LOGIN"เสี่ยครับคุณสินธุมาขอพบครับ"
"ให้เข้ามา"
"เชิญข้างในครับ" คนของเสี่ยภูริพาสินธุพ่อของข้าวสวยเข้ามาส่งแล้วก็ออกไป
"ตอนนี้มีความคืบหน้ายังไงบ้างครับเสี่ย" สินธุร้อนใจมากเรื่องที่ลูกสาวหายตัวไป
"เชิญนั่งก่อนสิคุณสินธุ เรื่องนั้นคุณอย่ากังวลให้มากยังไงผมก็ตามให้ถึงที่สุดอยู่แล้ว"
ทีแรกภูริก็ไม่พอใจมากเรื่องที่ณภัทรเปลี่ยนตัวเจ้าสาว เพราะตอนแรกพูดกันไว้ว่าเจ้าสาวคือบุตรสาวแท้ๆ ของณภัทร ต่อมาเปลี่ยนเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนที่ชื่อสินธุ แต่พอเจอหน้าสินธุก็จำได้ในทันทีว่าเขาคนนี้เคยช่วยชีวิตตนเมื่อสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น เพราะตอนนั้นกำลังสร้างเนื้อสร้างตัวศัตรูมีรอบด้าน สินธุนี่แหละเสี่ยงชีวิตช่วยจนได้มาเป็นใหญ่ทุกวันนี้ เพราะแบบนี้แหละภูริถึงไม่ปฏิเสธบุตรสาวของสินธุ
"ลูกสาวผมยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมครับ"
เรื่องนี้ภูริยังให้คำตอบไม่ได้เพราะเธอหายออกไปจากบ้านโดยไร้ร่องรอย ถ้าถูกลักพาตัวออกไปคนที่พาไปต้องเป็นคนใกล้ตัวถึงสามารถหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดได้ทุกมุมเลย หรืออีกอย่างเธออาจจะหนีงานแต่งถึงได้ไม่มีร่องรอยให้สืบหาได้เลย
"ผมมีลูกสาวแค่คนเดียวฝากเสี่ยช่วยตามหาหน่อยนะครับ" ที่จริงสินธุจำไม่ได้หรอกว่าเคยช่วยชีวิตเสี่ยภูริไว้ในสมัยนั้น เพราะไม่ว่าใครเดือดร้อนท่านก็ยื่นมือเข้ามาช่วยแทบจะทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว แต่ถ้าเป็นคนไม่ดีสินธุก็จะให้แง่คิดที่ดีเพื่อไปตั้งต้นชีวิตใหม่
"เรื่องนี้ผมไม่ทิ้งอยู่แล้ว ว่าแต่การร่วมลงทุนของสองบริษัทเรา.."
"ถ้าเป็นเรื่องการร่วมลงทุนผมต้องประสานไปที่คุณณภัทรอีกทีครับ เพราะหุ้นของผมมีไม่มากพอที่จะเข้าไปร่วมบริหารในบริษัท" ไม่ใช่แค่ภูริหรอกที่สินธุเคยช่วย แม้แต่ณภัทรสินธุก็เคยช่วย ณภัทรเลยตอบแทนด้วยหุ้นของบริษัทแต่ก็ให้ไม่มากตามแบบฉบับคนเห็นแก่ตัว
"อะไรนะ?" เรื่องนี้ภูริไม่รู้เลยคิดว่าสินธุมีหุ้นในบริษัทนั้นรองจากณภัทร
เย็นวันนั้น.. ข้าวสวยก็ต้องกลับมานั่งจับเข่าอยู่ที่บ้านไม้หลังเดิม แต่วันนี้เธอมีความหวังขึ้นมากภาวนาขออย่าให้เขาเปลี่ยนใจเท่านั้นพอ
ก๊อกแก๊ก~
เสียงอะไร? หญิงสาวที่กำลังนั่งคิดอะไรอยู่ก็ได้ยินเสียงดังมาจากทางหน้าต่างเหมือนมีใครมางัด
ก๊อกแก๊ก~
"ใคร?" ครั้งนี้เสียงชัดเลย ด้วยความตกใจเธอเลยตะโกนออกไปถาม
"ฉันเองมะนาว"
"มะนาวเหรอเธอมาทำอะไรตรงนี้" ไม่นานหน้าต่างที่มะนาวแงะอยู่ด้านหลังก็เปิดออกได้
"เธออยากจะหนีไหม"
"หนีเหรอ?"
