LOGIN"ทำไมต้องให้ฉันขึ้นเวทีด้วย"
"เสี่ยสั่งครับ"
ภูเบศเลยต้องยกเหล้าแก้วที่เขาดื่มคาไว้ขึ้นมาดื่มจนหมด แล้ววางแก้วลงกระแทกโต๊ะพร้อมกับดันตัวลุกขึ้น
ตอนที่ภูเบศเดินตรงไปหน้าเวทีแขกที่มาร่วมงานก็มองให้ความสนใจมาก คนในสังคมส่วนใหญ่รู้จักแค่ภูผาแต่ก็ได้ยินอยู่ว่าเสี่ยภูริยังมีลูกชายคนโตอีกหนึ่งคนที่ทำธุรกิจอยู่ทางภาคใต้
เขาไม่ได้เดินไปบันไดเหมือนคนอื่นหรอก แต่พอเดินมาถึงหน้าเวทีภูเบศก็ใช้แรงมือดันร่างตัวเองขึ้นไปด้านบน
ภูริรู้ว่าลูกชายทำเพื่ออยากให้พ่อขายหน้า แต่นาทีนี้เขาจะทำอะไรก็เชิญขอให้ขึ้นมาบนเวทีก็พอแล้ว
"คนนี้หรือคือลูกชายคนโตของเสี่ยภูริ" สาวๆ ในงานต่างก็ให้ความสนใจ ถึงแม้จะดูไม่มีมารยาทแต่รูปร่างหน้าตาของเขากร้าวใจสุดๆ
"คงจะใช่แต่เสียดายจังเลยมารู้ตอนที่กำลังจะมีเมีย"
"อ้าวเจ้าบ่าวงานนี้คือคนนี้หรือ ทีแรกคิดว่าเป็นลูกชายอีกคน"
"ไม่ได้ยินเสี่ยประกาศเมื่อสักครู่หรือว่าให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเวที"
"แล้วเจ้าสาวเป็นใครล่ะ" สิ้นเสียงนี้ก็มีหญิงสาวที่อยู่ในชุดวิวาห์ก้าวขึ้นมาบนเวที ใบหน้าของเธอมีผ้าบางๆ ปิดไว้เหมือนรอให้เจ้าบ่าวเป็นคนเปิดมันเอง
แต่พอคนเป็นเจ้าสาวก้าวขึ้นมาเห็นว่าเจ้าบ่าวของเธอคือใคร เท้าที่กำลังจะก้าวต่อถึงกับชะงักอยู่กับที่เหมือนถูกแช่แข็ง
"พ่อเล่นอะไรผมไม่สนุกด้วยนะครับ" ภูเบศมองไปหาผู้หญิงที่ใส่ชุดเจ้าสาว แต่เธอมีผ้าบางๆ คลุมปิดไว้เลยดูไม่ออกว่าเป็นใคร
"ใครเขาเล่นในงานแต่งกัน เชิญนายทะเบียนขึ้นมาด้วย"
แต่พอได้ยินพ่อเรียกให้นายทะเบียนขึ้นมาภูเบศก็กำลังจะกระโดดลงทางเดิม เดินมายังไม่ถึงขอบเวทีลูกน้องของเสี่ยภูรินับสิบก็มายืนล้อมรอบแถวนั้น
เขาเลยต้องหยุดแล้วหันไปมองหน้าพ่ออีกที เป็นจังหวะเดียวกับนายทะเบียนที่พ่อบอกให้ขึ้นมา ก็ได้ขึ้นมาบนเวที
ส่วนทางด้านเจ้าสาวยังคงตัวแข็งอยู่กับที่ เพราะเธอไม่คิดว่าเจ้าบ่าวของเธอคือผู้ชายคนนี้
"ผมไม่แต่งงานนะครับ"
"ฉันถามแกหรือยังว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง"
"มันหมดยุคคลุมถุงชนแล้วครับพ่อ"
"แล้วแต่แกจะเรียกมันว่าอะไร แต่ผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียของแกต้องคนนี้เท่านั้น"
ภูเบศมองไปรอบๆ เพื่อหาวิธีหยุดยั้งงานแต่งนี้ แต่ก็มองไม่เห็นหนทางไหนเลยลูกน้องก็ไม่เห็นมาสักคน ตกลงมันตายห่ากันไปหมดแล้วเหรอ
"เชิญเจ้าบ่าวด้านนี้เลยครับ" นายทะเบียนเรียกเจ้าบ่าวให้มาเซ็นทะเบียนสมรสก่อน
"ผมก็บอกแล้วไงว่าไม่"
