(เจ้าชาย)
ณ เพนท์เฮาส์ชั้นบนสุด
ห้องหรูหราแต่งด้วยโทนสีทึบ ร่างสูงนอนเหยียดยาวกลางเตียงขนาดคิงไซซ์สายตาจ้องมองไปยังโคมไฟระย้าบนเพดาน เสียงเอเดนและเจเรมี่ที่นั่งคุยกันอยู่ด้านนอกห้องดังเข้ามาในห้องเป็นระยะ พวกนี้ไม่เคยจะอยู่ห้องตัวเองเลย ทั้งสองคนมักจะมาหาเขาเสมอไม่ว่าจะตอนที่เขาอยู่หรือตอนที่ไม่อยู่ก็ตาม แต่ไม่ว่าพวกนั้นจะทำอะไรเขาก็ไม่ใส่ใจ แต่ตอนนี้ก็เริ่มจะใส่ใจขึ้นมาแล้ว ก็เรื่องที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่
"เวนิสต้าเหรอ คุ้นนะ" เสียงเอเดนดังลอดเข้ามาในห้องที่ประตูถูกเปิดแง้มไว้
"อือ สุดท้ายแล้วนะที่เลือกให้มาดูแลพี่ฮาเซล"
"เวนิสต้า เวนิสต้า" เสียงพึมพำของเจเรมี่กำลังทำให้เอเดนรำคาญ
"หยุดท่องแล้วค้นหาสิว่าใครเป็นเจ้าของ" เมื่อทนความรำคาญไม่ไหว เอเดนก็สั่งให้เจเรมี่ทำให้สิ่งที่ควรจะทำดีกว่ามานั่งพึมพำจนคนข้าง ๆ รำคาญ
"เออ"
เมื่อนอนฟังอยู่นานและทนความรำคาญต่อเสียงภายนอกไม่ไหว จึงพาตัวเองออกไปนอกห้อง
พึ่บ!
เขาลุกขึ้นจากที่นอนและเดินไปทางประตู ร่างสูงที่มีเพียงชุดคลุมตัวบางเดินออกมาจากห้อง น้องชายของเขาทั้งสองคนต่างหันมองพร้อมกัน
"ได้ยินแล้วล่ะสิที่พูดเมื่อกี้" เอเดนหันมาถามเขา ในขณะที่เดินผ่านไปยังบาร์เหล้า
"เรื่อง" แกล้งทำเป็นไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่แล้วว่าพวกนั้นกำลังหมายถึงเรื่องอะไร
"แบรนด์เวนิสต้า เจ้าของแบรนด์ชื่ออาราเดีย เคลาดิโอ...พี่เคทนิ" สิ้นเสียงคำพูดของเจเรมี่ทุกคนต่างหันมาจ้องมองที่เขาอีกครั้ง
"พี่เคทงั้นเหรอ พี่เคท พี่เคท" เอเดนพูดย้ำไม่หยุด แต่เขาก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ เดินถือแก้ววิสกี้ผ่านทั้งสองคนไปนั่งยังโซฟาฝั่งตรงข้าม
"เคทแล้วทำไม" เขาถามกลับพร้อมกับยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่ม
"ที่ปฏิเสธแบรนด์ทั้งหมดก็เพราะ..." เอเดนเริ่มไล่ต้อนพี่ชายของตัวเองอีกครั้ง ความห่างเหินของพวกเขากำลังจะกลับมาใกล้ชิดกันอีกรอบแล้วสินะ
"ไม่เกี่ยว"
"แน่ใจ" เจเรมี่เองก็เริ่มไล่ต้อนเขาเช่นกัน
"อือ" ก็ไม่เกี่ยวจริง ๆ พวกนั้นทำอะไรก็ไม่ถูกใจเขา เขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธและไม่เลือก
"ถ้ารู้ว่าทำแบบนี้แล้วจะได้พี่เคทมาดูแล ทำตั้งแต่แรกแล้ว" เจเรมี่พูดอย่างตั้งใจ แต่เขาก็ยังนิ่งไม่สนใจสิ่งที่น้องตัวเองพูด
"แต่ก็มีสิทธิ์ที่พี่ฮาเซลจะไม่เลือกพี่เคทนิ" เอเดนที่รู้ว่าพี่ชายของเขาเรื่องมากแค่ไหน ที่ผ่านมาก็ไม่มีใครทำให้พอใจได้สักคน
"จริงสินะ เดี๋ยวรอให้ถึงตอนนั้นก็ได้ฉันจะเลือกพี่เคทเอง" เจเรมี่พูดอย่างมีความหวัง
ปึก!
