ยิ่งเดินลึกเข้าไปฮั่วอู๋ซวนก็ได้พบกับปีศาจหลากหลายรูปแบบในป่าอันกว้างใหญ่แห่งนี้ บางตัวมีรูปร่างบิดเบี้ยว มีเขี้ยวฟันยาวแหลม บางตัวคลานกับพื้น และบางตัวยังสามารถบินได้อีกด้วย
ฮั่วอู๋ซวนเลือกที่จะเผชิญหน้ากับบางตัวที่เขามั่นใจว่าสามารถเอาชนะได้ แต่กับบางตัวที่มีพลังเหนือกว่า เขาก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยงเพื่อรักษาพลังและความแข็งแรงของตนเอาไว้
ท่ามกลางความมืดที่โอบล้อม ฮั่วอู๋ซวนรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาเริ่มอ่อนล้าลงทุกขณะจากการต่อสู้และการระวังตัวอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น สายตาของเขาสบกับเงาตะคุ่มที่อยู่ข้างหน้า สิ่งนั้นคือปีศาจขนาดใหญ่ รูปร่างเหมือนตั๊กแตนตำข้าวที่มีกรงเล็บคมดั่งดาบและดวงตาเย็นชาราวกับไม่มีชีวิต
“ข้าไม่ต้องการปะทะกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย… แต่ดูท่าเจ้าจะไม่ให้ข้าไปง่ายๆ สินะ”
ฮั่วอู๋ซวนพูดพร้อมยกกระบี่ขึ้นตั้งรับ เขารู้ดีว่าต้องใช้ทักษะทั้งหมดที่มีเพื่อเอาชนะปีศาจตัวนี้
ตั๊กแตนตำข้าวปีศาจขยับร่างพร้อมส่งเสียงแหลมสูงในลำคอ มันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว กรงเล็บแหลมฟาดใส่ฮั่วอู๋ซวนด้วยความแรงที่เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะทานทนได้
ชายหนุ่มก้มตัวหลบโดยทันที พร้อมกับแทงกระบี่ไปข้างหน้า หวังจะฟันตัดขาของปีศาจตัวนั้น
แต่ตั๊กแตนปีศาจกลับหมุนตัวอย่างรวดเร็วและใช้กรงเล็บอีกข้างหนึ่งฟาดลงมาที่เขา ฮั่วอู๋ซวนถอยหลบในจังหวะสุดท้าย
ร่างของเขาหอบเหนื่อย เขาพยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมด เพื่อหาจังหวะโจมตีที่สมบูรณ์แบบ
คราวนี้เขาใช้กระบี่ฟาดฟันด้วยความเร็วและความแรงทั้งหมด กรงเล็บของตั๊กแตนปีศาจถูกกระบี่ปัดออกไป และด้วยความชำนาญในการเคลื่อนไหวของเขา ฮั่วอู๋ซวนสามารถฟันตัดร่างของปีศาจตั๊กแตนตำข้าวจนขาดสะบั้น
เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังลั่นก่อนที่ร่างของมันจะสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
ฮั่วอู๋ซวนยืนหอบอยู่ที่จุดเดิม แม้เขาจะชนะการต่อสู้ แต่ความเหนื่อยล้าที่สะสมก็เริ่มครอบงำร่างกาย เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาแทบจะไม่มีพลังเหลืออยู่แล้ว
ทันใดนั้น เขารู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนตัวเข้ามาทางด้านหลัง ร่างกายของเขาชาวาบเพราะความกลัวแวบเข้ามาในใจ เมื่อหันกลับไป เขาก็เห็นสิ่งที่น่าขนลุกอย่างยิ่ง
ตรงหน้าเขาคือ “ปีศาจแมงมุมหน้าคน” ที่มีดวงตาแดงเข้มจ้องมองเขาอย่างกระหาย มันเคลื่อนตัวช้าๆ เข้ามาใกล้ พลางพ่นเส้นใยสีขาวเหนียวออกมาด้วยความเร็วสูง เส้นใยนั้นพันธนาการร่างของฮั่วอู๋ซวนจนแน่น ร่างกายของเขาถูกพันธนาการไว้โดยที่ไม่สามารถขยับตัวได้เลย
"อึก... เจ้าปีศาจ..."
