Share

บทที่ 9

last update Last Updated: 2025-08-21 12:27:43

"เสี่ยครับคุณสินธุมาขอพบครับ"

"ให้เข้ามา"

"เชิญข้างในครับ" คนของเสี่ยภูริพาสินธุพ่อของข้าวสวยเข้ามาส่งแล้วก็ออกไป

"ตอนนี้มีความคืบหน้ายังไงบ้างครับเสี่ย" สินธุร้อนใจมากเรื่องที่ลูกสาวหายตัวไป

"เชิญนั่งก่อนสิคุณสินธุ เรื่องนั้นคุณอย่ากังวลให้มากยังไงผมก็ตามให้ถึงที่สุดอยู่แล้ว"

ทีแรกภูริก็ไม่พอใจมากเรื่องที่ณภัทรเปลี่ยนตัวเจ้าสาว เพราะตอนแรกพูดกันไว้ว่าเจ้าสาวคือบุตรสาวแท้ๆ ของณภัทร ต่อมาเปลี่ยนเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนที่ชื่อสินธุ แต่พอเจอหน้าสินธุก็จำได้ในทันทีว่าเขาคนนี้เคยช่วยชีวิตตนเมื่อสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น เพราะตอนนั้นกำลังสร้างเนื้อสร้างตัวศัตรูมีรอบด้าน สินธุนี่แหละเสี่ยงชีวิตช่วยจนได้มาเป็นใหญ่ทุกวันนี้ เพราะแบบนี้แหละภูริถึงไม่ปฏิเสธบุตรสาวของสินธุ

"ลูกสาวผมยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมครับ"

เรื่องนี้ภูริยังให้คำตอบไม่ได้เพราะเธอหายออกไปจากบ้านโดยไร้ร่องรอย ถ้าถูกลักพาตัวออกไปคนที่พาไปต้องเป็นคนใกล้ตัวถึงสามารถหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดได้ทุกมุมเลย หรืออีกอย่างเธออาจจะหนีงานแต่งถึงได้ไม่มีร่องรอยให้สืบหาได้เลย

"ผมมีลูกสาวแค่คนเดียวฝากเสี่ยช่วยตามหาหน่อยนะครับ" ที่จริงสินธุจำไม่ได้หรอกว่าเคยช่วยชีวิตเสี่ยภูริไว้ในสมัยนั้น เพราะไม่ว่าใครเดือดร้อนท่านก็ยื่นมือเข้ามาช่วยแทบจะทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว แต่ถ้าเป็นคนไม่ดีสินธุก็จะให้แง่คิดที่ดีเพื่อไปตั้งต้นชีวิตใหม่

"เรื่องนี้ผมไม่ทิ้งอยู่แล้ว ว่าแต่การร่วมลงทุนของสองบริษัทเรา.."

"ถ้าเป็นเรื่องการร่วมลงทุนผมต้องประสานไปที่คุณณภัทรอีกทีครับ เพราะหุ้นของผมมีไม่มากพอที่จะเข้าไปร่วมบริหารในบริษัท" ไม่ใช่แค่ภูริหรอกที่สินธุเคยช่วย แม้แต่ณภัทรสินธุก็เคยช่วย ณภัทรเลยตอบแทนด้วยหุ้นของบริษัทแต่ก็ให้ไม่มากตามแบบฉบับคนเห็นแก่ตัว

"อะไรนะ?" เรื่องนี้ภูริไม่รู้เลยคิดว่าสินธุมีหุ้นในบริษัทนั้นรองจากณภัทร

เย็นวันนั้น.. ข้าวสวยก็ต้องกลับมานั่งจับเข่าอยู่ที่บ้านไม้หลังเดิม แต่วันนี้เธอมีความหวังขึ้นมากภาวนาขออย่าให้เขาเปลี่ยนใจเท่านั้นพอ

ก๊อกแก๊ก~ 

เสียงอะไร? หญิงสาวที่กำลังนั่งคิดอะไรอยู่ก็ได้ยินเสียงดังมาจากทางหน้าต่างเหมือนมีใครมางัด

ก๊อกแก๊ก~

"ใคร?" ครั้งนี้เสียงชัดเลย ด้วยความตกใจเธอเลยตะโกนออกไปถาม

"ฉันเองมะนาว"

"มะนาวเหรอเธอมาทำอะไรตรงนี้" ไม่นานหน้าต่างที่มะนาวแงะอยู่ด้านหลังก็เปิดออกได้

"เธออยากจะหนีไหม"

"หนีเหรอ?"