"แกคิดจะแข็งข้อกับพ่อใช่ไหม"
"ผมคิดว่าเจ้าสาวคงไม่อยากจะแต่งงานกับผมหรอกครับพ่อ ลองถามเจ้าสาวดูหรือยังครับ" ในเมื่อเขาหยุดยั้งงานนี้ไม่ได้เลยหันไปหาคนที่จะเป็นเจ้าสาวเพื่อให้เธอช่วยพูด
และพอเสี่ยภูริหันมาทางนี้ คำตอบของเธอคือหยิบปากกาขึ้นมาแล้วเซ็นชื่อลงไปก่อน เพราะสิ่งนี้มันอาจจะเป็นทางรอดเดียวของเธอกับครอบครัวก็ได้
"เธอจะบ้าเหรอ! คงคันอยากได้ผัวมากล่ะสินะ" ประโยคนี้เขาไม่ได้พูดเสียงดังหรอก อาจจะมีแค่คนบนเวทีที่ได้ยิน
"อย่าทำให้งานแต่งล่าช้า" ภูริยื่นปากกาไปใส่มือลูกชาย และพอเห็นแววตาของพ่อภูเบศเลยยอมเซ็นชื่อตัวเองลงไปแบบลวกๆ
"ครั้งนี้ผมยอมตามใจพ่อก็ได้ แต่ถ้าถึงวันหย่าพ่ออย่ามาขัดขวางผมแล้วกัน" เขาจงใจพูดต่อหน้านายทะเบียนเลยว่าอนาคตต้องมีการหย่าเกิดขึ้นแน่
"ขอบคุณมากนะครับที่ช่วย" ภูริเอื้อมไปจับมือกับนายทะเบียน
"มันเป็นเกียรติของผมมากเลยครับ" ไม่มีใครหรอกที่ไม่อยากสานสัมพันธ์กับเสี่ยภูริ ยิ่งให้ความช่วยเหลือเสี่ยได้นั่นมันถือเป็นนิมิตหมายที่ดีเลยล่ะ
หลังจากจดทะเบียนสมรสเสร็จภูเบศก็กระโดดลงจากเวที ส่วนเจ้าสาวของเขายังคงยืนอยู่ด้านบน
"ไม่มีอะไรหรอกครับ ลูกชายผมดีใจมากที่กำลังจะมีเมีย เชิญทุกท่านดื่มกินกันได้ตามสบาย ขาดเหลืออะไรก็แจ้งกับพนักงานได้เลยครับ" ภูริกล่าวผ่านไมโครโฟนเพื่อแจ้งกับแขก แล้วก็ปล่อยงานให้ดำเนินไปโดยไม่มีเจ้าบ่าวอยู่ในงานอีกต่อไป
ส่วนเจ้าสาวพ่อของเธอก็มาพาตัวลงจากเวที และพอพูดจบภูริก็เดินตามสองพ่อลูกลงมา
"เสี่ยครับ" สินธุรออยากจะคุยกับเสี่ยภูริ เพราะเห็นแล้วว่าลูกเขยของท่านไม่ได้เต็มใจแต่งงานเลย
"ผมสัญญาแล้วไงว่าจะดูแลลูกสาวของคุณให้เป็นอย่างดี คุณใช้ชีวิตให้มีความสุขกับสิ่งที่ผมมอบให้เถอะ" ภูริมอบบริษัทในเครือให้กับสินธุ ส่วนหุ้นในอนันต์ไพศาลสินธุก็ยังคงถืออยู่เท่าเดิม ทีแรกเสี่ยภูริว่าจะเล่นงานณภัทรแล้วแต่สินธุขอไว้ เพราะอีกฝ่ายก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ถึงแม้จะมีหุ้นส่วนไม่มากแต่ก็ได้เงินส่วนนั้นมาเลี้ยงดูครอบครัว
ข้าวสวยต้องกลับมาบ้านพ่อสามี เพราะเรือนหอจัดไว้ที่นี่ คิดแล้วก็ขำเจ้าสาวเข้าเรือนหอคนเดียวไร้เงาของเจ้าบ่าว
[สถานบันเทิง]
"จริงเหรอที่กูได้ยินมาว่าเจ้าบ่าวในงานคืนนี้คือมึง" อัศวินเดินออกมาก็เห็นเพื่อนนั่งดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์
"กูอุตส่าห์หนีมาดื่มที่นี่มึงยังจะพูดเรื่องนี้ให้กูปวดหัวอีกหรือวะ"
"ก็กูสงสัยนี่ ว่าแต่เจ้าสาวคนนั้นเป็นใคร"
"กูไม่รู้"
