตัวเองบ้างก็เท่านั้น

“ใครให้มาเล่นตอนคนทำอาหารอยู่ มันอันตรายรู้ไหม พราวเองก็อาจจะได้รับบาดเจ็บไปด้วย”

“แต่พราวแค่กอดเองนะ...” เพียงพราวมุ่ยหน้าแล้วสวมกอดกมลทิพย์อีกครั้ง พร้อมกับวางคางลงบนไหล่ของเธออย่างออดอ้อนตาใส สายตาของหญิงสาวหลุบมองรอยแผลเป็นบริเวณข้อศอกของคนเป็นแม่เล็กน้อย ซึ่งมันเกิดจากการที่กมลทิพย์ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอเอาไว้เมื่อสิบแปดปีก่อน ถึงมันจะผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้วแต่เพียงพราวก็ยังคงจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ไม่ลืม

“พราวรักแม่นะคะ”

“ทำไมวันนี้อ้อนแม่จัง? หรือว่าคนที่บ้านนั้นทำอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีใครทำอะไรหราวหรอกค่ะแม่ ทุกคนดูแลพราวดีมากๆ เลย” หญิงสาวหลุดยิ้มตอนที่คนตรงหน้ารีบหันกลับมาสำรวจเนื้อตัวของเธออย่างละเอียดด้วยความเป็นห่วง เธอเองก็พอจะรู้เรื่องของอาภัสรามาบ้าง ก็คงจะไม่แปลกที่กมลทิพย์อาจจะมีความกังวลในตอนที่ลูกสาวของตัวเองไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น

“แม่อยากให้ลูกสาวของแม่มีความสุขมากๆ เพราะฉะนั้นลูกต้องทำให้ทุกคนเขาเอ็นดูเรานะ เพราะพ่อกับแม่ก็จะมีความสุขเหมือนกันตอนที่เห็นลูกของเรามีคนรักเยอะๆ”

“ถึงแม่จะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ค่อยชอบพราว แต่แม่ก็หวังนะว่าพราวจะสามารถพิสูจน์ตัวเองให้เธอเห็นได้ พราวเข้าใจความหมายของแม่ใช่ไหม?”

“ค่ะ...”

“แล้วทำไมวันนี้มาที่บ้านล่ะ แม่คิดว่าพราวจะไปอยู่กับติณซะอีก”

“วันนี้คุณติณมีคุยงานนิดหน่อยค่ะ พราวก็เลยคิดว่าจะกลับมากินมื้อเย็นแล้วก็ค้างที่บ้านเลย”

“ตอนไปเรียนเมืองนอกไม่เห็นอ้อนแบบนี้เลยนะ พอแต่งงานเลยกลายเป็นเด็กมากขึ้นหรือไง”

“ตอนอยู่ที่นั่นพราวก็อ้อนพ่อกับแม่ทุกวันนะคะ ไม่งั้นพ่อคงไม่ยอมบินไปหาพราวทุกเดือนหรอก...ว่าแต่ตอนนี้พ่ออยู่บนห้องเหรอคะ? พราวไปที่สวนไม่เห็นเจอเลย”

“พ่อนอนอยู่บนห้องตั้งแต่บ่ายแล้วน่ะ เห็นว่าให้คีโมครั้งนี้แล้วรู้สึกเพลียมากกว่าปกติ แม่เลยให้ขึ้นไปนอนพักก่อน”

“ถ้างั้นก็แสดงว่าพ่อนอนไปนานแล้วสิคะ?”

“ใช่จ้ะ พราวขึ้นไปดูให้หน่อยได้ไหม ถ้าอาหารเสร็จแล้วเดี๋ยวแม่เรียก แม่ว่าพ่อคงดีใจมากแน่ๆ ที่ลูกสาวของตัวเองมาหา”

เพียงพราวพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องนอนของจารุเดชตามคำสั่ง ยิ่งได้ยินแบบนี้มันก็ยิ่งรู้สึกอดที่จะใจหายไม่ได้ที่ชีวิตประจำวันของคนในครอบครัวต้องเปลี่ยนไป เธออยากจะให้ที่บ้านกลับมามีรอยยิ้มที่มีความสุขจริงๆ ได้อีกสักครั้ง ซึ่งในตอนนี้หญิงสาวเองก็กำลังพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดอยู่เช่นกัน

