"ทำไมต้องให้ฉันขึ้นเวทีด้วย"
"เสี่ยสั่งครับ"
ภูเบศเลยต้องยกเหล้าแก้วที่เขาดื่มคาไว้ขึ้นมาดื่มจนหมด แล้ววางแก้วลงกระแทกโต๊ะพร้อมกับดันตัวลุกขึ้น
ตอนที่ภูเบศเดินตรงไปหน้าเวทีแขกที่มาร่วมงานก็มองให้ความสนใจมาก คนในสังคมส่วนใหญ่รู้จักแค่ภูผาแต่ก็ได้ยินอยู่ว่าเสี่ยภูริยังมีลูกชายคนโตอีกหนึ่งคนที่ทำธุรกิจอยู่ทางภาคใต้
เขาไม่ได้เดินไปบันไดเหมือนคนอื่นหรอก แต่พอเดินมาถึงหน้าเวทีภูเบศก็ใช้แรงมือดันร่างตัวเองขึ้นไปด้านบน
ภูริรู้ว่าลูกชายทำเพื่ออยากให้พ่อขายหน้า แต่นาทีนี้เขาจะทำอะไรก็เชิญขอให้ขึ้นมาบนเวทีก็พอแล้ว
"คนนี้หรือคือลูกชายคนโตของเสี่ยภูริ" สาวๆ ในงานต่างก็ให้ความสนใจ ถึงแม้จะดูไม่มีมารยาทแต่รูปร่างหน้าตาของเขากร้าวใจสุดๆ
"คงจะใช่แต่เสียดายจังเลยมารู้ตอนที่กำลังจะมีเมีย"
"อ้าวเจ้าบ่าวงานนี้คือคนนี้หรือ ทีแรกคิดว่าเป็นลูกชายอีกคน"
"ไม่ได้ยินเสี่ยประกาศเมื่อสักครู่หรือว่าให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเวที"
"แล้วเจ้าสาวเป็นใครล่ะ" สิ้นเสียงนี้ก็มีหญิงสาวที่อยู่ในชุดวิวาห์ก้าวขึ้นมาบนเวที ใบหน้าของเธอมีผ้าบางๆ ปิดไว้เหมือนรอให้เจ้าบ่าวเป็นคนเปิดมันเอง
แต่พอคนเป็นเจ้าสาวก้าวขึ้นมาเห็นว่าเจ้าบ่าวของเธอคือใคร เท้าที่กำลังจะก้าวต่อถึงกับชะงักอยู่กับที่เหมือนถูกแช่แข็ง
"พ่อเล่นอะไรผมไม่สนุกด้วยนะครับ" ภูเบศมองไปหาผู้หญิงที่ใส่ชุดเจ้าสาว แต่เธอมีผ้าบางๆ คลุมปิดไว้เลยดูไม่ออกว่าเป็นใคร
"ใครเขาเล่นในงานแต่งกัน เชิญนายทะเบียนขึ้นมาด้วย"
แต่พอได้ยินพ่อเรียกให้นายทะเบียนขึ้นมาภูเบศก็กำลังจะกระโดดลงทางเดิม เดินมายังไม่ถึงขอบเวทีลูกน้องของเสี่ยภูรินับสิบก็มายืนล้อมรอบแถวนั้น
เขาเลยต้องหยุดแล้วหันไปมองหน้าพ่ออีกที เป็นจังหวะเดียวกับนายทะเบียนที่พ่อบอกให้ขึ้นมา ก็ได้ขึ้นมาบนเวที
ส่วนทางด้านเจ้าสาวยังคงตัวแข็งอยู่กับที่ เพราะเธอไม่คิดว่าเจ้าบ่าวของเธอคือผู้ชายคนนี้
"ผมไม่แต่งงานนะครับ"
"ฉันถามแกหรือยังว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง"
"มันหมดยุคคลุมถุงชนแล้วครับพ่อ"
"แล้วแต่แกจะเรียกมันว่าอะไร แต่ผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียของแกต้องคนนี้เท่านั้น"
ภูเบศมองไปรอบๆ เพื่อหาวิธีหยุดยั้งงานแต่งนี้ แต่ก็มองไม่เห็นหนทางไหนเลยลูกน้องก็ไม่เห็นมาสักคน ตกลงมันตายห่ากันไปหมดแล้วเหรอ
