LOGINลงมาข้างล่างเขาก็สั่งให้มะนาวพาเธอไปทานข้าวในห้องครัวกับกลุ่มแม่บ้าน และไม่ลืมสั่งงานไว้ด้วยว่าถ้าทานข้าวเสร็จให้เธอไปเก็บองุ่นแปลงที่เหลือให้เสร็จ
"สวัสดีค่ะป้าฉันชื่อข้าวสวยนะคะ" เข้ามาในครัวก็เห็นแม่บ้านอีกคนหนึ่ง คนนี้เธอเพิ่งเคยเห็นเลยต้องไหว้แนะนำตัว
"รีบกินข้าวเถอะจะได้ไปทำงาน" ป้าคนที่เธอไหว้ตักข้าวมาวางไว้ให้ตรงหน้า ป้าคนนี้ก็คือแม่ของมะนาวเอง ในไร่นี้มีแม่บ้านอยู่แค่สองคนนอกนั้นเป็นคนงาน ส่วนคนงานจะอยู่บ้านพักของคนงานไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับบ้านหลังใหญ่
"ป้าทำงานที่นี่มานานหรือยังคะ"
"คุณอย่ารู้เรื่องของที่นี่มากนักเลย" ทุกคนถูกสั่งให้ปิดปากเงียบ และนายหัวก็ไม่ได้บอกว่าผู้หญิงคนนี้มีสถานะเป็นอะไร แค่บอกว่าห้ามให้เธอรู้เรื่องของที่นี่
ข้าวสวยเลยต้องทำตาม ทานจนอิ่มแล้ว เธอบอกว่าจะล้างถ้วยชามช่วย แต่ป้าไม่ให้ล้างบอกให้ไปทำงานของเธอเลย
ออกมาจากบ้านหลังนั้นก็มีคนของเขาคอยเดินตาม จนมาถึงแปลงองุ่น
วันนี้เธอไม่กล้าทำประชดเขาแล้ว เพราะถ้าทำเหมือนเมื่อวานมีหวังต้องไปแบกไม้อีกแน่เลย
เพราะแบบนี้แหละที่ภูเบศสั่งให้ย้ายเธอไปแบกไม้ ต้องให้เธอเจอดีซะบ้างจะได้ไม่ทำเป็นอวดเก่ง
ข้าวสวยตัดองุ่นทีละช่อแล้วก็วางลงกล่องเก็บผลไม้ วันนี้มีคนงานทยอยมาทำงานหลายคนแต่ละคนทำคนละแปลง ไม่มีใครพูดคุยอะไรกัน พอเธอจะหันไปถามคนที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ ลูกน้องของเขาก็เดินเข้ามาเธอเลยต้องตัดองุ่นต่อ
ก๊อกๆ
"มีอะไรของมึงอีก"
"วันนี้พยศเหมือนเมื่อวานไหมครับ" ที่วัลลภถามเพราะเห็นนายหัวเก็บกล้องส่องทางไกลตอนที่เขาเคาะประตู
"ถ้ามึงไม่รีบพูดธุระของมึงนะ มึงได้แดกลำกล้องส่องทางไกลกูแน่"
"คนของเรารายงานมาว่าตอนนี้เสี่ยภูริ.."