"ใช่ฉันจะพาเธอหนี"

"เธอเนี่ยนะจะพาฉันหนี?"

"ตกลงจะหนีไหมล่ะ"

เราจะเอายังไงดี เขาบอกว่าจะปล่อยเราไปแล้วนี่ แต่เขาจะปล่อยเราจริงไหมหรือแค่หลอก

"มัวคิดอะไรอยู่ถ้าจะหนีก็ปีนลงมา"

"ถ้าหนีไปแล้วเราจะรอดเหรอ"

"แสดงว่าไม่อยากหนีแล้ว"

เอาวะโอกาสมาถึงแล้วก็ต้องรีบฉวยไว้​ ดีกว่ารอโอกาสที่ไม่แน่ว่าเขาจะให้อิสระเธอจริงไหม

ข้าวสวยเลยปีนลงหน้าต่างที่มะนาวเอาบันไดมาพาดไว้

"?" แต่พอปีนลงมาถึงพื้นดินเท่านั้นแหละก็เห็นว่ามะนาวไม่ได้อยู่คนเดียว "เธอ?" แค่มองก็รู้แล้วว่าเธอติดกับดัก

แต่พอจะเปลี่ยนใจปีนกลับขึ้นไปก็ถูกคนของเขาเดินมากระชากตัว 

"โอ๊ยเจ็บปล่อยนะ"

"หึ! แค่นี้เธอยังทำให้ฉันเชื่อไม่ได้" ใช่แล้วมันคือแผนของภูเบศ เขาอยากรู้ว่าสิ่งที่พูดกับเธอไปเธอจะเก็บมันเป็นความลับได้ไหม ด้วยเวลากระชั้นชิดเขาเลยแค่ให้มะนาวมาลองใจ และเธอก็เป็นผู้หญิงตระบัดสัตย์เชื่อไม่ได้จริงๆ

"พวกคุณเล่นแผนสกปรก"

"ใครสกปรกกว่ากันพาตัวมันไป"

"ถ้าคุณกลัวว่าฉันจะพูดเรื่องที่ถูกคุณจับตัวมาไว้ที่นี่ ฉันก็สาบานแล้วไงว่าจะไม่พูดขอแค่ให้ฉันออกไปจากที่นี่ได้ อย่าทำอะไรฉันเลยนะฉันกลัวแล้ว" หญิงสาวพยายามพูดให้เยอะที่สุดตอนที่ถูกลูกน้องของเขาลากตัวออกมา เธอไม่รู้ว่าเขาจะให้ลูกน้องเอาเธอไปที่ไหน

มะนาวมองตามหลังไปด้วยความเป็นห่วง ทีแรกก็รู้สึกไม่ชอบหน้าผู้หญิงคนนี้ แต่เห็นภาพตรงหน้าแล้วก็กลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัย

"พวกคุณจะพาฉันไปไหน เมื่อกี้ฉันขอโทษฉันไม่ได้คิดจะหนีเลย" หญิงสาวยังคงขัดขืนไม่อยากเดินตามไปแต่ด้วยแรงของเธอก็สู้ผู้ชายไม่ได้อยู่ดี เธอถูกพาตัวใส่รถตู้ขับออกมาจากปางไม้ แต่ออกมายังไม่พ้นป่าก็เห็นมีรถอีกคันจอดดักหน้าอยู่..

"รถใครวะ?" คนที่ทำหน้าที่ขับรถหันไปถามอีกคนที่นั่งมาด้วยกัน

"หลงทางเข้ามาหรือเปล่า" เพราะมองไปก็เห็นแล้วว่ามันเป็นรถนอน ถ้าไม่มีเงินคงซื้อรถนอนรุ่นนี้ไม่ได้

แต่พอคนบนรถตู้ลงไปเพื่อถามไถ่ไม่นานก็มีผู้ชายอีกสองคนเดินมาเปิดประตูรถตู้บอกให้ข้าวสวยลงมา โดยไม่เห็นคนขับรถตู้เมื่อสักครู่กลับมา

หญิงสาวต้องยอมทำตามเพราะเห็นว่าคนพวกนี้มีปืน แต่พอลงจากรถตู้พวกเขาก็เดินไปเปิดรถนอนให้เธอขึ้นไป