"เชิญเจ้าบ่าวด้านนี้เลยครับ" นายทะเบียนเรียกเจ้าบ่าวให้มาเซ็นทะเบียนสมรสก่อน
"ผมก็บอกแล้วไงว่าไม่"
"แกคิดจะแข็งข้อกับพ่อใช่ไหม"
"ผมคิดว่าเจ้าสาวคงไม่อยากจะแต่งงานกับผมหรอกครับพ่อ ลองถามเจ้าสาวดูหรือยังครับ" ในเมื่อเขาหยุดยั้งงานนี้ไม่ได้เลยหันไปหาคนที่จะเป็นเจ้าสาวเพื่อให้เธอช่วยพูด
และพอเสี่ยภูริหันมาทางนี้ คำตอบของเธอคือหยิบปากกาขึ้นมาแล้วเซ็นชื่อลงไปก่อน เพราะสิ่งนี้มันอาจจะเป็นทางรอดเดียวของเธอกับครอบครัวก็ได้
"เธอจะบ้าเหรอ! คงคันอยากได้ผัวมากล่ะสินะ" ประโยคนี้เขาไม่ได้พูดเสียงดังหรอก อาจจะมีแค่คนบนเวทีที่ได้ยิน
"อย่าทำให้งานแต่งล่าช้า" ภูริยื่นปากกาไปใส่มือลูกชาย และพอเห็นแววตาของพ่อภูเบศเลยยอมเซ็นชื่อตัวเองลงไปแบบลวกๆ
"ครั้งนี้ผมยอมตามใจพ่อก็ได้ แต่ถ้าถึงวันหย่าพ่ออย่ามาขัดขวางผมแล้วกัน" เขาจงใจพูดต่อหน้านายทะเบียนเลยว่าอนาคตต้องมีการหย่าเกิดขึ้นแน่
"ขอบคุณมากนะครับที่ช่วย" ภูริเอื้อมไปจับมือกับนายทะเบียน
"มันเป็นเกียรติของผมมากเลยครับ" ไม่มีใครหรอกที่ไม่อยากสานสัมพันธ์กับเสี่ยภูริ ยิ่งให้ความช่วยเหลือเสี่ยได้นั่นมันถือเป็นนิมิตหมายที่ดีเลยล่ะ
หลังจากจดทะเบียนสมรสเสร็จภูเบศก็กระโดดลงจากเวที ส่วนเจ้าสาวของเขายังคงยืนอยู่ด้านบน
"ไม่มีอะไรหรอกครับ ลูกชายผมดีใจมากที่กำลังจะมีเมีย เชิญทุกท่านดื่มกินกันได้ตามสบาย ขาดเหลืออะไรก็แจ้งกับพนักงานได้เลยครับ" ภูริกล่าวผ่านไมโครโฟนเพื่อแจ้งกับแขก แล้วก็ปล่อยงานให้ดำเนินไปโดยไม่มีเจ้าบ่าวอยู่ในงานอีกต่อไป
ส่วนเจ้าสาวพ่อของเธอก็มาพาตัวลงจากเวที และพอพูดจบภูริก็เดินตามสองพ่อลูกลงมา
"เสี่ยครับ" สินธุรออยากจะคุยกับเสี่ยภูริ เพราะเห็นแล้วว่าลูกเขยของท่านไม่ได้เต็มใจแต่งงานเลย
"ผมสัญญาแล้วไงว่าจะดูแลลูกสาวของคุณให้เป็นอย่างดี คุณใช้ชีวิตให้มีความสุขกับสิ่งที่ผมมอบให้เถอะ" ภูริมอบบริษัทในเครือให้กับสินธุ ส่วนหุ้นในอนันต์ไพศาลสินธุก็ยังคงถืออยู่เท่าเดิม ทีแรกเสี่ยภูริว่าจะเล่นงานณภัทรแล้วแต่สินธุขอไว้ เพราะอีกฝ่ายก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ถึงแม้จะมีหุ้นส่วนไม่มากแต่ก็ได้เงินส่วนนั้นมาเลี้ยงดูครอบครัว
ข้าวสวยต้องกลับมาบ้านพ่อสามี เพราะเรือนหอจัดไว้ที่นี่ คิดแล้วก็ขำเจ้าสาวเข้าเรือนหอคนเดียวไร้เงาของเจ้าบ่าว
[สถานบันเทิง]
"จริงเหรอที่กูได้ยินมาว่าเจ้าบ่าวในงานคืนนี้คือมึง" อัศวินเดินออกมาก็เห็นเพื่อนนั่งดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์