แก้วเหล้าในมือถูกวางลงบนโต๊ะ ทำให้ทั้งคู่หันมามองที่เขาเป็นตาเดียว เมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกมอง เขาก็เงยหน้ามองไปที่น้องทั้งสองคนเช่นกัน
"ทำไม"
"ไม่พอใจเหรอ" เอเดนคือคนที่ถามตรงไปตรงมาเสมอ นิสัยเหมือนวานิสไม่มีผิด
"ไม่พอใจเรื่องอะไร"
"พี่เคท" ครั้งนี้เป็นเจเรมี่ที่เป็นฝ่ายถามบ้าง
"เปล่า" เขาก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร ถึงเธอจะเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็ก แต่โตมาก็ห่างกันไม่ได้จำเป็นจะต้องเกรงใจและเลือกเธอเพียงเพราะเธอเป็นเพื่อนนิ
"พี่จะเลือกพี่เคทไหม"
"ยังไม่รู้ ต้องดูฝีมือของเธออีกที"
"ไม่มีคำว่าเพื่อนเก่าในหัวใช่ไหมล่ะ" เอเดนหันมาถามย้ำในสิ่งที่เขาเองก็คิดอยู่
"ไม่มี" ต่างฝ่ายก็ต่างไม่ได้สนิทกันเหมือนสมัยเด็ก ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเป็นเพื่อน
"โอเค จะได้รอ" คำพูดของเจเรมี่ทำให้เราทั้งคู่หันไปมอง
"รอเรื่องอะไร" เอเดนถามด้วยความสงสัย
"ก็รอเอาพี่เคทมาเป็นผู้ดูแลไง เธอไม่ถูกใจพี่ฮาเซลหรอก" เจเรมี่พูดด้วยสีหน้ามั่นใจ
"อะไรกัน ฉันก็ตั้งใจจะขอพี่เคทมาดูแลนะ จะบอกชื่อจริงด้วย"
"เคทไม่มีทางเรียกชื่อหรอก" เขาพูดขัดน้องตัวเองและยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
"..." ทั้งสองมองพี่ตัวเองด้วยความสงสัย เพราะกฎซ้อนกฎมีอยู่ว่า ต่อให้บอกชื่อ แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ตอบรับเรียก ก็ไม่มีทางได้ครอบครองเธอหรือเขามาเป็นคนของตน
"ออกไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน" พูดจบเขาก็ลุกเดินกลับเข้าห้องตัวเองทันที ปล่อยให้ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างงุนงง สิ่งที่เขาพูดน่ะ มันเป็นเรื่องจริง ในวัยเด็กเขามอบชื่อให้เธอไปแล้ว แต่เคทก็ไม่เคยเรียกชื่อเขาเลยสักครั้ง ไม่เคยพูดชื่อเขาแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งพวกเราต่างห่างกันออกไป จนกลายเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกัน
(เคท)
ตึก ตึก ตึก
"คุณเคทเดินวนรอบห้องจะครบร้อยรอบแล้วนะคะ" ไลลา ผู้ช่วยของฉันพูดพร้อมกับมองตามร่างบางของผู้เป็นเจ้านายเดินวนรอบห้อง
"มันมีเรื่องอะไรที่ลำบากใจขนาดนั้นเลยเหรอคะ ลูกค้าคนใหม่ทำให้คุณเคทเครียดมากเลยเหรอ" ชิเอล ผู้ช่วยอีกคนพูดด้วยความเป็นห่วง