ฮั่วอู๋ซวนพยายามดิ้นรนแต่ไร้ผล ร่างกายของเขาถูกมัดไว้แน่นหนา แมงมุมหน้าคนส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน พลางใช้สายตาที่เย็นชาและชั่วร้ายจ้องมองเขาราวกับอาหารมื้อใหญ่
“ข้าจะเป็นอาหารของเจ้าแล้วหรือ...” ฮั่วอู๋ซวนกล่าวพลางหลับตาลง รู้สึกถึงพิษที่แพร่ซ่านผ่านเส้นใยของแมงมุมตัวนั้น พิษเริ่มทำให้ร่างกายของเขาชาขึ้นทีละนิด หัวใจของเขาเต้นเบาลง ความคิดเริ่มลางเลือน ความหวังเริ่มจางหาย
"ศิษย์พี่... ข้า... ข้าอาจจะไม่ได้กลับไปอีกแล้ว"
เขาพึมพำออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงลมหายใจสุดท้าย
ขณะที่เขากำลังยอมรับชะตากรรม พลันก็มีเสียงคำรามแหลมสูงดังขึ้น! ร่างปุกปุยสีขาวของ “จิ้งจอกหิมะ” กระโดดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ราวกับสายลมหนาวที่พัดผ่านกลางคืน
จิ้งจอกขาวใช้กรงเล็บของมันตวัดเส้นใยของแมงมุมหน้าคนจนขาดออก เส้นใยเหนียวๆ ที่เคยพันธนาการเขาคลายออกทันที และร่างกายของฮั่วอู๋ซวนถูกดึงขึ้นไปบนหลังของจิ้งจอกอย่างแผ่วเบา
ปีศาจแมงมุมส่งเสียงกรีดร้องด้วยความโกรธ มันพ่นเส้นใยออกมาเพื่อหวังจะจับจิ้งจอกหิมะ แต่เมื่อมันได้สบกับดวงตาสีทองของจิ้งจอก หัวใจของมันกลับสั่นสะท้านราวกับถูกความเย็นยะเยือกกดทับ
ดวงตาสีทองของจิ้งจอกหิมะจ้องมองมันราวกับมองสิ่งที่ไร้ชีวิต แรงคุกคามอันมหาศาลแผ่ซ่านไปทั่ว ทำให้ปีศาจแมงมุมรู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัว
“เจ้าจะยอมหลีกทางให้หรือไม่?” จิ้งจอกหิมะคำรามเสียงต่ำ
เมื่อแมงมุมไม่กล้าสู้ต่อ จิ้งจอกหิมะก็พาร่างที่ไร้สติของฮั่วอู๋ซวนไปยังที่ปลอดภัยในป่าแห่งนี้ สถานที่ที่แม้แต่ปีศาจที่น่ากลัวที่สุดยังไม่กล้าย่างกรายเข้าไป
ฤดูกาลผันเปลี่ยน วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ฮั่วอู๋ซวนก็ยังคงอาศัยอยู่ที่กระท่อมแห่งนี้ การตายของคนรักเคี่ยวกำทรมานจิตใจเขาจนแทบอยู่ไม่สู้ตาย โดยเฉพาะข้างในหัวใจ มันช่างเจ็บปวดเหมือนถูกคมมีดกรีดเฉือนเนื้อจนเหวอะหวะ ทุกวันดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ชายหนุ่มก็จะมานั่งเฝ้าต้นสาลี่เก่าแก่ ต้นไม้ที่เคยเป็นสักขีพยานความรักอันบริสุทธิ์ กลายเป็นที่ระลึกถึงความผิดพลาดที่ตามหลอกหลอนเขาจิบสุราขมขื่นพลางจ้องมองไปยังกิ่งก้านที่เคยโอนเอนรับลมไปตามเสียงขลุ่ยหวานของนาง ฉีเยี่ยนหลี่...หญิงสาวผู้ที่จากไปไกลฤดูใบไม้ผลิที่เคยเบ่งบานกลับกลายเป็นฤดูแห่งความโศกเศร้า กลีบดอกสาลี่สีขาวบริสุทธิ์ร่วงหล่นลงมาทับถมบนหลุมศพราวกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด พวกมันล้อเลียนความรักที่โรยราและชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไปอย่างโดดเดี่ยวเดิมทีเขาเองก็คิดที่จะปลิดชีวิตแล้วตามไปอยู่กับคนรักในปรโลก แต่ว่า หากเขาตายไปง่ายๆ เช่นนี้ ก็คงไม่สามารถชดเชยอะไรให้ฉีเยี่ยนหลี่ได้แต่อย่างใดอีกอย่างเขากลับอยากรอ... ในใจของฮั่วอู๋ซวนคิดอยู่เสมอว่าสักวันคนรักของเขาจะต้องกลับมาเกิดใหม่แน่ๆ และเมื่อถึงตอนนั้น เขาสัญญาว่าจะต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อรักและดูแลนา