"......" ข้าวสวยแปลกใจทำไมพวกเขาถึงพาเธอมาไว้บนรถนอน รถคันนี้มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบทุกอย่างเพราะเป็นรถนอนราคาสูงลิบลิ่ว "ดะ เดี๋ยวก่อนสิคะ" แต่พอพวกมันจะปิดประตูเธอก็เรียกไว้ก่อน

"ไม่ต้องถามไม่ต้องสงสัย ข้างในมีเครื่องนุ่งห่ม อาหารและที่นอนให้เธอใช้ได้ตามสบาย"

"?" ตกลงพวกเขาเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย แล้วพวกเขาจะพาฉันไปไหน

หลังจากประตูปิดลงหญิงสาวก็เดินไปนั่งลงบนเตียงที่มีอยู่ในรถคันนี้ ในรถมีทั้งห้องน้ำเครื่องปรับอากาศ แต่พอจะเปิดหน้าต่างก็เปิดไม่ได้ และไม่นานรถก็เคลื่อนตัวออกไป

"?" พวกเขาจะพาฉันไปไหน ข้าวสวยไม่รู้เลยว่ารถคันนี้จะพาเธอไปที่ไหนเพราะหน้าต่างก็เปิดไม่ได้ ไม่นานร่างกายที่อ่อนเพลียก็เริ่มทนความง่วงไม่ไหวหลับไปขณะที่รถยังเคลื่อนตัวอยู่

[บ้านอภิวัฒนา]

"ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า"

"ทำไมครับพ่อไม่อยากเห็นผมกลับมาบ้านเหรอ" ขณะที่ให้คนพาเธอขึ้นรถตู้มาเขาก็นั่งเครื่องมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว

"ตอนนี้แกทำธุรกิจอยู่ทางภาคเหนือเหรอ"

"?" คิดไว้แล้วเชียวว่าคงตบตาพ่อได้ไม่นาน เพราะถ้าท่านอยากรู้ก็คงมีวิธีของท่าน "พ่อเอาอะไรมาพูดครับ"

"ทางภาคเหนือก็ดีเหมือนกันนะ​ ไม่อันตรายเหมือนภาคใต้" ภูริพูดเหมือนไม่จริงจังเพราะยังคงเปิดนิตยสารในมืออ่านตอนที่คุยกับลูก แต่ถ้าทีที่ไม่จริงจังของพ่อก็ทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังได้ ถึงแม้เขาจะต่อต้านท่าน​ แต่ก็ไม่กล้าต่อต้านออกนอกหน้า​ ทุกครั้งก็จะแอบทำลับหลังแบบนี้ เพราะเขารู้จักนิสัยผู้เป็นพ่อดี ถ้าเขาไม่ใช่บุตรชายของท่านป่านนี้ไม่รู้ว่าจะไปเฝ้ารากมะม่วงต้นไหนแล้ว

"ผมมาเหนื่อยๆ ขอตัวไปพักก่อนนะครับ"

"ช่วงนี้แกอย่าเพิ่งไปไหนเพราะพรุ่งนี้พ่อจะจัดงานแต่ง"

"อะไรนะครับ?" ทำไมยังจะมีงานแต่งอยู่อีก??

"แกไม่เข้าใจคำพูดฉันประโยคไหนหรือ"

"ได้ครับผมจะอยู่ร่วมงานแต่ง" หรือว่าพ่อจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาว ทีนี้เป็นผู้หญิงคนไหนอีกล่ะทำไมสายของเขาถึงไม่รายงาน

ภูเบศขึ้นมาถึงชั้นบนก็ติดต่อลูกน้องที่ให้พาเธอขับรถตามมา แต่ก็ติดต่อไม่ได้ เขาเลยสั่งวัลลภให้ไปดูหน่อยว่ารถมาถึงไหนแล้ว

ทำไมอยู่ดีๆ ถึงง่วงนอนขนาดนี้วะ ..ทีแรกคิดว่าจะอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นแล้วออกไปหาเพื่อนสักหน่อย แต่ยังไม่ทันอาบน้ำก็รู้สึกง่วงมาก และเขาก็ต้านทานความง่วงไม่ไหวจนหลับไปในที่สุด

บ่ายโมงของวันต่อมา..