"กูอุตส่าห์หนีมาดื่มที่นี่มึงยังจะพูดเรื่องนี้ให้กูปวดหัวอีกหรือวะ"
"ก็กูสงสัยนี่ ว่าแต่เจ้าสาวคนนั้นเป็นใคร"
"กูไม่รู้"
"อ้าว มึงไม่รู้จักเมียมึงเหรอ"
"มึงอย่าพูดคำนี้กับกูอีก ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เมียกู"
"แต่ข่าวก็ออกมาแล้วนะว่ามึงจดทะเบียนสมรสกับเธอ"
"พ่อกูเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ" ว่าแล้วภูเบศก็ยกเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว แล้วก็ส่งให้บาร์เทนเดอร์ผสมเพิ่มมาให้ใหม่
"อย่าดื่มมากนักล่ะเดี๋ยวก็ไปเข้าหอไม่ไหวหรอก"
"ใครบอกว่ากูจะไป"
"อย่าบอกนะว่าคืนเข้าหอมึงจะมาเข้าหอไนท์คลับของกู"
"จัดเจ้าสาวมาให้กูสักสิบคน มาดูกันสิว่าผู้หญิงคนนั้นจะทนได้สักกี่น้ำ" คิดว่าจะมีสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นเพื่อให้ผู้หญิงที่พ่อหามาทนไม่ไหว
"มึงนี่พ่อบ้านใจกล้ามากเลยนะ เดี๋ยวกูจัดให้" อัศวินสั่งคนไปจัดเรือนหอให้กับภูเบศพร้อมเจ้าสาวสิบคน
[บ้านอภิวัฒนา]
กลับมาถึงบ้านก็มีพี่เลี้ยงมาช่วยเธอถอดชุดวิวาห์และเครื่องประดับ
"ขอบคุณพวกพี่ๆ มากนะคะ เดี๋ยวที่เหลือฉันจะทำเองค่ะ"
"ถ้าคุณผู้หญิงมีอะไรให้พวกเรารับใช้เรียกได้เลยนะคะ"
"คุณผู้หญิง?" ทำไมเธอไม่ชินกับคำนี้ ..หลังจากพี่เลี้ยงออกไปแล้วเธอก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูว่ามีเสื้อผ้าไหมเพราะเธอจะไปอาบน้ำ
แต่พอเปิดตู้สิ่งที่มองเห็นถึงกับทำให้ตาเธอลุกวาวขึ้นมา มองดูเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ในตู้แต่ละชิ้นแต่ละตัวราคามันไม่ใช่น้อยๆ เลย และเธอก็รู้ว่าของพวกนี้ต้องเป็นเสี่ยภูริที่จัดมาให้
ว่าแต่เสี่ยคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เธอมองในตอนแรก ทีแรกคิดว่าเจ้าบ่าวของเธอเป็นเสี่ยนี่ซะอีก แต่ที่ไหนได้... คิดมาถึงตรงนี้เธอก็พอจะเดาออก เขาไม่ต่างจากเธอที่คิดว่าเจ้าบ่าวของเธอคือเสี่ยภูริ เขาถึงได้ให้คนมาจับตัวเธอไป แต่ทำไมลูกชายเหมือนจะเป็นศัตรูกับพ่อเลยล่ะ เพราะแต่ละคำพูดเขาไม่ได้เรียกเสี่ยว่าพ่อเลย แถมยังด่าว่าไอ้เสี่ยแก่และเสี่ยบ้ากามอีก
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมพร้อมที่จะเข้านอน ก็มีคนมาเคาะประตูห้อง
"ใครคะ"
"พวกเราเอาตัวเจ้าบ่าวมาส่งครับ"
