LOGIN"ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันขอโทษ" มือเรียวพนมไหว้ขอโทษกับสิ่งที่เธอทำเมื่อสักครู่
"จำไว้ว่าอย่ามาสะกิดหนวดเสือ"
"โอ๊ย" เสื้อผ้าอาภรณ์ที่มันขาดอยู่แล้วก็ถูกเขากระชากดึงจนไม่มีชิ้นดี "อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ คุณต้องการอะไรก็บอกมาเดี๋ยวฉันจะบอกให้เสี่ย อืมม" ประโยคต่อไปถูกกลืนหายเข้าไปในปากของเขา จะเรียกมันว่าจูบก็คงไม่ใช่ เพราะเขาใช้แรงดูดจนริมฝีปากของเธอบิดเบี้ยวไปตามแรง จนเกิดความรู้สึกเจ็บปนคันเพราะเลือดมันวิ่งมาตรงที่เขาใช้แรงดูด
ขณะที่ดูดปาก มือของภูเบศก็ไม่ได้อยู่เฉยจัดการสิ่งที่กีดขวางอยู่เบื้องล่างให้มันหลุดพ้นไปจากเรือนร่างของเธอ
"โอ๊ย" และพอทุกชิ้นหลุดออกไปแล้วมือของเขาก็ล่วงล้ำเข้าไปในร่องโดยไม่ระมัดระวัง ดันนิ้วเข้าไปได้ภูเบศก็กระแทกไม่ยั้ง "เจ็บ" ขาเรียวหนีบชิดเข้าหากันเพื่อหนีบมือเขาไม่ให้กระแทกเข้าออกได้
เห็นเธอยังมีแรงต่อต้านริมฝีปากหนาที่ปล่อยจูบออกเมื่อสักครู่ก็งับลงยอดดอกบัวตูมที่มันตั้งอยู่ใกล้
"โอ๊ยเจ็บ" มือที่พยายามดันแขนของเขาออกก็เปลี่ยนเป็นดันใบหน้าของเขาแทน "ปล่อยนะฉันเจ็บ"
"ถ้าเธอไม่ดิ้นแต่ครางแทนฉันจะปล่อย"
"ไอ้โรคจิต! ใครจะไปทำตามแก!"
"หึ! รู้จักคำว่าโรคจิตหรือยังถึงพูดออกมา ถ้าโรคจิตมันต้องแบบนี้"
"โอ๊ย" ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวตอนที่เขาเพิ่มนิ้วแหย่เข้ามาในร่อง ก่อนที่เขาจะเพิ่มนิ้วให้มากกว่านั้นเธอเลยต้องทำตามที่เขาต้องการโดยการส่งเสียงครางออกมา "อาา อ่ะอ่ะ อือ อืออ"
"อ่าาาซี๊ดดด" ชายหนุ่มมองใบหน้าสวยหวานที่กำลังยั่วยวนด้วยเสียงครางอันน่าพิศวาส
"เจ็บ" ถึงแม้เธอจะทำท่าทีออดอ้อนแต่ความเจ็บมันก็ยังไม่หาย จนภูเบศต้องขยับนิ้วออกมาให้มันเหลือแค่นิ้วเดียว เธอเลยทำตามสิ่งที่เขาอยากเห็นต่อได้
และทุกอย่างก็หยุดลงแค่นั้นเพราะเธอยอมครางยั่วเย้าเขาเลยต้องทำตามที่พูดปล่อยร่างกายเธอให้เป็นอิสระ หญิงสาวก็รีบหยิบเสื้อผ้าที่มันขาดหลุดลุ่ยอยู่ขึ้นมาปิดบังร่างกาย
"แค่เชื่อฟังเธอก็ไม่เจ็บตัวแล้ว"
"ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันกลัว"
"ก็ต้องดูว่าเธอจะทำตัวได้น่ารักไหม"
"แล้วเสื้อผ้าของฉันล่ะคะ" เห็นว่าเขากำลังจะออกไปเธอเลยรีบถาม เพราะถ้าจะให้อยู่ในสภาพนี้เดี๋ยวก็เจอลูกน้องของเขาเข้ามาซ้ำอีก