"ตื่นแล้วเหรอ"

"พ่อ?" ภูเบศมองไปรอบๆ ห้อง แล้วก็หันมามองพ่ออีกที "มีอะไรครับ" ไม่คิดว่าตื่นขึ้นมาในห้องนอนของตัวเองจะเจอพ่อ แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วทำไมข้างนอกถึงแดดจ้าขนาดนี้

"อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดที่พ่อเตรียมมาให้แล้วก็ตามลงมาข้างล่าง"

พ่อกำลังคิดจะทำอะไร เมื่อคืนนี้เขาหลับเพราะความเพลียหรือหลับเพราะอะไรกันแน่​ ทำไมถึงหลับนานได้ขนาดนี้ ..เขาอาจจะคิดว่าตัวเองก้าวนำหน้าพ่อไปแล้ว แต่กว่าที่ภูริจะขึ้นมายืนอยู่จุดที่เด่นที่สุดได้ต้องผ่านอะไรมามากมายก่อนที่ลูกชายจะเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ แค่ภูเบศนี่หรือจะวัดรอยเท้าของพ่อได้

ออกมาจากบ้านภูเบศก็นั่งรถคันเดียวกับพ่อตรงมาที่โรงแรม

มาถึงโรงแรมในเครือของภูริก็เห็นว่าแขกเดินสวนกันเข้าออกหนาตามาก แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของพ่อ นักธุรกิจน้อยใหญ่ต่างก็ต้องอยากมาร่วมยินดีเผื่อว่าจะเข้าตาภูริบ้าง

"สวัสดีครับเสี่ย//สวัสดีครับ" หลายคนเห็นเสี่ยภูริมาต่างก็ไหว้อย่างนอบน้อมถ่อมตน

"สวัสดี ดื่มกินกันตามสบายเลยนะวันนี้ผมปิดโรงแรมเลี้ยงทุกคน ถ้าใครเมาอยากนอนห้องไหนก็ตามสบายเลย"

"เสี่ยใจป้ำมากเลยครับ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับเสี่ย"

"ฮ่าๆ ทิ้งนามบัตรไว้กับคนของผมเลย"

ภูเบศกำลังจะเดินแยกตัวออกจากพ่อเพราะรำคาญไอ้พวกชอบเลียแข้งเลียขา แต่พอเขาจะเดินแยกออกไปคนของเสี่ยภูริก็มายืนขวาง 

"พวกมึงทำอะไร"

"เสี่ยบอกให้พวกผมดูแลคุณภูเบศให้ดีครับ"

ได้ยินลูกน้องของพ่อพูดภูเบศถึงได้หันกลับไปมองพ่อ และสายตาท่านก็จ้องมาแบบเอาเรื่องมาก เขาเลยต้องทำตามโดยการเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง

เข้ามาในงานภูเบศก็หยิบไวน์มาดื่มแล้วไปนั่งอยู่มุมหนึ่งของที่นี่ เขาก็มองหาอยู่ว่าไอ้วัลลภเมื่อไรมันจะตามมาแต่ก็ไร้วี่แวว จะโทรหาใครก็ติดต่อไม่ได้สักคน

"สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานแต่ง"

ได้ยินเสียงพ่อพูดบนเวทีภูเบศเลยมองไป

"ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงเลื่อนงานแต่ง มีเหตุจำเป็นเล็กน้อยเลยต้องมาจัดงานแต่งในวันนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเวทีก่อนเลยดีกว่า"

เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวหมายความว่ายังไง? ภูเบศที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของงานนั้นก็สงสัย พ่อไม่ใช่เหรอที่เป็นเจ้าบ่าวแล้วจะเชิญใครอีก 

แต่ฉับพลันนั้นลูกน้องของภูริก็เดินตรงเข้ามาหาเขาที่นั่งอยู่ "คุณภูเบศครับเชิญขึ้นเวทีครับ"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธะ(รัก)เมียบำเรอ   บทที่ 62 ตอนจบ