ด้วยความที่เมื่อคืนดื่มหนักพอขึ้นเครื่องเขาก็หลับ เพราะแบบนี้แหละบนเครื่องบินส่วนตัวของเขาเลยต้องมีเตียงนอนไว้ให้ด้วย และเดินทางไม่นานก็มาถึงที่หมาย"นี่คุณภูเบศตื่นได้แล้วค่ะ""อืมม!" ชายหนุ่มพลิกตัวแล้วเอาหมอนขึ้นมาปิดหูตัวเองไว้"จะนอนอยู่นี่ใช่ไหม ถ้างั้นฉันไปคนเดียวก็ได้""อะไรของเธอวะ!" เขาเลยจำเป็นต้องลุก เดินลงมาจากเครื่องก็มีรถมาจอดรอรับอยู่แล้ว"สวัสดีครับนายหัว""โผล่หัวมาได้แล้วหรือพวกมึง""ขอโทษครับนายหัวพวกเราถูกคุมกำเนิดครับ""เดี๋ยวกูไล่ออกให้หมดเลยนี่ พวกมึงเป็นลูกน้องใครกันแน่วะระหว่างกูกับพ่อกู""เป็นลูกน้องนายหัวครับ แต่ไม่กล้างัดข้อกับเสี่ยครับ"เธอก็อยากรู้อยู่หรอกว่าอีตาบ้าเนี่ยไปมีเรื่องมีราวอะไรกับพ่อตัวเอง เพราะเธอก็เห็นอยู่ว่าพ่อของเขารักเขามากขนาดไหนใช้เวลานั่งรถมาร่วมชั่วโมงก็มาถึงปางไม้ตอนรถวิ่งเข้ามาเธอก็รู้สึกใจคอไม่ดี เพราะเหตุการณ์ครั้งแรกที่ถูกเขาพาตัวมาอยู่ที่นี่มันยังคงฝังใจ แต่ครั้งนี้เธอมาในฐานะภรรยาของเขา คงไม่เป็นแบบครั้งนั้นหรอกมั้ง"นายหัวคะ" เห็นรถที่ออกไปรับนายหัววิ่งเข้ามามะนาวก็รีบมารับหน้า "?" แต่พอประตูเปิดออกก็เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นติ
"ขอโทษครับนาย" มาถึงวัลลภก็โค้งลำตัวขอโทษยกใหญ่เลย"มึงได้รับโทษแน่" ตอนนี้อยู่ที่สาธารณะถ้าทำอะไรลงไปเดี๋ยวคนก็มองเลยต้องทดไว้ในใจก่อน"แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างครับ""มึงติดต่อรถพยาบาลมาหรือยัง""ติดต่อมาแล้วครับเดี๋ยวก็คงมาถึง""ให้รถพยาบาลรับตัวเธอเข้าไปรักษา""ดูนายจะเป็นห่วงเธอจังเลยนะครับ""เรื่องของมึงยังไม่เคลียร์ไม่ต้องมาเสือกเรื่องคนอื่น""ขอโทษครับนายหัว" จะพูดก็พูดไม่ได้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะฝีมือของเสี่ยพ่อของนายหัวนั่นแหละ เพราะภูริสั่งไว้ห้ามพูดให้ลูกชายฟัง รวมไปถึงเรื่องสถานที่ที่ถูกจัดไว้ให้ก็เป็นฝีมือของเสี่ยภูริเช่นกันข้าวสวยถูกพาตัวมารักษาที่โรงพยาบาลในตัวกรุงเทพฯ ส่วนภูริก็แยกจากเธอตั้งแต่ตอนที่รถพยาบาลมารับตัวแล้ว"เป็นไงบ้างวะชีวิตมีความสุขดีอยู่หรือเปล่า""ก็เรื่อยๆ""วันนี้ต้องการเด็กกี่คนบอกมาได้เลยเดี๋ยวจัดให้""กูแค่อยากมาดื่ม มึงมาดื่มเป็นเพื่อนกูหน่อยสิวะ""มีเรื่องกับพ่ออีกแล้วใช่ไหมเนี่ย""เปล่าหรอก""ถ้างั้นเดี๋ยวกูไปเคลียร์งานก่อนจะมานั่งดื่มเป็นเพื่อน อย่าเพิ่งเมาก่อนแล้วกัน" ว่าแล้วอัศวินก็ออกจากห้อง VIP ไป ที่ห้องทำงานส่วนทางด