ขณะที่เขาพยายามจะผ่านซือจุนไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง…"ซวนเอ๋อร์ เจ้ายังจะยืนกรานที่จะทำเช่นนี้จริงหรือ?"น้ำเสียงของคนผู้นี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด ฮั่วอู๋ซวนหันกลับไปมอง เห็นศิษย์พี่หญิงของเขายืนอยู่ตรงนั้น นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า"ซวนเอ๋อร์ ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าเคยเป็นคนที่ข้ารัก เจ้าเคยเป็นคนที่ข้าฝากหัวใจไว้ และข้าไม่อาจยอมเห็นชีวิตของเจ้าต้องพังเพราะปีศาจตนนั้น"ฮั่วอู๋ซวนหันไปสบตากับนาง "ศิษย์พี่ ข้าขอโทษ แต่ข้าไม่อาจหวนกลับไปได้อีกแล้ว ข้าต้องการเพียงหลี่เอ๋อร์ ข้ารักนาง ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยนาง ไม่ว่านางจะเป็นปีศาจหรือสิ่งใดก็ตาม"ศิษย์พี่ของเขาพยายามยื่นมือมาขวางเขาไว้!"อู๋ซวน… เจ้าไม่คิดถึงจิตใจของข้าเลยใช่หรือไม่? ข้ารู้ว่าเจ้าเคยรักข้า ข้ารู้ว่าเจ้ามีหน้าที่ในสำนัก ข้ายินดีจะอยู่เคียงข้างเจ้าในทุกๆ หนทาง แต่ขอให้เจ้าถอนตัวออกมา อย่าให้ความรักต่อปีศาจนั้นทำลายเจ้าลงไป"ฮั่วอู๋ซวนมองนางอย่างอ่อนโยน แม้สายตาของเขาจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด"ศิษย์พี่ ข้าขอโทษ ข้าเคยรักท่าน แต่หัวใจของข้าไม่ใช่ของท่านอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ข้าต
มือของฮั่วอู๋ซวนกุมไว้ตรงหน้าอก ราวกับว่าความรู้สึกทั้งหมดที่เคยถูกเก็บซ่อนไว้กำลังหลั่งไหลออกมาไม่หยุด... บัดนี้เขาเพิ่งเข้าใจทุกอย่าง ความรู้สึกผูกพันอย่างลึกซึ้งและความรักที่มีต่อฉีเยี่ยนหลี่ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในชาตินี้ หากแต่เป็นสายใยที่โยงใยข้ามภพชาติ ทั้งหมดนี้คือความทรงจำและความรักที่สืบเนื่องมาแต่ชาติที่แล้วฮั่วอู๋ซวนพึมพำเบา ๆ "ที่แท้... ทุกสิ่งที่ข้าเคยฝันถึง ทุกภาพที่ข้าเคยเห็น… นั่นคือข้ากับเจ้าในชาติก่อน" เขานิ่งไปครู่หนึ่ง รู้สึกทั้งอบอุ่นและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน ราวกับว่าสิ่งที่เคยเป็นเงาในความทรงจำได้แปรเปลี่ยนเป็นความจริงที่เขาไม่อาจหลบหนีได้อีกต่อไปเขายืนอยู่ใต้แสงจันทร์ หัวใจอ่อนโยนเมื่อคิดถึงฉีเยี่ยนหลี่ ผู้หญิงที่เขารักอย่างลึกซึ้งแม้ไม่เข้าใจว่าทำไม และในเวลานี้เขารู้แล้วว่าความรักนี้ไม่ใช่เพียงความรู้สึกชั่วคราว แต่เป็นความรู้สึกที่ผูกพันมาเนิ่นนาน ขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่น ความคิดหนึ่งก็พลันเกิดขึ้นในใจ“ข้าจะกลับไปหาเจ้า” เขาพูดเบา ๆ ราวกับสัญญากับตัวเองฮั่วอู๋ซวนถือผลึกแก่นวิญญาณในมือ รู้สึกถึงพลังอันอบอุ่นที่แฝงอยู่ในนั้น ราวกับมีสัมผัสของฉีเยี่ยนห
ฉีเยี่ยนหลี่หัวเราะเบา ๆ แม้จะอ่อนแรง "ข้าไม่สนใจหรอกอู๋ซวน… ข้ารู้แค่ว่า เจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว"ทันใดนั้น ฮั่วอู๋ซวนก็คิดถึงผลไม้ในตำนานที่เคยได้ยินเรื่องราวจากชายชราที่เคยพบระหว่างการฝึกฝนเมื่อครั้งยังเป็นศิษย์ เขาหวังว่าผลไม้วิเศษนั้นอาจช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฉีเยี่ยนหลี่ได้"ข้าจะออกตามหาผลอมฤตในป่าอนธการ ข้าเชื่อว่ามันจะรักษาเจ้าได้" ฮั่วอู๋ซวนกล่าวขึ้นด้วยความมุ่งมั่น"แต่… ป่าอนธการเต็มไปด้วยปีศาจอันตราย ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า""ข้าไม่มีทางเลือกอื่น" ฮั่วอู๋ซวนยิ้มอย่างอบอุ่น "รอข้ากลับมา ข้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่เพียงลำพัง"ฮั่วอู๋ซวนเดินผ่านป่าลึก หันมองรอบตัวด้วยสัญชาตญาณนักพรตที่คุ้นเคย ภายในป่าอนธการนี้เต็มไปด้วยอันตราย ไม่เพียงแต่ความมืดที่แฝงอยู่ในหมอกขาว แต่ยังมีปีศาจที่จ้องจะเล่นงานเขาในทุกซอกมุมทันใดนั้น เงาดำพุ่งเข้ามาจากพุ่มไม้ ปีศาจรูปทรงคล้ายหมาป่าโจนเข้าใส่เขาด้วยความดุร้าย ฮั่วอู๋ซวนพลิกตัวหลบอย่างรวดเร็ว มือคว้าเอามีดสั้นจากเอว ฟันเข้าไปที่ด้านข้างของปีศาจอย่างแม่นยำแม้พลังจินตานของเขาจะอ่อนลง แต่วิชาการต่อสู้ที่สั่งสมมาทำให้เ
