“เป็นไงบ้างสอง”ก้าวเข้ามาข้างในก็เห็นกัญญานันลุกขึ้นจากโซฟาหันมามองด้วยสีหน้าเป็นห่วง มาธาวีกะพริบตาปริบไล่น้ำที่เอ่อคลอขึ้นมาพร้อมตรงเข้าไปกอดเพื่อนสนิทก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่คิดจะกลั้นไว้อีกแล้ว“ฮือๆๆ ก้อย สองจะทำยังไงดี”เธอร้องออกมาด้วยความกดดัน หวาดกลัว ที่สำคัญอาการร้อนวูบวาบที่วิ่งวนอยู่กลางอกแล้วกระจายไปทั่วร่างในตอนที่ถูกปัฐวิกรจูบสร้างความหวั่นไหวให้กับเธอจนน่าตกใจ มาธาวีสับสนในความรู้สึกและความคิดของตัวเองที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ใจหวิวหวั่นทว่าสมองเกรงกลัวอีกฝ่ายเธอเคยถูกทำร้ายจากคุณากรมาแล้วครั้งหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นทำให้เธอหวาดผวา แต่ปัฐวิกรทำให้เธอเกร็ง หวาดหวั่น หากกลับใจสั่นอย่างไรชอบกล และเธอก็ไม่ได้ขนลุกจนอยากผลักชายหนุ่มออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เหมือนคุณากร“ทำไม มีอะไรเหรอ ทะเลาะอะไรกับพี่ปัฐ”กัญญานันถามเพื่อนพร้อมกับลูบหลังอีกฝ่ายเธอเป็นห่วงมาธาวีตั้งแต่ได้ยินอีกฝ่ายทะเลาะกับพี่สาว ที่สำคัญเป็นเพราะพี่ชายของเธอ หญิงสาวถามไถ่เพื่อน ทว่ามาธาวีบอกว่ารอมาคุยกันที่โรงเรียน ยิ่งมาถึงพี่ชายก็ดึงเพื่อนเอาไว้คุยกันเนิ่นนาน ออกมาแล้วอีกฝ่ายยังเป็นแบบนี้อีกนั่นทำ
ปัฐวิกรไม่ได้เพียงแนบปากกับปากหญิงสาวเพียงเท่านั้น ชายหนุ่มบดเบียดเม้มกลีบปากอิ่มขยับไล้ด้วยปลายลิ้นตนเองทำเอาคนที่ไม่เคยจูบถึงกับสะดุ้งพยายามเอนหน้าหนีให้มากที่สุด ทว่ากลายเป็นยิ่งเธอปฎิเสธเขาก็ยิ่งอยากเอาชนะ แขนที่โอบร่างเล็กรั้งอีกฝ่ายเข้าแนบชิดอกกว้างมากกว่าเดิมมาธาวีประท้วงอึกอักหากก็ไม่อาจฝืนชายหนุ่มได้ นอกจากปากกระด้างกว่าปากตนเองที่เบียดเน้นแผ่วเบาแล้ว ความลื่นเย็นชื้นที่กวาดไล้อยู่เหนือกลีบปากสลับกัน ทำเอาใจสาวเต้นกระหน่ำรุนแรงจนร้อนรุ่มไปทั้งใบหน้าและเนื้อตัว รู้สึกกลัวหากก็เหมือนถูกดึงดูดด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ยากจะบอกได้ว่าคืออะไรร่างอรชรอ่อนยวบลงเข้าไปในอกหนาพร้อมกับที่จิตใจและร่างกายไร้กำลังต้านทานชายหนุ่มได้แล้วในตอนนี้ ปากอิ่มเล็กเผยอขึ้นเพราะหายใจไม่สะดวก แต่กลับถูกล่วงล้ำด้วยลิ้นอุ่นร้อนร้าย“อือ”หญิงสาวทำได้เพียงส่งเสียงขัดขืน เพราะเนื้อตัวเธอไม่เหลือเรี่ยวแรงใดแม้แต่จะขยับตัวคนจูบรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะยอมจำนนต่อเขาเพราะเธอระทวยจนเนื้อตัวอ่อนในอกของตน ทว่าเขาต้องการทำให้อีกฝ่ายหลาบจำและทำโทษในคราวเดียวกัน เพราะเขาไม่ชอบให้ใครทำอะไรลับหลังเขา โดยเฉพาะมาธาวี เธอควรจะ