"ทำไม" จากทีแรกไม่สนใจพอได้ยินชื่อพ่อภูเบศเลยหันไปหา
"ตอนนี้เสี่ยกำลังจ้างนักสืบตามอยู่ครับ"
"มึงคิดว่าจะเจอไหม"
"นักสืบสมัยนี้เก่งนะครับ.. ผมว่านายหัวต้องรีบทำอะไรแล้วล่ะ ถ้าไม่งั้นก็เอาไปคืนเสี่ยเถอะครับ"
"ไม่มีทาง"
"ถ้าเสี่ยโกรธขึ้นมา"
"มึงคิดว่ากูจะกลัวหรือไง"
วัลลภเลยออกไปก่อนปล่อยให้นายหัวใช้ความคิดว่าจะเอายังไงต่อ ที่เขามีวันนี้ได้ก็เพราะอิทธิพลของพ่อนั่นแหละ
"ฉันขอน้ำหน่อยได้ไหม"
"ก็ไปตักกินกับคนงานสิ"
ข้าวสวยมองไปดูกระติกน้ำที่ใส่น้ำแข็งและแก้วน้ำที่เห็นว่าทุกคนกินร่วมกันเธอถึงกับคอแข็ง ใครจะไปกล้ากินล่ะเชื้อโรคสมัยนี้มันยิ่งแพร่กระจายง่ายๆ อยู่
"ฉันขอน้ำขวดใหม่ได้ไหม"
"ทำไม..กินกับคนงานไม่ได้?"
"ฉันไม่ชอบกินน้ำเย็น"
"เรื่องมาก" คนของเขาเลยต้องไปเอาน้ำขวดใหม่ที่ไม่เย็นมาให้
อากาศร้อนขนาดนี้ใครจะไม่อยากกินน้ำเย็นล่ะแต่ถ้าไม่พูดแบบนั้นเธอก็คงไม่ได้น้ำส่วนตัว
ยิ่งสายแดดก็ยิ่งร้อนมากขึ้นเธอที่ไม่เคยทำงานกลางแดดแบบนี้มาก่อนก็ทนไม่ไหว จนต้องนั่งลงบังเงาของแปลงองุ่น
"ไปไหนแล้ว" ภูเบศลงมาไม่เห็นว่าเธอเก็บองุ่นอยู่เลยถามลูกน้อง
"อยู่ตรงนั้นไงครับ"
"มึงทำอะไรอยู่ทำไมถึงให้อู้"
"เดี๋ยวผมจะไปจัดการให้ครับ" เห็นว่าเธอทำงานนานแล้วเลยปล่อยให้นั่งแต่ไม่คิดว่าเจ้านายจะมาตอนนี้
"ไม่ต้อง" ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าไปตรงที่เธอนั่งหลบมุมอยู่ "ลุก"
"?" หันกลับไปก็เห็นว่าเป็นเขา เธอเลยต้องค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นมา "ฉันเพิ่งจะนั่งพักเอง"
"ทำงานแค่นี้ทำจะเป็นจะตาย แล้วจะไปหากินอะไรได้"
"ฉันพอมีความรู้ไม่ต้องทำงานหนักแบบนี้ก็เลี้ยงชีวิตตัวเองได้"
"ยังปากเก่งได้อีก"
"ฉันแค่ตอบคำถามของคุณ"
"ให้เธอเก็บองุ่นแปลงนี้ให้เสร็จ แล้วก็พาไปหาฉันที่ห้องทำงาน" ภูเบศหันไปสั่งลูกน้องทีแรกว่าจะให้ไปตอนนี้แหละแต่พอได้ยินว่าเธอปากดีเลยให้ทำงานต่อให้เสร็จมันเสียเลย
จะให้ไปหาทำไมอีกเนี่ย ถึงเย็นไม่รู้จะเสร็จแปลงไหม มองงานตรงหน้าก็อดถอนหายใจไม่ได้ แต่พอมองไปดูคนงานคนอื่นที่เพิ่งลงมาเก็บไม่นานทุกคนนำหน้าเธอไปหมดแล้ว จะว่าให้ก็ไม่ได้หรอกเพราะมันไม่ใช่งานของเธอนี่
"ซี๊ดดด" เก็บไปอีกพักใหญ่ก็รู้สึกปวดมือมาก เพราะกรรไกรที่ใช้ตัดพวงองุ่นมันแข็งเธอเลยต้องใช้แรงหน่อย และพอทำแบบนี้ซ้ำๆ มันเลยทำให้เกิดอาการบวมแดง ..แต่ข้าวสวยก็ต้องกัดฟันตัดต่อไปจนเสร็จ