"ใช่ฉันจะพาเธอหนี"
"เธอเนี่ยนะจะพาฉันหนี?"
"ตกลงจะหนีไหมล่ะ"
เราจะเอายังไงดี เขาบอกว่าจะปล่อยเราไปแล้วนี่ แต่เขาจะปล่อยเราจริงไหมหรือแค่หลอก
"มัวคิดอะไรอยู่ถ้าจะหนีก็ปีนลงมา"
"ถ้าหนีไปแล้วเราจะรอดเหรอ"
"แสดงว่าไม่อยากหนีแล้ว"
เอาวะโอกาสมาถึงแล้วก็ต้องรีบฉวยไว้ ดีกว่ารอโอกาสที่ไม่แน่ว่าเขาจะให้อิสระเธอจริงไหม
ข้าวสวยเลยปีนลงหน้าต่างที่มะนาวเอาบันไดมาพาดไว้
"?" แต่พอปีนลงมาถึงพื้นดินเท่านั้นแหละก็เห็นว่ามะนาวไม่ได้อยู่คนเดียว "เธอ?" แค่มองก็รู้แล้วว่าเธอติดกับดัก
แต่พอจะเปลี่ยนใจปีนกลับขึ้นไปก็ถูกคนของเขาเดินมากระชากตัว
"โอ๊ยเจ็บปล่อยนะ"
"หึ! แค่นี้เธอยังทำให้ฉันเชื่อไม่ได้" ใช่แล้วมันคือแผนของภูเบศ เขาอยากรู้ว่าสิ่งที่พูดกับเธอไปเธอจะเก็บมันเป็นความลับได้ไหม ด้วยเวลากระชั้นชิดเขาเลยแค่ให้มะนาวมาลองใจ และเธอก็เป็นผู้หญิงตระบัดสัตย์เชื่อไม่ได้จริงๆ
"พวกคุณเล่นแผนสกปรก"
"ใครสกปรกกว่ากันพาตัวมันไป"
"ถ้าคุณกลัวว่าฉันจะพูดเรื่องที่ถูกคุณจับตัวมาไว้ที่นี่ ฉันก็สาบานแล้วไงว่าจะไม่พูดขอแค่ให้ฉันออกไปจากที่นี่ได้ อย่าทำอะไรฉันเลยนะฉันกลัวแล้ว" หญิงสาวพยายามพูดให้เยอะที่สุดตอนที่ถูกลูกน้องของเขาลากตัวออกมา เธอไม่รู้ว่าเขาจะให้ลูกน้องเอาเธอไปที่ไหน
มะนาวมองตามหลังไปด้วยความเป็นห่วง ทีแรกก็รู้สึกไม่ชอบหน้าผู้หญิงคนนี้ แต่เห็นภาพตรงหน้าแล้วก็กลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัย
"พวกคุณจะพาฉันไปไหน เมื่อกี้ฉันขอโทษฉันไม่ได้คิดจะหนีเลย" หญิงสาวยังคงขัดขืนไม่อยากเดินตามไปแต่ด้วยแรงของเธอก็สู้ผู้ชายไม่ได้อยู่ดี เธอถูกพาตัวใส่รถตู้ขับออกมาจากปางไม้ แต่ออกมายังไม่พ้นป่าก็เห็นมีรถอีกคันจอดดักหน้าอยู่..