"เดี๋ยวจะให้คนเอาเข้ามาให้..มีชื่อไหม" ก่อนออกไปเขาถามชื่อเธอก่อนเพราะยังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไร
"ข้าวสวยค่ะ" ข้าวสวยก็คือลูกสาวสินธุหุ้นส่วนของบริษัทอนันต์ไพศาล พ่อของเธอมีหุ้นส่วนที่นั่นน้อยนิดมาก และหุ้นที่ได้มาก็ได้มาเพราะความอนุเคราะห์ของณภัทร อนันต์ไพศาล ถ้าบุตรชายของณภัทรยอมตกลงหมั้นหมายกับเธอ เธอคงไม่มีวันนี้ แต่พอน่านฟ้าปฏิเสธเรื่องการหมั้นหมายข้าวสวยเลยต้องถูกประเคนมาให้บุตรชายของเสี่ยภูริ เพราะจะได้สานสัมพันธ์เรื่องธุรกิจ แต่ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยอีกเพราะภูผาลูกชายคนเล็กของเสี่ยภูริปฏิเสธ แต่ถึงแม้ภูผาจะปฏิเสธเธอก็ยังไม่รอดไปจากเรื่องนี้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเป็นเจ้าสาวของใคร เคราะห์ซ้ำกรรมซัดก่อนวันแต่งงานแค่วันเดียวเธอก็ถูกลักพาตัวมา
หลังจากที่ภูเบศออกไปไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งนำเสื้อผ้ามาให้
"คงใส่ได้นะ" ผู้หญิงคนนี้ชื่อมะนาวเป็นบุตรสาวของแม่บ้านที่นี่ อายุก็คงรุ่นราวคราวเดียวกับข้าวสวย และมะนาวก็แอบปลื้มนายหัวภูเบศตั้งแต่แม่เข้ามาทำงานที่นี่แล้ว
"เธอทำงานอยู่ที่นี่เหรอ" ดีใจที่เห็นว่าที่นี่ก็มีผู้หญิงด้วย
"ไม่ต้องมาถาม ใส่เสื้อผ้าซะ" มะนาวกำลังจะออกไป ข้าวสวยเลยบอกว่าเธอหิว เพราะตั้งแต่ถูกจับตัวมายังไม่ได้กินอะไรเลย "เดี๋ยวฉันจะหามาให้" ก่อนออกไปมะนาวมองหน้าผู้หญิงคนนี้ คิดว่าตัวเองสวยแล้วยังมีคนสวยกว่าอีกเหรอเนี่ย ไม่ได้การแล้วต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะถ้าไม่งั้นนายหัวมีหวังเสร็จแม่นี่แน่
มะนาวกลับมาเรือนหลังใหญ่ก็ตรงไปหานายหัวภูเบศก่อน เพราะแต่ละวันเธอก็หาโอกาสเข้าหาเขาอยู่แล้ว
"เอาเสื้อผ้าไปให้แล้วใช่ไหม"
"เอาไปให้แล้วค่ะ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าหิวข้าวให้มะนาวจัดไปให้ไหมคะ" ที่จริงแค่นี้ตัดสินใจเองก็ได้ แต่มะนาวอยากมีเรื่องเข้ามาพูดคุยกับนายหัวเลยต้องเอาเรื่องนี้มาถาม
"อืม"
ออกมาจากห้องนอนของภูเบศมะนาวก็ไปทำอาหาร แล้วยกไปให้ข้าวสวย
"คุณชื่ออะไรคะ"
"ถามทำไม"
"ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรค่ะ"
"ฉันชื่อมะนาว"
"ฉันชื่อข้าวสวยนะคะ"
"ฉันไม่อยากรู้"
"คุณอยู่ที่นี่นานหรือยังคะ" ข้าวสวยอยากสานสัมพันธ์ไว้ให้มาก เผื่อผู้หญิงคนนี้อาจจะมีลู่ทางให้เธอหนีได้
มะนาวไม่ได้ตอบคำถามนี้หรอก พอเอากับข้าววางไว้ให้แล้วก็ออกมา
ดึกๆ คืนนั้น..