"ตามมาทางนี้" คนของเขาที่มีหน้าที่เฝ้าเธอเดินเข้ามาเรียก
ข้าวสวยเดินตามโดยที่ไม่ต้องบอกซ้ำเพราะเธออยากจะไปจากตรงนี้มากแล้ว..ก่อนที่จะพาเธอไปหานายหัวคนของเขาก็พาเธอแวะไปทานข้าวในครัวก่อน
ป้าแม่ของมะนาวเห็นเธอนั่งกินเอากินเอาก็รู้สึกสงสาร ตกลงเด็กคนนี้ไปทำอะไรให้นายหัวจงเกลียดจงชังได้ขนาดนี้
หลังจากกินข้าวเสร็จมะนาวก็พาเธอไปส่งนายหัวที่ห้องทำงาน
"ฉันมีอะไรจะคุยกับเธอหน่อย"
"คุยมาสิคะ" เธอไม่มีท่าทีต่อต้านเขาเหมือนแรกเริ่มแล้ว เพราะรู้ว่าถึงแม้จะต่อต้านไปก็คงสู้เขาไม่ได้
"ก่อนอื่นฉันจะถามเธอว่าอยากกลับไปหาไอ้เสี่ยแก่นั่นไหม"
"คุณจะปล่อยฉันไปเหรอ"
"ดีใจออกนอกหน้าจังเลยนะ"
"ก็คุณถาม..เอ่อ..ถ้าคุณอยากจะปล่อยฉัน ฉันก็ไม่ปฏิเสธค่ะ" ข้าวสวยพยายามเก็บอาการตื่นเต้นดีใจไว้เพราะถ้าได้ยินเขาพูดแบบนี้แสดงว่าเขาจะปล่อยเธอไปแล้ว
"ถ้าเธอไปจากที่นี่เธอจะพูดเรื่องของที่นี่ไหม"
"ไม่พูดค่ะ"
"ฉันไม่เชื่อ"
"ฉันสาบานว่าจะไม่พูดค่ะ"
"แน่ใจนะ"
"ฉันถึงกับสาบานแล้วนะคะ"
"ถ้าฉันได้ยินว่าเธอพูดเธอคงรู้นะว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
"คุณไม่ต้องขู่หรอกค่ะฉันสาบานด้วยเกียรติของฉันเองค่ะว่าจะไม่พูด" แม้แต่สาบานเธอก็กล้านาทีนี้ขอแค่ให้ออกไปจากนรกขุมนี้ได้ก็พอแล้ว
พันธะ(รัก)เมียบำเรอ บทที่ 62 ตอนจบหลายวันต่อมาข้าวสวยก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว และเธอก็ขอมาพักฟื้นที่บ้านกับพ่อ ภูเบศเลยมาอยู่ดูอาการเธอที่นี่ด้วย"แล้วทำไมคุณต้องให้ลูกน้องตามมาเยอะแยะขนาดนี้ด้วย" คนข้างบ้านก็มองกันจังคงคิดว่าสามีเธอเป็นมาเฟีย แต่ก็ไม่แตกต่างจากมาเฟียหรอก"หน้าที่ของพวกมัน จะให้พวกมันไปทำอะไรล่ะถ้าไม่ให้เฝ้าฉัน""คุณก็ใช้ชีวิตเหมือนชาวบ้านธรรมดาเขาบ้างสิคะ ไม่ต้องให้ลูกน้องตามเป็นขบวนแบบนี้" ลูกน้องตามเขาก็ไม่ต่างจากตามเธอหรอกช่วงนี้ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย"พวกมึงออกไปรออยู่นอกบ้าน""ครับ" ได้ยินนายหัวสั่ง ลูกน้อง 5-6 คนที่เฝ้าอยู่รอบๆ บ้านก็ออกไปยืนอยู่ถนนหน้าบ้าน"คุณบอกคนของคุณเข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ!""