"รถใครวะ?" คนที่ทำหน้าที่ขับรถหันไปถามอีกคนที่นั่งมาด้วยกัน
"หลงทางเข้ามาหรือเปล่า" เพราะมองไปก็เห็นแล้วว่ามันเป็นรถนอน ถ้าไม่มีเงินคงซื้อรถนอนรุ่นนี้ไม่ได้
แต่พอคนบนรถตู้ลงไปเพื่อถามไถ่ไม่นานก็มีผู้ชายอีกสองคนเดินมาเปิดประตูรถตู้บอกให้ข้าวสวยลงมา โดยไม่เห็นคนขับรถตู้เมื่อสักครู่กลับมา
หญิงสาวต้องยอมทำตามเพราะเห็นว่าคนพวกนี้มีปืน แต่พอลงจากรถตู้พวกเขาก็เดินไปเปิดรถนอนให้เธอขึ้นไป
"......" ข้าวสวยแปลกใจทำไมพวกเขาถึงพาเธอมาไว้บนรถนอน รถคันนี้มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบทุกอย่างเพราะเป็นรถนอนราคาสูงลิบลิ่ว "ดะ เดี๋ยวก่อนสิคะ" แต่พอพวกมันจะปิดประตูเธอก็เรียกไว้ก่อน
"ไม่ต้องถามไม่ต้องสงสัย ข้างในมีเครื่องนุ่งห่ม อาหารและที่นอนให้เธอใช้ได้ตามสบาย"
"?" ตกลงพวกเขาเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย แล้วพวกเขาจะพาฉันไปไหน
หลังจากประตูปิดลงหญิงสาวก็เดินไปนั่งลงบนเตียงที่มีอยู่ในรถคันนี้ ในรถมีทั้งห้องน้ำเครื่องปรับอากาศ แต่พอจะเปิดหน้าต่างก็เปิดไม่ได้ และไม่นานรถก็เคลื่อนตัวออกไป
"?" พวกเขาจะพาฉันไปไหน ข้าวสวยไม่รู้เลยว่ารถคันนี้จะพาเธอไปที่ไหนเพราะหน้าต่างก็เปิดไม่ได้ ไม่นานร่างกายที่อ่อนเพลียก็เริ่มทนความง่วงไม่ไหวหลับไปขณะที่รถยังเคลื่อนตัวอยู่
[บ้านอภิวัฒนา]
"ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า"
"ทำไมครับพ่อไม่อยากเห็นผมกลับมาบ้านเหรอ" ขณะที่ให้คนพาเธอขึ้นรถตู้มาเขาก็นั่งเครื่องมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว
"ตอนนี้แกทำธุรกิจอยู่ทางภาคเหนือเหรอ"
"?" คิดไว้แล้วเชียวว่าคงตบตาพ่อได้ไม่นาน เพราะถ้าท่านอยากรู้ก็คงมีวิธีของท่าน "พ่อเอาอะไรมาพูดครับ"
"ทางภาคเหนือก็ดีเหมือนกันนะ ไม่อันตรายเหมือนภาคใต้" ภูริพูดเหมือนไม่จริงจังเพราะยังคงเปิดนิตยสารในมืออ่านตอนที่คุยกับลูก แต่ถ้าทีที่ไม่จริงจังของพ่อก็ทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังได้ ถึงแม้เขาจะต่อต้านท่าน แต่ก็ไม่กล้าต่อต้านออกนอกหน้า ทุกครั้งก็จะแอบทำลับหลังแบบนี้ เพราะเขารู้จักนิสัยผู้เป็นพ่อดี ถ้าเขาไม่ใช่บุตรชายของท่านป่านนี้ไม่รู้ว่าจะไปเฝ้ารากมะม่วงต้นไหนแล้ว
"ผมมาเหนื่อยๆ ขอตัวไปพักก่อนนะครับ"
"ช่วงนี้แกอย่าเพิ่งไปไหนเพราะพรุ่งนี้พ่อจะจัดงานแต่ง"
"อะไรนะครับ?" ทำไมยังจะมีงานแต่งอยู่อีก??
"แกไม่เข้าใจคำพูดฉันประโยคไหนหรือ"
"ได้ครับผมจะอยู่ร่วมงานแต่ง" หรือว่าพ่อจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาว ทีนี้เป็นผู้หญิงคนไหนอีกล่ะทำไมสายของเขาถึงไม่รายงาน
ภูเบศขึ้นมาถึงชั้นบนก็ติดต่อลูกน้องที่ให้พาเธอขับรถตามมา แต่ก็ติดต่อไม่ได้ เขาเลยสั่งวัลลภให้ไปดูหน่อยว่ารถมาถึงไหนแล้ว
ทำไมอยู่ดีๆ ถึงง่วงนอนขนาดนี้วะ ..ทีแรกคิดว่าจะอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นแล้วออกไปหาเพื่อนสักหน่อย แต่ยังไม่ทันอาบน้ำก็รู้สึกง่วงมาก และเขาก็ต้านทานความง่วงไม่ไหวจนหลับไปในที่สุด
บ่ายโมงของวันต่อมา..
