Share

บทที่ 6

last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-29 12:31:35

(เจ้าชาย)

ณ เพนท์เฮาส์ชั้นบนสุด

ห้องหรูหราแต่งด้วยโทนสีทึบ ร่างสูงนอนเหยียดยาวกลางเตียงขนาดคิงไซซ์สายตาจ้องมองไปยังโคมไฟระย้าบนเพดาน เสียงเอเดนและเจเรมี่ที่นั่งคุยกันอยู่ด้านนอกห้องดังเข้ามาในห้องเป็นระยะ พวกนี้ไม่เคยจะอยู่ห้องตัวเองเลย ทั้งสองคนมักจะมาหาเขาเสมอไม่ว่าจะตอนที่เขาอยู่หรือตอนที่ไม่อยู่ก็ตาม แต่ไม่ว่าพวกนั้นจะทำอะไรเขาก็ไม่ใส่ใจ แต่ตอนนี้ก็เริ่มจะใส่ใจขึ้นมาแล้ว ก็เรื่องที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่

"เวนิสต้าเหรอ คุ้นนะ" เสียงเอเดนดังลอดเข้ามาในห้องที่ประตูถูกเปิดแง้มไว้

"อือ สุดท้ายแล้วนะที่เลือกให้มาดูแลพี่ฮาเซล"

"เวนิสต้า เวนิสต้า" เสียงพึมพำของเจเรมี่กำลังทำให้เอเดนรำคาญ

"หยุดท่องแล้วค้นหาสิว่าใครเป็นเจ้าของ" เมื่อทนความรำคาญไม่ไหว เอเดนก็สั่งให้เจเรมี่ทำให้สิ่งที่ควรจะทำดีกว่ามานั่งพึมพำจนคนข้าง ๆ รำคาญ

"เออ"

เมื่อนอนฟังอยู่นานและทนความรำคาญต่อเสียงภายนอกไม่ไหว จึงพาตัวเองออกไปนอกห้อง

พึ่บ!

เขาลุกขึ้นจากที่นอนและเดินไปทางประตู ร่างสูงที่มีเพียงชุดคลุมตัวบางเดินออกมาจากห้อง น้องชายของเขาทั้งสองคนต่างหันมองพร้อมกัน

"ได้ยินแล้วล่ะสิที่พูดเมื่อกี้" เอเดนหันมาถามเขา ในขณะที่เดินผ่านไปยังบาร์เหล้า

"เรื่อง" แกล้งทำเป็นไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่แล้วว่าพวกนั้นกำลังหมายถึงเรื่องอะไร

"แบรนด์เวนิสต้า เจ้าของแบรนด์ชื่ออาราเดีย เคลาดิโอ...พี่เคทนิ" สิ้นเสียงคำพูดของเจเรมี่ทุกคนต่างหันมาจ้องมองที่เขาอีกครั้ง

"พี่เคทงั้นเหรอ พี่เคท พี่เคท" เอเดนพูดย้ำไม่หยุด แต่เขาก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ เดินถือแก้ววิสกี้ผ่านทั้งสองคนไปนั่งยังโซฟาฝั่งตรงข้าม

"เคทแล้วทำไม" เขาถามกลับพร้อมกับยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่ม

"ที่ปฏิเสธแบรนด์ทั้งหมดก็เพราะ..." เอเดนเริ่มไล่ต้อนพี่ชายของตัวเองอีกครั้ง ความห่างเหินของพวกเขากำลังจะกลับมาใกล้ชิดกันอีกรอบแล้วสินะ

"ไม่เกี่ยว"

"แน่ใจ" เจเรมี่เองก็เริ่มไล่ต้อนเขาเช่นกัน

"อือ" ก็ไม่เกี่ยวจริง ๆ พวกนั้นทำอะไรก็ไม่ถูกใจเขา เขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธและไม่เลือก

"ถ้ารู้ว่าทำแบบนี้แล้วจะได้พี่เคทมาดูแล ทำตั้งแต่แรกแล้ว" เจเรมี่พูดอย่างตั้งใจ แต่เขาก็ยังนิ่งไม่สนใจสิ่งที่น้องตัวเองพูด

"แต่ก็มีสิทธิ์ที่พี่ฮาเซลจะไม่เลือกพี่เคทนิ" เอเดนที่รู้ว่าพี่ชายของเขาเรื่องมากแค่ไหน ที่ผ่านมาก็ไม่มีใครทำให้พอใจได้สักคน

"จริงสินะ เดี๋ยวรอให้ถึงตอนนั้นก็ได้ฉันจะเลือกพี่เคทเอง" เจเรมี่พูดอย่างมีความหวัง

ปึก!