เรื่องที่เครียดน่ะ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องดูแลราชวงศ์หรอก แต่เป็นเรื่องที่ฉันต้องเข้าไปในนั้นต่างหาก จะให้คนระดับพวกเขามาหาฉันที่นี่ก็ไม่ได้ แต่ถ้าเข้าไปแล้วเกิดมีคนพูดอะไร พวกคนของฉันก็จะรู้เรื่องที่พยายามปกปิดไว้น่ะสิ
"เครียด!!" ฉันกุมหัวตัวเองแล้วนั่งลงกับพื้น ยิ่งทำให้คนอื่น ๆ ต่างพากันสงสัย
"เรื่องอะไรคะ บอกพวกเราได้ไหม"
"ทุกคน" ฉันพูดในขณะที่ตัวเองก็ยังไม่ลุกขึ้นจากพื้น
"คะ/คะ" ทั้งคนต่างขยับเข้ามาใกล้ ตั้งใจฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะพูด
"เรามีงานใหญ่"
"งานอะไรคะ น่าตื่นเต้นจัง!" พวกเธอน่าตื่นเต้น ส่วนฉันน่ะตื่นตูมไปไกลมากแล้ว
"ดูแลเชื้อพระวงศ์"
"ฮะ!/ฮะ!" ทั้งสองคนร้องออกมาพร้อมกัน อย่างน้อยมันก็คือหน้าตาของทุกแบรนด์ที่คาดหวังโอกาสแบบนี้กันทั้งนั้น
"แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า"
"ว่า/ว่า" ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน อาการตื่นเต้นของทั้งสองยังไม่หายไป
"ฉันจะเข้าไปที่นั่นคนเดียว ส่วนทุกคนรอทำงานอยู่ที่นี่" ให้พวกเขาเข้าไปไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้และอยากได้ยินคำพูดแง่ลบที่จะตามมา
"อ่าว ทำไมล่ะคะ ไม่ต้องมีผู้ช่วยเหรอราชวงศ์มีตั้งหลายคนนะ" ไลลาพูดอย่างเสียดาย
เธอไม่ได้เป็นห่วงเรื่องงานเยอะหรอก เธออยากไปเจอพวกเชื้อพระวงศ์ ข่าวเลื่องลือความหน้าตาดีของพวกเขามันมีมานานแล้ว
"นั้นสิคะคุณเคท ทำแบบนี้พวกเราเป็นห่วงนะ" เป็นห่วง หึ! ฉันรู้จักยัยพวกนี้ดี
"เป็นห่วงหรืออยากเจอพวกเจ้าชายกันแน่ แต่เสียใจด้วยนะ เราทำงานให้กับเจ้าหญิงเพียงพระองค์เดียวย่ะ" ฉันดับฝันพวกเธอลงในพริบตา
"โห!" ทั้งสองโห่ร้องออกมาพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าฉันรู้ทัน
"ไม่ต้องโห่ เอาตามนี้เลยนะ" เอาแบบนี้ไปก่อน ฉันต้องทำทุกอย่างเองก็จริงแต่ก็น่าจะดีกว่าต้องมาตอบคำถามที่เกิดจากความอยากรู้ของพวกเธอแน่ ๆ
"ค่ะคุณเคท" ไลลาขานรับคอตกแล้วเดินกลับที่งานของตัวเอง
"ชิเอล" ฉันหันไปถามผู้ช่วยอีกคนที่ยังยืนหน้าบึ้งตึง
"ค่ะ" แล้วเธอก็เดินกลับที่งานของตัวเองอีกคน
ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานและพยายามคิดว่า ใครคือคนที่ต้องการคนดูแล เจ้าหญิงทุกคนก็ดูมีการดูแลที่ดีทั้งนั้น ส่วนพวกเจ้าชายถึงจะไม่ค่อยได้เห็นพวกเขาบ่อยแต่ก็ยังดูดีทุกครั้งที่เจอ