เสียงกระทบของขวดแก้วดังขึ้นบนเค้าท์เตอร์ของห้องครัวในเวลาเกือบหกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลาในการรับประทานอาหารร่วมกันของคนในบ้านกัลยาภัค กมลทิพย์เก็บขวดแก้วสีน้ำตาลเข้มลงในกระเป๋าเช่นเดิมแล้วจัดการคนส่วนผสมของอาหารให้เข้ากับสิ่งที่ใส่ลงไป

ดวงตาสีดำเข้มไร้ซึ่งความอ่อนโยนและความใจดีแบบเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เธอมองจานอาหารตรงหน้าด้วยสายตาบางอย่างที่ยากจะคาดเดาก่อนจะหันไปเรียกแม่บ้านด้านนอกให้เข้ามาได้

“ใครก็ได้ไปตามคุณพราวมาช่วยฉันเตรียมอาหารหน่อย”

ไม่นานเพียงพราวที่อยู่ชั้นบนก็เดินลงมาด้วยรอยยิ้มหลังจากได้พูดคุยกับคนเป็นพ่อให้หายคิดถึง เธอมองอาหารของผู้ป่วยหน้าตาน่ารับประทานที่ถูกจัดใส่จานแยกไว้ต่างหากเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาที่กมลทิพย์อีกครั้ง

“เหนื่อยไหมคะแม่”

“ไม่เหนื่อยหรอก แม่บอกแล้วไงว่าแม่ชอบทำอาหาร เข้าครัวเองมาตั้งแต่สมัยที่พราวยังเด็กแล้ว มีแค่ต้องศึกษาเพิ่มเติมช่วงพ่อป่วยนิดหน่อยแค่นั้นแหละ”

“นี่แม่ทำเสร็จแล้ว พราวช่วยยกขึ้นไปให้พ่อหน่อยได้ไหม? แม่ไม่อยากให้พ่อต้องเดินลงมาด้านล่าง”

“ได้ค่ะ” เพียงพราวตอบรับด้วยรอยยิ้มแล้วจัดการยกอาหารขึ้นไปด้านบนห้องให้กับจารุเดชตามคำสั่งโดยไม่ได้เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อย เพราะปกติกมลทิพย์จะเป็นคนที่ทำอาหารให้พ่อของเธอกินตลอดและยิ่งช่วงที่จารุเดชป่วยเป็นมะเร็งแบบนี้ กมลทิพย์จึงไม่ปล่อยให้ใครมาทำหน้าที่ตรงนี้แทนเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเธอต้องระวังเรื่องอาหารการกินให้เขาเป็นพิเศษ

สายตาของหญิงวัยกลางคนมองตามแผ่นหลังของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวไปอย่างไม่ละสายตา ก่อนนัยน์ตาของเธอจะฉายแววพึงพอใจออกมาเมื่อทุกอย่างราบรื่นไปตามแผนการทุกอย่างที่วางเอาไว้

เรื่องความฉลาดและไหวพริบในการใช้ชีวิต เรื่องนี้เพียวพราวได้มันมาจากพ่อของเธอเต็มๆ ส่วนความกตัญญู และการเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้มีพระคุณ เป็นสิ่งที่เพียงพราวยังคงมีเสมอจนถึงปัจจุบันจากการอบรมของเธอตลอดหลายสิบปี...ขนาดผู้ชายอย่างจารุเดชเธอยังทำให้เขาเชื่อใจได้ และอาภัสราที่เธอทำให้ผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบเธอและเพียงพราวได้ นับประสาอะไรกับเด็กรุ่นลูกที่โตบนกองเงินกองทองอย่างสุขสบาย ไม่มีประสบการณ์และไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใจอะไรอย่างเพียงพราว

“ฉันยอมเสี่ยงชีวิตกับเธอมาเยอะนะ เพราะฉะนั้น...”

เธอจะต้องได้รู้รับรู้ถึงความรู้สึกของการถูกหักหลัง ความรู้สึกที่ทรมานเจียนตายจนอยากจะหายไปจากโลกนี้ เธอจะต้องได้รับรู้มัน...