แก้วเหล้าในมือถูกวางลงบนโต๊ะ ทำให้ทั้งคู่หันมามองที่เขาเป็นตาเดียว เมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกมอง เขาก็เงยหน้ามองไปที่น้องทั้งสองคนเช่นกัน

"ทำไม"

"ไม่พอใจเหรอ" เอเดนคือคนที่ถามตรงไปตรงมาเสมอ นิสัยเหมือนวานิสไม่มีผิด

"ไม่พอใจเรื่องอะไร"

"พี่เคท" ครั้งนี้เป็นเจเรมี่ที่เป็นฝ่ายถามบ้าง

"เปล่า" เขาก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร ถึงเธอจะเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็ก แต่โตมาก็ห่างกันไม่ได้จำเป็นจะต้องเกรงใจและเลือกเธอเพียงเพราะเธอเป็นเพื่อนนิ

"พี่จะเลือกพี่เคทไหม"

"ยังไม่รู้ ต้องดูฝีมือของเธออีกที"

"ไม่มีคำว่าเพื่อนเก่าในหัวใช่ไหมล่ะ" เอเดนหันมาถามย้ำในสิ่งที่เขาเองก็คิดอยู่

"ไม่มี" ต่างฝ่ายก็ต่างไม่ได้สนิทกันเหมือนสมัยเด็ก ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเป็นเพื่อน

"โอเค จะได้รอ" คำพูดของเจเรมี่ทำให้เราทั้งคู่หันไปมอง

"รอเรื่องอะไร" เอเดนถามด้วยความสงสัย

"ก็รอเอาพี่เคทมาเป็นผู้ดูแลไง เธอไม่ถูกใจพี่ฮาเซลหรอก" เจเรมี่พูดด้วยสีหน้ามั่นใจ

"อะไรกัน ฉันก็ตั้งใจจะขอพี่เคทมาดูแลนะ จะบอกชื่อจริงด้วย"

"เคทไม่มีทางเรียกชื่อหรอก" เขาพูดขัดน้องตัวเองและยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด

"..." ทั้งสองมองพี่ตัวเองด้วยความสงสัย เพราะกฎซ้อนกฎมีอยู่ว่า ต่อให้บอกชื่อ แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ตอบรับเรียก ก็ไม่มีทางได้ครอบครองเธอหรือเขามาเป็นคนของตน

"ออกไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน" พูดจบเขาก็ลุกเดินกลับเข้าห้องตัวเองทันที ปล่อยให้ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างงุนงง สิ่งที่เขาพูดน่ะ มันเป็นเรื่องจริง ในวัยเด็กเขามอบชื่อให้เธอไปแล้ว แต่เคทก็ไม่เคยเรียกชื่อเขาเลยสักครั้ง ไม่เคยพูดชื่อเขาแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งพวกเราต่างห่างกันออกไป จนกลายเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกัน

(เคท)

ตึก ตึก ตึก

"คุณเคทเดินวนรอบห้องจะครบร้อยรอบแล้วนะคะ" ไลลา ผู้ช่วยของฉันพูดพร้อมกับมองตามร่างบางของผู้เป็นเจ้านายเดินวนรอบห้อง

"มันมีเรื่องอะไรที่ลำบากใจขนาดนั้นเลยเหรอคะ ลูกค้าคนใหม่ทำให้คุณเคทเครียดมากเลยเหรอ" ชิเอล ผู้ช่วยอีกคนพูดด้วยความเป็นห่วง