"ตื่นแล้วเหรอ"
"พ่อ?" ภูเบศมองไปรอบๆ ห้อง แล้วก็หันมามองพ่ออีกที "มีอะไรครับ" ไม่คิดว่าตื่นขึ้นมาในห้องนอนของตัวเองจะเจอพ่อ แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วทำไมข้างนอกถึงแดดจ้าขนาดนี้
"อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดที่พ่อเตรียมมาให้แล้วก็ตามลงมาข้างล่าง"
พ่อกำลังคิดจะทำอะไร เมื่อคืนนี้เขาหลับเพราะความเพลียหรือหลับเพราะอะไรกันแน่ ทำไมถึงหลับนานได้ขนาดนี้ ..เขาอาจจะคิดว่าตัวเองก้าวนำหน้าพ่อไปแล้ว แต่กว่าที่ภูริจะขึ้นมายืนอยู่จุดที่เด่นที่สุดได้ต้องผ่านอะไรมามากมายก่อนที่ลูกชายจะเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ แค่ภูเบศนี่หรือจะวัดรอยเท้าของพ่อได้
ออกมาจากบ้านภูเบศก็นั่งรถคันเดียวกับพ่อตรงมาที่โรงแรม
มาถึงโรงแรมในเครือของภูริก็เห็นว่าแขกเดินสวนกันเข้าออกหนาตามาก แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของพ่อ นักธุรกิจน้อยใหญ่ต่างก็ต้องอยากมาร่วมยินดีเผื่อว่าจะเข้าตาภูริบ้าง
"สวัสดีครับเสี่ย//สวัสดีครับ" หลายคนเห็นเสี่ยภูริมาต่างก็ไหว้อย่างนอบน้อมถ่อมตน
"สวัสดี ดื่มกินกันตามสบายเลยนะวันนี้ผมปิดโรงแรมเลี้ยงทุกคน ถ้าใครเมาอยากนอนห้องไหนก็ตามสบายเลย"
"เสี่ยใจป้ำมากเลยครับ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับเสี่ย"
"ฮ่าๆ ทิ้งนามบัตรไว้กับคนของผมเลย"
ภูเบศกำลังจะเดินแยกตัวออกจากพ่อเพราะรำคาญไอ้พวกชอบเลียแข้งเลียขา แต่พอเขาจะเดินแยกออกไปคนของเสี่ยภูริก็มายืนขวาง
"พวกมึงทำอะไร"
"เสี่ยบอกให้พวกผมดูแลคุณภูเบศให้ดีครับ"
ได้ยินลูกน้องของพ่อพูดภูเบศถึงได้หันกลับไปมองพ่อ และสายตาท่านก็จ้องมาแบบเอาเรื่องมาก เขาเลยต้องทำตามโดยการเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง
เข้ามาในงานภูเบศก็หยิบไวน์มาดื่มแล้วไปนั่งอยู่มุมหนึ่งของที่นี่ เขาก็มองหาอยู่ว่าไอ้วัลลภเมื่อไรมันจะตามมาแต่ก็ไร้วี่แวว จะโทรหาใครก็ติดต่อไม่ได้สักคน
"สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานแต่ง"
ได้ยินเสียงพ่อพูดบนเวทีภูเบศเลยมองไป
"ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงเลื่อนงานแต่ง มีเหตุจำเป็นเล็กน้อยเลยต้องมาจัดงานแต่งในวันนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเวทีก่อนเลยดีกว่า"
เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวหมายความว่ายังไง? ภูเบศที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของงานนั้นก็สงสัย พ่อไม่ใช่เหรอที่เป็นเจ้าบ่าวแล้วจะเชิญใครอีก