แม้จะมีเรื่องไม่สบายใจหากแม่เลี้ยงก็เก็บความรู้สึกนึกคิดเอาไว้เพียงในใจและแสดงออกอย่างปกติ พูดคุยกับทั้งปัฐวิกรและอธิป ถามไถ่เรื่องความถูกปากของอาหารอย่างใส่ใจ พร้อมทั้งพยายามสังเกตท่าทีของลูกสาวสองคน ซึ่งทั้งคู่ก็ดูไม่มีปัญหาอะไร และเมื่อสังเกตปัฐวิกรกับมาธาวีก็ไม่เห็นถึงความพิเศษใดๆ ท่านจึงอดแปลกใจไม่ได้“คุณปัฐกับคุณอธิปมาทานข้าวที่บ้านได้บ่อยๆ นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ นานๆ บ้านนี้จะครึกครื้นคนเยอะสักที มีโอกาสแบบนี้บ่อยๆ คนแก่สองคนจะได้สดชื่นขึ้น”แม่เลี้ยงเอ่ยขึ้นหลังจากย้ายมาทานขนมหวานเล็กๆ น้อยๆ กันที่ห้องรับแขก“คุณแม่...หนึ่งก็อยู่บ้านนี้นะคะ มีหนึ่งอยู่ด้วยก็เหงาเหรอคะ”มาลินีพูดเสียงเรียบทว่าใบหน้างอนิดๆมารดารู้สึกตัวว่าพลาดทำให้ลูกสาวคนโตที่ท่านเพิ่งรับรู้ว่ามีปมในใจน้อยใจ ท่านจึงรีบแก้ตัว“แม่หมายถึง คุณพ่อจะได้มีเพื่อนคุยถูกคอแบบวันนี้ไงจ๊ะ”พูดแล้วก็หันไปวางมือลงบนหลังมือสามี“ใช่ไหมคะคุณ”มือที่วางกระชับเล็กน้อย พร้อมสายตาของภรรยาที่มองมาดูมีบางอย่างน่าสงสัย แต่พ่อเลี้ยงก็ตอบกลับอย่างเห็นด้วย“นั่นสิ คุณปัฐมาเชียงใหม่อีกเมื่อไรก็อย่าลืมแวะมาหาคนแก่นะครับ อธิปด้วย ทำงานกับลู
ก่อนมื้ออาหารเย็น ปัฐวิกรกับอธิปเข้าไปคุยกับพ่อเลี้ยงในห้องสมุดของบ้าน ขณะที่แม่เลี้ยงยังควบคุมดูแลอาหารมื้อใหญ่ที่เรือนครัวจนเรียบร้อยแล้วจึงขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อขจัดกลิ่นและคราบเหงื่อไคลเพราะต้องต้อนรับแขกอย่างเหมาะสมมาธาวีพากัญญานันเดินดูรอบบ้านกับเรือนกล้วยไม้จนมืดจึงกลับเข้ามา เมื่อเพื่อนอยากเข้าห้องน้ำและต้องคุยโทรศัพท์กับสามีเธอจึงพาขึ้นไปบนห้อง เพราะอย่างน้อยจะได้คุยอย่างเป็นส่วนตัว จากนั้นตนเองก็เลี่ยงออกมาแล้วก็เจอกับมาลินีที่อยู่ในชุดอยู่บ้าน หากก็เป็นเสื้อเชิ้ตกางเกงพอดีตัวอย่างดูดีเป๊ะตามสไตล์สาวมั่น“ทำไมต้องเป็นฉันที่มาคอยตามแก้ปัญหาให้เธอ”พออยู่กันสองคนมาลินีก็ใส่คนเป็นน้องทันที เพราะต่อหน้าปัฐวิกรไม่อาจบ่นอีกฝ่ายได้“สองก็ไม่ได้อยากให้พี่หนึ่งมารับผิดชอบหรอก”มาธาวีเสียงอ่อย เธอก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ต้องให้มาลินีมาโกหกพ่อกับแม่ช่วยตัวเองแบบนี้ ความจริงเธอตั้งใจนัดแนะกับอธิปก่อนตอนขึ้นรถมาด้วยกัน ว่าเธอเชิญเขามาเพราะอยากขอบคุณที่อีกฝ่ายช่วยเรื่องงานของโรงเรียนเอาไว้หลายครั้ง ด้วยความที่ไม่ต้องการให้พวกท่านรู้ว่าในคืนนั้นเกิดปัญหาขึ้น“แล้วทำไมเรื่องมันถึงมาต