“...เพียงพราว”

นิภาภัทร

ฝากกดติดตามนามปากกา และนิยายเรื่องอื่นๆ ของไรค์ด้วยนะคะ รับรองว่าสนุกไม่แพ้นกันแน่นอนนน

| Like
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 7 [END]

    สองปีต่อมา (บ้านพัชรเทพพิพัฒน์) “ตายจริง น่ารักจังเลยหลานย่า ดูสิปากนิดจมูกหน่อยแถมตายังโตเหมือนแม่อีก ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้นะ” อาภัสราที่ตอนนี้กลายเป็นคุณย่าอย่างเต็มตัวเอ่ยชมหลานสาวคนแรกอย่างไม่หยุดปากระหว่างที่กำลังเลือกชุดที่เข้าเซ็ตให้กับ “เพียงขวัญ” ไปด้วย ตั้งแต่ที่รู้ว่ากำลังมีหลานคนแรกจนถึงตอนนี้เธอก็เห่อหลานของตัวเองไม่หยุด จนไม่ว่าจะทำอะไรตอนนี้ต่างมีแค่เด็กหญิงเพียงขวัญเท่านั้นที่เธอจะนึกถึงเพียงขวัญ...ที่แปลว่าของขวัญที่ล้ำค่าสำหรับพ่อและแม่“ยา~”“ขาว่ายังไงลูก ชอบหมวกสีนี้เหรอคะ?” คนเป็นย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดีเมื่อหลานรักตอบเสียงใสกลับมา ขณะที่ภูวนาถได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยกับความเห่อหลานของภรรยา“เก็บของตัวเองเสร็จหรือยังถึงได้มาวอแวกับหลานอยู่น่ะ” ชายมากวัยอดไม่ได้ที่จะกระแนะกระแหนภรรยาของตัวเอง เพราะวันนี้ทั้งครอบครัววางแผนกันว่าจะพาเพียงขวัญไปทะเลครั้งแรกรวมถึงไปพักผ่อนช่วงวันหยุดของครอบครัวด้วยกัน แต่อาภัสรานี่สิ! ห่วงแต่มาเล่นกับหลานจนเขาต้องเป็นคนจัดกระเป๋าให้เธอ แถมยังไปขโมยลูกของลูกชายและลูกสะใภ้มาที่ชั้นล่างก่อนอีก“ก็ลูกชายกับลูกสะใภ้ของเรากำลังจัดขอ

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 6

    สองเดือนต่อมา“ทำไมหน้าบวมแบบนี้เนี่ย” เพียงพราวมุ่ยหน้าตอนที่กำลังส่องกระจกและเห็นว่าใบหน้าของตัวเองเริ่มมีการเปลี่ยนไป ช่วงหลังมานี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารที่อาภัสราพยายามทำให้เธอกินทุกวันหรือว่าการที่ติณณภพดูแลเธอดีมากเป็นพิเศษเลยทำให้หญิงสาวดูมีน้ำมีนวลมากกว่าเดิมหลังจากวันนั้นเพียงพราวก็ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของแพรไหมอยู่ตลอดเพื่อคอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับเธอและลูกที่อยู่ในท้อง หญิงสาวไม่ได้ตามไปหาหรือพยายามพูดคุยให้อีกฝ่ายรู้สึกรำคาญใจ แต่เพียงพราวแค่คอยทำหน้าที่ในส่วนของเธอเงียบๆ เช่น การดูแลความปลอดภัยต่างๆ หากแพรไหมต้องอยู่บ้านคนเดียว หรือการให้แพทย์ที่ดีที่สุดในการดูแลเธอกับลูกซึ่งแพรไหมที่รู้ว่าทุกอย่างมาจากอำนาจของติณณภพที่มีเพียงพราวเป็นคนอยู่เบื้องหลัง เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีแบบเมื่อก่อน เพราะทุกอย่างที่เพียงพราวทำให้ล้วนจำเป็นต่อเธอและลูกในท้องทั้งหมด จึงทำให้นานวันแพรไหมเริ่มยอมให้เพียงพราวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดก็มีส่วนมาจากเจษที่เป็น ‘คนรัก’ ของแพรไหมในตอนนี้ที่คอยเป็นคนกลางให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันเจษได้เป็นคนมาดูแลแพรไหม