"อ้าว มึงไม่รู้จักเมียมึงเหรอ"
"มึงอย่าพูดคำนี้กับกูอีก ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เมียกู"
"แต่ข่าวก็ออกมาแล้วนะว่ามึงจดทะเบียนสมรสกับเธอ"
"พ่อกูเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ" ว่าแล้วภูเบศก็ยกเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว แล้วก็ส่งให้บาร์เทนเดอร์ผสมเพิ่มมาให้ใหม่
"อย่าดื่มมากนักล่ะเดี๋ยวก็ไปเข้าหอไม่ไหวหรอก"
"ใครบอกว่ากูจะไป"
"อย่าบอกนะว่าคืนเข้าหอมึงจะมาเข้าหอไนท์คลับของกู"
"จัดเจ้าสาวมาให้กูสักสิบคน มาดูกันสิว่าผู้หญิงคนนั้นจะทนได้สักกี่น้ำ" คิดว่าจะมีสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นเพื่อให้ผู้หญิงที่พ่อหามาทนไม่ไหว
"มึงนี่พ่อบ้านใจกล้ามากเลยนะ เดี๋ยวกูจัดให้" อัศวินสั่งคนไปจัดเรือนหอให้กับภูเบศพร้อมเจ้าสาวสิบคน
[บ้านอภิวัฒนา]
กลับมาถึงบ้านก็มีพี่เลี้ยงมาช่วยเธอถอดชุดวิวาห์และเครื่องประดับ
"ขอบคุณพวกพี่ๆ มากนะคะ เดี๋ยวที่เหลือฉันจะทำเองค่ะ"
"ถ้าคุณผู้หญิงมีอะไรให้พวกเรารับใช้เรียกได้เลยนะคะ"
"คุณผู้หญิง?" ทำไมเธอไม่ชินกับคำนี้ ..หลังจากพี่เลี้ยงออกไปแล้วเธอก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูว่ามีเสื้อผ้าไหมเพราะเธอจะไปอาบน้ำ
แต่พอเปิดตู้สิ่งที่มองเห็นถึงกับทำให้ตาเธอลุกวาวขึ้นมา มองดูเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ในตู้แต่ละชิ้นแต่ละตัวราคามันไม่ใช่น้อยๆ เลย และเธอก็รู้ว่าของพวกนี้ต้องเป็นเสี่ยภูริที่จัดมาให้
ว่าแต่เสี่ยคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เธอมองในตอนแรก ทีแรกคิดว่าเจ้าบ่าวของเธอเป็นเสี่ยนี่ซะอีก แต่ที่ไหนได้... คิดมาถึงตรงนี้เธอก็พอจะเดาออก เขาไม่ต่างจากเธอที่คิดว่าเจ้าบ่าวของเธอคือเสี่ยภูริ เขาถึงได้ให้คนมาจับตัวเธอไป แต่ทำไมลูกชายเหมือนจะเป็นศัตรูกับพ่อเลยล่ะ เพราะแต่ละคำพูดเขาไม่ได้เรียกเสี่ยว่าพ่อเลย แถมยังด่าว่าไอ้เสี่ยแก่และเสี่ยบ้ากามอีก
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมพร้อมที่จะเข้านอน ก็มีคนมาเคาะประตูห้อง
"ใครคะ"
"พวกเราเอาตัวเจ้าบ่าวมาส่งครับ"