หลังจากเจ้าสำนักและศิษย์สำนักจากไป ฮั่วอู๋ซวนพยุงร่างที่อ่อนแรงของฉีเยี่ยนหลี่กลับมาที่กระท่อม หญิงสาวบาดเจ็บสาหัส และในใจของเขาก็เจ็บปวดไม่น้อยเมื่อเห็นคนรักในสภาพนี้"ขอโทษนะหลี่เอ๋อร์ ข้าคงไม่มีพลังมากพอที่จะรักษาเจ้าได้แล้ว… ตอนนี้ข้าเองก็ไร้พลังจินตาน กลายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น"ฉีเยี่ยนหลี่หัวเราะเบา ๆ แม้จะอ่อนแรง "ข้าไม่สนใจหรอกอู๋ซวน… ข้ารู้แค่ว่า เจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว"ทันใดนั้น ฮั่วอู๋ซวนก็คิดถึงผลไม้ในตำนานที่เคยได้ยินเรื่องราวจากชายชราที่เคยพบระหว่างการฝึกฝนเมื่อครั้งยังเป็นศิษย์ เขาหวังว่าผลไม้วิเศษนั้นอาจช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฉีเยี่ยนหลี่ได้"ข้าจะออกตามหาผลอมฤตในป่าอนธการ ข้าเชื่อว่ามันจะรักษาเจ้าได้" ฮั่วอู๋ซวนกล่าวขึ้นด้วยความมุ่งมั่น"แต่… ป่าอนธการเต็มไปด้วยปีศาจอันตราย ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า""ข้าไม่มีทางเลือกอื่น" ฮั่วอู๋ซวนยิ้มอย่างอบอุ่น "รอข้ากลับมา ข้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่เพียงลำพัง"เพื่อเขียนบรรยายเรื่องราวอย่างละเอียด ฉากนี้สามารถขยายโดยให้ความสำคัญกับการแสดงอารมณ์ของตัวละครและการกระทำที่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง นอกจากนี
“ท่านพ่อ… ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”ฮั่วอู๋ซวนถามด้วยความงุนงง แต่ทันใดนั้น เขาเห็นแววตาของบิดาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธ“เจ้าบังอาจกลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับปีศาจเช่นนี้ได้อย่างไร?” บิดาของเขาตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“เจ้ามิได้รู้หรือว่าการเป็นนักพรตต้องรักษาความบริสุทธิ์ เพื่อพลังที่บริสุทธิ์และคงอยู่ในสัจธรรม แต่เจ้ากลับ… กลับเลือกที่จะเสพสมกับปีศาจ!”ฮั่วอู๋ซวนขบกรามแน่น “ท่านพ่อ ข้าไม่สนใจสัจธรรมที่ท่านกล่าว ข้ารู้เพียงว่า นางเป็นคนเดียวที่ทำให้ข้ารู้สึกสงบสุข และนางมิได้มีเจตนาร้ายใด ๆ ท่านอย่าได้โทษนางเลย”หญิงสาวจิ้งจอกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มรู้สึกผิดหวังในตัวเอง“ท่านอาจารย์ ข้ามิได้มีเจตนาทำร้ายฮั่วอู๋ซวน ข้ารักเขาจริง ๆ… ข้าจะยอมถอยไปเพื่อไม่ให้ข้าต้องเป็นภาระของเขา…”แต่ฮั่วอู๋ซวนคว้ามือของฉี่เยี่ยนหลีไว้แน่น“ไม่! เจ้าจะไม่ไปไหน ข้าเลือกแล้วที่จะอยู่กับเจ้า หากท่านพ่อไม่อาจเข้าใจ ข้าก็จะไม่กลับไปที่สำนักอีก”เจ้าสำนักนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะสูดหายใจลึกและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ในเมื่อเจ้าเลือกเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ข้าจะนับว่าเจ้าไม่ใช่บุ