แล้วจะเอายังไงอีก""คุณทำแบบนี้ชาวบ้านเขาก็แตกตื่นกันหมดพอดี""แบบนั้นก็ไม่ได้แบบนี้ก็ไม่ได้""โอ๊ยฉันจะบ้าตายกับคุณอยู่แล้วเนี่ย""คุณหมอบอกอย่าเครียดไง""ที่ฉันเครียดก็เพราะคุณนี่แหละ""ก็ได้เดี๋ยวจะบอกพวกมันกลับไปอยู่บ้าน"เย็นวันนั้นภูริกลับมาที่บ้านก็เห็นวัลลภและคนของลูกชายอยู่บ้าน"แล้วเจ้าภูล่ะ""นายหัวอยู่บ้านภรรยาครับ""แล้วทำไมพวกมึงถึงอยู่ที่นี่""นายหัวบอก
"คนไข้ยังขยับตัวไม่ได้นะคะ" คุณหมอเห็นว่าข้าวสวยพยายามจะลุกจากเตียงเลยเข้ามาห้าม "ฉันจะไปดูสามีฉันค่ะ""ช่วงนี้คุณจะขยับตัวไม่ได้นะคะ""ทำไมคะ" เธอก็เห็นว่าร่างกายของเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก"เสี่ยงต่อการแท้งค่ะ""ลูก?" นี่เธอลืมได้ยังไง "ลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะ""เด็กยังอยู่ค่ะ แต่คุณต้องนอนอยู่นิ่งๆ ห้ามขยับตัว" แล้วคุณหมอก็แจ้งอาการเบื้องต้นจากการตรวจ เพราะเธอถูกทำร้ายร่างกาย โชคดีที่ไม่ถูกท้องถ้าไม่งั้นคงรักษาเด็กไว้ไม่ได้ตอนที่เธอรู้ว่าถูกจับตัวไป พยายามต่อสู้เลยถูกพวกมันทำร้ายร่างกาย โชคดีที่มันไม่ได้ต่อยเข้ามาที่ท้องถ้าไม่งั้นป่านนี้ลูกก็คงไม่อยู่กับเธอแล้วข้าวสวยเลยทำตามที่คุณหมอบอกนอนอยู่นิ่งๆ ไม่นานเสี่ยภูริที่ไปดูลูกชายก็กลับมาบอกอาการ ว่าตอนนี้ภูเบศฟื้นแล้วแต่ก็ยังขยับตัวมากไม่ได้ได้ยินแค่นี้เธอก็หายใจโล่งขึ้นมากเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าเขายังเป็นห่วงเธอกับลูก ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยวันต่อมา.. วันนี้คุณหมอให้ออกจากห้อง ICU เพื่อไปพักฟื้นที่ห้อง VIP ที่เตรียมไว้ แต่ภูเบศขอไปพักฟื้นห้องเดียวกับเธอ ถึงแม้ทุกคนจะบอกว่าตอนนี้เธอปลอดภัยดีแล้วแต่เขาก็ยังไม่เชื่อใจ คุณหม
"เจอไหม" จากที่เมาๆ อยู่พอกลับบ้านมาไม่เห็นเมียตอนนี้รู้สึกสร่างเมาเลย"ไม่เจอเลยครับผมกำลังให้คนเช็คกล้องวงจรปิดอยู่ครับ" พูดจบคนที่เช็คกล้องวงจรปิดก็รีบวิ่งมาหา "เป็นยังไงบ้าง""นายหญิงออกไปตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วครับ""ไปไหน""กล้องจับภาพได้แค่ตอนเดินออกไปแต่ไม่รู้ว่าไปกับใครไปที่ไหน" แล้วลูกน้องคนนั้นก็ยื่นคลิปกล้องวงจรปิดให้ดู เหมือนรถคันที่มารับเธอจะรู้มุมกล้องวงจรปิดดี..