"คนไข้ยังขยับตัวไม่ได้นะคะ" คุณหมอเห็นว่าข้าวสวยพยายามจะลุกจากเตียงเลยเข้ามาห้าม "ฉันจะไปดูสามีฉันค่ะ""ช่วงนี้คุณจะขยับตัวไม่ได้นะคะ""ทำไมคะ" เธอก็เห็นว่าร่างกายของเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก"เสี่ยงต่อการแท้งค่ะ""ลูก?" นี่เธอลืมได้ยังไง "ลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะ""เด็กยังอยู่ค่ะ แต่คุณต้องนอนอยู่นิ่งๆ ห้ามขยับตัว" แล้วคุณหมอก็แจ้งอาการเบื้องต้นจากการตรวจ เพราะเธอถูกทำร้ายร่างกาย โชคดีที่ไม่ถูกท้องถ้าไม่งั้นคงรักษาเด็กไว้ไม่ได้ตอนที่เธอรู้ว่าถูกจับตัวไป พยายามต่อสู้เลยถูกพวกมันทำร้ายร่างกาย โชคดีที่มันไม่ได้ต่อยเข้ามาที่ท้องถ้าไม่งั้นป่านนี้ลูกก็คงไม่อยู่กับเธอแล้วข้าวสวยเลยทำตามที่คุณหมอบอกนอนอยู่นิ่งๆ ไม่นานเสี่ยภูริที่ไปดูลูกชายก็กลับมาบอกอาการ ว่าตอนนี้ภูเบศฟื้นแล้วแต่ก็ยังขยับตัวมากไม่ได้ได้ยินแค่นี้เธอก็หายใจโล่งขึ้นมากเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าเขายังเป็นห่วงเธอกับลูก ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยวันต่อมา.. วันนี้คุณหมอให้ออกจากห้อง ICU เพื่อไปพักฟื้นที่ห้อง VIP ที่เตรียมไว้ แต่ภูเบศขอไปพักฟื้นห้องเดียวกับเธอ ถึงแม้ทุกคนจะบอกว่าตอนนี้เธอปลอดภัยดีแล้วแต่เขาก็ยังไม่เชื่อใจ คุณหม
"เจอไหม" จากที่เมาๆ อยู่พอกลับบ้านมาไม่เห็นเมียตอนนี้รู้สึกสร่างเมาเลย"ไม่เจอเลยครับผมกำลังให้คนเช็คกล้องวงจรปิดอยู่ครับ" พูดจบคนที่เช็คกล้องวงจรปิดก็รีบวิ่งมาหา "เป็นยังไงบ้าง""นายหญิงออกไปตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วครับ""ไปไหน""กล้องจับภาพได้แค่ตอนเดินออกไปแต่ไม่รู้ว่าไปกับใครไปที่ไหน" แล้วลูกน้องคนนั้นก็ยื่นคลิปกล้องวงจรปิดให้ดู เหมือนรถคันที่มารับเธอจะรู้มุมกล้องวงจรปิดดี..จะไม่รู้ได้ยังไงก็คนในบ้านเป็นไส้ศึกเสียเอง"ให้คนไปดูที่สถานีรถ" เขาคิดว่าเธอต้องหนีกลับแน่เลย เพราะเธอเคยหนีแบบนี้มาแล้วหลายครั้งและคนของเหมืองก็รีบไปเช็คที่สถานีรถทั้งรถไฟและรถทัวร์ ส่วนสนามบินอยู่ไกลมากคิดว่าเธอคงไม่ไปหรอก แต่เพื่อความชัวร์เขาให้อีกชุดหนึ่งไปดูที่สนามบินจนถึงตอนเช้าก็ยังไม่ได้ข่าว ไม่ใช่ไม่ได้ข่าวจากลูกน้องหรอกไม่ได้ข่าวของเธอนี่แหละ เพราะลูกน้องก็ส่งข่าวมาอยู่ว่าหาไม่เจอไม่เห็นร่องรอยของเธอเลยเรื่องมันชักจะไม่เข้าท่าแล้วเขาเลยต้องไปที่สถานีตำรวจ ให้ตำรวจช่วยอีกแรง เพราะอยากยืมมือตำรวจประสานงานไปที่สน.อื่นด้วยที่จริงถ้ายังหายไปไม่ครบ 24 ชั่วโมงตำรวจจะยังไม่รับแจ้งความ แต่นี่นายหัวภูเบศมา