    พันธะ(รัก)เมียบำเรอ บทที่ 62 ตอนจบหลายวันต่อมาข้าวสวยก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว และเธอก็ขอมาพักฟื้นที่บ้านกับพ่อ ภูเบศเลยมาอยู่ดูอาการเธอที่นี่ด้วย"แล้วทำไมคุณต้องให้ลูกน้องตามมาเยอะแยะขนาดนี้ด้วย" คนข้างบ้านก็มองกันจังคงคิดว่าสามีเธอเป็นมาเฟีย แต่ก็ไม่แตกต่างจากมาเฟียหรอก"หน้าที่ของพวกมัน จะให้พวกมันไปทำอะไรล่ะถ้าไม่ให้เฝ้าฉัน""คุณก็ใช้ชีวิตเหมือนชาวบ้านธรรมดาเขาบ้างสิคะ ไม่ต้องให้ลูกน้องตามเป็นขบวนแบบนี้" ลูกน้องตามเขาก็ไม่ต่างจากตามเธอหรอกช่วงนี้ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย"พวกมึงออกไปรออยู่นอกบ้าน""ครับ" ได้ยินนายหัวสั่ง ลูกน้อง 5-6 คนที่เฝ้าอยู่รอบๆ บ้านก็ออกไปยืนอยู่ถนนหน้าบ้าน"คุณบอกคนของคุณเข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ!""แล้วจะเอายังไงอีก""คุณทำแบบนี้ชาวบ้านเขาก็แตกตื่นกันหมดพอดี""แบบนั้นก็ไม่ได้แบบนี้ก็ไม่ได้""โอ๊ยฉันจะบ้าตายกับคุณอยู่แล้วเนี่ย""คุณหมอบอกอย่าเครียดไง""ที่ฉันเครียดก็เพราะคุณนี่แหละ""ก็ได้เดี๋ยวจะบอกพวกมันกลับไปอยู่บ้าน"เย็นวันนั้นภูริกลับมาที่บ้านก็เห็นวัลลภและคนของลูกชายอยู่บ้าน"แล้วเจ้าภูล่ะ""นายหัวอยู่บ้านภรรยาครับ""แล้วทำไมพวกมึงถึงอยู่ที่นี่""นายหัวบอก

  • พันธะ(รัก)เมียบำเรอ   บทที่ 61

    "คนไข้ยังขยับตัวไม่ได้นะคะ" คุณหมอเห็นว่าข้าวสวยพยายามจะลุกจากเตียงเลยเข้ามาห้าม "ฉันจะไปดูสามีฉันค่ะ""ช่วงนี้คุณจะขยับตัวไม่ได้นะคะ""ทำไมคะ" เธอก็เห็นว่าร่างกายของเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก"เสี่ยงต่อการแท้งค่ะ""ลูก?" นี่เธอลืมได้ยังไง "ลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะ""เด็กยังอยู่ค่ะ แต่คุณต้องนอนอยู่นิ่งๆ ห้ามขยับตัว" แล้วคุณหมอก็แจ้งอาการเบื้องต้นจากการตรวจ เพราะเธอถูกทำร้ายร่างกาย โชคดีที่ไม่ถูกท้องถ้าไม่งั้นคงรักษาเด็กไว้ไม่ได้ตอนที่เธอรู้ว่าถูกจับตัวไป พยายามต่อสู้เลยถูกพวกมันทำร้ายร่างกาย โชคดีที่มันไม่ได้ต่อยเข้ามาที่ท้องถ้าไม่งั้นป่านนี้ลูกก็คงไม่อยู่กับเธอแล้วข้าวสวยเลยทำตามที่คุณหมอบอกนอนอยู่นิ่งๆ ไม่นานเสี่ยภูริที่ไปดูลูกชายก็กลับมาบอกอาการ ว่าตอนนี้ภูเบศฟื้นแล้วแต่ก็ยังขยับตัวมากไม่ได้ได้ยินแค่นี้เธอก็หายใจโล่งขึ้นมากเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าเขายังเป็นห่วงเธอกับลูก ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยวันต่อมา.. วันนี้คุณหมอให้ออกจากห้อง ICU เพื่อไปพักฟื้นที่ห้อง VIP ที่เตรียมไว้ แต่ภูเบศขอไปพักฟื้นห้องเดียวกับเธอ ถึงแม้ทุกคนจะบอกว่าตอนนี้เธอปลอดภัยดีแล้วแต่เขาก็ยังไม่เชื่อใจ คุณหม