เรื่องที่เครียดน่ะ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องดูแลราชวงศ์หรอก แต่เป็นเรื่องที่ฉันต้องเข้าไปในนั้นต่างหาก จะให้คนระดับพวกเขามาหาฉันที่นี่ก็ไม่ได้ แต่ถ้าเข้าไปแล้วเกิดมีคนพูดอะไร พวกคนของฉันก็จะรู้เรื่องที่พยายามปกปิดไว้น่ะสิ

"เครียด!!" ฉันกุมหัวตัวเองแล้วนั่งลงกับพื้น ยิ่งทำให้คนอื่น ๆ ต่างพากันสงสัย

"เรื่องอะไรคะ บอกพวกเราได้ไหม"

"ทุกคน" ฉันพูดในขณะที่ตัวเองก็ยังไม่ลุกขึ้นจากพื้น

"คะ/คะ" ทั้งคนต่างขยับเข้ามาใกล้ ตั้งใจฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะพูด

"เรามีงานใหญ่"

"งานอะไรคะ น่าตื่นเต้นจัง!" พวกเธอน่าตื่นเต้น ส่วนฉันน่ะตื่นตูมไปไกลมากแล้ว

"ดูแลเชื้อพระวงศ์"

"ฮะ!/ฮะ!" ทั้งสองคนร้องออกมาพร้อมกัน อย่างน้อยมันก็คือหน้าตาของทุกแบรนด์ที่คาดหวังโอกาสแบบนี้กันทั้งนั้น

"แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า"

"ว่า/ว่า" ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน อาการตื่นเต้นของทั้งสองยังไม่หายไป

"ฉันจะเข้าไปที่นั่นคนเดียว ส่วนทุกคนรอทำงานอยู่ที่นี่" ให้พวกเขาเข้าไปไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้และอยากได้ยินคำพูดแง่ลบที่จะตามมา

"อ่าว ทำไมล่ะคะ ไม่ต้องมีผู้ช่วยเหรอราชวงศ์มีตั้งหลายคนนะ" ไลลาพูดอย่างเสียดาย

เธอไม่ได้เป็นห่วงเรื่องงานเยอะหรอก เธออยากไปเจอพวกเชื้อพระวงศ์ ข่าวเลื่องลือความหน้าตาดีของพวกเขามันมีมานานแล้ว

"นั้นสิคะคุณเคท ทำแบบนี้พวกเราเป็นห่วงนะ" เป็นห่วง หึ! ฉันรู้จักยัยพวกนี้ดี

"เป็นห่วงหรืออยากเจอพวกเจ้าชายกันแน่ แต่เสียใจด้วยนะ เราทำงานให้กับเจ้าหญิงเพียงพระองค์เดียวย่ะ" ฉันดับฝันพวกเธอลงในพริบตา

"โห!" ทั้งสองโห่ร้องออกมาพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าฉันรู้ทัน

"ไม่ต้องโห่ เอาตามนี้เลยนะ" เอาแบบนี้ไปก่อน ฉันต้องทำทุกอย่างเองก็จริงแต่ก็น่าจะดีกว่าต้องมาตอบคำถามที่เกิดจากความอยากรู้ของพวกเธอแน่ ๆ

"ค่ะคุณเคท" ไลลาขานรับคอตกแล้วเดินกลับที่งานของตัวเอง

"ชิเอล" ฉันหันไปถามผู้ช่วยอีกคนที่ยังยืนหน้าบึ้งตึง

"ค่ะ" แล้วเธอก็เดินกลับที่งานของตัวเองอีกคน

ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานและพยายามคิดว่า ใครคือคนที่ต้องการคนดูแล เจ้าหญิงทุกคนก็ดูมีการดูแลที่ดีทั้งนั้น ส่วนพวกเจ้าชายถึงจะไม่ค่อยได้เห็นพวกเขาบ่อยแต่ก็ยังดูดีทุกครั้งที่เจอ

แม้แต่เจ้าชายฮาเซล ถึงจะแทบไม่ได้เจอกัน แต่ทุกครั้งที่เห็นต้องยอมรับว่าเขาดูดีมาก ๆ แต่คิดว่ายังไงก็เป็นเจ้าหญิง เพราะฉันถนัดสายแฟชั่นคุณผู้หญิงมากที่สุด แต่คิดอะไรตอนนี้ก็ปวดหัวเปล่า ไปตามทางของตัวเองดีกว่า