ข้าวสวยและจินดาไม่ได้พูดคุยอะไรกันหรอก หลังจากเหตุการณ์นั้นข้าวสวยก็เดินกลับมา"ไปไหนมา" เขากลับมาไม่เห็นเธอกำลังจะใช้คนให้ไปตามหาอยู่พอดีเลยแต่เห็นเธอเดินกลับมาก่อน"ไปเดินเล่น" ข้าวสวยพูดแค่นี้แล้วก็เดินผ่านหน้าของเขาไป"เรื่องห่อหมกเดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ป้าซื้อจากตลาดมาให้ใหม่""ฉันไม่อยากกินแล้ว""ยังโกรธอยู่เหรอ""ทำไมฉันต้องโกรธด้วย""ก็บอกจะซื้อมาให้ใหม่ไง""ฉันอยากจะกลับแล้ว" เธอไม่อยากพูดเรื่องห่อหมกอะไรนั่นแล้ว และขณะที่เธอกำลังยืนคุยกับภูเบศอยู่ จินดาก็เดินกลับมาพอดี สายตาของข้าวสวยมองไปและเป็นจังหวะเดียวกับที่จินดามองมาทั้งสองสบตากัน จินดาเริ่มพะวงแล้วกลัวว่าข้าวสวยจะเอาเรื่องนั้นมาพูดกับนายหัว"แม่ แม่ไปไหนมาหนูนุ้ยหาแม่ไม่เจอ" หนูนุ้ยเห็นแม่มาก็รีบวิ่งเข้าไปกอด"แม่ไปเดินเล่นมา""นายผู้หญิงทานอะไรหรือยัง" เขามองตามหลังเธอที่เดินขึ้นบ้านแล้วหันไปถามจินดาว่าเธอทานข้าวหรือยัง"ทานแล้วค่ะ" จินดาไม่รู้หรอกว่าทานหรือไม่ทาน เพราะตัวเองออกไปก่อนแถมยังกลับเข้ามาทีหลังภูเบศได้ยินว่าเธอทานแล้วเขาเลยบอกให้จินดาเตรียมอาหารมาให้ ทีแรกว่าจะกลับมาทานพร้อมเธอนั่นแหละ แต่ถ้าเธอทานแล้วเขาก็
ดึกๆ คืนนั้น..เธอรู้สึกตัวตื่นเพราะมีคนนอนลงข้างๆ แต่พอนอนลงเขาก็ตะแคงหันหลังให้เขามาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ..ข้าวสวยเห็นว่าเขาไม่สนใจเธอเลยแกล้งลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ที่จริงก็ไม่ได้แกล้งหรอกปวดจริงๆ นี่แหละออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขามองมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ข้าวสวยเลยเดินไปนอนที่เดิมของเธอ"คุณยังคิดเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าคะ""คิดเหมือนเดิมหมายความว่ายังไง""คิดว่าฉันทำลูกสาวคุณหัวโนไง""เราจะไม่พูดเรื่องนั้นอีก""ฉันต้องพูดค่ะเพราะมันไม่ใช่ฝีมือของฉัน""ผมเชื่อก็ได้""เชื่อก็ได้หมายความว่ายังไง""จะมาชวนทะเลาะอะไรอีก คนเพิ่งกลับมามันเหนื่อยนะเว้ย""ไหนๆ ก็ได้ทะเลาะแล้วให้ฉันพูดตามสิ่งที่ฉันคิดเถอะ""คิดอะไรอีกล่ะ""แม่ลูกคู่นั้นไม่ธรรมดาเลยนะ คุณแน่ใจเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นถูกขืนใจจนตั้งท้อง""ข้าวสวย!!" ภูเบศตะเบ็งเสียงออกมาดังมากจนเธอสะดุ้ง ข้าวสวยที่เพิ่งขึ้นไปที่นอนต้องรีบลุกขึ้นมา ถ้าเขาต่อยเธอได้คงจะต่อยไปแล้ว"คุณคิดว่าฉันอกุศลใช่ไหมล่ะ ถ้าคุณมีตามองสักนิดคุณจะเห็นว่าฉันไม่ได้ทำเด็กคนนั้นหกล้ม""เรื่องนั้นมันจบไปแล้วจะพูดหาพระแสงทำไมอีก""เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของฉันฉันจำเป็นต้องพูด