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 5

    หลายวันต่อมา“เดินไหวไหม?” ติณณภพประคองภรรยาสาวขณะที่เธอกำลังเดินเข้าไปในซอยแคบของหมู่บ้านที่ติดทะเลแห่งหนึ่งที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งทันทีที่กลับมาถึงกรุงเทพ เพียงพราวก็ได้ให้คนของเขาสืบข้อมูลเกี่ยวกับแพรไหมในตอนนี้ทันทีว่าเธอมีความเป็นอยู่อย่างไร รวมถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นกับเธอก่อนที่ทั้งคู่จะมาที่จังหวัดนี้เพื่อมาพบกับหญิงสาว“ไม่ต้องมาทำดีกับพราวเลยค่ะ เฮียทำทุกวันเช้าเย็นแบบนี้จะให้พราวเดินปกติได้ยังไง ขนาดพราวพยายามอ้อนวอนแล้วยังฉุดพราวเข้าไปทำในห้องน้ำเลย”ติณณภพหัวเราะให้กับคำพูดน่าสงสารที่เพียงพราวพูดออกมา ท่าทีของเธอตอนนี้คล้ายกับกำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองอยู่ที่ถูกเขาเอาเปรียบทุกวัน“ก็พราวตกลงกับเฮียเองว่าเราจะมีลูกด้วยกัน เพราะฉะนั้นเฮียก็ต้องเป็นคนทำสิ”“แต่ทำแบบนี้มันเอาเปรียบพราวนะคะ!”สองสามีภรรยาเดินเถียงกันมาตลอดทางตามประสาโดยมีติณณภพที่คอยจับมือกับเพียงพราวไม่ห่าง ก่อนทั้งคู่จะมาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านไม้แห่งหนึ่ง เธอรู้ดีว่าแพรไหมเป็นคนที่มีฐานะปานกลางและไม่ได้ยากจนเท่าไรนักซึ่งทุกอย่างที่ทำให้หญิงสาวมีวันนี้ได้ก็มาจากเงินและสิ่งของที่ติณณภพมอบใ

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 4

    “อยากให้พราวขึ้นให้เหรอ?” เพียงพราวลูบที่ใบหน้าหล่อในตอนที่ติณณภพนั่งลงบนโซฟาโดยมีเธอนั่งทับแก่นกายใหญ่อยู่ด้านบน ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรแต่เขาเลือกที่จะขยับใบหน้าเข้ามาแนบริมฝีปากอีกครั้ง ขณะที่มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามเอวคอดก่อนจะบังคับให้ร่างบางขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ“อาา...ร้อนแรงจังเลยนะ” ติณณภพยอมผละริมฝีปากออกมาเมื่อคนที่นั่งอยู่เริ่มเร่งจังหวะหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เพียงพราวใช้มือดันไปที่แผงอกแกร่งแล้วหมุนควงสะโพกไปด้วย เขาปล่อยให้เธอเป็นคนคุมเกมเองในรอบนี้ และดูเหมือนว่าเพียงพราวเองจะทำได้ดีเป็นอย่างมาก“อีกหน่อยลูกคงมาแย่งเฮียแล้วสินะ” ฝ่ามือหยาบกอบกุมเต้าใหญ่ที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการเคลื่อนไหวก่อนจะครอบริมฝีปากลงไปฉกชิมปลายถันอีกครั้ง“ยังไม่ทันมีลูกก็น้อยใจแล้วเหรอคะ” เพียงพราวไม่ได้ถือสาคนหื่นที่ฉวยโอกาสสัมผัสเธออย่างลึกซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวยังคงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจของตัวเอง เช่นเดียวกับเธอที่ขณะนี้ยังคงปรนเปรอว่าที่พ่อของลูกให้มีความสุขเช่นเดียวกันเพียงพราวจัดการผลักร่างกำยำให้ลงไปนอนราบกับโซฟาจากนั้นจึงควบคุมเกมรักครั้งนี้ด้วยตัวเอง ก่อนหญิงสาวจะเชิ