ก๊อกๆ "ฉันอยากเข้าห้องน้ำ"
"อะไรของเธอเนี่ย"
"บ้านหลังนี้ไม่มีห้องน้ำ ให้ฉันออกไปเข้าห้องน้ำหน่อยค่ะ"
คนของภูเบศที่กำลังง่วงเลยต้องไปเปิดประตูพาเธอไปเข้าห้องน้ำ
ตอนเดินออกมาข้าวสวยก็พยายามเก็บรายละเอียดทุกอย่างของที่นี่ มองไปตรงพื้นที่สูงก็มีบ้านหลังใหญ่อยู่ตรงนั้นหลังหนึ่ง เธอคิดว่าต้องเป็นบ้านของไอ้เลวนั่นแน่เลย แต่ทำไมพื้นที่แถวนี้ถึงไม่มีหมู่บ้าน อย่าบอกนะว่าภูเขาลูกนี้เป็นของเขาคนเดียว
"จะเข้าห้องน้ำไหม"
"เข้าค่ะ"
"อย่าคิดหนีอีกเด็ดขาด ครั้งนี้เธออาจจะเอาชีวิตไม่รอดก็ได้"
พันธะ(รัก)เมียบำเรอ บทที่ 62 ตอนจบหลายวันต่อมาข้าวสวยก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว และเธอก็ขอมาพักฟื้นที่บ้านกับพ่อ ภูเบศเลยมาอยู่ดูอาการเธอที่นี่ด้วย"แล้วทำไมคุณต้องให้ลูกน้องตามมาเยอะแยะขนาดนี้ด้วย" คนข้างบ้านก็มองกันจังคงคิดว่าสามีเธอเป็นมาเฟีย แต่ก็ไม่แตกต่างจากมาเฟียหรอก"หน้าที่ของพวกมัน จะให้พวกมันไปทำอะไรล่ะถ้าไม่ให้เฝ้าฉัน""คุณก็ใช้ชีวิตเหมือนชาวบ้านธรรมดาเขาบ้างสิคะ ไม่ต้องให้ลูกน้องตามเป็นขบวนแบบนี้" ลูกน้องตามเขาก็ไม่ต่างจากตามเธอหรอกช่วงนี้ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย"พวกมึงออกไปรออยู่นอกบ้าน""ครับ" ได้ยินนายหัวสั่ง ลูกน้อง 5-6 คนที่เฝ้าอยู่รอบๆ บ้านก็ออกไปยืนอยู่ถนนหน้าบ้าน"คุณบอกคนของคุณเข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ!""แล้วจะเอายังไงอีก""คุณทำแบบนี้ชาวบ้านเขาก็แตกตื่นกันหมดพอดี""แบบนั้นก็ไม่ได้แบบนี้ก็ไม่ได้""โอ๊ยฉันจะบ้าตายกับคุณอยู่แล้วเนี่ย""คุณหมอบอกอย่าเครียดไง""ที่ฉันเครียดก็เพราะคุณนี่แหละ""ก็ได้เดี๋ยวจะบอกพวกมันกลับไปอยู่บ้าน"เย็นวันนั้นภูริกลับมาที่บ้านก็เห็นวัลลภและคนของลูกชายอยู่บ้าน"แล้วเจ้าภูล่ะ""นายหัวอยู่บ้านภรรยาครับ""แล้วทำไมพวกมึงถึงอยู่ที่นี่""นายหัวบอก
"คนไข้ยังขยับตัวไม่ได้นะคะ" คุณหมอเห็นว่าข้าวสวยพยายามจะลุกจากเตียงเลยเข้ามาห้าม "ฉันจะไปดูสามีฉันค่ะ""ช่วงนี้คุณจะขยับตัวไม่ได้นะคะ""ทำไมคะ" เธอก็เห็นว่าร่างกายของเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก"เสี่ยงต่อการแท้งค่ะ""ลูก?" นี่เธอลืมได้ยังไง "ลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะ""เด็กยังอยู่ค่ะ แต่คุณต้องนอนอยู่นิ่งๆ ห้ามขยับตัว" แล้วคุณหมอก็แจ้งอาการเบื้องต้นจากการตรวจ เพราะเธอถูกทำร้ายร่างกาย โชคดีที่ไม่ถูกท้องถ้าไม่งั้นคงรักษาเด็กไว้ไม่ได้ตอนที่เธอรู้ว่าถูกจับตัวไป พยายามต่อสู้เลยถูกพวกมันทำร้ายร่างกาย โชคดีที่มันไม่ได้ต่อยเข้ามาที่ท้องถ้าไม่งั้นป่านนี้ลูกก็คงไม่อยู่กับเธอแล้วข้าวสวยเลยทำตามที่คุณหมอบอกนอนอยู่นิ่งๆ ไม่นานเสี่ยภูริที่ไปดูลูกชายก็กลับมาบอกอาการ ว่าตอนนี้ภูเบศฟื้นแล้วแต่ก็ยังขยับตัวมากไม่ได้ได้ยินแค่นี้เธอก็หายใจโล่งขึ้นมากเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าเขายังเป็นห่วงเธอกับลูก ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยวันต่อมา.. วันนี้คุณหมอให้ออกจากห้อง ICU เพื่อไปพักฟื้นที่ห้อง VIP ที่เตรียมไว้ แต่ภูเบศขอไปพักฟื้นห้องเดียวกับเธอ ถึงแม้ทุกคนจะบอกว่าตอนนี้เธอปลอดภัยดีแล้วแต่เขาก็ยังไม่เชื่อใจ คุณหม