  • พันธะ(รัก)เมียบำเรอ   บทที่ 60

    "เจอไหม" จากที่เมาๆ อยู่พอกลับบ้านมาไม่เห็นเมียตอนนี้รู้สึกสร่างเมาเลย"ไม่เจอเลยครับผมกำลังให้คนเช็คกล้องวงจรปิดอยู่ครับ" พูดจบคนที่เช็คกล้องวงจรปิดก็รีบวิ่งมาหา "เป็นยังไงบ้าง""นายหญิงออกไปตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วครับ""ไปไหน""กล้องจับภาพได้แค่ตอนเดินออกไปแต่ไม่รู้ว่าไปกับใครไปที่ไหน" แล้วลูกน้องคนนั้นก็ยื่นคลิปกล้องวงจรปิดให้ดู เหมือนรถคันที่มารับเธอจะรู้มุมกล้องวงจรปิดดี..จะไม่รู้ได้ยังไงก็คนในบ้านเป็นไส้ศึกเสียเอง"ให้คนไปดูที่สถานีรถ" เขาคิดว่าเธอต้องหนีกลับแน่เลย เพราะเธอเคยหนีแบบนี้มาแล้วหลายครั้งและคนของเหมืองก็รีบไปเช็คที่สถานีรถทั้งรถไฟและรถทัวร์ ส่วนสนามบินอยู่ไกลมากคิดว่าเธอคงไม่ไปหรอก​ แต่เพื่อความชัวร์เขาให้อีกชุดหนึ่งไปดูที่สนามบินจนถึงตอนเช้าก็ยังไม่ได้ข่าว ไม่ใช่ไม่ได้ข่าวจากลูกน้องหรอก​ไม่ได้ข่าวของเธอนี่แหละ เพราะลูกน้องก็ส่งข่าวมาอยู่ว่าหาไม่เจอไม่เห็นร่องรอยของเธอเลยเรื่องมันชักจะไม่เข้าท่าแล้วเขาเลยต้องไปที่สถานีตำรวจ ให้ตำรวจช่วยอีกแรง เพราะอยากยืมมือตำรวจประสานงานไปที่สน.อื่นด้วยที่จริงถ้ายังหายไปไม่ครบ 24 ชั่วโมงตำรวจจะยังไม่รับแจ้งความ แต่นี่นายหัวภูเบศมา

  • พันธะ(รัก)เมียบำเรอ   บทที่ 59

    ข้าวสวยและจินดาไม่ได้พูดคุยอะไรกันหรอก หลังจากเหตุการณ์นั้นข้าวสวยก็เดินกลับมา"ไปไหนมา" เขากลับมาไม่เห็นเธอกำลังจะใช้คนให้ไปตามหาอยู่พอดีเลยแต่เห็นเธอเดินกลับมาก่อน"ไปเดินเล่น" ข้าวสวยพูดแค่นี้แล้วก็เดินผ่านหน้าของเขาไป"เรื่องห่อหมกเดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ป้าซื้อจากตลาดมาให้ใหม่""ฉันไม่อยากกินแล้ว""ยังโกรธอยู่เหรอ""ทำไมฉันต้องโกรธด้วย""ก็บอกจะซื้อมาให้ใหม่ไง""ฉันอยากจะกลับแล้ว" เธอไม่อยากพูดเรื่องห่อหมกอะไรนั่นแล้ว และขณะที่เธอกำลังยืนคุยกับภูเบศอยู่ จินดาก็เดินกลับมาพอดี สายตาของข้าวสวยมองไปและเป็นจังหวะเดียวกับที่จินดามองมาทั้งสองสบตากัน จินดาเริ่มพะวงแล้วกลัวว่าข้าวสวยจะเอาเรื่องนั้นมาพูดกับนายหัว"แม่ แม่ไปไหนมาหนูนุ้ยหาแม่ไม่เจอ" หนูนุ้ยเห็นแม่มาก็รีบวิ่งเข้าไปกอด"แม่ไปเดินเล่นมา""นายผู้หญิงทานอะไรหรือยัง" เขามองตามหลังเธอที่เดินขึ้นบ้านแล้วหันไปถามจินดาว่าเธอทานข้าวหรือยัง"ทานแล้วค่ะ" จินดาไม่รู้หรอกว่าทานหรือไม่ทาน เพราะตัวเองออกไปก่อนแถมยังกลับเข้ามาทีหลังภูเบศได้ยินว่าเธอทานแล้วเขาเลยบอกให้จินดาเตรียมอาหารมาให้ ทีแรกว่าจะกลับมาทานพร้อมเธอนั่นแหละ แต่ถ้าเธอทานแล้วเขาก็