"ทุกคน ฉันกลับก่อนนะ" ฉันพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าถือของตัวเองและเดินไปทางประตู

"กลับเร็วจังคะวันนี้ ไปปาร์ตี้ที่ไหน" ชิเอลแกล้งถามอย่างรู้ทัน

"ธรรมดาของสาวโสดย่ะ คนมีสามีอย่างพวกเธอไม่เข้าใจหรอก" ฉันเองก็ไม่เข้าใจคนมีสามีอย่างพวกเธอเช่นกัน พูดละก็เจ็บที่อก

"ขอให้สนุกนะคะ" พวกเธอทั้งสองอวยพรให้ฉันเช่นเดิมทุกครั้ง

"จ้ะ ไปแล้วนะสาว ๆ"

พูดจบก็ผลักประตูห้องทำงานเดินออกไปทันที เพื่อน ๆ ก็มีแฟนและมีครอบครัวกันหมดแล้ว ฉันเองจะไปรบกวนหรือลากพวกเธอไปอย่างเมื่อก่อนก็เกรงใจ เพราะฉะนั้นวันนี้ไปหาอะไรดื่มก่อนกลับคนเดียวดีกว่า

ณ ผับหรูของอิตาลี

เสียงเพลงดังก้องไปทั่วร้าน ความมืดที่มีแค่เพียงแสงสปอตไลต์สาดส่องไม่เป็นทิศเป็นทาง เสียงพูดคุยและเสียงกรีดร้องคนรอบข้างที่แสดงถึงความสนุกสนาน ก็ไม่สามารถทำให้ร่างบางที่นั่งเกาะเคาน์เตอร์บาร์รู้สึกสนุกด้วยได้เลย

"สวัสดีครับ" เสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง ทำให้ฉันละสายตาจากแก้วเหล้าตรงหน้าหันไปมองเขา

"..." ไม่มีเสียงตอบรับกลับ ฉันปรือตามองเขาอย่างตั้งใจ แต่ก็มองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เพราะอาการเมาที่เริ่มเล่นงานเธอแล้ว

"มาคนเดียวเหรอครับ" เขาถามเธอด้วยความสุภาพอีกครั้ง

"น่ารำคาญ" เสียงเล็กพึมพำและหันกลับมาสนใจแก้วเหล้าตรงหน้าต่อ

"ใช่คุณเคทหรือเปล่าครับ" อีกครั้งที่เขาพูดไม่หยุด ความหงุดหงิดเริ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ

"..." เมื่อไหร่คนพวกนี้จะเลิกยุ่งกับฉันแล้วไปไกล ๆ สักที

"ถามอะไรก็ไม่ตอบ จะเล่นตัวทำไมทั้ง ๆ ที่คุณก็ง่าย"

"..." ฉันต้องทำยังไงกับพวกเศษขยะแบบนี้

"คนที่เดทด้วยล่าสุดมันทิ้งคุณเคทแล้วเหรอครับ ไปไวมาไวจังเลยนะ"

"..." พูดแบบคนรู้ดี แต่โง่ดักดานที่ฟังแค่ข่าวแล้วยังคิดเข้ามาจีบฉันเพียงเพราะข่าว

"ก็มีแค่ความสวยนั่นแหละ" น้ำเสียงดูถูกทำให้ฉันละสายตาจากแก้วเหล้าแล้วหันไปทางเขา

ปึก! แก้วเหล้าของฉันลอยเข้าที่หน้าของเขา

เพล้ง! แก้วที่โดนหน้าตกลงพื้นและแตกกระจาย

"โอ๊ย!" ผู้ชายที่พูดมาก ร้องเสียงดังพร้อมกับกุมหัวตัวเองที่มีของเหลวสีแดงไหลออกมา

"หุบปากไอ้ขยะ..." ฉันไม่ชอบตอนถูกวุ่นวายในจังหวะที่กำลังดื่มเพลิน ๆ เอาซะเลย
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • พันธะร้ายดีไซน์รัก    บทที่ 161