มาธาวีให้อธิปมารับตนเองเพราะเขายังไม่เคยไปบ้านของเธอ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อยืนส่งนักเรียนกลับบ้านอยู่หน้าโรงเรียนแล้วเห็นรถของกิตติกรมาจอด ซึ่งปัฐวิกรใช้รถของน้องชายเขา หญิงสาวหน้าซีดทันที ขณะที่กัญญานันทักพี่ชายเสียงใส“พี่ปัฐ”ร่างสูงใหญ่ของปัฐวิกรเข้ามากอดน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน ส่วนมาธาวีก็จำต้องยกมือไหว้อีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะกระซิบบอกว่าไปรอข้างในเพราะน้องสาวกับเพื่อนยังส่งนักเรียนอยู่กับพนักงานต้อนรับรอไม่นานสองสาวก็กลับเข้ามาด้านในเพราะเหลือนักเรียนคนเดียวพนักงานสามารถดูแลได้ ส่งนักเรียนเรียบร้อยอีกฝ่ายก็กลับบ้านได้เลย“มารับสองไปบ้านเหรอคะ”กัญญานันเอ่ยถามพี่ชายทันที เธอรู้ว่าวันนี้พี่ชายจะไปบ้านเพื่อนตามคำชวนของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเพราะเขาเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ชายหนุ่มมาก็ทำงานที่คั่งค้างของกิตติกรเพิ่งจะมาหาเธอก็วันนี้“ครับ”มาธาวีกัดริมฝีปากล่างด้วยความลำบากใจ เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังก็เห็นว่าเวลานี้อธิปเองก็คงเลิกงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มออกมาหรือยัง“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำให้นะคะ”เธอพูดขึ้นพยายามจะเลี่ยงออกไปเพื่อโทรหาอธิป“ไม่เป็นไร ผมเอามาแล้วนี่ไง”ตาคู่กลมโตเหล
เป็นเช้าที่มาธาวีตื่นขึ้นมาอย่างไม่สดชื่นเอาเสียเลย ทั้งที่บ้านเธออยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศสดชื่นเย็นสบาย ปกติมานอนที่บ้านเมื่อไรหญิงสาวจะลุกขึ้นไปยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นหน้าระเบียงห้องนอนตอนเช้า ทว่าวันนี้แม้แสงแดดส่องผ่านกระจกที่ผ้าม่านเปิดแง้มเอาไว้เจ้าของร่างอรชรก็ไม่มีอารมณ์จะลุกขึ้นแต่อย่างใด ได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้น กระทั่งได้ยินเสียงข้อความเข้ามาในมือถือจึงหยิบขึ้นมาดู‘พี่ปัฐบอกให้ส่งเบอร์เขาให้สองน่ะ แล้วเขาก็ขอเบอร์สองไปด้วย เห็นว่ารับปากพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงเอาไว้ตอนท่านชวนไปทานข้าวที่บ้าน เลยขอเบอร์สอง’เห็นข้อความของกัญญานันแล้วก็ได้แต่ทิ้งมือถือลงอย่างอ่อนแรง ไม่นึกอยากให้ปัฐวิกรมาที่บ้านของเธอเลยสักนิด สังหรณ์ในใจบอกเธอว่าเรื่องราวคู่หมั้นจอมปลอมจะไม่จบลงแค่ที่พี่สาวของเธอแม้แทบไม่อยากลุกจากเตียงนอนไปเผชิญหน้ากับมาลินีในเวลาอาหารเช้า แต่มาธาวีก็ต้องขยับตัวเพราะไม่อยากทำตัวให้ผิดปกติจนอีกฝ่ายหาเรื่องค่อนขอดได้อีก จึงลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายใจร่างโปร่งระหงในชุดข้าราชการเรียบร้อยเดินลงจากบันไดไปก่อน มาธาวีที่ก้าวออกมาเห็นอีกฝ่ายหยุดกึกรอให้