"โอ๊ย กัดลงมาได้ยังไงวะ!" ขณะที่กำลังเร่งความเร็ว ข้าวสวยก็กัดลงที่ต้นแขนของเขา จนภูเบศต้องถอดมันออกก่อนเพราะหมดอารมณ์"ออกไปนะ!" เธอรีบขยับตัวให้ออกห่างเขามากที่สุด"ไม่ไปโว้ย" "ฉันบอกให้ออกไปไง!" หญิงสาวควานหาของทุ่นแรงที่จะใช้ไล่เขาออกไป แต่ในมุ้งนี้นอกจากหมอนกับพัดลมแล้วก็ไม่มีอะไร ถ้าจะเอาพัดลมปาเดี๋ยวก็ไม่มีพัดลมใช้เธอเลยต้องใช้หมอน"ไปก็ได้วะ" ภูเบศเก็บของสงวนเข้าที่ไว้ก่อน จะให้เอาอีกก็คงไม่มีอารมณ์แล้ว เจ็บก็เจ็บกัดลงมาได้ยังไง ดีนะเนื้อไม่ขาดติดปากไปด้วย"ไอ้บ้าไอ้เลว" ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่เสร็จสมอารมณ์หมายแต่มันก็ทำให้เธอเจ็บจุกได้ กระแทกขนาดนั้น เราจะท้องไหมเนี่ย แต่มันยังไม่ปล่อยน้ำคงไม่ท้องหรอกมั้งภูเบศลงมาข้างล่างก็เลยต้องใช้โต๊ะไม้ที่อยู่ข้างล่างเป็นที่นอน แต่โต๊ะไม้ทำขึ้นมาเพื่อนั่งพอใช้เป็นที่นอนก็อึดอัด เพราะความยาวของมันไม่เท่าความยาวของร่างกายเขาเลย ไอ้วัลลภมึงอย่าให้กูเจอตัวมึงนะ กูจะเอาให้มึงหยอดน้ำข้าวต้มเลยคอยดูสิ วันที่สามแล้วยังไม่เข้ามาดูเลยว่าเจ้านายเป็นยังไง แต่ขณะที่กำลังคิดโมโหให้ลูกน้องเขาก็คิดไปถึงเรื่องเมื่อสักครู่ ทำไมจะดูไม่ออกว่าเธอยังไม่มีอะไ
"แอะๆ กรี๊ดดดด" หญิงสาวพยายามจะขึ้นจากน้ำแต่เหมือนมีคนดึงตัวเธอไว้เลยถีบเข้าให้ พอเป็นอิสระเธอก็โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ"โอ๊ยย ถีบมาได้ยังไงวะ!""คุณ?!""ก็กูน่ะสิ!!""คุณเล่นบ้าอะไรล่ะ""ถ้าไม่ทำแบบนี้เธอจะลงมางมหอยช่วยฉันเหรอ""ใครจะลงมางมหอยช่วยคุณ" ที่จริงเธอไม่ได้กระโดดลงมาดูเขาด้วยซ้ำแต่ลื่นตกลงมาเอง ข้าวสวยกำลังจะปีนขึ้นไปแต่ถูกเขาดึงตัวกลับลงมาจนผ้าถุงที่เธอใส่อยู่หลุดออก"กรี๊ดดด" หญิงสาวรีบคว้าดึงผ้าถุงไว้ แต่เขาก็ยังแกล้งดึงปลายผ้าถุงไม่ให้เธอใส่กลับคืนไปได้"คุณภูเบศอย่าเล่นแบบนี้สิ!""จะช่วยฉันเก็บหอยไหมล่ะ""ช่วยก็ได้ปล่อยผ้าถุงฉันก่อน" เขาเลยยอมปล่อยผ้าถุงให้เธอใส่มันให้เรียบร้อยทั้งสองช่วยกันงมหอย ภูเบศงมน้ำลึกหน่อยส่วนเธองมช่วงริมตลิ่ง"กรี๊ดดด" ขณะที่ใจจดใจจ่อกับการงมหอยอยู่ดีๆ ขาของเธอก็เหมือนมีอะไรมาจับ"อ้าว ฉันนึกว่าได้ปลา ที่ไหนได้ขาคนหรือนี่""คนบ้าฉันตกใจหมดเลย!""ฮ่าาๆ" ที่จริงเขามองเห็นแล้วล่ะ ตั้งใจอยากจะแกล้งมากกว่า "อ้าวแล้วนั่นจะไปไหน""จะขึ้นน่ะสิ""พอแล้วเหรอ""คุณงมต่อไปเลยนะ!" ข้าวสวยเอาที่เขางมได้ขึ้นมาด้วย พอเดินมาถึงบ้านเธอก็หุงข้าวทิ้งไว้ก่อนเลยระห