    "ไอริสชอบให้พ่ออุ้ม" ฮาเซลหันกลับมาส่งยิ้มให้และจูบลงบนหน้าผาก"ต่อให้ลูกไม่ชอบลูกก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะพ่อจะอุ้มอย่างเดียวเลย" คนติดลูกแบบเขายังจะกล้าพูดว่าลูกชอบให้อุ้ม"แล้วตื่นมาทำไม เคทเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะทำไมไม่นอน" เขาเป็นสามีที่เข้าใจถึงการเลี้ยงลูกได้อย่างดีจริง ๆ"ก็ไม่อยากนอนคนเดียวเ

  • พันธะร้ายดีไซน์รัก    บทที่ 160

    หลายเดือนต่อมาคฤหาสน์หลังใหญ่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเราทั้งคู่ เพียบพร้อมไปด้วยผู้ดูแลมากมาย แต่ต่อให้ทั้งบ้านจะหลังใหญ่โตมากแค่ไหน ฮาเซลก็ไม่เคยห่างจากฉันเลย"ไม่ทำงานได้ไหม" ฮาเซลถามคำนี้กับฉันทุกวัน เพราะฉันเอาแต่วุ่นวายกับคอลเลคชั่นสุดท้ายก่อนจะพักเพื่อเตรียมตัวคลอด"ขอแค่คอลเลคชั่นนี้เอง ฉันตั้งใจทำ

  • พันธะร้ายดีไซน์รัก    บทที่ 159

    ณ สุสานประจำเมืองดอกบลูบอนเน็ทพลิ้วไหวตามแรงลม ดอกไม้แห่งความเศร้า การบอกลา ความเสียใจปนเหงา ความหมายของมันยังลึกซึ้งมากกว่านั้น 'แม้จะเจ็บปวด แต่จะขอจดจำเอาไว้ไม่ลืมเลือน' แม้ความหมายของมันจะเศร้าโศก แต่ความงามของดอกไม้กับชโลมใจของผู้มาเยือนได้อย่างน่าตกตะลึงกระถางดอกฮิกันบานะหรือพลับพลึงสีแดง

  • พันธะร้ายดีไซน์รัก    บทที่ 158

    "ทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด" คำพูดของคิงทำให้ฉันยิ้มกว้างออกมา มือของฮาเซลเอื้อมมากุมมือฉันไว้"แน่อยู่แล้วค่ะ ฮาเซลเขาเฝ้าของเขามาตั้งแต่เด็ก" ฉันรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเมื่อได้ยินสิ่งที่ควีนพูดแต่ก่อนที่จะได้คำแซวมากกว่านี้ อาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ เมื่ออาหารถูกวางลงตรงหน้าฉันก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นเ

  • พันธะร้ายดีไซน์รัก    บทที่ 157

    "จะไปตายไหนก็ไป" พูดจบก็เดินตรงไปทางลิฟต์ทันที โดยคนโดนไล่ก็ยังไม่สำนึก เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องแค่นี้ไม่สามารถทำให้มาร์ชินโกรธได้ก็แค่โดนด่าปกติแบบทุก ๆ วัน"ขอบคุณครับบอส" (เคท)"ฮัลโหล ๆ หมุนหน่อย~" เฮเลนพูดใส่โทรศัพท์เมื่อได้ยินคำสั่งของผู้เป็นนาย ชิงช้าขนาดใหญ่กลางสวนสนุกก็เริ่มทำงาน ร่างของหญิ

  • พันธะร้ายดีไซน์รัก    บทที่ 156

    (มาร์ชิน)(หลังจากที่โทมัสให้ของขวัญกับเคท)คอนโดใจกลางเมืองติ้ง!ตึก ตึก ตึก !เสียงฝีเท้าดังไปตามทางเดินตรงยังห้องพักของตัวเอง ร่างสูงกำกุญแจรถในมือแน่น ตอนนี้เขาคิดอยู่อย่างเดียวคือต้องออกไปเมืองนี้ให้เร็วที่สุดแม้ในใจจะอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาด แต่เงินจำนวนมหาศาลที่ไม่ว่ายั

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status