จะไม่รู้ได้ยังไงก็คนในบ้านเป็นไส้ศึกเสียเอง"ให้คนไปดูที่สถานีรถ" เขาคิดว่าเธอต้องหนีกลับแน่เลย เพราะเธอเคยหนีแบบนี้มาแล้วหลายครั้งและคนของเหมืองก็รีบไปเช็คที่สถานีรถทั้งรถไฟและรถทัวร์ ส่วนสนามบินอยู่ไกลมากคิดว่าเธอคงไม่ไปหรอก แต่เพื่อความชัวร์เขาให้อีกชุดหนึ่งไปดูที่สนามบินจนถึงตอนเช้าก็ยังไม่ได้ข่าว ไม่ใช่ไม่ได้ข่าวจากลูกน้องหรอกไม่ได้ข่าวของเธอนี่แหละ เพราะลูกน้องก็ส่งข่าวมาอยู่ว่าหาไม่เจอไม่เห็นร่องรอยของเธอเลยเรื่องมันชักจะไม่เข้าท่าแล้วเขาเลยต้องไปที่สถานีตำรวจ ให้ตำรวจช่วยอีกแรง เพราะอยากยืมมือตำรวจประสานงานไปที่สน.อื่นด้วยที่จริงถ้ายังหายไปไม่ครบ 24 ชั่วโมงตำรวจจะยังไม่รับแจ้งความ แต่นี่นายหัวภูเบศมา
ข้าวสวยและจินดาไม่ได้พูดคุยอะไรกันหรอก หลังจากเหตุการณ์นั้นข้าวสวยก็เดินกลับมา"ไปไหนมา" เขากลับมาไม่เห็นเธอกำลังจะใช้คนให้ไปตามหาอยู่พอดีเลยแต่เห็นเธอเดินกลับมาก่อน"ไปเดินเล่น" ข้าวสวยพูดแค่นี้แล้วก็เดินผ่านหน้าของเขาไป"เรื่องห่อหมกเดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ป้าซื้อจากตลาดมาให้ใหม่""ฉันไม่อยากกินแล้ว""ยังโกรธอยู่เหรอ""ทำไมฉันต้องโกรธด้วย""ก็บอกจะซื้อมาให้ใหม่ไง""ฉันอยากจะกลับแล้ว" เธอไม่อยากพูดเรื่องห่อหมกอะไรนั่นแล้ว และขณะที่เธอกำลังยืนคุยกับภูเบศอยู่ จินดาก็เดินกลับมาพอดี สายตาของข้าวสวยมองไปและเป็นจังหวะเดียวกับที่จินดามองมาทั้งสองสบตากัน จินดาเริ่มพะวงแล้วกลัวว่าข้าวสวยจะเอาเรื่องนั้นมาพูดกับนายหัว"แม่ แม่ไปไหนมาหนูนุ้ยหาแม่ไม่เจอ" หนูนุ้ยเห็นแม่มาก็รีบวิ่งเข้าไปกอด"แม่ไปเดินเล่นมา""นายผู้หญิงทานอะไรหรือยัง" เขามองตามหลังเธอที่เดินขึ้นบ้านแล้วหันไปถามจินดาว่าเธอทานข้าวหรือยัง"ทานแล้วค่ะ" จินดาไม่รู้หรอกว่าทานหรือไม่ทาน เพราะตัวเองออกไปก่อนแถมยังกลับเข้ามาทีหลังภูเบศได้ยินว่าเธอทานแล้วเขาเลยบอกให้จินดาเตรียมอาหารมาให้ ทีแรกว่าจะกลับมาทานพร้อมเธอนั่นแหละ แต่ถ้าเธอทานแล้วเขาก็
ดึกๆ คืนนั้น..เธอรู้สึกตัวตื่นเพราะมีคนนอนลงข้างๆ แต่พอนอนลงเขาก็ตะแคงหันหลังให้เขามาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ..ข้าวสวยเห็นว่าเขาไม่สนใจเธอเลยแกล้งลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ที่จริงก็ไม่ได้แกล้งหรอกปวดจริงๆ นี่แหละออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขามองมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ข้าวสวยเลยเดินไปนอนที่เดิมของเธอ"คุณยังคิดเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าคะ""คิดเหมือนเดิมหมายความว่ายังไง""คิดว่าฉันทำลูกสาวคุณหัวโนไง""เราจะไม่พูดเรื่องนั้นอีก""ฉันต้องพูดค่ะเพราะมันไม่ใช่ฝีมือของฉัน""ผมเชื่อก็ได้""เชื่อก็ได้หมายความว่ายังไง""จะมาชวนทะเลาะอะไรอีก คนเพิ่งกลับมามันเหนื่อยนะเว้ย""ไหนๆ ก็ได้ทะเลาะแล้วให้ฉันพูดตามสิ่งที่ฉันคิดเถอะ""คิดอะไรอีกล่ะ""แม่ลูกคู่นั้นไม่ธรรมดาเลยนะ คุณแน่ใจเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นถูกขืนใจจนตั้งท้อง""ข้าวสวย!!" ภูเบศตะเบ็งเสียงออกมาดังมากจนเธอสะดุ้ง ข้าวสวยที่เพิ่งขึ้นไปที่นอนต้องรีบลุกขึ้นมา ถ้าเขาต่อยเธอได้คงจะต่อยไปแล้ว"คุณคิดว่าฉันอกุศลใช่ไหมล่ะ ถ้าคุณมีตามองสักนิดคุณจะเห็นว่าฉันไม่ได้ทำเด็กคนนั้นหกล้ม""เรื่องนั้นมันจบไปแล้วจะพูดหาพระแสงทำไมอีก""เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของฉันฉันจำเป็นต้องพูด
วันต่อมาภูเบศต้องให้เธออยู่ที่บ้านกับคนรับใช้ ส่วนเขาก็ออกไปจัดการงานที่เหมือง"สวัสดีจ้ะหนูนุ้ย" ข้าวสวยลงมาก็เห็นเด็กกำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ "ทำอะไรอยู่จ๊ะ""มองไม่เห็นหรือไง""?" ทำไมเด็กถึงได้ก้าวร้าวขนาดนี้ ..ได้ยินที่เด็กตอบเมื่อสักครู่ข้าวสวยก็หันไปมองดูแม่ของเด็กที่ทำงานบ้านอยู่แถวนั้น จะว่าแม่ไม่ได้ยินก็คงไม่ใช่แต่ทำไมถึงไม่สั่งสอนลูกหน่อยว่าไม่ให้พูดกับผู้ใหญ่แบบนี้ "เมื่อกี้ฉันฟังไม่ชัดหนูพูดว่าอะไรนะ" ในเมื่อแม่ไม่สั่งสอนเดี๋ยวฉันจะสั่งสอนเอง"หูหนวกเหรอถึงไม่ได้ยินคนพูด""ฉันเป็นภรรยาของผู้ชายที่หนูเรียกว่าพ่อ ถ้างั้นหนูก็ต้องเรียกฉันว่าแม่อีกคน ไหนลองเรียกแม่ซิ""ฉันมีแม่คนเดียว อย่าคิดว่าจะเข้ามาแทนที่แม่ของฉันได้""แทนที่แม่หนูเข้าใจผิดแล้วมั้ง เพราะแม่หนูไม่ได้เป็นอะไรกับสามีฉันสักหน่อย""แม่" หนูนุ้ยหันไปมองหน้าแม่และมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้"ทำไมคุณต้องว่าให้เด็กแบบนี้ด้วยไม่นึกถึงจิตใจของเด็กบ้างหรือคะ""ฉันแค่พูดให้เด็กเข้าใจ""แกยังเด็กโตขึ้นเดี๋ยวแกก็รู้เองค่ะว่าอะไรคืออะไร""ทำไมต้องรอให้โตด้วยล่ะ เราบอกตอนนี้ให้เด็กเข้าใจก็ได้นี่""แม่คะ ผู้หญิงคนนี้จะมาแย่งพ