แต่ฉับพลันนั้นลูกน้องของภูริก็เดินตรงเข้ามาหาเขาที่นั่งอยู่ "คุณภูเบศครับเชิญขึ้นเวทีครับ"
"เจอไหม" จากที่เมาๆ อยู่พอกลับบ้านมาไม่เห็นเมียตอนนี้รู้สึกสร่างเมาเลย"ไม่เจอเลยครับผมกำลังให้คนเช็คกล้องวงจรปิดอยู่ครับ" พูดจบคนที่เช็คกล้องวงจรปิดก็รีบวิ่งมาหา "เป็นยังไงบ้าง""นายหญิงออกไปตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วครับ""ไปไหน""กล้องจับภาพได้แค่ตอนเดินออกไปแต่ไม่รู้ว่าไปกับใครไปที่ไหน" แล้วลูกน้องคนนั้นก็ยื่นคลิปกล้องวงจรปิดให้ดู เหมือนรถคันที่มารับเธอจะรู้มุมกล้องวงจรปิดดี..จะไม่รู้ได้ยังไงก็คนในบ้านเป็นไส้ศึกเสียเอง"ให้คนไปดูที่สถานีรถ" เขาคิดว่าเธอต้องหนีกลับแน่เลย เพราะเธอเคยหนีแบบนี้มาแล้วหลายครั้งและคนของเหมืองก็รีบไปเช็คที่สถานีรถทั้งรถไฟและรถทัวร์ ส่วนสนามบินอยู่ไกลมากคิดว่าเธอคงไม่ไปหรอก แต่เพื่อความชัวร์เขาให้อีกชุดหนึ่งไปดูที่สนามบินจนถึงตอนเช้าก็ยังไม่ได้ข่าว ไม่ใช่ไม่ได้ข่าวจากลูกน้องหรอกไม่ได้ข่าวของเธอนี่แหละ เพราะลูกน้องก็ส่งข่าวมาอยู่ว่าหาไม่เจอไม่เห็นร่องรอยของเธอเลยเรื่องมันชักจะไม่เข้าท่าแล้วเขาเลยต้องไปที่สถานีตำรวจ ให้ตำรวจช่วยอีกแรง เพราะอยากยืมมือตำรวจประสานงานไปที่สน.อื่นด้วยที่จริงถ้ายังหายไปไม่ครบ 24 ชั่วโมงตำรวจจะยังไม่รับแจ้งความ แต่นี่นายหัวภูเบศมา
ข้าวสวยและจินดาไม่ได้พูดคุยอะไรกันหรอก หลังจากเหตุการณ์นั้นข้าวสวยก็เดินกลับมา"ไปไหนมา" เขากลับมาไม่เห็นเธอกำลังจะใช้คนให้ไปตามหาอยู่พอดีเลยแต่เห็นเธอเดินกลับมาก่อน"ไปเดินเล่น" ข้าวสวยพูดแค่นี้แล้วก็เดินผ่านหน้าของเขาไป"เรื่องห่อหมกเดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ป้าซื้อจากตลาดมาให้ใหม่""ฉันไม่อยากกินแล้ว""ยังโกรธอยู่เหรอ""ทำไมฉันต้องโกรธด้วย""ก็บอกจะซื้อมาให้ใหม่ไง""ฉันอยากจะกลับแล้ว" เธอไม่อยากพูดเรื่องห่อหมกอะไรนั่นแล้ว และขณะที่เธอกำลังยืนคุยกับภูเบศอยู่ จินดาก็เดินกลับมาพอดี สายตาของข้าวสวยมองไปและเป็นจังหวะเดียวกับที่จินดามองมาทั้งสองสบตากัน จินดาเริ่มพะวงแล้วกลัวว่าข้าวสวยจะเอาเรื่องนั้นมาพูดกับนายหัว"แม่ แม่ไปไหนมาหนูนุ้ยหาแม่ไม่เจอ" หนูนุ้ยเห็นแม่มาก็รีบวิ่งเข้าไปกอด"แม่ไปเดินเล่นมา""นายผู้หญิงทานอะไรหรือยัง" เขามองตามหลังเธอที่เดินขึ้นบ้านแล้วหันไปถามจินดาว่าเธอทานข้าวหรือยัง"ทานแล้วค่ะ" จินดาไม่รู้หรอกว่าทานหรือไม่ทาน เพราะตัวเองออกไปก่อนแถมยังกลับเข้ามาทีหลังภูเบศได้ยินว่าเธอทานแล้วเขาเลยบอกให้จินดาเตรียมอาหารมาให้ ทีแรกว่าจะกลับมาทานพร้อมเธอนั่นแหละ แต่ถ้าเธอทานแล้วเขาก็