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 3

    “เฮียชอบนะเวลาที่พราวเรียกชื่อเฮียเวลาเสร็จ” คนหื่นยอมผละริมฝีปากออกหลังจากตักตวงน้ำหวานของภรรยาสาวจนหมด สายตาที่เขามองเธอเต็มไปด้วยความรักและความเสน่หาจนเพียงพราวรู้สึกวูบวาบไปทั่วทั้งเรือนร่าง ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าติณณภพกำลังกลั่นแกล้งเธออยู่แต่เพียงพราวก็ไม่สามารถที่จะห้ามหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองได้เลย ทั้งคำพูดและการกระทำของเขาล้วนมีผลต่อหัวใจดวงน้อยเป็นอย่างมาก“หยุดแกล้งพราวได้แล้วค่ะ”“ไม่ได้แกล้งแต่ชอบจริงๆ”“วันนี้สดนะ จะทำลูกสาว”“มั่นใจเหรอคะว่าจะได้?”“ก็พ่อกับแม่ตั้งใจขนาดนี้ ยังไงลูกก็คงไม่ใจร้ายกับเราหรอก”เพียงพราวมองท่าทางจริงจังของติณณภพด้วยความเอ็นดู เธอยกมือขึ้นมาลูบหัวของชายหนุ่มเบาๆ ในจังหวะที่เขาโน้มใบหน้าลงมาหยอกเย้ากับหน้าอกใหญ่ ยอดปทุมถันถูกขบเม้มสลับกับดูดดุนจนคนโดนกระทำเบ้หน้าในบางจังหวะทว่ามันกลับปลุกเร้าอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดี“อึก...อย่าดูดแรงค่ะ”“อืม~” ติณณภพไม่ได้สนใจคำห้ามปรามของคนด้านบน เขายังคงหยอกล้อกับร่างกายสาวตามอารมณ์ดิบของตัวเอง ยังไงคืนนี้เขาก็ต้องเต็มที่ที่สุด! เพื่อให้ได้ในสิ่งที่หวังไว้“อ๊าาาา...ค่อยๆ ดันเข้ามานะคะ...อึก...อื้อ!” นิ้วเรี

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 2

    ติณณภพวางตัวของเพียงพราวลงบนพื้นด้วยความแผ่วเบาเมื่อเข้ามาที่ด้านในแล้ว ก่อนจะดันร่างของหญิงสาวให้แนบชิดกับผนังโดยที่ริมฝีปากยังคงบดขยี้กันอย่างดูดดื่มฝ่ามือใหญ่ลูบไปตามเรือนร่างของเธอด้วยความหลงใหลก่อนที่ชุดนอนสายเดี่ยวจะถูกกระตุกให้ร่วงลงกับพื้นอย่างง่ายดาย“เฮีย! ทำไมต้องกระชากด้วย สายมันขาดหมดแล้ว” เพียงพราวต่อว่าคนป่าเถื่อนในตอนที่เขาฉีกกระชากชุดของเธออย่างแรงจนมันขาดแบบที่ไม่สามารถจะใส่ต่อได้ เธอรู้ว่าเขามีเงินจนสามารถซื้อชุดใหม่มาให้ได้อีกมากมาย แต่ชุดนี้เพียงพราวเพิ่งจะใส่ได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ! ทำไมติณณภพถึงได้เป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้“เฮียอยากเห็นตอนที่ชุดมันหลุดออกจากตัวของพราวไง” ภาพที่ชุดตัวบางกำลังร่วงหล่นลงไปจนเผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าปลุกเร้าอารมณ์ของติณณภพได้เป็นอย่างมาก และมันมากกว่าการถอดแบบธรรมดาเสียอีก ซึ่งเพียงพราวเองถ้าดูจากช่วงล่างของเขาตอนนี้ก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่าเขามีอารมณ์มากขนาดไหน“ถ้าอยากได้ลูกสาวก็ต้องแลกหน่อย”“เฮียอยากมีลูกสาวเหรอคะ”“เปล่า มีหลานผู้หญิงคนแรกแม่จะได้หลงแล้วเอาสมบัติให้” ติณณภพพูดหยอกล้อทำให้โดนเพียงพราวหยิกไปหนึ่งทีกับความคิดชั่วร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status