"เจอไหม" จากที่เมาๆ อยู่พอกลับบ้านมาไม่เห็นเมียตอนนี้รู้สึกสร่างเมาเลย"ไม่เจอเลยครับผมกำลังให้คนเช็คกล้องวงจรปิดอยู่ครับ" พูดจบคนที่เช็คกล้องวงจรปิดก็รีบวิ่งมาหา "เป็นยังไงบ้าง""นายหญิงออกไปตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วครับ""ไปไหน""กล้องจับภาพได้แค่ตอนเดินออกไปแต่ไม่รู้ว่าไปกับใครไปที่ไหน" แล้วลูกน้องคนนั้นก็ยื่นคลิปกล้องวงจรปิดให้ดู เหมือนรถคันที่มารับเธอจะรู้มุมกล้องวงจรปิดดี..จะไม่รู้ได้ยังไงก็คนในบ้านเป็นไส้ศึกเสียเอง"ให้คนไปดูที่สถานีรถ" เขาคิดว่าเธอต้องหนีกลับแน่เลย เพราะเธอเคยหนีแบบนี้มาแล้วหลายครั้งและคนของเหมืองก็รีบไปเช็คที่สถานีรถทั้งรถไฟและรถทัวร์ ส่วนสนามบินอยู่ไกลมากคิดว่าเธอคงไม่ไปหรอก แต่เพื่อความชัวร์เขาให้อีกชุดหนึ่งไปดูที่สนามบินจนถึงตอนเช้าก็ยังไม่ได้ข่าว ไม่ใช่ไม่ได้ข่าวจากลูกน้องหรอกไม่ได้ข่าวของเธอนี่แหละ เพราะลูกน้องก็ส่งข่าวมาอยู่ว่าหาไม่เจอไม่เห็นร่องรอยของเธอเลยเรื่องมันชักจะไม่เข้าท่าแล้วเขาเลยต้องไปที่สถานีตำรวจ ให้ตำรวจช่วยอีกแรง เพราะอยากยืมมือตำรวจประสานงานไปที่สน.อื่นด้วยที่จริงถ้ายังหายไปไม่ครบ 24 ชั่วโมงตำรวจจะยังไม่รับแจ้งความ แต่นี่นายหัวภูเบศมา
ข้าวสวยและจินดาไม่ได้พูดคุยอะไรกันหรอก หลังจากเหตุการณ์นั้นข้าวสวยก็เดินกลับมา"ไปไหนมา" เขากลับมาไม่เห็นเธอกำลังจะใช้คนให้ไปตามหาอยู่พอดีเลยแต่เห็นเธอเดินกลับมาก่อน"ไปเดินเล่น" ข้าวสวยพูดแค่นี้แล้วก็เดินผ่านหน้าของเขาไป"เรื่องห่อหมกเดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ป้าซื้อจากตลาดมาให้ใหม่""ฉันไม่อยากกินแล้ว""ยังโกรธอยู่เหรอ""ทำไมฉันต้องโกรธด้วย""ก็บอกจะซื้อมาให้ใหม่ไง""ฉันอยากจะกลับแล้ว" เธอไม่อยากพูดเรื่องห่อหมกอะไรนั่นแล้ว และขณะที่เธอกำลังยืนคุยกับภูเบศอยู่ จินดาก็เดินกลับมาพอดี สายตาของข้าวสวยมองไปและเป็นจังหวะเดียวกับที่จินดามองมาทั้งสองสบตากัน จินดาเริ่มพะวงแล้วกลัวว่าข้าวสวยจะเอาเรื่องนั้นมาพูดกับนายหัว"แม่ แม่ไปไหนมาหนูนุ้ยหาแม่ไม่เจอ" หนูนุ้ยเห็นแม่มาก็รีบวิ่งเข้าไปกอด"แม่ไปเดินเล่นมา""นายผู้หญิงทานอะไรหรือยัง" เขามองตามหลังเธอที่เดินขึ้นบ้านแล้วหันไปถามจินดาว่าเธอทานข้าวหรือยัง"ทานแล้วค่ะ" จินดาไม่รู้หรอกว่าทานหรือไม่ทาน เพราะตัวเองออกไปก่อนแถมยังกลับเข้ามาทีหลังภูเบศได้ยินว่าเธอทานแล้วเขาเลยบอกให้จินดาเตรียมอาหารมาให้ ทีแรกว่าจะกลับมาทานพร้อมเธอนั่นแหละ แต่ถ้าเธอทานแล้วเขาก็