ดึกๆ คืนนั้น..เธอรู้สึกตัวตื่นเพราะมีคนนอนลงข้างๆ แต่พอนอนลงเขาก็ตะแคงหันหลังให้เขามาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ..ข้าวสวยเห็นว่าเขาไม่สนใจเธอเลยแกล้งลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ที่จริงก็ไม่ได้แกล้งหรอกปวดจริงๆ นี่แหละออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขามองมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ข้าวสวยเลยเดินไปนอนที่เดิมของเธอ"คุณยังคิดเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าคะ""คิดเหมือนเดิมหมายความว่ายังไง""คิดว่าฉันทำลูกสาวคุณหัวโนไง""เราจะไม่พูดเรื่องนั้นอีก""ฉันต้องพูดค่ะเพราะมันไม่ใช่ฝีมือของฉัน""ผมเชื่อก็ได้""เชื่อก็ได้หมายความว่ายังไง""จะมาชวนทะเลาะอะไรอีก คนเพิ่งกลับมามันเหนื่อยนะเว้ย""ไหนๆ ก็ได้ทะเลาะแล้วให้ฉันพูดตามสิ่งที่ฉันคิดเถอะ""คิดอะไรอีกล่ะ""แม่ลูกคู่นั้นไม่ธรรมดาเลยนะ คุณแน่ใจเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นถูกขืนใจจนตั้งท้อง""ข้าวสวย!!" ภูเบศตะเบ็งเสียงออกมาดังมากจนเธอสะดุ้ง ข้าวสวยที่เพิ่งขึ้นไปที่นอนต้องรีบลุกขึ้นมา ถ้าเขาต่อยเธอได้คงจะต่อยไปแล้ว"คุณคิดว่าฉันอกุศลใช่ไหมล่ะ ถ้าคุณมีตามองสักนิดคุณจะเห็นว่าฉันไม่ได้ทำเด็กคนนั้นหกล้ม""เรื่องนั้นมันจบไปแล้วจะพูดหาพระแสงทำไมอีก""เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของฉันฉันจำเป็นต้องพูด
วันต่อมาภูเบศต้องให้เธออยู่ที่บ้านกับคนรับใช้ ส่วนเขาก็ออกไปจัดการงานที่เหมือง"สวัสดีจ้ะหนูนุ้ย" ข้าวสวยลงมาก็เห็นเด็กกำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ "ทำอะไรอยู่จ๊ะ""มองไม่เห็นหรือไง""?" ทำไมเด็กถึงได้ก้าวร้าวขนาดนี้ ..ได้ยินที่เด็กตอบเมื่อสักครู่ข้าวสวยก็หันไปมองดูแม่ของเด็กที่ทำงานบ้านอยู่แถวนั้น จะว่าแม่ไม่ได้ยินก็คงไม่ใช่แต่ทำไมถึงไม่สั่งสอนลูกหน่อยว่าไม่ให้พูดกับผู้ใหญ่แบบนี้ "เมื่อกี้ฉันฟังไม่ชัดหนูพูดว่าอะไรนะ" ในเมื่อแม่ไม่สั่งสอนเดี๋ยวฉันจะสั่งสอนเอง"หูหนวกเหรอถึงไม่ได้ยินคนพูด""ฉันเป็นภรรยาของผู้ชายที่หนูเรียกว่าพ่อ ถ้างั้นหนูก็ต้องเรียกฉันว่าแม่อีกคน ไหนลองเรียกแม่ซิ""ฉันมีแม่คนเดียว อย่าคิดว่าจะเข้ามาแทนที่แม่ของฉันได้""แทนที่แม่หนูเข้าใจผิดแล้วมั้ง เพราะแม่หนูไม่ได้เป็นอะไรกับสามีฉันสักหน่อย""แม่" หนูนุ้ยหันไปมองหน้าแม่และมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้"ทำไมคุณต้องว่าให้เด็กแบบนี้ด้วยไม่นึกถึงจิตใจของเด็กบ้างหรือคะ""ฉันแค่พูดให้เด็กเข้าใจ""แกยังเด็กโตขึ้นเดี๋ยวแกก็รู้เองค่ะว่าอะไรคืออะไร""ทำไมต้องรอให้โตด้วยล่ะ เราบอกตอนนี้ให้เด็กเข้าใจก็ได้นี่""แม่คะ ผู้หญิงคนนี้จะมาแย่งพ