วันต่อมาภูเบศต้องให้เธออยู่ที่บ้านกับคนรับใช้ ส่วนเขาก็ออกไปจัดการงานที่เหมือง"สวัสดีจ้ะหนูนุ้ย" ข้าวสวยลงมาก็เห็นเด็กกำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ "ทำอะไรอยู่จ๊ะ""มองไม่เห็นหรือไง""?" ทำไมเด็กถึงได้ก้าวร้าวขนาดนี้ ..ได้ยินที่เด็กตอบเมื่อสักครู่ข้าวสวยก็หันไปมองดูแม่ของเด็กที่ทำงานบ้านอยู่แถวนั้น จะว่าแม่ไม่ได้ยินก็คงไม่ใช่แต่ทำไมถึงไม่สั่งสอนลูกหน่อยว่าไม่ให้พูดกับผู้ใหญ่แบบนี้ "เมื่อกี้ฉันฟังไม่ชัดหนูพูดว่าอะไรนะ" ในเมื่อแม่ไม่สั่งสอนเดี๋ยวฉันจะสั่งสอนเอง"หูหนวกเหรอถึงไม่ได้ยินคนพูด""ฉันเป็นภรรยาของผู้ชายที่หนูเรียกว่าพ่อ ถ้างั้นหนูก็ต้องเรียกฉันว่าแม่อีกคน ไหนลองเรียกแม่ซิ""ฉันมีแม่คนเดียว อย่าคิดว่าจะเข้ามาแทนที่แม่ของฉันได้""แทนที่แม่หนูเข้าใจผิดแล้วมั้ง เพราะแม่หนูไม่ได้เป็นอะไรกับสามีฉันสักหน่อย""แม่" หนูนุ้ยหันไปมองหน้าแม่และมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้"ทำไมคุณต้องว่าให้เด็กแบบนี้ด้วยไม่นึกถึงจิตใจของเด็กบ้างหรือคะ""ฉันแค่พูดให้เด็กเข้าใจ""แกยังเด็กโตขึ้นเดี๋ยวแกก็รู้เองค่ะว่าอะไรคืออะไร""ทำไมต้องรอให้โตด้วยล่ะ เราบอกตอนนี้ให้เด็กเข้าใจก็ได้นี่""แม่คะ ผู้หญิงคนนี้จะมาแย่งพ
แปะ! อุตส่าห์ขี้คุยไว้ว่ายุงคงไม่มากวนแค่กระแทกไปได้ไม่กี่ทีก็ถูกยุงกัดก้นแล้ว"อาาา" แต่ภูเบศก็ไม่ย่อท้อเขายังคงซอยถี่ไปตามความปรารถนาแปะ!"อือ.. พอก่อนดีกว่าค่ะกางมุ้งก่อน""ซี๊ดดด มาถึงขนาดนี้แล้วจะพอได้ยังไง""แต่ยุงกัดน่ะสิคะ" มันไม่ได้กัดแค่เขาหรอกมันกัดเธอด้วยภูเบศเลยต้องถอดสิ่งที่มันเชื่อมกันอยู่เมื่อสักครู่ออกแล้วลุกขึ้นดึงหูมุ้งจะเอามามัด"เบาๆ หน่อยสิคะเดี๋ยวมันก็ขาดหรอก""พรุ่งนี้ผมจะให้คนมาทำห้องนะ" ชักจะอารมณ์เสียแล้ว ไม่ให้ดัดแปลงอย่างอื่นพอทนถ้าไม่ให้ทำห้องพอเลยเห็นว่าเขาดูจะอารมณ์เสียเธอเลยไม่พูดอะไรต่อช่วยเขากางมุ้งจนเสร็จ แล้วก็เอาพัดลมเข้ามาเปิดในมุ้งแต่พอจะเริ่มต่ออารมณ์มันก็หมดไปแล้ว เธอเลยกำลังจะนอน..แต่พอเขามุดเข้ามาในมุ้งก็จับเธอหงายขึ้นไอ้เราก็คิดว่าจะไม่ต่อแล้ว แต่พอเขาจะทำต่อเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรภูเบศใช้มือตัวเองชักรูดเพื่อให้มันแข็งอีกที แต่มันก็ขึ้นยากมากเขาเลยเอื้อมไปจับมือของเธอมาช่วยชัก"ซี๊ดดด" ให้เธอช่วยชักไปอีกหน่อยก็นึกอยากลองยัดมันเข้าไปในปากเธอดู เขาเลยเอาช่วงยอดปลายถูกับริมฝีปากของเธอว่าจะยอมให้มันเข้าไปข้างในไหมทีแรกเธอก็เม้มริมฝีปากไว้แต่พ



![เจ้าเวหา [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