  • พันธะ(รัก)เมียบำเรอ   บทที่ 58

    ดึกๆ คืนนั้น..เธอรู้สึกตัวตื่นเพราะมีคนนอนลงข้างๆ แต่พอนอนลงเขาก็ตะแคงหันหลังให้เขามาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ..ข้าวสวยเห็นว่าเขาไม่สนใจเธอเลยแกล้งลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ที่จริงก็ไม่ได้แกล้งหรอกปวดจริงๆ นี่แหละออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขามองมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ข้าวสวยเลยเดินไปนอนที่เดิมของเธอ"คุณยังคิดเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าคะ""คิดเหมือนเดิมหมายความว่ายังไง""คิดว่าฉันทำลูกสาวคุณหัวโนไง""เราจะไม่พูดเรื่องนั้นอีก""ฉันต้องพูดค่ะเพราะมันไม่ใช่ฝีมือของฉัน""ผมเชื่อก็ได้""เชื่อก็ได้หมายความว่ายังไง""จะมาชวนทะเลาะอะไรอีก คนเพิ่งกลับมามันเหนื่อยนะเว้ย""ไหนๆ ก็ได้ทะเลาะแล้วให้ฉันพูดตามสิ่งที่ฉันคิดเถอะ""คิดอะไรอีกล่ะ""แม่ลูกคู่นั้นไม่ธรรมดาเลยนะ คุณแน่ใจเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นถูกขืนใจจนตั้งท้อง""ข้าวสวย!!" ภูเบศตะเบ็งเสียงออกมาดังมากจนเธอสะดุ้ง ข้าวสวยที่เพิ่งขึ้นไปที่นอนต้องรีบลุกขึ้นมา ถ้าเขาต่อยเธอได้คงจะต่อยไปแล้ว"คุณคิดว่าฉันอกุศลใช่ไหมล่ะ ถ้าคุณมีตามองสักนิดคุณจะเห็นว่าฉันไม่ได้ทำเด็กคนนั้นหกล้ม""เรื่องนั้นมันจบไปแล้วจะพูดหาพระแสงทำไมอีก""เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของฉันฉันจำเป็นต้องพูด

  • พันธะ(รัก)เมียบำเรอ   บทที่ 57

    วันต่อมาภูเบศต้องให้เธออยู่ที่บ้านกับคนรับใช้​ ส่วนเขาก็ออกไปจัดการงานที่เหมือง"สวัสดีจ้ะหนูนุ้ย" ข้าวสวยลงมาก็เห็นเด็กกำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ "ทำอะไรอยู่จ๊ะ""มองไม่เห็นหรือไง""?" ทำไมเด็กถึงได้ก้าวร้าวขนาดนี้ ..ได้ยินที่เด็กตอบเมื่อสักครู่ข้าวสวยก็หันไปมองดูแม่ของเด็กที่ทำงานบ้านอยู่แถวนั้น จะว่าแม่ไม่ได้ยินก็คงไม่ใช่แต่ทำไมถึงไม่สั่งสอนลูกหน่อยว่าไม่ให้พูดกับผู้ใหญ่แบบนี้ "เมื่อกี้ฉันฟังไม่ชัดหนูพูดว่าอะไรนะ" ในเมื่อแม่ไม่สั่งสอนเดี๋ยวฉันจะสั่งสอนเอง"หูหนวกเหรอถึงไม่ได้ยินคนพูด""ฉันเป็นภรรยาของผู้ชายที่หนูเรียกว่าพ่อ ถ้างั้นหนูก็ต้องเรียกฉันว่าแม่อีกคน ไหนลองเรียกแม่ซิ""ฉันมีแม่คนเดียว อย่าคิดว่าจะเข้ามาแทนที่แม่ของฉันได้""แทนที่แม่หนูเข้าใจผิดแล้วมั้ง เพราะแม่หนูไม่ได้เป็นอะไรกับสามีฉันสักหน่อย""แม่" หนูนุ้ยหันไปมองหน้าแม่และมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้"ทำไมคุณต้องว่าให้เด็กแบบนี้ด้วยไม่นึกถึงจิตใจของเด็กบ้างหรือคะ""ฉันแค่พูดให้เด็กเข้าใจ""แกยังเด็กโตขึ้นเดี๋ยวแกก็รู้เองค่ะว่าอะไรคืออะไร""ทำไมต้องรอให้โตด้วยล่ะ เราบอกตอนนี้ให้เด็กเข้าใจก็ได้นี่""แม่คะ ผู้หญิงคนนี้จะมาแย่งพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status