แปะ! อุตส่าห์ขี้คุยไว้ว่ายุงคงไม่มากวนแค่กระแทกไปได้ไม่กี่ทีก็ถูกยุงกัดก้นแล้ว"อาาา" แต่ภูเบศก็ไม่ย่อท้อเขายังคงซอยถี่ไปตามความปรารถนาแปะ!"อือ.. พอก่อนดีกว่าค่ะกางมุ้งก่อน""ซี๊ดดด มาถึงขนาดนี้แล้วจะพอได้ยังไง""แต่ยุงกัดน่ะสิคะ" มันไม่ได้กัดแค่เขาหรอกมันกัดเธอด้วยภูเบศเลยต้องถอดสิ่งที่มันเชื่อมกันอยู่เมื่อสักครู่ออกแล้วลุกขึ้นดึงหูมุ้งจะเอามามัด"เบาๆ หน่อยสิคะเดี๋ยวมันก็ขาดหรอก""พรุ่งนี้ผมจะให้คนมาทำห้องนะ" ชักจะอารมณ์เสียแล้ว ไม่ให้ดัดแปลงอย่างอื่นพอทนถ้าไม่ให้ทำห้องพอเลยเห็นว่าเขาดูจะอารมณ์เสียเธอเลยไม่พูดอะไรต่อช่วยเขากางมุ้งจนเสร็จ แล้วก็เอาพัดลมเข้ามาเปิดในมุ้งแต่พอจะเริ่มต่ออารมณ์มันก็หมดไปแล้ว เธอเลยกำลังจะนอน..แต่พอเขามุดเข้ามาในมุ้งก็จับเธอหงายขึ้นไอ้เราก็คิดว่าจะไม่ต่อแล้ว แต่พอเขาจะทำต่อเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรภูเบศใช้มือตัวเองชักรูดเพื่อให้มันแข็งอีกที แต่มันก็ขึ้นยากมากเขาเลยเอื้อมไปจับมือของเธอมาช่วยชัก"ซี๊ดดด" ให้เธอช่วยชักไปอีกหน่อยก็นึกอยากลองยัดมันเข้าไปในปากเธอดู เขาเลยเอาช่วงยอดปลายถูกับริมฝีปากของเธอว่าจะยอมให้มันเข้าไปข้างในไหมทีแรกเธอก็เม้มริมฝีปากไว้แต่พ
พันธะ(รัก)เมียบำเรอ บทที่ 55และก็มาถึงวันเผา วันนี้นนท์ออกมาไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือขอให้เจ้าหน้าที่ช่วย Video Call เพื่อให้นนท์ได้ร่วมส่งยายขึ้นสู่สวรรค์เขาขอให้เธออย่าร้องไห้แต่วันนี้เธออดกลั้นไม่ได้จริงๆ ทำไมเธอถึงมีความผูกพันกับคุณยายมากขนาดนี้ เหมือนว่าเธอกำลังเสียญาติผู้ใหญ่ไป ยิ่งตอนเห็นนนท์ร่ำไห้อยู่ในห้องขังมันก็ยิ่งสะเทือนใจเธอหนักมาก"คุณข้าวสวยคะ ยายไปสบายแล้ว" อยู่จังหวัดเดียวกันก็จริง แต่แก้วไม่เคยรู้จักกันกับยายเลย จะมารู้จักก็ตอนที่ยายจากไป และก็รู้จักผ่านข้าวสวยนี่แหละ เด็กคนนี้มีจิตใจโอบอ้อมอารีมาก คิดว่าตัวเองได้มาพบเจอและรู้จักเป็นวาสนาที่ดีมากเลย"ขอบคุณพี่แก้วกับพี่ศักดิ์มากเลยนะคะที่มาช่วยงาน""ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกค่ะ พวกพี่เองต่างหากที่ต้องขอบคุณหนู ที่ช่วยคนในจังหวัดของเรา"งานศพเสร็จทุกคนก็แยกย้ายส่วนเรื่องเก็บงานภูเบศก็มอบหมายให้ลูกน้อง อัฐิของยายเขาเก็บไว้ที่วัดนี้ เผื่อสักวันหลานของยายออกมาจะได้มาไหว้"หลายวันแล้วนะยังจะเศร้าอยู่อีกเหรอ""ไม่ได้เศร้าสักหน่อย" ทำไมจิตใจเธออ่อนไหวแบบนี้เนี่ย หรือเป็นเพราะฮอร์โมนไม่ปกติ เสร็จงานศพยายแล้วเธอยังคงคิดถึง ทั้งๆ ท