ดึกๆ คืนนั้น..เธอรู้สึกตัวตื่นเพราะมีคนนอนลงข้างๆ แต่พอนอนลงเขาก็ตะแคงหันหลังให้เขามาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ..ข้าวสวยเห็นว่าเขาไม่สนใจเธอเลยแกล้งลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ที่จริงก็ไม่ได้แกล้งหรอกปวดจริงๆ นี่แหละออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขามองมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ข้าวสวยเลยเดินไปนอนที่เดิมของเธอ"คุณยังคิดเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าคะ""คิดเหมือนเดิมหมายความว่ายังไง""คิดว่าฉันทำลูกสาวคุณหัวโนไง""เราจะไม่พูดเรื่องนั้นอีก""ฉันต้องพูดค่ะเพราะมันไม่ใช่ฝีมือของฉัน""ผมเชื่อก็ได้""เชื่อก็ได้หมายความว่ายังไง""จะมาชวนทะเลาะอะไรอีก คนเพิ่งกลับมามันเหนื่อยนะเว้ย""ไหนๆ ก็ได้ทะเลาะแล้วให้ฉันพูดตามสิ่งที่ฉันคิดเถอะ""คิดอะไรอีกล่ะ""แม่ลูกคู่นั้นไม่ธรรมดาเลยนะ คุณแน่ใจเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นถูกขืนใจจนตั้งท้อง""ข้าวสวย!!" ภูเบศตะเบ็งเสียงออกมาดังมากจนเธอสะดุ้ง ข้าวสวยที่เพิ่งขึ้นไปที่นอนต้องรีบลุกขึ้นมา ถ้าเขาต่อยเธอได้คงจะต่อยไปแล้ว"คุณคิดว่าฉันอกุศลใช่ไหมล่ะ ถ้าคุณมีตามองสักนิดคุณจะเห็นว่าฉันไม่ได้ทำเด็กคนนั้นหกล้ม""เรื่องนั้นมันจบไปแล้วจะพูดหาพระแสงทำไมอีก""เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของฉันฉันจำเป็นต้องพูด
วันต่อมาภูเบศต้องให้เธออยู่ที่บ้านกับคนรับใช้ ส่วนเขาก็ออกไปจัดการงานที่เหมือง"สวัสดีจ้ะหนูนุ้ย" ข้าวสวยลงมาก็เห็นเด็กกำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ "ทำอะไรอยู่จ๊ะ""มองไม่เห็นหรือไง""?" ทำไมเด็กถึงได้ก้าวร้าวขนาดนี้ ..ได้ยินที่เด็กตอบเมื่อสักครู่ข้าวสวยก็หันไปมองดูแม่ของเด็กที่ทำงานบ้านอยู่แถวนั้น จะว่าแม่ไม่ได้ยินก็คงไม่ใช่แต่ทำไมถึงไม่สั่งสอนลูกหน่อยว่าไม่ให้พูดกับผู้ใหญ่แบบนี้ "เมื่อกี้ฉันฟังไม่ชัดหนูพูดว่าอะไรนะ" ในเมื่อแม่ไม่สั่งสอนเดี๋ยวฉันจะสั่งสอนเอง"หูหนวกเหรอถึงไม่ได้ยินคนพูด""ฉันเป็นภรรยาของผู้ชายที่หนูเรียกว่าพ่อ ถ้างั้นหนูก็ต้องเรียกฉันว่าแม่อีกคน ไหนลองเรียกแม่ซิ""ฉันมีแม่คนเดียว อย่าคิดว่าจะเข้ามาแทนที่แม่ของฉันได้""แทนที่แม่หนูเข้าใจผิดแล้วมั้ง เพราะแม่หนูไม่ได้เป็นอะไรกับสามีฉันสักหน่อย""แม่" หนูนุ้ยหันไปมองหน้าแม่และมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้"ทำไมคุณต้องว่าให้เด็กแบบนี้ด้วยไม่นึกถึงจิตใจของเด็กบ้างหรือคะ""ฉันแค่พูดให้เด็กเข้าใจ""แกยังเด็กโตขึ้นเดี๋ยวแกก็รู้เองค่ะว่าอะไรคืออะไร""ทำไมต้องรอให้โตด้วยล่ะ เราบอกตอนนี้ให้เด็กเข้าใจก็ได้นี่""แม่คะ ผู้หญิงคนนี้จะมาแย่งพ



![เจ้าเวหา [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