อืมมม ทานเข้าไปคำแรกก็รู้สึกถึงความเผ็ดของพริกและกระเทียม แต่ก็ตัดเค็มด้วยน้ำปลามะนาวแถมยังมีรสหวานติดปลายลิ้นเล็กน้อยข้าวสวยก็ไม่ได้มองเขาแบบเต็มตาหรอกแค่แอบชำเลืองมอง เห็นว่าเขาเริ่มตักคำที่สอง คำที่สามคิดว่าเขาคงกินได้แหละแบบนี้ก็กินได้ด้วยเหรอ กินไปจนข้าวจะหมดจานก็ยังมีคำถามเดิมผุดเข้ามาในหัว แสดงว่าชาวบ้านที่ไม่มีกำลังทรัพย์ที่อยู่ตามหัวไร่ปลายนาเขาหากินกันแบบนี้เองเหรออิ่มแล้วข้าวสวยก็ยกเอาถ้วยข้าวตัวเองเข้าไปล้าง พอออกมาก็เห็นว่าเขาอิ่มแล้วเช่นกัน แต่เขาไม่เก็บถ้วยชามที่เหลือ "นี่คุณกินทิ้งไว้แบบนั้นไม่คิดจะเก็บเลยหรือไง" "ก็เก็บเองสิ""ที่นี่ไม่มีคนรับใช้ใครกินก็ต้องเก็บ ของที่เหลือคุณกินเสร็จคนสุดท้ายคุณก็ต้องเก็บ""เรื่องอะไร" ว่าแล้วภูเบศก็เดินออกไปจากบ้าน เขาเดินดูบรรยากาศรอบๆ ทำไมไอ้วัลลภถึงหาที่แบบนี้ได้เร็วจัง เรื่องนี้เขาก็คิดอยู่หรอก เพราะที่นี่มันบรรยากาศดีมากเลย แถมเครื่องอำนวยความสะดวกก็มีครบถึงแม้บ้านจะเป็นแค่บ้านไม้ชั้นล่างเปิดโล่งแต่ก็มีห้องครัวไว้ทำอาหาร ไม้ผนังห้องครัวยังใหม่ๆ อยู่เลยเห็นเขาไม่เก็บถ้วยชามข้าวสวยเลยต้องเป็นคนเก็บเอง เก็บเสร็จเธอก็ขึ้นไป
"ตามไปใช่ไหมครับ" เห็นนายหัวเดินมาขึ้นรถก็รู้แล้วว่าต้องตามรถคันนั้นไป "รู้แล้วมึงจะถามทำไมรีบตามไปสิ""แต่คนของเสี่ยคุ้มกันแน่นหนาเลยนะครับ""ตามไปก่อน ค่อยหาโอกาสอีกที""ครั้งนี้ถ้าเสี่ยรู้ว่านายหัวทำแบบเดิมผมกลัวว่า..""มึงไม่ต้องพูดมากได้ไหมกูบอกให้ตามไง!"รถคนของพ่อเขาขับพาเธอมาที่บริษัทแห่งหนึ่ง และภูเบศก็ตามมาจนถึงที่นี่"มาทำไมที่นี่วะ""ผมก็ยังไม่แน่ใจครับ""สวัสดีค่ะคุณหนู" พนักงานต้อนรับรีบออกมาต้อนรับเหมือนเช่นเคย"สวัสดีค่ะ"ทุกครั้งคนของเสี่ยมาส่งที่นี่ก็จะรออยู่แถวนี้ แต่ครั้งนี้รถทั้งสองคันขับออกไป เลยเป็นโอกาสให้วัลลภได้เข้ามาสอบถามด้วยความกะล่อนของวัลลภถึงแม้พนักงานจะบ่ายเบี่ยงแต่ก็ยังชวนคุยจนรู้ว่าผู้หญิงที่เข้าไปเมื่อสักครู่เป็นลูกสาวของท่านประธาน และรู้ไปอีกว่า ท่านประธานคนนี้คือคนใหม่ที่เพิ่งมารับตำแหน่ง"หึ! คงจะเข้ามาเสพสุขกันทั้งครอบครัวเลยสิ ถึงกับยกบริษัทให้เลย""แล้วนายหัวจะเอายังไงต่อดีครับ""ครั้งนี้กูว่าลากลงใต้เลยดีกว่าไหม""จะใต้หรือเหนือตอนนี้เสี่ยก็รู้ที่กบดานของเราแล้วครับ""มึงมีหัวไว้กั้นหูเฉยๆ หรือวะช่วยกูคิดหน่อยสิ"หลังจากคุยกับพ่ออยู่ไม่นานข