แม้แต่เจ้าชายฮาเซล ถึงจะแทบไม่ได้เจอกัน แต่ทุกครั้งที่เห็นต้องยอมรับว่าเขาดูดีมาก ๆ แต่คิดว่ายังไงก็เป็นเจ้าหญิง เพราะฉันถนัดสายแฟชั่นคุณผู้หญิงมากที่สุด แต่คิดอะไรตอนนี้ก็ปวดหัวเปล่า ไปตามทางของตัวเองดีกว่า
"ทุกคน ฉันกลับก่อนนะ" ฉันพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าถือของตัวเองและเดินไปทางประตู
"กลับเร็วจังคะวันนี้ ไปปาร์ตี้ที่ไหน" ชิเอลแกล้งถามอย่างรู้ทัน
"ธรรมดาของสาวโสดย่ะ คนมีสามีอย่างพวกเธอไม่เข้าใจหรอก" ฉันเองก็ไม่เข้าใจคนมีสามีอย่างพวกเธอเช่นกัน พูดละก็เจ็บที่อก
"ขอให้สนุกนะคะ" พวกเธอทั้งสองอวยพรให้ฉันเช่นเดิมทุกครั้ง
"จ้ะ ไปแล้วนะสาว ๆ"
พูดจบก็ผลักประตูห้องทำงานเดินออกไปทันที เพื่อน ๆ ก็มีแฟนและมีครอบครัวกันหมดแล้ว ฉันเองจะไปรบกวนหรือลากพวกเธอไปอย่างเมื่อก่อนก็เกรงใจ เพราะฉะนั้นวันนี้ไปหาอะไรดื่มก่อนกลับคนเดียวดีกว่า
ณ ผับหรูของอิตาลี
เสียงเพลงดังก้องไปทั่วร้าน ความมืดที่มีแค่เพียงแสงสปอตไลต์สาดส่องไม่เป็นทิศเป็นทาง เสียงพูดคุยและเสียงกรีดร้องคนรอบข้างที่แสดงถึงความสนุกสนาน ก็ไม่สามารถทำให้ร่างบางที่นั่งเกาะเคาน์เตอร์บาร์รู้สึกสนุกด้วยได้เลย
"สวัสดีครับ" เสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง ทำให้ฉันละสายตาจากแก้วเหล้าตรงหน้าหันไปมองเขา
"..." ไม่มีเสียงตอบรับกลับ ฉันปรือตามองเขาอย่างตั้งใจ แต่ก็มองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เพราะอาการเมาที่เริ่มเล่นงานเธอแล้ว
"มาคนเดียวเหรอครับ" เขาถามเธอด้วยความสุภาพอีกครั้ง
"น่ารำคาญ" เสียงเล็กพึมพำและหันกลับมาสนใจแก้วเหล้าตรงหน้าต่อ
"ใช่คุณเคทหรือเปล่าครับ" อีกครั้งที่เขาพูดไม่หยุด ความหงุดหงิดเริ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
"..." เมื่อไหร่คนพวกนี้จะเลิกยุ่งกับฉันแล้วไปไกล ๆ สักที
"ถามอะไรก็ไม่ตอบ จะเล่นตัวทำไมทั้ง ๆ ที่คุณก็ง่าย"
"..." ฉันต้องทำยังไงกับพวกเศษขยะแบบนี้
"คนที่เดทด้วยล่าสุดมันทิ้งคุณเคทแล้วเหรอครับ ไปไวมาไวจังเลยนะ"
"..." พูดแบบคนรู้ดี แต่โง่ดักดานที่ฟังแค่ข่าวแล้วยังคิดเข้ามาจีบฉันเพียงเพราะข่าว
"ก็มีแค่ความสวยนั่นแหละ" น้ำเสียงดูถูกทำให้ฉันละสายตาจากแก้วเหล้าแล้วหันไปทางเขา
ปึก! แก้วเหล้าของฉันลอยเข้าที่หน้าของเขา
เพล้ง! แก้วที่โดนหน้าตกลงพื้นและแตกกระจาย
"โอ๊ย!" ผู้ชายที่พูดมาก ร้องเสียงดังพร้อมกับกุมหัวตัวเองที่มีของเหลวสีแดงไหลออกมา
"หุบปากไอ้ขยะ..." ฉันไม่ชอบตอนถูกวุ่นวายในจังหวะที่กำลังดื่มเพลิน ๆ เอาซะเลย